The Levinski Garden Library :
Cataloging Emotional History

สำหรับห้องสมุดนี้ถูกสร้างมาเพื่อ มอบความรู้ให้กับผู้ลี้ภัยและแรงงานต่างชาติในอิสราเอล นี่เป็นห้องสมุดแบบเอาท์ดอร์ที่เต็มไปด้วยหนังสือกว่า 15 ภาษา ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ Tel Aviv ไม่มีทั้งประตู กำแพง หรือแม้กระทั่งยาม มีเพียงตู้วางหนังสือ 2 ตู้ที่บรรจุหนังสือกว่า 3,500 เล่มเท่านั้น โดยตู้หนึ่งเป็นหนังสือสำหรับผู้ใหญ่และอีกตู้สำหรับเด็ก ตู้หนังสือมีหลังคาขนาดใหญ่และจะติดไฟสว่างไว้ในยามค่ำคืนเพื่อให้นักอ่านสามารถอ่านได้ตลอดเวลา

ส่วนหนังสือก็จะมีตั้งแต่พวกเบสท์เซลเลอร์ไปจนถึงวรรณกรรมคลาสสิก โดยไม่ได้จัดเรียงแบบระบบดิวอี้ ตามตัวอักษร หรือแบ่งประเภท แต่ว่า เรียงตามอารมณ์ของนักอ่าน โดยนักอ่านจะวิเคราะห์ว่าหนังสือแต่ละเล่มนั้นให้ความรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นตลก ประหลาด น่าเบื่อ น่าตื่นเต้น สร้างแรงบันดาลใจ หรือซาบซึ้ง โดยแต่ละอารมณ์ก็จะมีรหัสสีแบ่งไว้และนักอ่านก็จะบันทึกความรู้สึกนั้นด้วยเทปสีที่แปะไว้ในหนังสือ

เว็บไซต์ห้องสมุดได้กล่าวไว้ว่า “การเดินทางของหนังสือแต่ละเล่มสู่ตู้หนังสือแต่ละตู้นั้น มีเหตุผลดีๆ ไม่ต่างจากการที่นักเดินทาง เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก ทุกสิ่งทุกอย่างมีความหมายและมีเหตุผลในตัวของมันเอง" 
 

(เครดิตภาพ : http://imagenes.viajeros.com/)
หน้าตาห้องสมุดค่ะ

 

(เครดิตภาพ : http://cdnb.20m.es/)
Raul Lemesoff กับรถถังหนังสือ ว่าแต่เจ้าเหมียวไปทำอะไรตรงนั้นคะเนี่ย เอ็นดูเชียว

 

(เครดิตภาพ : http://imagenes.viajeros.com/)
รถกำลังวิ่งเลยค่ะ เก๋มั่กมาก

Arma de Instruccion Masiva
(Weapon of Mass Instruction)
Attacking with Knowledge

ถ้าพูดถึงรถฟอร์ด ฟอลคอน ในอาร์เจนตินาแล้วก็คงจะต้องนึกถึงยุคมืดของประเทศนี้ รถคันนี้เป็นรถของกองทัพที่คร่าชีวิตตำรวจและพวกต่อต้านคอมมิวนิสต์ไปมากมายระหว่างที่มีการปกครองแบบเผด็จการทหาร

ต่อมาในปี ค.ศ. 1979 ราอูล แลมซอฟท์ ศิลปินท่านหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงฟอลคอนจากสัญลักษณ์ของความหวาดกลัวสู่ห้องสมุดเคลื่อนที่ในรูปแบบของรถถัง ราอูลได้นำห้องสมุดที่บรรจุหนังสือกว่า 900 เล่มนี้แล่นไปตามท้องถนนทั้งในบัวโนสไอเรสและเมืองเล็กๆ เพื่อมอบความสุขจากการอ่านให้กับเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสหรือแม้กระทั่งคนเดินถนนทั่วไป และเขาก็ยังหวังว่าจะนำฟอลคอนคันนี้ไปส่งมอบความรู้ในประเทศอื่นๆ อีกด้วย แว่วมาว่าตอนนี้ไปจนถึงกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีแล้วค่ะ ^___^ 


 

(เครดิตภาพ : http://news.bbc.co.uk/)

คาราวานอูฐกำลังเดินทางเพื่อส่งต่อความรู้ให้ประชาชน

 

(เครดิตภาพ : http://www.grandstuff.info/ )

โปสเตอร์ของทางหอสมุดแห่งชาติ

 

The Kenya Camel Library :
 Serving Nomadic Populations

ถ้าน้องๆ คิดว่าม้าหรือลาเท่านั้นที่สามารถแปลงร่างเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ได้ ขอบอกเลยค่ะว่าคิดผิด เพราะในเคนย่านั้นมีคาราวานอูฐที่แบกหนังสือและอุปกรณ์ตั้งแคมป์เดินทางข้ามทะเลทรายเพื่อมาเพิ่มอัตราการอ่านหนังสือในชุมชนเร่ร่อนหลายแห่งด้วยล่ะค่ะ

ห้องสมุดเคลื่อนที่นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากหอสมุดแห่งชาติเคนยาต้องการที่จะกระจายความรู้ทางการอ่านให้ทั่วถึงในพื้นที่ยากไร้ จึงส่งอูฐทั้ง 9 ตัวและเหล่าบรรณารักษ์ไปตามที่ต่างๆ ตั้งแต่ปี 1985 แต่ในปัจจุบัน หนังสือมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่อูฐกลับมีจำนวนจำกัด ทางหอสมุดแห่งชาติก็เลยเร่งติดต่อหาอูฐมาเพิ่ม พี่น้ำผึ้งก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

 

(เครดิตภาพ : http://mediad.publicbroadcasting.net/ )
Todd Bold กับตู้หนังสือจิ๋วของเขา

 

(เครดิตภาพ : relaxshax.files.wordpress.com)

น้องๆ เองก็สามารถสร้างตู้หนังสือจิ๋วนี้ได้
นอกจากจะได้แลกเปลี่ยนความสุขทางการอ่านแล้วยังได้แบ่งปันด้วยนะ

 

(เครดิตภาพ : http://cdn.trendhunterstatic.com/)
ห้องสมุดจากตู้โทรศัพท์ก็เป็นไอเดียของเขาเช่นกัน

 

Micro Libraries :
Transforming Objects into Book Havens

พี่น้ำผึ้งคงไม่สามารถระบุพิกัดห้องสมุดจิ๋วนี้ได้หรอกค่ะ เพราะมันกระจายไปทั่วทุกมุมโลก แม้แต่น้องๆ เองก็สามารถสร้างขึ้นมาได้นะคะ ถ้าหน้าบ้านมีพื้นที่พอที่จะวางเสาเล็กๆ ที่มีกล่องไม้บรรจุหนังสืออยู่ด้านบน

ไอเดียนี้เริ่มมาจากในปี 2009 เพื่อเป็นเกียรติแก่มารดาผู้ล่วงลับของเขา Todd Bol ได้สร้างกล่องใส่หนังสือเล็กๆ หน้าบ้านของเขาพร้อมติดป้ายเชิญชวนให้คนที่ผ่านไปมาหยิบหรือทิ้งหนังสือในกล่องนี้ หลังจากนั้น 4 ปีต่อมา สำนักข่าวประจำสัปดาห์ก็รายงานว่ามีห้องสมุดจิ๋วแบบนี้มากกว่า 6,000 แห่งใน 40 ประเทศทั่วโลก ในเวลาเดียวกันนั้น Bol ได้สร้างห้องสมุดจิ๋วอีกจำนวนมากโดยการรีไซเคิลกล่องโทรศัพท์เป็นห้องสมุด 24 ชั่วโมงและวางไว้ในที่ต่างๆ ทั้งใต้ต้นไม้หรือตามถนนในเมืองเพื่อที่ผู้คนจะสามารถแลกเปลี่ยนหนังสือได้ตลอดเวลา

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 5 ห้องสมุดที่สร้างขึ้นเพื่อคนที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงหนังสือที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละที่ล้วนเริ่มมาจากการอยากแบ่งปันหนังสือให้แก่คนในท้องถิ่งนั้นๆ นับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ซึ่งพี่น้ำผึ้งว่ามันดีมากๆ เลยนะคะที่เราแบ่งปันหนังสือให้กับผู้อื่น ซึ่งการแบ่งปันหนังสือเท่ากับการแบ่งปันความรู้และเป็นการเปิดโลกใหม่ มันก็เหมือนกับการยื่นคบไฟให้แก่ผู้ที่กำลังเดินทางอยู่ในความมืดมิดนี่แหละค่ะ ดีใจจังเลยนะคะที่มีห้องสมุดที่ทำเพื่อคนที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงหนังสืออย่างนี้ ^___^ อ๊ะๆ แต่บอกไว้ก่อนว่าเรื่องห้องสมุดมันยังไม่จบแค่นี้ค่ะ มันยังมีอีก แต่จะเป็นอะไรนั้น จะแปลกแหวกแนวขนาดไหนนั้น รอติดตามค่ะ XD