วิจารณ์หนังสือ : Me Before You นิยายรักที่สอนให้เราไปใช้ชีวิตซะ!


Me Before You
นิยายรักที่สอนให้เราไปใช้ชีวิตซะ!



สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน ไหนๆ เดือนกุมภาพันธ์ก็เป็นเดือนแห่งความรักแล้ว พี่น้ำผึ้งก็อดไม่ได้ที่จะคว้านิยายรักสักเรื่องมาอ่านเพื่อเติมความหวานให้ชีวิตบ้างอะไรบ้าง ซึ่งเล่มที่พี่หยิบมานั้น กระซิบก่อนว่าอ่านเกินสองรอบแล้วด้วย! มันคือ “Me Before You” ผลงานจากปลายปากกาของโจโจ มอยส์ (Jojo Moyes) ที่ถูกนำไปสร้างเป็นหนังเมื่อปี 2016 นั่นเองค่ะน้องๆ

รู้มั้ยคะว่าหลังอ่านจบ พี่แทบไม่เชื่อเลยว่านี่คือนิยายรัก พี่รู้สึกว่ามันเป็นมากกว่านั้น เพราะพี่ได้แง่คิดและมุมมองชีวิตจากการอ่านนิยายเรื่องนี้ในระดับนึง ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้พี่รู้สึกกระตือรือร้นในการใช้ชีวิตให้มีคุณค่ามากขึ้น! วันนี้พี่จึงมาแชร์ให้น้องๆ ดูกันว่า Me Before You สอนให้เราใช้ชีวิตได้ยังไง ตามมาดูเลยค่ะ
 


(via : amazon.com)
 

Me Before You นิยายรักที่เป็นมากกว่าคำว่า "รัก"

Me Before You ไม่ใช่แค่นิยายรักซึ้งกินใจ แต่มันเป็นเรื่องราวของการอุทิศตัว เสียสละ ความหมายของชีวิต ความรักและมิตรภาพ ตัวละครหลักในเรื่องไม่ได้มีชีวิตที่สวยหรูหรือเลิศเลอเพอร์เฟคท์ แถมอาจมีความอ่อนไหวทางอารมณ์ได้ง่าย แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งและแสดงให้นักอ่านเห็นถึงมุมมองดีๆ ในชีวิต

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องของการค้นหาตัวตน การเคารพนับถือตัวเองและการตัดสินใจ เมื่อพูดถึงทางเลือกในชีวิต ตัวละครหลักอย่างวิลล์ เทรย์เนอร์ มีเพียงแค่ 2 ทางคือ เขาจะทำให้ทุกคนมีความสุขด้วยการมีชีวิตต่อไป แต่ตัวเขาจะยังคงรู้สึกเกลียดตัวเองและทนทุกข์ทรมานกับอาการป่วยตลอดชีวิต กับ เลือกจบทุกสิ่งทุกอย่างอย่างรวดเร็วด้วยการตาย และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจและให้อภัยเขา มันดูเป็นทางเลือกที่ขัดแย้งกัน ทั้งมีชีวิตต่อไปหรือยุติชีวิตนั้น ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อตัวเขาและคนรอบข้าง แน่นอนว่ามันเป็นทางเลือกที่ตัดสินใจยาก แต่วิลล์ก็ต้องเลือก เพราะเขาเป็นคนเดียวที่กำหนดอนาคตของชีวิตตัวเอง

ในช่วงชีวิตที่มีทั้งสุขและทุกข์ ผู้คนต่างลืมนึกถึงสิ่งสำคัญที่สุด และมอยส์ได้ทำให้เราเห็นว่ามันคืออะไร มันคือการซาบซึ้งในคุณค่าของชีวิต ขอบคุณที่ตอนนี้เรายังหายใจ ยังมีชีวิตและยินดีกับทุกช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ในหนังสือ ก่อนที่วิลล์จะประสบกับอุบัติเหตุ วิลล์ยังไม่คิดถึงคุณค่าของชีวิตมากนัก แต่รถเข็นทำให้เขาฝันถึงการมีชีวิตอีกครั้ง
 


 

นอกจากนี้ Me Before You ยังเป็นหนังสือที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนอ่าน แม้ว่าเราจะไม่ได้มีชีวิตแบบลูอิซ่าและวิลล์ ตัวละเอกในเรื่อง แต่สิ่งที่ถ่ายทอดผ่านความเป็นไปในเรื่องและบทสนทนาของตัวละครทำให้เราฉุกคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าในชีวิตที่ควรเกิดขึ้นใจริงๆ ยกตัวอย่างเช่นลู นางเอกของเรื่องที่ใช้ชีวิตไปวันๆ แต่วิลล์ก็คอยกระตุ้นและเปิดมุมมองใหม่ๆ เขาทำให้ลูเห็นว่าตัวเองมีศักยภาพมากแค่ไหน นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เธอ “รักตัวเอง” และ “อยากใช้ชีวิต” มากขึ้น เช่นเดียวกับนักอ่านอย่างพี่ที่รู้สึกเหมือนกันว่า “ชีวิตเราต้องมีคุณค่ามากกว่านี้” เราต้องทำอะไรก็ได้ที่มากกว่าการใช้ชีวิตไปวันๆ เราต้องไปให้ถึงความฝันของตัวเอง #ไปให้สุดอย่ามีอะไรหยุดเราได้

Me Before You เป็นหนังสือโดดเด่นที่จะทำให้เรานึกถึงคุณค่าของหลายสิ่งหลายอย่าง มันทำให้เราหยุดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่าความสำเร็จ ชื่อเสียงเงินทองและความรัก แล้วให้กลับมาโฟกัสที่ตัวเอง มันเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่า เราเกิดมาแค่ครั้งเดียวและชีวิตมันสั้นมาก! ทุกวันนี้เราเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ เรื่องดราม่า ความคิดแง่ลบมากไปเท่าไหร่? หนังสือเล่มนี้จึงเตือนเราให้เห็นคุณค่าของเวลา เพราะเวลามีค่ามากและมันไม่เคยเพียงพอ ฉะนั้นเราจึงควรใช้เวลาไปกับเรื่องสำคัญค่ะ

 


 

4 บทเรียนชีวิตจาก Me Before You

รู้จักทำเพื่อตัวเอง

Me Before You เป็นนิยายรักก็จริง แต่มันไม่ได้จบลงอย่างที่เราหวังสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ความรักนี่แหละที่เป็นตัวขับเคลื่อนนิยายเรื่องนี้ให้ดำเนินไปจนจบ ไม่ว่าจะเป็นความรักของคนในครอบครัวหรือความรักเชิงหนุ่มสาว เมื่อเรารักใครสักคน เราก็ควรเคารพการตัดสินใจของอีกฝ่าย และพร้อมทุ่มเทและเสียสละเพื่อคนรัก แต่อย่าลืมทำเพื่อตัวเองด้วย

นิยายเรื่องนี้ทำให้เราตั้งคำถามว่า “เราควรเสียสละเพื่อคนที่เรารักมากเท่าไหน?” การใช้ชื่อ Me Before You อาจมีสองความหมายคือ วิลล์ตายก่อนลู หรือไม่ก็ไอเดียของการทำเพื่อตัวเองก่อนเพื่อคนอื่น ทั้งนี้เป็นเพราะลูไม่เคยเรียนรู้การทำเพื่อตัวเองเลย เธอมักจะสนใจแต่ความสุขของคนรอบข้างและเสียสละเพื่อคนในครอบครัว (แม้บางครั้งเธอจะรู้สึกไม่พอใจก็ตาม) ประสบการณ์ของลูที่เกิดขึ้นในช่วงที่เธอดูแลวิลล์นั้นสอนให้เธอแข็งแกร่งและเรียนรู้ที่จะทำเพื่อตัวเองด้วย ซึ่งหลังจากวิลล์จากไป เธอก็ตระหนักว่าความต้องการของตัวเองคืออะไร

ตลอดทั้งเล่ม มอยส์แสดงให้เราเห็นถึงการเคารพความปรารถนาของคนรัก และในท้ายสุดเราก็ต้องจงรักภักดีต่อความปรารถนาของตัวเองด้วยเช่นกัน
 

รู้จักมีความฝัน

ลู คลาร์ก ไม่ใช่คนที่มีความฝันยิ่งใหญ่ เธอเติบโตขึ้นมาในเมืองเล็กๆ ของอังกฤษ เธอพอใจกับการใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่แสนน่าเบื่อ หรือแต่งงานกับแฟนงี่เง่า “จงฉกฉวยเวลาเอาไว้” ไม่ใช่คติประจำใจของเธอ แต่เมื่อลูได้เริ่มงานกับวิลล์ เทรย์เนอร์ นักบริหารวัยหนุ่มผู้ชื่นชอบกีฬาสุดโต่งที่เป็นอัมพาตมาสองปี ลูได้มุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิต เขาทำให้ลูรู้ว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าที่คิดและมีหลายสิ่งที่รอให้เธอออกไปค้นหา จากนั้นเธอจึงเริ่มมีความฝันอย่างจริงจังและมุ่งมั่นที่จะหาตัวตนที่แท้จริงของ ถึงแม้ว่าความฝันทั้งหมดของเธออาจไม่เป็นจริง แต่เธอก็สอนให้เรารู้ว่าเราต้องต่อสู้เพื่อทำให้ฝันเป็นจริง

 

รู้จักเอาชนะความกลัว

บ่อยครั้งในชีวิต ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เรามักฟังเสียงที่เกิดขึ้นจากภายในตัวเรา บางครั้งสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่บ่อยครั้งที่เสียงของเรามักพูดถึงแค่ความกลัว ความไม่ปลอดภัยและพยายามโน้มน้าวเราให้เลิกเอาซะดื้อๆ ซึ่ง Me Before You สอนให้เราอย่าปล่อยให้ความกลัวมากำหนดชีวิตเรา เราต้องเอาชนะมัน ทำในสิ่งที่เราต้องการทำ เป็นในสิ่งที่เราเป็นและหยุดกังวลว่าคนอื่นจะคิดกับเรายังไง มันเป็นสิ่งที่ลูทำ เธอเป็นตัวของตัวเอง สวมชุดในแบบที่อยากสวม ทำในสิ่งที่อยากจะทำ และสุดท้ายเมื่อเธอได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตจากวิลล์ ชีวิตของเธอจึงสมบูรณ์กว่าเดิมมากขึ้น

 

รู้จักใช้ชีวิต

“You only get one life… it’s actually your duty to live it as fully as possible.”
(คุณมีแค่ชีวิตเดียว... มันเป็นหน้าที่ของคุณที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เท่าที่จะเป็นไปได้)”
วิลล์ เทรย์เนอร์

นี่อาจเป็นหนึ่งในคำพูดยอดนิยมที่เราได้จากหนังสือเล่มนี้ วิลล์กับลูแตกต่างกัน เขาทำทุกอย่างที่อยากทำ เล่นกีฬาผาดโผน เป็นนักเจรจาธุรกิจฝีมือเยี่ยม แต่ต่อมาวิลล์เป็นอัมพาต เขาไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามที่ใจต้องการ ขณะที่ลูพอใจกับชีวิตเรียบง่ายของเธอ วิลล์จึงสนับสนุนให้เธอรู้จักหาประโยชน์จากชีวิตที่เธอมีด้วยการทำให้เธอเห็นคุณค่าของชีวิตอีกครั้ง แล้วก็นั่นแหละ เขาจึงคอยผลักดันลูอยู่ตลอด ซึ่งเธอก็ผลักดันตัวเองด้วยการลองทำสิ่งใหม่ๆ เช่นดูหนัง อ่านหนังสือ หรือทำในสิ่งที่เธอไม่เคยทำ เพราะงั้นการคว้าทุกช่วงเวลาเอาไว้ อย่ายึดติดกับสิ่งที่เรามี และเดินหน้าหาประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น จึงเป็นการรู้จักใช้ชีวิตในแบบที่วิลล์ เทรย์เนอร์สอนเรา

 


 

โจโจ มอยส์เป็นนักเขียนที่สามารถผสมผสานความมหัศจรรย์ของชีวิตเข้ากับโศกนาฏกรรมได้อย่างดีเยี่ยม และ Me Before You นับว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของเธอ มันเป็นหนังสือที่ทำให้ใครหลายคนตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตหลังจากอ่านจบ ซึ่งพี่น้ำผึ้งเชื่อว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราออกเดินทางค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเราแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วมีความเห็นว่าอย่างไร อย่าลืมเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ

 พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณรูปภาพจากภาพยนตร์
 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

 
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

Yin & Yang Member 12 ก.พ. 61 19:05 น. 1

เป็นนิยายที่ยังไม่ได้อ่าน แต่แค่ดูหนังยังร้องไห้ นับประสาอะไรกับหนังสือที่จะทำให้บ่อน้ำตาแตก

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด