7 รูปแบบความรัก ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ของตัวละคร
สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน พี่น้ำผึ้งเชื่อว่าเกือบ 100% ของนิยายทั้งหมดบนโลก ไม่ว่าจะเป็นแฟนตาซี รักหวานแหวว บู๊ ดราม่า หรือแม้แต่สืบสวนสอบสวน ล้วนแต่มี “ความรัก” เป็นองค์ประกอบ จะมากหรือน้อยก็ว่ากันไป ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องให้ลึกซึ้งและมีความสมจริงนั้น น้องๆ ต้องรู้จักประเภทของความรักอย่างแท้จริงก่อน โดยในวันนี้พี่น้ำผึ้งได้รวบรวมเรื่องราวของความรัก 7 แบบโดยอิงจากทฤษฎีสามเหลี่ยมของความรัก (Triangular theory of love) มาฝากน้องๆ ค่ะ รับรองเลยว่านี่คือเครื่องมืออันทรงคุณค่าที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครให้มั่นคงละยืนยาว แถมสมจริงอีกด้วย
ทฤษฎีสามเหลี่ยมของความรักคืออะไร?
ในปี 1985 ดร.โรเบิร์ต สเติร์นเบิร์ก นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเยลได้สร้างทฤษฎีสามเหลี่ยมของความรัก (Triangular theory of love) ขึ้นมา โดยเขาได้รวบรวมทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความรักที่นักจิตวิทยาคนอื่นๆ เคยสร้างไว้มาคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ไตร่ตรองจนกลั่นออกมาเป็นทฤษฎีสุดฮอตนี้ พูดเลยว่านี่เป็นทฤษฎีที่แพร่หลายและได้รับการยอมรับมากที่สุดค่ะ
ทฤษฎีนี้พูดถึงอะไร? มา จะบอกให้ว่าทฤษฎีนี้พยายามกำหนดองค์ประกอบที่แตกต่างที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล อีกทั้งยังเป็นทฤษฎีที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อองค์ประกอบเหล่านี้รวมกันแล้ว มันก่อให้เกิด 7 สิ่งที่เราเรียกว่า “ความรัก” ฟังดูโรแมนติกเนอะ
ทฤษฎีก็ค่อนข้างตรงตัว มันเริ่มต้นจากองค์ประกอบหลักสามประการที่สเตนเบิร์กบอกว่าเป็น “หัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ของมนุษย์” อันได้แก่
- Intimacy คือ ความใกล้ชิด ความผูกพันกันในความรู้สึก มีความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาของความสัมพันธ์ ถ้ามีแค่ Intimacy อย่างเดียวจะนำมาสู่สภาวะการชอบ (Liking)
- Passion คือ เสน่หา ความหลงใหลในทางชู้สาว เป็นความดึงดูดอย่างหนึ่งเช่น พอใจในรูป เสียง กลิ่น ท่าทางการแสดงออกของอีกฝ่าย ซึ่งทำให้เกิดรู้สึกโรแมนติก ถ้ามี Passion เพียงอย่างเดียวจะนำมาสู่สภาวะรักแรกพบ (Infatuation)
- Commitment คือการผูกมัด พันธะสัญญา เป็นองค์ประกอบด้านความคิดหรือการตัดสินใจที่จะรักหรือมีพันธะทางใจกับอีกฝ่าย โดยการผูกพันธะนั้นขึ้นอยู่กับความสนิทสนมและความผูกพันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งถ้ามี Commitment เพียงอย่างเดียวจะนำมาสู่สภาวะหมดรัก (Empty love) ค่ะ
ซึ่งเมื่อทั้งสามองค์ประกอบนี้รวมกันจะทำให้เกิดความรักทั้งหมด 7 รูปแบบดังนี้ค่ะ
แผนภาพแสดงองค์ประกอบของทฤษฎีสามเหลี่ยมความรัก
(via: elitesingles.ca)
รักแรกพบ : Infatuation (Passion)
สำหรับความรักประเภทนี้คงเป็นความรักที่เราคุ้นเคยกันดี เคยเจอหน้าใครแล้วตกหลุมรักทันควันเลยมั้ยคะ? ประมาณว่าเห็นหน้าครั้งแรกก็หลงเสน่ห์แล้ว นี่ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ เชื่อว่าหลายคนคงเคยพบเจอกับรักแรกพบแต่สบตา (Love at first sign) กันบ้างแหละ ความรักประเภทนี้มักทำให้หัวใจเราเต้นรัว รู้สึกวูบวาบเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง นั่นแหละค่ะ อาการของรักครั้งแรก
แน่นอน เมื่อมันมาแค่ Passion หรือความหลงใหลเพียงอย่างเดียว ประมาณว่ายังไม่ทันได้รู้จักเขาก็หลงไปแล้ว แต่ดันไม่มีความรู้สึกผูกพัน (Intimacy) และไม่มีการวางแผนอนาคตที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน (Commitment) ส่วนมากแล้วความรักประเภทนี้จึงมักหายไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไป
ตัวอย่างนิยายที่มีความสัมพันธ์แบบนี้ก็เช่น โรมิโอกับจูเลียต นั่นแหละ Love at first sign ที่แท้ทรู เจอหน้ากันก็ปิ๊ง ก่อนจะหาทางมาสานสัมพันธ์กันมากขึ้น ซึ่งก็คือความรักในรูปแบบถัดไปค่ะ
ชอบเฉยๆ : Liking (Intimacy)
ชอบไม่เหมือนกับหลง มันจะมีความเป็น Platonic feeling มากกว่า อารมณ์รักอย่างบริสุทธิ์ รักอย่างห่วงใย รักแบบอยากปกป้องดูแลทะนุถนอมโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ เราพบว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนนี่แหละจัดว่าเป็นความรักประเภทนี้
ความชอบมักเกิดเมื่อเราสนิทสนมกับใครบางคนมากขึ้น กล้าเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น รู้สึกว่าคุยถูกคอ ไปไหนมาไหนด้วยกัน อะไรประมาณนี้ แต่ไม่ได้ชอบถึงขั้นหลงหรืออยากผูกมัด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ยากที่จะข้ามเฟรนด์โซนแล้วพัฒนาเป็นอย่างอื่น ความรักประเภทนี้เลยเป็นแค่มิตรภาพดีๆ ต่อกัน ประมาณว่าชอบนะแต่เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า
ถึงอย่างนั้น ความชอบก็เป็นพื้นฐานของการพัฒนาความสัมพันธ์ให้กลายเป็นความรักโรแมนติกนะคะ น้องๆ อาจสังเกตได้จากนิยายหลายเรื่องที่พระเอก นางเอกเป็นเพื่อนกันก่อนที่จะกลายเป็นแฟนในตอนจบ คนที่มักอยู่ในเฟรนด์โซนอาจบอกว่าเวอร์ เพื่อนจะเปลี่ยนเป็นแฟนได้ยังไง? นี่ชอบมาหลายปียังไม่เคยเปลี่ยนเลยจ้า แต่ที่จริงนิยายไม่ได้เวอร์ค่ะ เขาทำถูกแล้ว...ความชอบเปลี่ยนเป็นความรักโรแมนติกได้ แค่ต้องรู้วิธี (ซึ่งจะเป็นวิธีอะไรนั้นน้องๆ ต้องไปสร้างในนิยายเองจ้า)
รักที่ว่างเปล่า : Empty Love (Commitment)
ชื่อฟังดูน่ากลัว แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น รักที่ว่างเปล่ามันไม่ได้หมายถึงว่าเราหมดรักแล้วนะ ไม่ได้หมายถึงว่าเราเลิกกัน แต่มันหมายถึงความรักที่ยาวนานและยั่งยืนต่างหาก อารมณ์เหมือนว่า ความรักมันหมดแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ได้หลงใหลในรูปร่างหน้าตาเขาอีกต่อไป แต่เราก็ยังอยู่ด้วยกันนะ ยังคบกัน ยังพร้อมช่วยเหลือกัน คล้ายกับอยู่ด้วยกันเพราะหน้าที่มากกว่าอารมณ์โรแมนติก ส่วนมากมักพบในคู่รักที่แต่งงานกันนั่นแหละ ดูตัวอย่างง่ายๆ ได้จากคุณตา คุณยายที่อยู่กันนานจนแก่เฒ่าเลยจ้า
พี่ยังไม่เคยอ่านนิยายที่ความรักประเภทนี้เป็นตัวชูโรง ส่วนมากความสัมพันธ์ประเภทนี้มักปรากฏกับตัวละครพ่อแม่ที่แต่งงานแล้วและตัวเอกก็เป็นลูกมากกว่าค่ะ
รักสายฟ้าแลบ : Fatuous Love (Commitment + Passion)
อันนี้เชื่อว่าเจอในพล็อตนิยายไทยค่อนข้างเยอะ ความรักที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงด้วยการแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว ประมาณว่าเจอกันไม่กี่วัน รักกันไม่กี่สัปดาห์ก็แต่งงานกันแล้ว ความรักประเภทนี้มักเป็นความรักที่ขาดความผูกพันและยังไม่รู้จักกันดี อารมณ์ว่าหลงจนโงหัวไม่ขึ้น หลงหนักมาก หลงจนพร้อมอุทิศให้ทุกอย่างเลยจ้า
ส่วนตัวพี่คิดว่ามีนิยายหลายเรื่องที่ใช้ความรักประเภทนี้เป็นโครงเรื่องหลัก ประมาณว่า เจอหน้ากัน – ตกหลุมรัก – แต่งงาน จากนั้นเหตุการณ์วุ่นวายก็เกิดขึ้นหลังแต่งงาน จริงๆ ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจเหมือนกันค่ะ ชวนให้คนอ่านลุ้นว่าจะคู่นี้รักหรือจะเลิกนะ จะไปรอดหรือเปล่า มีความน่าติดตามไปอีกแบบ
รักหวานแหวว : Romantic Love (Passion + Intimacy)
เชื่อว่านี่เป็นอีกหนึ่งความรักที่พบบ่อยในนิยายไม่แพ้กับรักสายฟ้าแลบ ในรักหวานแหวว องค์ประกอบของความชอบทำให้เราเกิดความรู้สึกผูกพัน ขณะที่ความหลงทำให้เรารู้สึกว่ามีแรงดึงดูดซึ่งกันและกันเกิดขึ้นระหว่างคนสองคน ดูเผินๆ เหมือนว่านี่จะเป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด แต่ความจริงแล้วความรักประเภทนี้ขาดสิ่งที่เรียกว่า “พันธะสัญญา (commitment)” จึงทำให้กลายเป็นความรักที่โฟกัสกับปัจจุบันมากกว่าพูดถึงเรื่องอนาคต แล้วเมื่อไหร่ที่คู่รักตัดสินใจอยู่ด้วยกันโดยไม่มีพันธะสัญญา เมื่อนั้นจะเป็นช่วงเสี่ยงของการเลิกกัน เพราะการอยู่ด้วยกันนั้นมีอะไรที่มากกว่าความชอบและความหลง มันต้องพร้อมเสียสละและพร้อมอุทิศให้แก่กันค่ะ
รักแบบเห็นอกเห็นใจกัน : Companionate Love (Intimacy + Commitment)
ความรักประเภทนี้เป็นความรักที่ดราม่าหนักหน่วงมาก มันเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความผูกพัน ชอบกัน ทำสิ่งดีๆ ให้แก่กัน ยอมเสียสละและอุทิศตัวให้ ทว่ามันดันเป็นความรักที่ปราศจากความหลงใหลต่อกันซะนี่สิ ประมาณว่าแอบชอบเพื่อนนั่นแหละ ทำดีให้ ทำทุกอย่างให้ แต่อีกฝ่ายดันไม่ได้รักเรามากกว่าเพื่อนซะอย่างนั้น สุดท้ายเลยติดแหง็กที่คำว่า “เพื่อนสนิท” วนไป
นอกจากนี้ รักแบบเห็นอกเห็นใจกันยังเป็นรูปแบบความรักที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไปได้ด้วย เช่น ความรักของคนในครอบครัว หรือความรักของเพื่อนสนิท ในบรรดาความรักทุกรูปแบบ นี่ถือว่าเป็นความรักที่ยาวนานที่สุดค่ะ
รักแท้ : Consummate Love (Passion + Intimacy + Commitment)
เป็นความรักที่มีองค์ประกอบครบถ้วน ทั้งความผูกพัน ความหลงใหลและพันธะสัญญา มันคือความรักในอุดมคติ ซึ่งสเติร์นเบิร์กกล่าวว่าความรักแบบนี้หายาก แม้ว่าจะมีอยู่จริง แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้มีอยู่ได้ตลอดเวลา
การจะทำให้รักแท้ยังคงเป็นรักแท้อยู่เสมอนั้น คู่รักต้องมีความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นจากความหลงใหล ความอุ่นใจที่เกิดขึ้นจากความชอบกับความผูกพัน และจิตวิญญาณความเสียสละที่เกิดจากพันธะสัญญา ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้รักแท้หรือความรักในอุดมคติคงอยู่ตลอดกาลค่ะ
โดยส่วนตัวแล้ว พี่น้ำผึ้งยังไม่เจอนิยายเรื่องที่นำเสนอความสัมพันธ์ของตัวละครในมุมมองของรักแท้เลย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าตอนจบของนิยายที่พระ-นางลงเอยกันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์เท่านั้น ซึ่งความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้นี่แหละเป็นสิ่งที่ต้องลุ้นว่าจะเป็นรักแท้หรือหมดรัก หรือเป็นรักประเภทไหน ลองมาคิดดูอีกที ถ้ามีคนเขียนนิยายโดยนำเสนอมุมมองของรักแท้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ
เป็นอย่างไรบ้างกับความรัก 7 รูปแบบที่พี่นำมาฝาก มีตั้งแต่ความรักมิตรภาพ รักบริสุทธิ์ไปจนถึงรักแท้เลย สำหรับพี่น้ำผึ้ง พี่ชอบเขียนนิยายเป็นแนวรักแรกพบ (Infatuation) ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่คิดว่ามันเป็นแนวที่โรแมนติกดี มีความบุพเพสันนิวาส เจอกันครั้งแรกก็ตกหลุมรักขึ้นไม่ไหวละ แล้วความรักในนิยายของน้องๆ ล่ะคะ เป็นรูปแบบไหนกัน?
ขอบคุณข้อมูลจาก
Sternberg, Robert J. (1988). The Triangle of Love: Intimacy, Passion, Commitment.
New York: Basic Books. ISBN 0-465-08746-9.
http://www.robertjsternberg.com/love/
https://blog.cognifit.com/triangular-theory-of-love/
13 ความคิดเห็น
ส่วนใหญ่พระนางเรามีแต่แบบรักแบบ intimacy ทั้งนั้นเลยค่ะ
คือ ค่อยๆ รักกันแบบซึมลึก ตีกันไปตีกันมา หาเรื่องปะทะคารมกันขำๆ
จนไปๆ มาๆ เริ่มรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ อยากเห็นหน้าอีกฝ่าย อยากคุยด้วย
การแกล้งเลยเริ่มกลายเป็นข้ออ้าง
คือไม่ได้แบบเจอปุ้บรักปั้บ ขนาดบางเรื่องเคยรักกันมาก่อน แต่ชาติใหม่
ก็คือชาติใหม่ ต้องเริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่ แม้ว่าจะมีควมรู้สึกข้างในบอกว่า
รู้สึกคุ้นเคยกับคนๆ นี้ก็ตาม
ยกเว้น แค่พลิกรักจากหลังไมค์ที่เป็น
รักแบบเห็นอกเห็นใจกัน Companionate Love (Intimacy + Commitment)
ที่พระนางต้องมาช่วยเหลือกันและกัน ด้วยความเข้าใจกันและกัน
จนตอนหลังก็เริ่มหลงรักอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง ^^
ส่วนใหญ่ในนิยายจะเขียนแนวรักแรกพบค่ะ คือมันสนุกเวลาที่ต้องมานั่งคิดว่าจะสร้างเหตุการณ์ยังไงให้พระนางพัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้นกลายเป็นความผูกพันแล้วก็รักที่ยั่งยืน
แต่นิยายเรื่องล่าสุดที่เขียนจะไม่เชิงรักแรกพบซะทีเดียว ถ้าตามที่พี่น้ำผึ้งเขียนคงจะประมาณแนว ชอบเฉยๆ มั้งคะ ประมาณว่าแรกๆ ก็สะดุดตานะ แต่พอได้รู้จักก็เข้ากันได้ คุยกันถูกคอ เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์จากคนแปลกหน้าเป็นเพื่อน แล้วค่อยพัฒนาต่อไปเป็นรักที่ลึกซึ้ง
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ งั้นลองแนวรักที่ว่างเปล่าดู คงสนุกไม่น้อยเลยล่ะ คิดว่านะ..
ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะนิยายของกระผมดันเป็นแบบตัวร้าย NTR นางเอกแล้วนางเอกรักตัวร้ายแบบจริงจังมากกว่า พระเอกก็เลยนกไปตามระเบียบแม้ว่าจะแอบรักนางเอกมาสิบปีแล้วก็ตาม
ปล. ผมเป็นพวกชอบรังแกพระเอกมากครับ อิอิ
ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะ
ว้าว เป็นไอเดียเขียนนิยาย ขอบคุณค่ะ
enpry loveเป็นแนวที่เราใช้บ่อยมาก
มันก็จะมีความรักแบบที่เราชอบแต่งก็จะประมาณอยู่กันด้วยหน้าที่ไม่ชอบใส่บทอินเลิฟนักเลยออกมาแน่นอนนางเอกไม่มีมีแต่นายเอกมันก็ไม่มีมาชมโฉมกันแล้วอ่ะนะ ออกแนวว่ารู้สึกว่าขาดไม่ได้มากกว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้ตัวติดกันงอนกัน ค่อยๆชอบกับไปเรื่อยๆเป็นความรู้สึกที่ดีขึ้นเมื่อได้อยู่ด้วยกัน
สรุปคือเริ่มเรื่องมาแบบ empry loveตั้งแต่แรกเลย คือฟีลคู่แต่งงานที่อยู่กันไปนานๆแล้ว ไม่หวานแต่ความสัมพันธ์ทำลายยาก ความยากคือมันไม่หวานจนคนอ่านเห็นได้ชัด เริ่มมาไม่วายหรอกนิยายเราไปนานๆไอคู่นี้มันหานางเอกลงไม่ได้เลย มันคือการคู่กันเองโดยไม่ต้องบอกรักเลยความสัมพันธ์มีการเติบโตช้า
เหมาะกับการดำเนินเรื่องในหนังแอคชั่นสืบสวนที่เอาคววามรักเป็นประเด็นรอง
และเป็นความรักที่เกิดบ่อยและนานที่สุดในชีวิตจริง คนอ่านจึงเข้าใจมันได้ง่ายและลึกซึ้ง
สำหรับสายวายด้วยกัน ความรักในแนวนี้คุณจะสามารถ"คงความเป็นชาย"ไว้ในเนื้อเรื่องคุณได้ ในสายตาเราถือว่าเหมาะกว่าการให้นายเอกไล่งอนซึ่งค่อนข้างจะเหมือนนิยายรักปกติที่จุดขายเราคือความรักที่ต้องใส่ความหลงในตอนแรกกดต่ำๆสุดเลย รักเเรกพบในวายแต่งยากกว่าเพราะไม่มีแรงขับเคลื่อนทางเพศมาหนุนมากเท่านิยายปกติ แต่ก็อย่างที่บอกนี่เป็นทริคเฉพาะของเรานะ
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านแนว Intimacy มันทำให้เรามองเห็นต้นรักระหว่างพระนางที่มันค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ดูแล้วลุ้นว่าจะมีโมเม้นต์อะไรอีก หรือว่าเรื่องต่อจากนี้พระนางจะรักกันรึยัง อ่านแล้วก็รู้สึกว่าน่ารักดี ก็เลยเขียนนิยายอารมณ์นี้มาตลอด
แต่พอโตขึ้น พออ่านแนวintimacyเยอะเข้าก็ชักเริ่มเบื่อ บางทีตัวละครก็ซึบซาบความรู้สึกกันเยอะเกินไป ก็เลยคิดว่าน่าจะลองเปลี่ยนแนวการเขียนบ้าง แต่ไม่ว่าจะลองเขียนแบบไหนการดำเนินเรื่องก็ตะมาจบที่. Intimacy ทุกครั้งไป
แต่ว่าพอได้นอนคิดดูดีๆแล้วก็คิดได้ครับ ว้าถ้าเกิดว่าคนอื่นเขียนถึงความรักที่ค่อยๆเติบโตก่อนจะเปลี่ยนความสัมพันธ์กลายเป็นการคบหา เราก็น่าจะลองเขียนชีวิตหลังจากคบหาดูดีไหมนะ นั่นแหละครับคือหนทางเริ่มต้นของการเข้าสู่โลกใหม่ คือ Passion สำหรับผมแล้วคิดว่าน่าจะลองมาจับใส่ในชีวิตหลังการคบหาดู ก็ปรากฎว่ามันกลายเป็นความรักที่ไม่ใช่ความรักในเชิง Empty Love แต่เป็นความรักที่แม้เวลาจะผ่านไปนานแต่ก็ยังคงมีความเป็นเด็กๆแอบแฝงเอาไว้ด้วย
เขียนมาขนาดนี้ไม่รู้สึกถึงสาระเลยแฮะ(หัวเราะ) เหมือนผมมาบ่นให้คนอื่นอ่านมากกว่า(หัวเราะอีก) แต่ผมก็แค่อยากจะลองให้คนอ่านอ่านดูว่าแนวความรักของผมมันจะมีfeedbacksกลับมายังไง เป็นความรักที่ไม่ใช่ของผู้ใหญ่และเด็ก เป็นความสัมพันธ์คล้ายๆบุพเพสันนิวาส แต่ก็ยังมีความ intimacy แอบแฝงไว้อยู่ ผมเขียนเองก็งงเองอยู่เหมือนกันนะครับ ถ้ายังไงก็ช่วยติติงผมหน่อยนะครับ แหะๆ ~ ̄▽ ̄~
เรายังไม่เคยแต่งแนวความรักเลยอ่ะค่ะ นี่ก็คิดว่ากำลังจะแต่งอยู่เหมือนกัน เริ่มแรกก็อย่าแต่งแบบIntimacyดูก่อน อยากรู้ว่าจะดีรึเปล่า
ไม่รู้แฮะแบบนี้ เพราะยังแต่งไม่จบซักเรื่องนึง แ่ก็น่าสนใจดีนะ ได้ความรู้มาเยอะเลย
ขอบคุณคะ พี่ ที่นำเรื่องรูปแบบความรักมาแบ่งปันกัน ขอบคุณมากจริงๆคะ รู้สึกเข้าใจคำว่าความรักมากขึ้นเลยค่ะ ชอบบทความนี้ จะเก็บไว้ในบุ๊คมาร์กสำคัญเลยคะ
ของเราอาจจะเป็นกลุ่มรักแท้...เพราะตัวละครเอกเป็นยมทูตข้ามเวลาผ่านมากว่า 200 ปี เพื่อตามหาวิญญาณดวงเดียวที่เขารัก คนที่รักมากมายเพื่อจะปกป้องอีกฝ่าย ทั้งเกียรติชื่อเสียง และให้กันได้ด้วยชีวิต...พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง เขาก็ไม่ปล่อยคนนั้นจากไปอีกเลย โดยทั้งคู่ต้องฟันฝ่าปริศนาและศัตรูในอดีตชาติที่พยายามทำลายพวกเขาทั้งคู่ :) #ข้าชื่อสีหราช เรื่องนี้เป็นวายแฟนตาซีไทยค่ะ
สำหรับอีกเรื่องเปิดมาด้วย Compassionate ที่เริ่มต้นจากความห่วงใยและความปรารถนาของศัลยแพทย์หนุ่มคนหนึ่งที่อยากให้คนตรงหน้ามีความสุข ผ่านเรื่องเลวร้ายของความรักไปให้ได้ ขณะที่อีกฝ่ายก็ติดกับดักความรักที่ไม่อาจข้ามพ้นความรักในอดีตได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าทั้งคู่เคยพบกันมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ^^ #Doppioแก้วนี้ของผม
ชอบแบบรักแรกพบอ่ะครับ ปิ๊งๆ