​รู้ไหมว่า! คนเขียน “เจ้าชายน้อย” อาจได้แรงบันดาลใจจาก “เงือกน้อย”

 
 
 

รู้ไหมว่า! คนเขียน “เจ้าชายน้อย”
อาจได้แรงบันดาลใจจาก “เงือกน้อย”   

 
สวัสดีค่ะ ชาวนักเขียนนักอ่านเว็บเด็กดีทุกคน เมื่อเร็วๆ นี้ แอดมินได้ยินข่าวอัปเดทเรื่องเจ้าชายน้อยเวอร์ชั่นสำหรับคนตาบอด ก็เลยอดคิดถึงวรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้ไม่ได้ค่ะ ส่วนตัวแล้ว แอดมินไม่ได้ชอบเจ้าชายน้อยเป็นพิเศษ และได้อ่านเป็นครั้งแรกก็เพราะอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมอบหมายให้อ่าน เพื่อเอามาพูดคุยแลกเปลี่ยนในคาบเรียน จำได้ว่าตอนอ่านรอบแรกรู้สึกว่า... เป็นหนังสือที่งงมาก สำนวนอะไรก็แปลกประหลาดไปหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้เข้าสู่สังคมคนทำงาน ได้เติบโต (หรือพูดง่ายๆ คือแก่) ขึ้น ย้อนกลับไปอ่านหนังสือเล่มนี้อีกหน จึงได้พบว่า... มีอะไรหลายอย่างที่ตอนนั้นเรามองไม่เห็น 
 

 
เจ้าชายน้อย : หนังสือที่มาจากประสบการณ์จริงของนักเขียน 
สำหรับแอดมิน เจ้าชายน้อยไม่ใช่หนังสือที่เหมาะกับเด็ก มันเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่า และควรเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาพอสมควร การได้อ่านหนังสือที่เขียนขึ้นในลักษณะกึ่งๆ นิทานเด็ก แต่เนื้อแท้แฝงเนื้อหาการใช้ชีวิตเอาไว้ ทำให้เราได้คิดและได้มองเห็นอะไรที่เราอาจมองข้ามไป และยังทำให้เรานึกถึงสมัยยังเป็นเด็กด้วย นอกจากนี้ อีกเหตุผลที่แอดมินชอบหนังสือเรื่องนี้มากๆ ก็เพราะมันมีเนื้อหาร่วมสมัย ทั้งที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1943 (เดือนเมษายน) แต่เมื่อหยิบมาอ่าน ก็ยังพบว่าเนื้อหาไม่ได้เก่าหรือเชยเลย เจ้าของผลงานเล่มนี้คือ อองตวน แซ็งแตกซูเปรี เป็นชาวฝรั่งเศส เจ้าชายน้อยเปรียบเหมือนมรดกโลก ได้รับโหวตให้เป็นหนังสือที่ดีที่สุดของศตวรรษที่ 20 ถูกนำไปแปลมากกว่า 300 ภาษาทั่วโลก ขายได้มากกว่า 2 ล้านเล่มต่อปี และเมื่อคิดยอดรวม ก็ขายไปมากกว่า 140 ล้านเล่มทั่วโลกแล้ว เป็นหนึ่งในหนังสือที่ขายดีที่สุดในโลก 
 
จุดเริ่มต้นของหนังสือเรื่องนี้ เกิดจากโรคระบาดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นักเขียนซูเปรีหลบหนีไปยังอเมริกาเหนือ และเริ่มต้นผลิตผลงานเพื่อเยียวยาตัวเอง เนื่องจากเจ้าตัวสุขภาพไม่แข็งแรง ผลงานส่วนใหญ่จึงต้องใช้เวลานาน เจ้าชายน้อยเป็นหนึ่งในผลงานเหล่านั้น แซ็งแตกซูว์เปรีบอกว่า เขียนเรื่องนี้ผานสายตาของนักบินคนหนึ่งที่เครื่องบินตกในทะเลทรายซาฮาร่า และต้องหาทางเอาชีวิตรอด ระหว่างนั้น เขาก็ได้พบกับเจ้าชายผู้เดินทางมาเยือนโลก และได้สัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ทั้งความเดียวดาย มิตรภาพ ความรัก และการสูญเสีย ทุกอย่างล้วนเริ่มต้นจากเจ้าชายน้อยคนนั้น หลังตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือเรื่องนี้ก็โด่งดัง และถูกนำไปถ่ายทอดผ่านสื่ออื่นๆ อีกมาก ทั้งงานศิลปะ บทเพลง ละครเวที ภาพยนตร์ บัลเล่ต์ รวมไปถึงโอเปร่า แม้ว่าการเล่าเรื่องจะดูเหมือนนิทานเด็ก แต่เนื้อหาส่วนใหญ่แล้วเป็นแง่คิดการใช้ชีวิต  
 
แรงบันดาลใจของการเขียนเรื่องเจ้าชายน้อย เกิดจากเหตุการณ์จริงของซูเปรี เขาเคยขับเครื่องบินตกในทะเลทรายซาฮาร่า และต้องหาทางเอาชีวิตรอด เจ้าตัวได้พูดถึงประวัติส่วนนี้ไว้ในหนังสือเรื่อง Wind, Sand and Stars ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1939 โดยวันที่เกิดเหตุการณ์นี้คือ 30 ธันวาคม ค.ศ. 1935 เวลา 02.45 น. ซูเปรีและเพื่อนนักบินรอดชีวิต แต่ว่าต้องเผชิญกับความร้อนและภาวะขาดน้ำขาดอาหาร ว่ากันว่าพวกเขามีแค่องุ่น กาแฟ ส้ม และไวน์ น้ำก็น้อยมากๆ พอวันที่ 2-3 พวกเขาแทบจะขาดน้ำตาย โชคดีที่วัน 4 มีคนมาพบและช่วยชีวิตไว้ ในเรื่อง ดวงดาวที่เจ้าชายน้อยอยู่ชื่อว่า A-612 นักวิจารณ์เชื่อว่าน่าจะมาจากชื่อรุ่นเครื่องบิน และตอนที่อยู่ในทะเลทราย ซูเปรีก็ได้เผชิญกับเจ้าหมาเฟนเน็กซ์ และได้นำมันมาเขียนเป็นหมาจิ้งจอกในเรื่อง ส่วนกุหลาบ ก็คือภรรยาของเขาเอง เพราะซูเปรีต้องเดินทางห่างจากภรรยาเสมอ หลายครั้งเขาจึงสงสัยในความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน และเจ้าชายน้อย ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องนั้น ก็คือตัวของซูเปรีสมัยยังเป็นเด็ก เขาเขียนถึงตัวเองในวัย 8 ขวบ และให้ตัวเองในอดีตย้อนมาเจอกับตัวตนในปัจจุบัน พร้อมเรื่องราวการมองโลกที่เปลี่ยนแปลงไป แสดงให้เห็นแนวคิดของคนในวัยที่แตกต่างกันนั่นเอง
 

 
วรรณกรรมที่มีเงือกน้อยเป็นแรงบันดาลใจ และตอนจบที่ไม่สวยงามของนักเขียน   
หนึ่งในเทพนิยายที่แอดมินชอบมากที่สุด หนีไม่พ้น “เงือกน้อย” ผลงานของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน เจ้าพ่อเทพนิยายดราม่าที่ทำให้เทพนิยายได้รับความนิยมอย่างสูง เช่อกันว่า... ตัวซูเปรีเองก็ชอบเรื่องเงือกน้อยมาก ช่วงปี ค.ศ. 1940 เขาต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ในช่วงนั้นเอง แอนนาเบลล่า เพื่อนสนิทอ่านหนังสือเรื่องเงือกน้อยให้เขาฟัง และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากเขียนหนังสือบ้าง ทว่าตอนจบของเรื่อง กลับไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น แทนที่จะได้เห็นผลงานของตัวเองตีพิมพ์ โด่งดัง ได้รับความนิยม ซูเปรีกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ และความตายของเขาก็ยังมีส่วนสัมพันธ์กับเนื้อหาในเรื่องอีกด้วย นั่นคือ... เจ้าตัวได้ขึ้นเครื่องบินขับออกไป และจากนั้นก็ไม่มีใครได้เห็นเขาอีก มีการตั้งสมมติฐานว่า... เครื่องของเขาอาจโดนยิงตก หรือไม่เขาก็ฆ่าตัวตาย แต่ไม่มีใครพบศพของเขาแต่อย่างใด จนกระทั่งปี ค.ศ. 1998 ชาวประมงคนหนึ่งได้ค้นพบสร้อยข้อมือเงิน ที่ถูกระบุว่าเป็นของซูเปรี และในปี ค.ศ. 2000 ก็ได้มีการค้นพบซากเครื่องบินของเขาในทะเลเมดิเตอเรเนียน นับว่าเป็นตอนจบที่สอดคล้องกับเรื่องเล่าอันมีเสน่ห์ของเขา... นั่นคือ เจ้าชายน้อยได้กลับดาวของตนในที่สุด 
 
ทีมงานนักเขียนเด็กดี
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
http://mentalfloss.com/article/64148/12-charming-facts-about-little-prince 
https://www.bustle.com/articles/27861-11-ways-the-the-little-prince-prepared-us-for-adulthood 
https://translit.ie/blog/9-facts-not-know-little-prince/ 
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Little_Prince 
 
ทีมงาน writer

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น