ปฏิวัติตอนจบเทพนิยาย! เจ้าชายทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป : The Princes and the Treasure

ปฏิวัติตอนจบเทพนิยาย!
เจ้าชายทั้งสองใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป
:
The Princes and the Treasure 



เมื่อตอนจบของเทพนิยายคลาสสิกสร้างภาพจำให้เด็กๆ คุ้นเคยกับตอนจบแบบ Happily ever after หรือแบบที่เจ้าชายกับเจ้าหญิงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป พี่แนนนี่เพนเลยขอหยิบหนังสือภาพสำหรับเด็กเรื่อง The Princes and the Treasure มาให้ชาวเด็กดีทุกคนได้ลองอ่านและดูมุมมองของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ดูว่า ทำไมเขาถึงอยากปฏิวัติตอนจบของเทพนิยายให้เจ้าชายสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป! 
 


 

เมื่อเทพนิยายคลาสสิกถูกปฏิวัติตอนจบ!

หนังสือภาพสำหรับเด็กเรื่อง The Princes and the Treasure หรือแปลเป็นไทยว่า เจ้าชายกับการตามล่าสมบัติ เป็นเทพนิยายที่เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของเจ้าหญิงเหมือนเรื่องทั่วๆ ไปเลยค่ะเจ้าหญิงเอเลน่าถูกพ่อของเธอกดดันให้แต่งงาน ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้อยากแต่งงานกับเจ้าชายเลย ด้วยความสิ้นหวังเอเลน่าเลยขอพรให้ไม่ต้องแต่งงาน หลังจากนั้นเธอก็ถูกหญิงชราคนหนึ่งพาไปขึ้นรถม้าหายไป กษัตริย์รูฟัสซึ่งเป็นพ่อของเจ้าหญิงเอเลน่าเลยป่าวประกาศไปทั่วทั้งเมืองว่า ใครช่วยเจ้าหญิงกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็จจะได้แต่งงานกับเจ้าหญิง

คราวนี้มีคนมาขอท้าชิงช่วยเจ้าหญิง 2 คน คนแรกชื่อเออร์เนสต์ เป็นผู้ชายขี้อายมาก เป็นหนอนหนังสือที่ชอบอ่านเรื่องผจญภัย แต่ไม่เคยผจญภัยจริงๆ สักครั้ง ที่มาอาสาช่วยเจ้าหญิงก็เพราะคุณแม่ขอร้อง ส่วนอีกคนชื่อกาแลนท์ เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมาก เป็นคนแรกเลยที่อาสาไปช่วยเจ้าหญิง แถมยังเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในเมืองอีกด้วย 

ทั้งสองคนออกผจญภัยไปช่วยเจ้าหญิงด้วยกัน จนมาเจอหอคอยที่ขังเจ้าหญิงเอาไว้ หญิงชราที่จับตัวเจ้าหญิงมา เรียกร้องให้พวกเขานำสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินมาแลกกับเจ้าหญิง ทั้งสองคนจึงออกผจญภัยด้วยกันอีกครั้ง จนกลายเป็นเรื่องราวความรักอันแสนหวาน ระหว่างชายผู้กล้าทั้งสองคนที่ได้ทำภารกิจร่วมกัน และตกหลุมรักกัน จนค้นพบว่าขุมทรัพย์ที่หญิงชราหมายถึงก็คือ ความรักที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามยากลำบาก นั่นเอง พอพวกเขากลับไปหาหญิงชราพร้อมกับคำตอบ หญิงชราก็ก็แปลงร่างเป็นโฉมงาม และปล่อยเจ้าหญิงเอเลน่าเป็นอิสระ 

เมื่อกษัตริย์รูฟัสได้เห็นเจ้าหญิงเอเลน่ากลับมาอย่างปลอดภัย จึงมอบรางวัลให้กับเออร์เนสต์และกาแลนท์ เป็นทองคำและที่ดิน รวมถึงแต่งตั้งให้ทั้งสองคนดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าชายด้วย เรื่องราวของเทพนิยายเรื่องนี้ ไม่ได้จบลงที่ใครคนใดคนหนึ่งได้แต่งงานกับเจ้าหญิงแต่อย่างใด ในตอนท้าย จบลงที่เจ้าชายทั้งสองคนแต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข 
 


เออร์เนสต์ และกาแลนท์
 

จากแนวคิดการปฏิวัติตอนจบของเทพนิยายเรื่องนี้ ทำให้ The Princes and the Treasure เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่มองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเทพนิยายเกย์ และไม่เหมาะที่จะนำไปเป็นสื่อในห้องสมุดสำหรับเด็ก ขณะที่ผู้ใหญ่และเด็กอีกส่วนหนึ่งกลับชื่นชมว่าหนังสือเล่มนี้ ทำให้เด็กเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าความรักและครอบครัวสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องเพศ 

คราวนี้เรามาลองดูมุมมองของฝั่งนักเขียนกันบ้าง มาดูกันว่าตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงอยากปฏิวัติตอนจบของเทพนิยายให้เป็นแบบนี้!

 

สร้างเทพนิยายยุคใหม่ เพราะสงสัยว่าทำไมไม่มีเจ้าชายเกย์หรือเจ้าหญิงเลสเบี้ยนเลย

เบื้องหลังของหนังสือเรื่อง The Princes and the Treasure ที่เขียนโดย เจฟฟรีย์ เอ. ไมล์ (Jeffrey A. Miles) ได้แรงบันดาลใจมาจากตอนที่ไมล์กำลังดูการแสดงในสวนสนุกแห่งหนึ่งอยู่ค่ะ เขาเล่าว่าตอนนั้นมีเจ้าชายและเจ้าหญิง ร้องเพลงและเต้นรำกันอย่างมีความสุข เขาเองก็ยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนกัน ตอนนั้นอยู่ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เรื่องราวในเทพนิยายเจ้าชายต้องคู่กับเจ้าหญิงเสมอ เจ้าชายรูปงามตกหลุมรักเจ้าหญิงแสนสวย สุดท้ายพวกเขาก็จะแต่งงานกัน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งไมล์คิดว่าเขาไม่มีวันเป็นเจ้าชายรูปงาม และไม่มีวันตกหลุมรักเจ้าหญิงแสนสวยแน่นอน ดังนั้น เรื่องราวแบบเทพนิยายจะไม่เกิดขึ้นกับเขา

ตอนที่ชมการแสดงอยู่นั้น ไมล์จ้องมองการแสดงของเหล่าเจ้าชายเจ้าหญิงแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมไม่มีเจ้าชายเกย์หรือเจ้าหญิงเลสเบี้ยนเลย ทำไมเจ้าชายสุดหล่อถึงแต่งงานกับเจ้าชายรูปหล่อคนอื่นไม่ได้ ทำไมหญิงสาวถึงไม่สามารถช่วยเจ้าหญิงแสนสวยได้ เมื่อเขาเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางก็เริ่มคิดถึงเรื่องราวการผจญภัยสุดโรแมนติกระหว่างเจ้าชายและเจ้าชาย จนเกิดหนังสือเด็กเรื่อง The Princes and the Treasure ขึ้นมา

 


 

เหลือเชื่อ! เด็กๆ เข้าใจเรื่องราวในเทพนิยายยุคใหม่

ในช่วงที่เขียนหนังสือเรื่องนี้ เขาได้แง่คิดจากการเขียนเรื่องราวสำหรับเด็กเยอะมาก เช่น คำว่าโรแมนติกหรือคำว่าคู่รัก เป็นคำที่ซับซ้อนเกินไปถ้าจะนำไปเล่าเป็นนิทานก่อนนอน และยากที่จะอธิบายให้เด็กๆ เข้าใจถึงการแต่งงานในเพศเดียวกันได้ ดังนั้น เขาจึงเขียนเรื่องราวที่โรแมนมติกและไม่ได้เจาะจงเรื่องเพศโดยเฉพาะขึ้นมา ใช้โครงสร้างเทพนิทานคลาสสิก การผจญภัย การตกหลุมรัก และการมีตอนจบแบบเทพนิยายเข้าช่วย เพื่อสร้างเทพนิยายยุคใหม่ขึ้นมา 

ซึ่งไมล์เคยสงสัยว่าเด็กๆ ที่อ่านเทพนิยายเรื่องนี้จะมีความคิดเห็นยังไง ถ้าอ่านถึงตอนจบแล้วพบว่าในตอนท้ายมีผู้ชายสองคนแต่งงานกันอยู่ เขาเล่าว่า...

“เขารู้สึกดีใจมากๆ ที่เด็กๆ ชอบเรื่องราวที่เขาเขียนเหมือนกับนิทานเรื่องอื่นๆ ที่มีชื่อเสียง เด็กๆ เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนสองคนที่ตกหลุมรักและแต่งงานกัน ทุกคนที่ได้อ่านไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติที่ตัวละครผู้ชายทั้งสองคนแต่งงานกันในตอนท้าย ดูเหมือนเด็กๆ จะเห็นว่าความรักสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างคนสองคน โดยไม่คำนึงถึงเพศของคู่รัก” 

เขารู้สึกประหลาดใจมากที่เด็กๆ เข้าใจความคิดเหล่านี้ได้ง่ายๆ
ขณะที่ผู้ใหญ่บางคนก็ยากที่จะเข้าใจ”

นอกจากนี้ ไมล์ยังบอกอีกว่า เขาอยากอ่านเรื่องราวแบบนี้ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเขารู้ว่าเรื่องราวที่เจ้าชายตกหลุมรักเจ้าหญิงมันใช้ไม่ได้กับชีวิตของเขา ไมล์รู้ตัวตั้งแต่ยังเด็กว่าตัวเองจะไม่แต่งงานกับเจ้าหญิง ดังนั้น เขาจึงเขียนเรื่อง The Princes and the Treasure ขึ้นมาเพื่อเป็นหนังสือสำหรับเด็ก และเขียนขึ้นมาสำหรับใครก็ตามที่ต้องการอ่านเรื่องราวเทพนิยายของชายสองคนที่ได้พบกัน ได้ออกผจญภัยร่วมกัน ตกหลุมรักกัน และได้แต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป...

 

เป็นยังไงบ้างคะ การผจญภัยของเจ้าชายเพื่อช่วยเจ้าหญิง เหมือนต้นฉบับเทพนิยายคลาสสิกที่เราเคยอ่านกันเลยใช่ไหมคะ ตอนจบก็ยังเป็น Happily ever after เหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจากเจ้าหญิงเป็นเจ้าชายเท่านั้นเองค่ะ พี่แนนนี่เพนหวังว่าเรื่องราวดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ จะทำให้ใครหลายๆ คนได้เห็นแง่คิดและมุมมองของเรื่องราวในเทพนิยายกันมากขึ้นนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ ^^

พี่แนนนี่เพน

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Princes_and_the_Treasure 
https://www.glaad.org/blog/and-two-princes-live-happily-ever-after-gay-fairytale-released-worldwide 
https://www.curvemag.com/book-club/family-parenting-book-reviews/the-princes-and-the-treasure/ 
https://www.advocate.com/parenting/2014/04/23/one-book-change-them-all 
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด