เปลี่ยนนิยายพังให้ปังด้วย 3 ความลับ
ของสิ่งที่ทำให้นิยายยอดเยี่ยม
จากสถิติที่ไม่เคยมีใครบอกคุณ
เมื่อนักคณิตศาสตร์และนักสถิติหลงใหลศาสตร์การเขียนและอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
บางคนอาจคิดว่าเขาก็มาเขียนนิยายไง เหมือนกับลูอิส แคร์รอล นักคณิตศาสตร์ผู้เขียนเรื่องราวการผจญภัยสุดวิเศษของอลิซ อย่างอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเบน แบล็ตต์ นักสื่อสารข้อมูลเชิงลึก (Data Journalist) ผู้ทำงานบนข้อมูลขนาดใหญ่และสถิติที่พี่กำลังพูดถึงในวันนี้ เพราะเขาได้ใช้ประโยชน์จากสถิติมาช่วยในการ “เขียนนิยายให้ยอดเยี่ยมและขายดี” โดยตีพิมพ์เรื่องราวนี้ในหนังสือ Nabokov’s Favorite Word is Mauve ของเขา
แบล็ตต์ได้สร้างฐานข้อมูลของข้อความจากหนังสือคลาสสิกและหนังสือขายดีในศตวรรษที่ 20 เพื่อตอบคำถามที่น่าสนใจ การวิเคราะห์ของเขาเผยให้เห็นรูปแบบที่แปลกใหม่ซึ่งอาจไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่ว่าจะเป็น
- ประโยคเปิดแบบสั้นๆ ดีที่สุดสำหรับนวนิยาย
- เจมส์ แพตเทอร์สัน นักเขียนที่เขียนนิยายได้ราว 375 ล้านเล่มทั่วโลกจนติดอันดับนักเขียนที่ร่ำรวยที่สุด เขียนนิยายเฉลี่ย 100,000 คำต่อเล่ม (ซึ่งมากกว่าเจน ออสเตนถึง 115 คำ)
- วลาดีมีร์ นาโบคอฟ ใช้คำว่า mauve บ่อยกว่านักเขียนทั่วไปถึง 44 เท่าในช่วงสองศตวรรษที่ผ่านมา

(via: https://www.smithsonianmag.com/)
จุดเริ่มต้นของแบล็ตต์มาจากการที่เขาเรียนจบทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่เขาก็รักการอ่านหนังสือและเขียนนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งเขาเขียนมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกสนใจว่านักเขียนแต่ละคนมีวิธีการเขียนและให้คำแนะนำนักเขียนหน้าใหม่อย่างไร แบล็ตต์เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า
คำแนะนำของเหล่านักเขียนมันดีจริงๆ ใช่มั้ย? แล้วมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาเขียนหรือไม่ หรือมันเป็นแค่คำแนะนำที่ไม่เกี่ยวกับงานเขียนของพวกเขาเลย
แม้คำถามตั้งต้นจะฟังดูพิลึกไปหน่อย แต่ก็สมกับเป็นนักคณิตศาสตร์ดี นั่นจึงทำให้แบล็ตต์เริ่มต้นค้นคว้าทำวิจัยจนได้ข้อมูลอันล้ำค่าที่นักเขียนทุกคนควรทำตาม ซึ่งมันปรากฎอยู่ในหนังสือ Nabokov’s Favorite Word is Mauve ของเขา

(via: amazon.com)
ไม่ใช้คำวิเศษณ์
คำแนะนำที่แบล็ตต์ได้ยินบ่อยที่สุด ส่วนใหญ่มักเป็นสตีเฟน คิงที่แนะนำในลักษณะนี้ว่าไม่ให้ใช้คำวิเศษณ์ในการเขียนหนังสือ และยังมีนักเขียนคนอื่นๆ อีกมากมายเช่น โทนี่ มอร์ริสัน, ชัก พาลาห์นิก รวมถึงคลาสเรียนการเขียนเชิงสร้างสรรค์เองก็แนะนำว่า “อย่าใช้คำวิเศษณ์” เพราะเป็นคำที่ไม่จำเป็นและเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราไม่กระชับ แทนที่จะบอกว่า “เขาวิ่งเร็ว” เราสามารถบอกว่า “เขาวิ่ง” ให้อ่านดูกระชับได้
แบล็ตต์สงสัยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือ?
หากมันเป็นคำแนะนำที่ดี นักเขียนก็อาจใช้คำวิเศษณ์น้อยลง โดยเฉพาะนักเขียนมือใหม่หรือมือสมัครเล่นที่เพิ่งเริ่มเขียน พวกเขาจะได้มีแนวทางในการเขียนนิยายให้ประสบความสำเร็จเฉกเช่นนักเขียนชื่อดังคนอื่นๆ
ใช้ข้อมูลนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลมาเป็น sample
แบล็ตต์ใช้ข้อมูลของนักเขียน 50 คนที่เขาคัดมา โดยมีเกณฑ์ในการเลือกจากอันดับต้นๆ ของรายชื่อหนังสือขายดี, นักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล, และนักเขียนที่เป็นตัวแทนของประเภทนิยาย ช่วงเวลาและผู้อ่านที่แตกต่างกัน ด้วยวิธีนี้ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบนักเขียนและทำความรู้จักกับพวกเขาได้ ซึ่งนักเขียนเหล่านั้นมีทั้ง เจ.เค.โรว์ลิ่ง, เอิร์นเนส เฮมมิ่งเวย์ หรือแม้กระทั่งเจน ออสเตน
สิ่งที่แบล็ตต์โฟกัสไม่ใช่แค่หนึ่งประโยคในหนังสือของนักเขียน แต่เขามองภาพที่กว้างกว่าเพื่อดูแพตเทิร์นทั่วไปและแนวโน้มในการใช้คำ/ประโยคซ้ำๆ อาจเป็นร้อยถึงพันในงานเขียนแต่ละเล่มของพวกเขา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแบล็ตต์ เพราะตนใช้การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพธอน (Python) มาเป็นตัวช่วยในการดูและวิเคราะห์ข้อมูลถึงสิ่งที่เขาสงสัย ไม่ว่าจะเป็นประโยคเริ่มต้นที่ไหน, parts of speech ไปจนถึงการใช้คำคุณศัพท์ (adjective) คำวิเศษณ์ (adverb) และคำกริยา (verb) ของงานเขียนเรื่องต่างๆ ของนักเขียนแต่ละคน
(via: www.quotecatalog.com)
ความลับจากสถิติที่คุณสามารถนำไปใช้ได้
นี่เป็นเพียงความลับบางส่วนที่หยิบมาจากหนังสือ Nabokov’s Favorite Word Is Mauve ของเบน แบล็ตต์ มาเล่าให้ทุกคนฟัง เชื่อว่าแต่ละอย่างที่ยกมา หากตั้งใจนำไปประยุกต์ใช้ในงานเขียนของเรา จะต้องเป็นประโยชน์มากขึ้น ไม่แน่นะ จากนิยายที่ไม่มีคนสนใจอาจกลายเป็นนิยายติดท็อปชั่วข้ามคืนได้ เพราะนี่คือความลับของนักเขียนที่ยิ่งใหญ่รวมกันทั่วโลกเลยนะ!
ความลับข้อที่ 1 : ตัดคำวิเศษณ์ออกไป
ในความเป็นจริงมีแนวโน้มว่า หนังสือที่ดีที่สุดและได้รับความสนใจมากที่สุดของนักเขียนเช่น เฮมมิ่งเวย์, มอร์ริสัน และสไตน์เบ็ค เป็นหนังสือที่มีคำวิเศษณ์น้อยที่สุด นอกจากนี้หากเปรียบเทียบกับงานเขียนนิยายออนไลน์กับงานเขียนของหนังสือขายดีที่ยังไม่รีไรต์ และงานเขียนของผู้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมาพบว่า มีการใช้คำวิเศษณ์น้อยกว่าที่คาดไว้ แบล็ตต์เลยสรุปได้ว่า
หนังสือที่มีแนวโน้มขายดีมักเป็นหนังสือที่มีคำวิเศษณ์น้อยที่สุด
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการใช้คำวิเศษณ์ในนิยายจะเป็นเรื่องแย่เสมอไป เพราะยังมีหนังสือหลายเล่มที่แม้จะมีคำวิเศษณ์เยอะ แต่ก็กลายกลายเป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมได้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่จากงานวิจัยของเบน แบล็ตต์ เราพบข้อเท็จจริงที่ว่า
นักเขียนที่เขียนอย่างตรงไปตรงมาจะผลิตหนังสือที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด
จำนวนคำวิเศษณ์ต่อ 10,000 คำ
| นักเขียน | จำนวนหนังสือ | คำวิเศษณ์ที่ใช้ต่อ 10,000 คำ |
|---|---|---|
| เอิร์นเนสต์ เฮมมิ่งเวย์ | 10 เล่ม | 80 คำ |
| มาร์ค ทเวน | 13 เล่ม | 81 คำ |
| แอมี่ ตัน | 6 เล่ม | 83 คำ |
| จอห์น สไตน์เบ็ค | 19 เล่ม | 93 คำ |
| เคิร์ต วอนเนกัต | 14 เล่ม | 101 คำ |
| จอห์น อัพไดต์ | 26 เล่ม | 102 คำ |
| ซัลมัน รัชดี | 9 เล่ม | 104 คำ |
| สตีเฟน คิง | 51 เล่ม | 105 คำ |
| ชาร์ลี ดิกเกนส์ | 20 เล่ม | 108 คำ |
| เวอร์จิน่า วูล์ฟ | 9 เล่ม | 116 คำ |
| เฮอร์แมน เมลวิลล์ | 9 เล่ม | 126 คำ |
| เจน ออสเตน | 6 เล่ม | 128 คำ |
| สเตฟานี่ เมเยอร์ | 4 เล่ม (ทไวไลท์) | 134 คำ |
| เจ.เค.โรว์ลิ่ง | 7 เล่ม (แฮร์รี่ พอตเตอร์) | 140 คำ |
| อี เจ เจมส์ | 3 เล่ม (Fifty Shades) | 155 คำ |
จากตารางด้านบนสะท้อนให้เห็นชัดเจนเลยว่า นักเขียนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการใช้คำวิเศษณ์ หรือใช้คำวิเศษณ์น้อยมากๆ ดังนั้นลองย้อนกลับมาดูงานเขียนของตัวเองแล้วตัดคำที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อความกระชับ
ความลับข้อที่ 2 : อย่าเปิดฉากด้วยสภาพอากาศ
เอลมอร์ ลีโอนาร์ด หนึ่งในนักเขียนที่ประสบความสำเร็จเคยกล่าวว่า "อย่าเปิดฉากด้วยสภาพอากาศ"
และคำแนะนำนี้ปรากฏหลายที่มาก แบล็ตต์จึงได้สำรวจนักเขียนอีกหลายร้อยคนเพื่อดูว่าพวกเขาเปิดฉากด้วยสภาพอากาศบ่อยแค่ไหน ตัวอย่างเช่น แดเนียล สตีล มีการเปิดฉากด้วยสภาพอากาศอยู่ที่ 45% หลายครั้งเป็นเพียงประโยคธรรมดาๆ อย่าง “วันนี้เป็นวันที่งดงาม” หรือ “วันนี้สว่างสดใสและมีแดดออก” อะไรทำนองนั้น
การเปิดฉากด้วยสภาพอากาศไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เนื่องจากมันไม่น่าดึงดูดใจ
และนักเขียนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ทำแบบนี้
เปอร์เซ็นต์ของนักเขียนที่กล่าวถึงสภาพอากาศในประโยคแรก
| นักเขียน | จำนวนหนังสือ | เปอร์เซ็นต์ที่กล่าวถึงสภาพอากาศ |
|---|---|---|
| แดเนียล สตีล | 92 เล่ม | 46% |
| จอห์น สไตน์เบ็ค | 19 เล่ม | 26% |
| นิโคลัส สปาร์ค | 18 เล่ม | 22% |
| วิลล่า คาเทอร์ | 14 เล่ม | 21% |
| สตีเฟ่น คิง | 51 เล่ม | 17% |
| นอร่า โรเบิร์ต | 173 เล่ม | 16% |
| ทอม คลานซี | 13 เล่ม | 15% |
| เอดิธ วาร์ทอน | 22 เล่ม | 14% |
| เจเน็ต เอวานอวิช | 40 เล่ม | 10% |
| ชาร์ลี ดิกเก้นส์ | 20 เล่ม | 10% |
| ดี.เอช.ลอว์แรนซ์ | 12 เล่ม | 8% |
| จอห์น อัพไดค์ | 26 เล่ม | 8% |
| มาร์ค ทเวน | 13 เล่ม | 8% |
| เจ.อาร์.วาร์ด | 27 เล่ม | 7% |
| อกาธา คริสตี้ | 66 เล่ม | 5% |
| วิลเลียม ฟอกเนอร์ | 19 เล่ม | 5% |
| แจ็ก ลอนดอน | 20 เล่ม | 5% |
| เจมส์ แพทเตอร์สัน | 22 เล่ม | 5% |
| เอลมอร์ ลีโอนาร์ด | 45 เล่ม | 4% |
| จอห์น กริแชม | 28 เล่ม | 4% |
| โจเซฟ คอนราด | 14 เล่ม | 0% |
| เออร์เนส เฮมมิ่งเวย์ | 10 เล่ม | 0% |
| ซินแคลร์ ลูอิส | 19 เล่ม | 0% |
| โทนี่ มอร์ริสสัน | 10 เล่ม | 0% |
| เคิร์ต วอนเนกัต | 14 เล่ม | 0% |
| ชัก พาลาห์ดี | 14 เล่ม | 0% |
ความลับข้อที่ 3 : คำโปรดที่ใช้บ่งบอกถึงบุคลิกภาพของคุณ
ชื่อหนังสือ Nabokov’s Favorite Word Is Mauve เกี่ยวข้องกับ "คำ" ที่นาโบคอฟใช้มากที่สุดเมื่อเทียบเป็นภาษาอังกฤษ มันคือคำว่า mauve (n.) สีม่วง นั่นจะเข้าท่ามากถ้าเรามองไปที่ภูมิหลังของนาโบคอฟ เพราะเขามีอาการประสาทหลอน เขาพูดถึงเรื่องนี้ในอัตชีวประวัติของตัวเองเกี่ยวกับวิธีที่เขาได้ยินตัวอักษรและเสียงที่แตกต่างกัน สมองของเขาจะคิดสีโดยอัตโนมัติ จึงเป็นที่มาว่าเหตุใดนาโบคอฟใช้คำว่า mauve บ่อยมากๆ
เมื่อแบล็ตต์ทดลองกับนักเขียนคนอื่นๆ เขาได้ 3 คำที่นักเขียนใช้บ่อยที่สุด ซึ่งมันกลายเป็นตัวแทนการเขียนของเหล่านักเขียนด้วย เช่น
- เจน ออสเตน ใช้คำว่า civility (n.) ความสุภาพ, fancying (n.) ความชอบ, imprudence (n.) ความเลินเล่อ
- จอห์น อัพไดต์ ใช้คำว่า rimmed (a.) มีขอบ, prick (v.) ทิ่ม, fu*ked ที่เป็นคำสบถ
- แดน บราวน์ ใช้คำว่า grail (n.) จานซึ่งพระเยซูใช้กินอาหารมื้อสุดท้าย, masonic (a.) เกี่ยวกับอิฐ, pyramid (n.) พีระมิด
- อกาธา คริสตี้ ใช้คำว่า inquest (n.) การสอบสวนคดี, alibi (n.) ข้อแก้ตัว, frightful (a.) น่าสะพรึงกลัว
- เอฟ. สก็อตต์ ฟิซเจอราล์ด ใช้คำว่า facetious (a.) ทะเล้น, muddled (a.) ซึ่งสับสน, sanitarium (n.) สถานีอนามัย
- เอิร์นเนส เฮมมิ่งเวย์ ใช้คำว่า concierge (n.) คนเฝ้าประตู, astern (a.) ทางด้านหลังของพาหนะ, cognac (n.) เหล้าบรั่นดี
- เจ.เค.โรว์ลิ่ง ใช้คำว่า wand (n.) ไม้กายสิทธิ์, wizard (n.) พ่อมดแม่มด, potion (n.) ยา
แม้กระทั่งเรย์ แบรดบิวรี ก็ยังใช้คำว่า cinnamon บ่อยที่สุด ซึ่งแบรดบิวรีได้อธิบายเหตุผลที่เขาชื่นชอบคำ cinnamon ไว้ว่า “มันทำให้เขานึกถึงตู้กับข้าวของคุณยาย” ดังนั้นแบล็ตต์จึงสรุปว่า
เราสามารถเห็นบุคลิกภาพของนักเขียนผ่านถ้อยคำที่พวกเขาเลือกใช้ โดยเฉพาะคำโปรด
และหากมองลึกลงไปกว่านี้จะพบว่า บางคำที่นักเขียนชอบใช้บ่อยๆ
สะท้อนถึงความทรงจำหรือประสบการณ์ในวัยเด็กด้วย
ลองกลับมาสำรวจงานเขียนของเรา มีคำไหนที่ใช้บ่อยๆ บ้างมั้ย มันสะท้อนถึงบุคลิกภาพของเราอย่างไรบ้าง? แล้วเราจะทำยังไงให้มันกลายเป็นเอกลักษณ์ของนิยายเราได้บ้าง
………………….
เป็นอย่างไรบ้างคะกับความลับดีๆ ที่พี่นำมาฝากในวันนี้ นี่ขนาดเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ปรากฎในหนังสือของเบน แบล็ตต์เท่านั้นนะ พี่คิดว่าแค่ 3 ข้อก็ช่วยให้เราปลดล็อกการเขียนได้บางส่วน เพราะมันเป็นสิ่งที่นักเขียนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ทำ โดยเฉพาะเรื่องการใช้คำวิเศษณ์ให้น้อยที่สุด อันนี้เด่นชัดมากว่านักเขียนชื่อดังส่วนใหญ่จะเลือกบรรยายแบบกระชับไม่เวิ่นเว้อ ซึ่งทุกคนสามารถหยิบนำไปปรับใช้ได้ หรือถ้าหากใครอยากให้นิยายของตัวเองสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ลองตามหาความลับอื่นๆ ได้ในหนังสือ Nabokov’s Favorite Word Is Mauve เลยจ้า
พี่น้ำผึ้ง :)
ขอบคุณแหล่งที่มาจากหนังสือ Nabokov’s Favorite Word Is Mauvehttps://www.smithsonianmag.com/

2 ความคิดเห็น
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆ