นิยายแนะนำประจำสัปดาห์ ด้วยสองมือ : พลิกโชคชะตาในยุคจีนโบราณให้ปัง ด้วย 7 เคล็ดลับสู่ความร่ำรวยจากหมิงเยว่ เด็กหญิงวัย 12 ปี!

นิยายแนะนำประจำสัปดาห์ ด้วยสองมือ : 
พลิกโชคชะตาในยุคจีนโบราณให้ปัง 
ด้วย 7 เคล็ดลับสู่ความร่ำรวยจากหมิงเยว่ เด็กหญิงวัย 12 ปี!

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เด็กวัย 12 ปีสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของทุกคนได้ด้วยสองมือน้อยๆ ของเธอ!!

จากครอบครัวที่ตกระกำลำบาก สู่การเป็นเศรษฐีด้วยระยะเวลาอันสั้นด้วยการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ แปรรูปถั่วเหลืองและค้าขาย! นี่คือเรื่องราวของหมิงเยว่ เด็กหญิงวัย 12 ปี ที่พี่ประทับใจจากด้วยสองมือ ผลงานนิยายของต้นกล้าที่เบ่งบาน ซึ่งเป็นนิยายแนวจีนโบราณที่กำลังมาแรงบนเว็บเด็กดีของเราอยู่ในตอนนี้

ทุกอย่างเริ่มต้นที่การเสียชีวิตของ ‘แพงพรรณ’ สาวสวยโสดคุณสมบัติดีเลิศ ที่ทำงานเป็นผู้พัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์อาหาร วิญญาณของเธอได้ข้ามภพมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงหมิงเยว่ ลูกคนที่สามของหวิง หลินข่ายและเหอ ฟางหรู ครอบครัวที่แสนยากจน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่แพงพรรณ หรือเด็กหญิงหมิงเยว่ตัวน้อยตั้งปณิธานกับตัวเองไว้เลยว่า

“เธอจะเปลี่ยนโชคชะตาทุกคน ด้วยการทำให้ครอบครัวร่ำรวยขึ้น”

แน่นอนว่าเธอทำได้และทำได้ดีมาก!! จนพี่อดทึ่งในความสามารถของหมิงเยว่ไม่ได้ ในวันนี้พี่เลยนำ 7 เคล็ดลับที่ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงโชคชะตาตัวเองสู่ความร่ำรวยได้มาฝากค่ะ อ่านแล้วบอกเลยว่าน้องทั้งเก่ง น่ารัก และมีความสามารถ จนอยากได้มาเป็นน้องสาวของตัวเองแล้วเนี่ย!

คำโปรย

ข้ามภพมาแบบงงๆ นึกว่าจะได้ของวิเศษแบบเลิศหรูอลังการงานสร้างดาวล้านดวง (ไม่ ไม่มีเลยค่ะ) เชอะ! ฮูแคร์ ให้มันรู้กันไปว่าสาวศตวรรษที่ 20 จะเอาตัวไม่รอด ด้วยสองมือนี้

ด้วยสองมือ

ผู้แต่ง : ต้นกล้าที่เบ่งบาน

หมวด : อดีต ปัจจุบัน อนาคต

จำนวนตอน : 89 ตอน

01 มีเป้าหมายที่ชัดเจน

หลังจากที่แพงพรรณได้เข้ามาอยู่ในร่างของหมิงเยว่ เด็กหญิงวัย 12 ปี เพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องลำบากไปมากกว่านี้ เด็กหญิงจึงตั้งใจจะเปลี่ยนโชคชะตาของทุกคนในบ้าน เธอเริ่มตั้งเป้าหมายในการพัฒนาความเป็นอยู่ของครอบครัวตัวเองดีขึ้น ทุกคนจะได้ไม่ต้องตกระกำลำบากและพึ่งพาครอบครัวอื่นอีก นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการเอาตัวรอดในยุคจีนโบราณนั่นเอง!

02 ฟังความเห็นของผู้อื่น

ในการเริ่มต้นเปลี่ยนโชคชะตา สิ่งหนึ่งที่หมิงเยว่เลือกทำคือการสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช ทำสวน แน่นอนว่าการจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องรู้จัก “การรับฟังผู้อื่น” มันเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เพราะในบางครั้งความเห็นของคนเหล่านี้อาจทำให้เรามองเห็นจุดบอดที่เรามองพลาดไป ทำให้เรารีบปรับปรุงแก้ไขได้ทัน

เช่นเดียวกับหมิงเยว่เองก็เป็นผู้ที่รับฟังความคิดเห็นของผู้ร่วมงานเสมอ เธอจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามโดยไม่ปรึกษาคนรอบข้างก่อนเลย หมิงเยว่รับฟังความคิดเห็นของทุกคนเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุด เช่น เธอวางแผนจะขยายร้านน้ำเต้าหู้ด้วยการขายเต้าหู้เพิ่ม เธอก็ถามไถ่พี่รองและคนอื่นๆ ในครอบครัวก่อนว่าควรจะทำไหม โดยเฉพาะพี่รองที่เป็นคนขาย เมื่อทุกคนตกลงและไม่คัดค้าน เธอจึงจะทำ

03 นำความรู้ที่มีมาปรับใช้ให้โดดเด่น รับรองรวย

ทฤษฎีเกษตรพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ปรากฏในเรื่อง จัดว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและทำให้ด้วยสองมือโดดเด่นขึ้น คาดว่าหมิงเยว่ได้หยิบองค์ความรู้จากโลกเดิมมาใช้นั่นเอง ซึ่งมันเป็นประโยชน์มากสำหรับโลกยุคจีนโบราณ เธอได้ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ให้พอกินด้วยตัวเอง ถ้ามีเหลือก็ค่อยเอาไปขายสร้างรายได้ โดยที่ดินที่ซื้อมา 50 หมู่แบ่งเป็น

สำหรับแหล่งน้ำ ที่ดินที่ซื้อใหม่มีลำธารไหลผ่านและมีน้ำตกซึ่งสามารถผันน้ำมาใช้ได้ ส่วนที่ดินเก่า 4 หมู่ หมิงเยว่เก็บไว้ปลูกบ้านหลังใหม่  

นอกจากเกษตรทฤษฎีใหม่ที่เธอหยิบมาใช้แล้ว หมิงเยว่ยังนำองค์ความรู้ที่เธอมีสมัยยังเป็นนักวิจัยอาหารมาใช้อีกด้วย เธอนำถั่วเขียวมาปรับหน้าดิน และนำถั่วเหลืองซึ่งในสมัยนั้นไม่มีใครให้ความสำคัญ มาแปรรูปเป็นน้ำเต้าหู้ เต้าหู้ เต้าเจี้ยว รวมไปถึงผักดองสูตรที่เธอดัดแปลง...แน่นอนว่ามันนำมาสู่การสร้างรายได้ให้เธอจำนวนมหาศาล

04 เป็นคนช่างสังเกต

ก่อนหน้าที่แพงพรรณจะกลายเป็นหมิงเยว่ เธอเป็นนักวิจัยอาหารมาก่อน นั่นทำให้เธอเป็นคนช่างสังเกต ซึ่งคุณสมบัตินี้แหละสำคัญสำหรับเส้นทางสู่ความรวยในโลกจีนโบราณ 

วันหนึ่งเธอมีโอกาสได้เข้าป่าพร้อมพี่ใหญ่และพ่อของเธอ ด้วยความตาไวนั้นเอง ทำให้ได้พบกับ ‘ถั่งเช่า’ ที่มีมูลค่ามาก! แน่นอนว่าถั่งเช่านี้สร้างเม็ดเงินจำนวนมากให้กับเธอ แถมยังเป็นต้นทุนของกิจการทั้งหมดอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าถ้าเธอไม่รู้จักสังเกตและไม่มีความรู้เกี่ยวกับมัน หมิงเยว่คงไม่สามารถหาเงินได้จำนวนมากขนาดนี้จากถั่งเช่า

05 สร้างมูลค่าจากสิ่งที่มีอยู่

เกิดเป็นถั่วเหลือในสมัยนั้นน่าเศร้านะ เพราะถั่วเหลืองถือเป็นสิ่งไม่มีมูลค่าเลย แต่โชคดีที่หมิงเยว่เห็นคุณค่าในตัวมัน เธอได้นำองค์ความรู้เดิมมาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยการนำถั่วเหลือที่ไร้ค่าในสายตาคนอื่น ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่น่าสนใจ เรียกว่า ‘ตระกูลเต้า’ ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ เต้าเจี้ยว ซึ่งความแปลกใหม่และความอร่อยของมันทำให้ผู้คนต่างประทับใจ เช่นเคย...มันสร้างมูลค่าและรายได้เป็นจำนวนมาก!

06 ผูกใจคนเอาไว้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่แค่ความเก่งเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงศิลปะการครองใจคนด้วย แน่นอนว่าทั้งบ่าวทั้งเศรษฐี หมิงเยว่ล้วนผูกใจไม่เกี่ยงชนชั้น เธอเชื่อว่าการทำอะไรที่ได้ใจคนอื่นถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งเสมอ  

หมิงเยว่ได้มอบเงินเดือนให้บ่าวในบ้านเพราะเห็นใจ เนื่องจากคนในสมัยนั้นไม่มีใครให้เงินบ่าวกัน ส่วนกับเศรษฐี เช่น ตอนที่เศรษฐีเฟิ่งมาขอเจรจาค้าขายด้วย หมิงเยว่ก็ได้ตอบรับด้วยไมตรี สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งสร้างความประทับใจและความเอ็นดูกับเศรษฐีเฟิ่งมาก ทำให้หมิงเยว่ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย

07 มีกลยุทธ์ในการเพิ่มผลผลิต

‘หากต้องการมีรายได้ที่มากขึ้น ต้องทำสิ่งที่หลากหลายมากขึ้น’ 

นี่คือสิ่งที่หมิงเยว่ใช้  มันคือการปรับเปลี่ยนพื้นที่การผลิต หรือพื้นที่ในการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับฤดูกาล เช่น สมัยก่อนบ้านของหมิงเยว่ทำนาตลอด ต่อให้ผลผลิตลดลงก็ไม่ยอมปรับเปลี่ยน  

แต่เมื่อหมิงเยว่ตัดสินใจพลิกแพลงใหม่ เธอปรับเปลี่ยนพื้นที่ในการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับทุกฤดูกาล เพื่อจะได้มีผลผลิตที่ถูกต้องตามฤดูกาลตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ผักบุ้ง คะน้า ผักกาด มะเขือเทศ เป็นต้น เป็นผลทำให้รายได้เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ

ด้วยสองมือ ผลงานจากปลายปากกาของต้นกล้าที่เบ่งบาน เป็นนิยายแนวสไลว์ไลฟ์ที่ดำเนินอยู่ในโลกจีนโบราณ ผสมผสานไปด้วยการปลูกผัก ทำสวน เลี้ยงสัตว์ เปิดร้านขายของ อีกทั้งยังมีการนำทฤษฎีเกษตรพอเพียงมาประยุกต์ใช้และเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้เรื่องดูมีเอกลักษณ์มากขึ้น

ที่สำคัญคาร์แร็กเตอร์นางเอกของเรายังน่ารักสดใส แถมฉลาดในการหาเงิน ทำให้นักอ่านหลายๆ คนตกหลุมรักแม้อ่านเพียงแค่บทแรกๆ หากใครที่กำลังตามหาแนวจีนโบราณที่มีการดำเนินเรื่องสไลวไลฟ์ เน้นการเล่าเรื่องคล้ายๆ การอ่านไดอารี่ของเด็กหญิงหมิงเยว่ ห้ามพลาดด้วยสองมือเลยค่ะ อ่านแล้วเบาสมอง Good Vibes แน่นอน