เขียนนิยายให้จบไม่ยาก! ต่อยอดไอเดียให้ปังจนเขียนจบด้วย
The Disney Creative Strategy
ความคิดสร้างสรรค์กับนักเขียนเป็นของคู่กันเสมอ ยิ่งเรามีความคิดสร้างสรรค์มากเท่าไหร่ ยิ่งต่อยอดไอเดียดีๆ ให้กับงานเขียนของเรามากขึ้นเท่านั้น
ในการจะมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งโชค หรือรอให้ไอเดียดีๆ มาหาเรา แต่เราสร้างและค้นหาความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
The Disney Creative Strategy หรือกลยุทธ์การสร้างสรรค์ของดิสนี่ย์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากวอล์ต ดิสนี่ย์ เป็นวิธีการค้นหาความคิดสร้างสรรค์และเปลี่ยนให้เป็นจริง แนวทางนี้จะพูดถึงนักคิด นักสัจนิยม และนักวิจารณ์ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ดิสนี่ย์ประสบความสำเร็จในวงกว้าง และเชื่อว่าหากชาวนักเขียนเด็กดีได้นำไปปรับใช้จะต่อยอดไอเดียดีๆ ของเราให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมองเห็นโอกาสที่จะเขียนนิยายให้จบได้ด้วย
วอลต์ ดิสนี่ย์ มีพรสวรรค์ในการค้นพบความคิดสร้างสรรค์และเปลี่ยนให้เป็นความจริงได้ โดยอ้างอิงจากคนสนิทของเขาที่เคยพูดว่า
“จริงๆ แล้ววอล์ตมีอยู่ 3 คนในตัวที่แตกต่างกัน คือ นักฝัน นักสัจนิยม และนักวิจารณ์ คุณไม่มีทางรู้เลยว่าคนไหนจะมาที่การประชุม”
ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้งในปี 1994 โดยโรเบิร์ต ดิลต์ ผู้เชี่ยวชาญของ NLP และดิลต์ได้นำมาต่อยอดจนกลายเป็นกลยุทธ์ของดิสนี่ย์ ที่ช่วยให้คนที่นำไปใช้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าวิธีนี้วอล์ต ดิสนี่ย์จะไม่ได้เป็นคนพัฒนาเอง แต่มันก็เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างจินตนาการกับความเป็นจริง
กระบวนการสร้างสรรค์จะปลดล็อกความสามารถของจิตใจในการฝัน และสร้างแนวคิดที่ไม่คาดคิด รวมถึงวิธีแก้ปัญหาที่มีอยู่ อย่างไรก็ตามวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้อาจไม่สามารถใช้ได้ในความเป็นจริง และไม่สามารถนำไปใช้เป็นแผนกลยุทธ์ได้ ดังนั้นหากข้อดีของ The Disney Creative Strategy คือการสร้างความสมดุลระหว่างความฝันและความจริงเพื่อสร้างเค้าโครงที่ใช้งานได้

(photo by DW.com)
“ความสามารถของวอล์ต ดิสนี่ย์ ในการเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นนวัตกรรมของเขา
เข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและการดึงดูดยอดนิยม ทำให้เขามีคุณสมบัติเป็นอัจฉริยะในด้านความบันเทิง ในทางหนึ่ง สื่อและการแสดงออกที่ได้รับการคัดเลือกจากดิสนีย์ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นได้แสดงให้เห็นถึงกระบวนการพื้นฐานของอัจฉริยะ
มันคือความสามารถในการนำสิ่งที่มีอยู่ในจินตนาการเท่านั้นมาหลอมรวมเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
ซึ่งมีอิทธิพลโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้อื่นในเชิงบวก”
โรเบิร์ต ดิลต์กล่าว
เตรียมความพร้อมสำหรับ Disney Creative Strategy
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำ Disney Creative Strategy ให้แบ่งห้องออกเป็นสี่ส่วน ส่วนแรกมีไว้สำหรับความฝันและจินตนาการ ส่วนที่สองคือเพื่อความสมจริงและการวางแผน ส่วนที่สามสำหรับนักวิจารณ์ และส่วนที่สี่คือการคิดนอกกรอบ การแบ่งห้องเป็นการกำหนดขั้นตอนสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยเราจะเปลี่ยนจากส่วนหนึ่งไปอีกส่วนหนึ่ง
เริ่มต้นใช้ Disney Creative Strategy
เริ่มต้นด้วยด้วยความคิดของนักฝัน อนุญาตให้ตัวเองจดไอเดียทั้งหมดที่อยู่ในหัวออกมาโดยไม่มีข้อจำกัด วิจารณ์หรือสงสัยในไอเดียนั้น
เป้าหมายของเราคือการสร้างความคิดมากมายโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นไปได้หรือเป็นจริงเพียงใด จากนั้นย้ายไปส่วนที่สอง
เราจะใช้แนวทางของนักสัจนิยมในการคิดเชิงตรรกะมากขึ้น มองเห็นถึงความเป็นไปได้ของไอเดียนั้น และเริ่มสร้างแผนการเพื่อทำให้ความคิดของเราเป็นจริง สุดท้ายย้ายไปส่วนความคิดของนักวิจารณ์ เพื่อ ตรวจสอบไอเดียของเราและพิจารณาอุปสรรคหรือจุดอ่อน

(via: lifecoachlokesh.com)
The Dreamer: นักฝันเฟื่อง
โดยปกติแล้วความคิดสร้างสรรค์ใดๆ เริ่มต้นด้วยความฝันที่เต็มไปด้วยความรัก แพสชั่นและความกระตือรือร้น ปกติแล้วความฝันนี้มักหยุดลงด้วยความเป็นจริงและไม่ได้ทำมันเพราะคิดว่าเป็นไปไม่ได้
ใน Disney Creative Strategy รูปแบบการคิดนี้ช่วยให้เรามีไอเดียและความฝันได้โดยไม่มีข้อจำกัด หรือคำวิจารณ์ใดๆ สิ่งนี้ช่วยในการสร้างกลุ่มความคิดสร้างสรรค์ บางส่วนของความคิดเหล่านี้ใช้งานได้จริงและบางส่วนใช้ไม่ได้ ซึ่งการกำหนดแนวคิดสร้างสรรค์ที่เป็นไปได้นั้นเกิดขึ้นในภายหลัง อันเป็นผลมาจากรูปแบบการคิดที่สองและสาม
สิ่งที่ต้องทำก็แค่อนุญาตให้ตัวเองปลดปล่อยไอเดีย ความคิด ความฝัน และจินตนาการ โดยไม่สนว่ามันจะเป็นจริงมั้ย หรือเป็นไปได้หรือเปล่า
ลองตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเองดูเพื่อต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของเรามากขึ้น
- เราต้องการอะไร?
- นิยายแบบไหนที่เราต้องการ?
- มันจะทำให้นักอ่านรู้สึกอย่างไร?
- เราจะสร้างเรื่องราวแบบไหนให้น่าสนใจ?
- นิยายของเราแปลกใหม่อย่างไร?
- ตัวละครของเรากำลังจะทำอะไร?
- งานเขียนของเราจะสร้างแรงบันดาลใจให้นักอ่านได้อย่างไร?
- อะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นและเร้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้?
- ถ้าเราสามารถโบกไม้กายสิทธิ์และทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการ เราจะสร้างอะไร? มันจะเป็นยังไง? เราจะทำอะไรกับมันได้บ้าง? สิ่งนั้นจะทำให้เรารู้สึกอย่างไร?
The Realist: นักสัจนิยม
หลังจากเราเป็นนักฝันแล้ว ย้ายตัวเองไปอยู่ในโหมดนักสัจนิยม เพื่อคิดในรูปแบบการวางแผนที่มีเหตุผลมากขึ้น
เริ่มจากตั้งสมมติฐานว่าความฝันในข้อแรกเป็นไปได้ เริ่มวางแผนที่จะบรรลุมันและทำให้สำเร็จ แผนดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนความคิดในจินตนาการให้กลายเป็นแผนที่ลงมือทำจริงได้
ในขั้นตอนนี้ ความคิดทั้งหมดควรสร้างสรรค์ และกำหนดเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนความคิดให้เป็นแผนจริง ประกอบด้วยคำถามต่างๆ ดังต่อไปนี้
- เราจะประยุกต์ใช้แนวคิดนี้ได้อย่างไร?
- แผนของเราคืออะไร?
- ต้องเริ่มต้นจากจุดไหนก่อน?
- เราทำอะไรได้เลยบ้าง?
- มีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติมเพื่อให้นิยายน่าสนใจ?
- ทรัพยากรอะไรที่ต้องการเพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น?
- จะต้องเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง? แล้วจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร?
- เริ่มได้เลยเมื่อไหร่?
- วิธีการประเมินว่านิยายของเราสนุกและน่าติดตามคืออะไร?
The Critic: นักวิจารณ์
หลังจากมีแผนเพื่อเปลี่ยนความคิดให้เป็นจริงเรียบร้อยแล้ว เราจะย้ายที่และมาอยู่ในหมวดการคิดแบบนักวิจารณ์ โหมดนี้จะช่วยให้เราค้นพบอุปสรรคในการนำแนวคิดไปใช้และวิธีเอาชนะความคิดนั้น สิ่งที่ทำก็คือวิจารณ์ไอเดียของเราอย่างสร้างสรรค์ เพื่อหาจุดอ่อนและแนวทางแก้ไข ในขั้นตอนนี้ให้เราตอบคำถามดังนี้
- มีอะไรผิดปกติกับความคิดนี้บ้าง?
- สิ่งที่ขาดหายไปในนิยายคืออะไร?
- ทำไมเราถึงไม่สามารถใช้ไอเดียนี้ได้?
- จุดอ่อนในแผนนี้ (หรือนิยายเรื่องนี้) คืออะไร?
- ปัญหาอะไรที่อาจเกิดขึ้นเมื่อทำมัน หรือเขียนนิยาย?
- มีใครที่อาจไม่ถูกใจนิยายเรื่องนี้บ้าง?
- ทำยังไงให้คนถูกใจงานเขียนของเรา?
- นักอ่านจะเป็นอย่างไร? ชอบมั้ย? คิดยังไงเมื่อได้อ่านนิยายของเรา?
- นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้แล้วใช่ไหม? อะไรจะทำให้ดีขึ้นกว่านี้?

เมื่อทำครบทั้ง 3 ข้อแล้ว เราจะได้แผนสำเร็จรูปที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราได้นิยายที่โดดเด่นกว่าใครๆ และที่สำคัญมันจะทำให้เราเขียนนิยายจบด้วย สิ่งหนึ่งที่อยากให้ระวังคือการรับบทบาทที่หลากหลาย! เพราะเราอาจเผลอปิดกั้นตัวเองด้วยการแนะนำ (The Realist) หรือการวิจารณ์ (The Critic) เร็วเกินไป
ก่อนที่นักฝันเฟื่อง (The Dreamer) จะมีโอกาสฉายแววอย่างเต็มที่ นักวิจารณ์ก็ดึงผลงานออกมา สับแหลกเป็นชิ้นๆ แล้วมัดรวมเข้าด้วยกัน! ทุกจะอย่างราบรื่นขึ้นมากเมื่อเราอนุญาตให้นักฝันเฟื่องรวบรวมไอเดียคร่าวๆ แล้วค่อยให้นักวิจารณ์พูด
ปัญหาอีกอย่างที่พอได้บ่อยคือ นักฝันเฟื่องมีความคิดสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม แต่ขาดการมุ่งเน้นไปที่การกระทำ นักสัจนิยมจึงสามารถช่วยได้ กุญแจสำคัญคือการบรรลุความสมดุลระหว่างบทบาทที่แตกต่างกัน ระหว่างนักฝันเฟื่อง นักสัจนิยม และนักวิจารณ์
.............
สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นด้วยความคิดแบบนักฝันก่อน เพื่อที่เราจะได้สร้างสรรค์ไอเดียที่หลากหลาย เราไม่ต้องการคำแนะนำหรือนักวิจารณ์ที่เร็วเกินไปในกระบวนการนี้ ไม่เช่นนั้นเราอาจพลาดไอเดียสร้างสรรค์อย่างแท้จริง!
การสลับไปมาระหว่างบทบาททั้งสามจะช่วยให้เราได้แนวคิดที่สร้างสรรค์และแผนการที่ทำได้จริง แต่ละขั้นตอนช่วยให้เรามุ่งเน้นไปยังแง่มุมที่เฉพาะเจาะจงของไอเดีย เพื่อให้เราสามารถวางแผนทีละองค์ประกอบได้ พี่เชื่อว่าเมื่อนำ Disney Creative Strategy มาปรับใช้กับการเขียนนิยาย เราจะต้องได้นิยายที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งแน่นอน
พี่น้ำผึ้ง :)
ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.nlpu.com/Articles/article7.htmhttps://nlp-leadership-coaching.com/using-walt-disneys-technique-to-model-a-path-to-creative-success/
2 ความคิดเห็น
ขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์มากจริง ๆ สำหรับนักเขียนครับ
ขอบคุณนะคะ <3