ชวนกันแต่งนิยายจนปัง! “เทียนเยว่” เขียนนิยายตามเพื่อนซี้จนติดท็อป แถมยังมีรายได้เสริมในช่วงว่างงาน!

ชวนกันแต่งนิยายจนปัง! 
“เทียนเยว่” เขียนนิยายตามเพื่อนซี้จนติดท็อป 
แถมยังมีรายได้เสริมในช่วงว่างงาน!

 

อีกหนึ่งเรื่องราวสุดพีคของนักเขียนเด็กดีที่เราชวนมาพูดคุยกันในวันนี้ เธอเป็นนักเขียนสาวมือใหม่ที่อยากจะลองแต่งนิยายหารายได้ดูบ้าง เพราะไปเห็นเพื่อนสนิทสุดซี้ขายนิยายออนไลน์แล้วมีรายได้ปังจริงๆ เธอเลยตัดสินใจลองแต่งนิยายตามคำแนะนำของเพื่อน แล้วในที่สุดเธอก็มีนิยายติดท็อปตามเพื่อนซี้ไปติดๆ แถมยังมีรายได้ปังๆ แบบที่หวังไว้อีกด้วย

เรื่องราวสุดพีคนี้มาจาก “เทียนเยว่” เจ้าของนิยายเรื่อง “วันนี้ทานอะไรดีครับ?” นิยายวายแนวไลฟ์สตรีมอาหารสุดฮิตที่กำลังติดท็อปอยู่ในตอนนี้นั่นเองค่ะ ใครที่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาแล้วจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันแน่นอนว่าอ่านแล้วหิวมาก แต่ถ้าใครไม่เคยอ่านก็ลองๆ คลิกเข้าไปติดตามกันได้นะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะนักเขียนมือใหม่คนนี้เขาทำการบ้านมาดีมาก อ่านสนุก อ่านเพลิน แถมยังอัปสม่ำเสมอด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักอ่านถึงได้ติดนิยายเรื่องนี้กันงอมแงม แถมยังพร้อมเปย์กันสุดๆ อีกด้วย

แต่เห็นนิยายเธอปังๆ แบบนี้ ใช่ว่าเธอจะไม่เจออุปสรรคอะไรเลยนะคะ เพราะนักเขียนสาวคนนี้แอบกระซิบบอกกับเราว่า การเขียนนิยายนี้ยากสุดๆ ไปเลยค่ะ ดูสิ ขนาดเธอเขียนนิยายจนติดท็อปมาแล้วเธอยังบอกว่ายากเลย งั้นเรามาตามดูเส้นทางนักเขียนมือใหม่ของเธอกันดีกว่าว่าเธอผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้อย่างไร แล้วเพื่อนสนิทสุดซี้ของเธอได้ให้คำแนะนำกับเธอไว้อย่างไรบ้าง มาตามดูกัน! 

ความฝันเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
เพราะเพื่อนทำให้เห็นว่าเป็นจริงได้
________________

 

จีนเป็นมือใหม่ซิง ๆ เลยค่ะ 55555 เคยเขียนฟิคบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ สมัยอยู่มัธยมค่ะ  การเขียนนิยายก็เคยเป็นความฝันในวัยเด็กของจีนด้วยนะคะ ตอนนั้นน่าจะประมาณ ป.4 - ป.5 เรามีโอกาสได้อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นครั้งแรก หลังจากอ่านเรื่องนี้จบ จีนก็รู้สึกประทับใจในตัวเจ.เค.โรว์ลิ่งมาก ๆ ค่ะ ความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนก็มาจากเจ.เคนี่ล่ะค่ะ  

เพียงแต่การเขียนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งพอจีนได้เรียนวิชาการเขียนเรื่องสั้นตอนปีหนึ่งแล้ว จีนยิ่งรู้สึกว่าการเขียนเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ ทำให้จีนห่างหายจากการเขียนไปหลายปีเลยค่ะ แต่เพราะเราเป็นคนชอบเขียน พวกเรียงความ รายงาน อะไรพวกนี้ แม้จะไม่ได้เขียนนิยายก็ตาม สุดท้ายก็เลิกไม่ได้นาน เหมือนกับว่าเราเองก็วิ่งตามความฝันในตอนนั้นอย่างช้า ๆ โดยที่ไม่รู้ตัวค่ะ

จนวันหนึ่งก็มีจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราหันมาเขียนนิยายจริงจัง จุดเปลี่ยนที่ว่าก็มาจากการที่เพื่อนของจีนเองก็เขียนนิยายนี่แหละค่ะ แล้วรายได้สะพรึงมากกก งงมากว่าแบบ เฮ้ย  เดี๋ยวนี้รายได้นักเขียนมันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ตอนนั้นจีนเพิ่งเรียนภาษาจีนจบ 1 ปีค่ะ (ได้ทุนไปเรียนที่จีน แต่ติดโควิด ทำให้ต้องเรียนออนไลน์ เงินทุนที่จะได้ประมาณ 50,000 บาท ก็ชวดเลยค่ะ จนสุดขีด55555) พอจบมาก็ยิ่งเคว้ง เพราะว่าเพื่อนคนอื่นในรุ่นเขาได้งานกันไปเยอะแล้ว เราก็ไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ พอเห็นว่าเพื่อนเขียนนิยายได้เงินเยอะ เราก็อยากลองทำดูบ้างค่ะ 

“ซือมิ่ง” ลองแต่งนิยายแล้วปัง  เลยชวนเทียนเยว่มาเขียนนิยายด้วย
“ซือมิ่ง” ลองแต่งนิยายแล้วปัง  เลยชวนเทียนเยว่มาเขียนนิยายด้วย

มิตรภาพ 10 ปี!
เมื่อเพื่อนซี้ชวนมาแต่งนิยาย
________________

 

เพื่อนของจีนชื่อหยงค่ะ นามปากกา “ซือมิ่ง” ขอฝากนิยายเรื่อง “ย้อนเวลามาเป็นแม่ครัวมือหนึ่ง” ของหยงด้วยนะคะ

ต้องเล่าก่อนว่า ตอนนั้นจีนกำลังว่างงานค่ะ กำลังเคว้ง หยงก็เลยมาชวนจีนลองมาเขียนนิยายดู เพราะหยงทำแล้วมันปังมากกก ก็เลยมาชวนจีนมาลองเขียนบ้าง ถ้าเกิดคนอื่นมาชวนจีนจะรู้สึกเฉย ๆ ค่ะ แต่หยงเป็นเพื่อนสนิทของจีนมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้ว เป็นเพื่อนกันมา 10 ปี เรานิสัยไม่เหมือนกันเลย แต่ที่เหมือนกันคือชอบอ่านนิยาย (โดยเฉพาะนิยายแปลจีน) เหมือนกันค่ะ อ่านมาเยอะมาก แต่ไม่มีใครสักคนที่เริ่มต้นเขียนอะไรจริง ๆ จัง ๆ 

กระทั่งหยงหันมาลองเขียนนิยายดู แล้วผลตอบรับดี หยงเลยบอกกับจีนว่า ในเมื่อตัวหยงทำได้ จีนเองก็ต้องทำได้เหมือนกันค่ะ จีนเลยฮึดสู้ แล้วก็ลองเขียนนิยายดู ซึ่งหยงก็แนะนำให้เริ่มต้นจากเรื่องที่สนใจก่อน จะได้ต่อยอดจินตนาการออกมาง่าย ๆ  นอกจากนี้ยังช่วยเหลือพวกระบบการอัปนิยายต่าง ๆ คอยอธิบายให้ฟังอย่างละเอียดเลยค่ะ เราจะติดเหรียญยังไง เขียนตอนหนึ่งกี่คำดี อะไรแบบนี้ค่ะ แล้วหยงจบเกี่ยวกับเอกภาษาจีนมา แล้วเราต่างก็เขียนนิยายจีนเหมือนกัน บางครั้งจีนก็ปรึกษาหยงเกี่ยวกับภาษาจีนบ้างค่ะ แล้วจีนก็ไปหาข้อมูลต่อ 

แต่ตอนที่จีนเริ่มเขียนนิยายครั้งแรก บอกตามตรงว่าเป็นคนมั่นหน้าค่ะ  จีนเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง ไอเดียนู่นนี่นั่นเยอะไปหมด เวลาที่จีนเอาพล็อตนู่นนี่มาคุย หยงไม่เคยบอกเลยว่ามันไม่ดี มีแต่สนับสนุนค่ะ อยากทำอะไรทำเลย ลงมือทำ มันต้องดีแน่นอน ตอนนั้นฮึกเหิมมากค่ะ 

นิยายเรื่องแรกที่แต่งแล้วเครียด เพราะอัปงานได้ไม่สม่ำเสมอ
นิยายเรื่องแรกที่แต่งแล้วเครียด เพราะอัปงานได้ไม่สม่ำเสมอ

เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน
เขียนไปด้วยกัน ปังไปด้วยกัน
________________

 

นิยายเรื่องแรกที่จีนเขียน ไม่ใช่นิยายเรื่อง วันนี้ทานอะไรดีครับ? แต่เป็นนิยายเรื่อง Paranormal Investigator สืบสวนความตาย ค่ะ จีนเขียนเพราะแพชชั่นล้วน ๆ 5555 แต่จีนรู้สึกว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่มากที่เราเอาเรื่องนี้มาเปิดตัว เราเขียนเพราะมีพล็อตที่ชอบก็จริง แต่ตอนเขียนเรื่องนี้ค่อนข้างเครียดเลยค่ะ ผลตอบรับไม่ดีก็เรื่องหนึ่ง แต่เพราะว่ามันเป็นแนวสืบสวน พวกทริคอะไรพวกนี้มันยาก ทำให้เราออกผลงานสม่ำเสมอไม่ได้ด้วย 

จีนเลยตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะลองเปลี่ยนแนวเขียนดู ถามหยงว่าคิดยังไง หยงตอบมาว่า เอาสิ แกทำได้ คือจีนอึ้งไปหมด 

ตอนนั้นทุกอย่างมันเบลอมาก ๆ  คนอื่นให้กำลังใจเราก็จริง แต่ก็อยากให้เราเผื่อใจด้วย ซึ่งนั่นก็ไม่ผิดอะไร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จีนมีแพชชั่นกับมันมาก ๆ อยากจะทำงานนี้จริง ๆ อยากให้มันเป็นอาชีพที่เลี้ยงดูเราได้ เราชอบการเขียน เราอยากอยู่กับมันไปตลอดชีวิต เราไม่อยากเผื่อใจ แต่การพูดคุยกับคนอื่นมันเหมือนปลุกจีนให้ตื่นจากความฝัน แม้แต่จีนเองก็เริ่มที่จะไม่เชื่อมั่นในตัวเองแล้ว แต่หยงกลับเชื่อมั่นในตัวจีน เชื่อโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ 

ถ้าไม่อยากอยู่ในความฝัน ก็ต้องทำฝันนั้นให้มันเป็นจริง 

สิ่งที่หยงสอนจีน คือสอนให้จีนรู้จักตัวเอง ไม่ใช่ว่าไม่ฟังคนอื่นนะคะ แต่ตัวเราเป็นแบบนี้ เราถนัดแบบนี้ เรามีความชอบแบบนี้ แต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นอย่าเพิ่งไปกลัวว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จ ให้ลองทำก่อนค่ะ ทำให้เต็มที่ ซึ่งอันนี้จีนทำได้แล้ว แต่อีกอย่างหนึ่งที่พยายามอยู่ แต่ยังทำได้ไม่ดีพอก็คือการมีวินัยค่ะ 

หยงบอกว่า หากอยากจะเป็นนักเขียนมืออาชีพเราต้องมีวินัยในตนเอง การอัปนิยาย การเขียนอย่างสม่ำเสมอ แต่จีนยังมีปัญหาเรื่องการปรับตัว และด้วยความที่จีนเป็นมือใหม่มาก ๆ แม้จะวางพล็อตทุกอย่างจนจบแล้ว แต่มันเหมือนจะมีช่องโหว่ สิ่งที่ไม่คาดคิด หรือไอเดียใหม่ ๆ ออกมาเสมอ ทำให้การเขียนนิยายตอนหนึ่งมันไม่สามารถเขียนให้จบภายใน 1 วันแบบที่หยงทำได้ค่ะ อย่างเดือนธันวาคมนี่เขียนไปได้แค่ 8 ตอนเอง เพราะว่าปวดหลังหนักมาก พอบังคับให้ตัวเองนั่งเขียนก็คือไม่ไหว ก็เลยได้มาแค่นั้น แต่ก็พยายามอยู่ค่ะ จะทำแบบที่หยงสอนให้ได้สักวัน!

แล้วฟีดแบ็กหลังจากที่เราเปลี่ยนแนวนิยาย ก็ดีเกินความคาดหวังมากค่ะ เกินไปมาก ๆ แบบคาดไม่ถึงเลย ทุกอย่างเลยค่ะ พอเห็นผลตอบรับเลยค่อยรู้สึกหายใจหายคอได้คล่องหน่อย จีนเลยรู้สึกว่าการเริ่มต้นของจีนมันไม่ได้ยากขนาดนั้น ตอนแรกผลลัพธ์อาจไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ แต่ในภายหลังก็ถือว่าได้รับการตอบรับที่อบอุ่นค่ะ

 

หลังเปลี่ยนแนวมาแต่งนิยายเรื่อง  วันนี้ทานอะไรดีครับ? 
หลังเปลี่ยนแนวมาแต่งนิยายเรื่อง  วันนี้ทานอะไรดีครับ?  
ทำให้นิยายเรื่องนี้ขึ้นไปติดท็อปหมวดได้ในเวลาไม่นาน

มีรายได้มาจุนเจือในช่วงว่างงาน
เพราะขายนิยายออนไลน์
________________

 

จีนคิดว่าเด็กดีเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เข้าถึงนักอ่านได้มากที่สุดค่ะ ค่าส่วนแบ่งต่าง ๆ ก็สมเหตุสมผล นักอ่านในเว็บก็ดูจะตรงแนวกับเรื่องที่เขียน  รู้สึกว่าตลาดที่นี่ค่อนข้างตอบโจทย์กับแนวเขียนของเรา ก็เลยมั่นใจว่าต้องขายได้ค่ะ ได้มากได้น้อยไม่รู้ แต่ขายได้แน่นอน เราเลยคิดว่าจะลองขายนิยายของเราดูค่ะ

ฟีดแบ็กดีเลยค่ะ เวลาเห็นคอมเมนต์ที่อินไปกับเรื่องก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ค่ะ อุดหนุนแล้วยังคอมเมนต์ให้อีก ดีใจมาก ๆ ค่ะ ทุกครั้งที่เห็นเลยรู้สึกว่าต้องขยันให้มาก ๆ อ่านทีไรยิ้มตลอดเลยค่ะ

รายได้ตรงส่วนนี้เป็นแรงใจให้เราได้เยอะเลยค่ะ รายได้อยู่ในหลักหมื่นเลย ได้เยอะกว่าเพื่อนสนิทที่ทำงานประจำตอนนี้อีก เงินส่วนนี้ก็เอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันค่ะ ค่ากับข้าวต่าง ๆ มีแบ่งซุ่มไปคอมมิชชั่นปกนิยายบ้าง ใช้จ่ายส่วนตัวบ้าง ที่เหลือจะเก็บไปรีโนเวตบ้านก่อนค่ะ เพราะห้องแคบมาก ๆ ไม่ได้ปรับปรุงมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว อยากซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ด้วย ถ้ารีโนเวตได้แล้ว ที่เหลือก็จะเอาไปลงทุนต่อค่ะ จะได้กระจายรายได้หลาย ๆ ทาง

ก่อนหน้านี้จีนไม่เคยรู้เลยว่า การเขียนนิยายมันสร้างเงินให้เราได้เยอะถึงขนาดนี้ สามารถหาเลี้ยงชีพได้ นำมาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้านได้ คิดไม่ถึงจริง ๆ ค่ะ การเขียนนิยายทำให้จีนสามารถตั้งตัวได้ ทำให้จีนรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง (Self-Esteem) เราเองก็มีความสามารถนะ มันเป็นการเติมเต็มทางจิตวิญญาณค่ะ 

นอกจากนี้การเขียนงานยังทำให้จีนได้รับแรงบันดาลใจดี ๆ และมิตรภาพที่ดีจากนักอ่าน รู้สึกซาบซึ้งมากค่ะ ตอนที่ได้แฟนอาร์ตครั้งแรกเกือบร้องไห้เลย5555 ไม่คิดว่าจะมีใครชอบนิยายเรื่องนี้ขนาดสละเวลามาวาดแฟนอาร์ตให้ ดีใจและรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ

 

ส่งต่อแรงบันดาลใจดีๆ 
สู่เป้าหมายการเป็นนักเขียนเงินล้าน

 

เป้าหมายตอนนี้เป็นนักเขียนเงินล้านก็แล้วกันค่ะ555555 ปีหนึ่งอยากเขียนให้จบ 1-2 เรื่อง เขียนสัก 10 ปีต่อจากนี้จะนอนรับเงินแบบแพสซีฟอินคัม55555 ล้อเล่นค่ะ (จริงเหรอ?) เรื่องเงินก็เป็นปัจจัยส่วนหนึ่ง แต่นอกจากนี้ยังอยากจะท้าทายตัวเอง เขียนงานที่มันยากขึ้นหรือซับซ้อนขึ้น ซึ่งบอกตามตรงว่าด้วยทักษะการเขียนในตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้ค่ะ แต่จะพยายามให้มากขึ้น เขียนงานที่มันแตกต่างออกไปจากเดิม ท้าทายตัวเองบ้าง 

สุดท้ายนี้ มีสิ่งหนึ่งที่จีนได้รับมาจากหยงเต็ม ๆ ก็คือพลังบวกค่ะ และจีนก็อยากจะส่งต่อมันให้กับนักเขียนท่านอื่น ๆ เช่นกัน 

 ถ้าอยากเขียนให้ลองเขียนดูค่ะ ลงมือทำเลย ถ้าเราไม่เขียน เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เราอยากเขียนมันดีหรือไม่ดี มีอะไรที่ควรปรับปรุง อย่ากลัวที่จะเขียนค่ะ และขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง ความเชื่อมั่นนี้ไม่ใช่ว่าเชื่อมั่นจนไม่เปิดรับฟังใคร เชื่อในจินตนาการของตัวเอง เชื่อในเรื่องที่เราต้องการจะเล่า ถ้าเกิดแม้แต่ตัวเรายังไม่เชื่อ ไม่มีทางที่คนอื่นจะเชื่อค่ะ เพราะงานเขียนคือสิ่งที่สะท้อนตัวตนของนักเขียน เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากเริ่มต้นเขียนงานทุกคนเลยค่ะ

เคล็ดลับที่เทียนเยว่อยากส่งต่อ

  • อัปนิยายเวลาไหน – แล้วแต่จุดประสงค์ของเราค่ะ แต่ควรอัปให้เป็นเวลา นักอ่านจะได้รู้ว่า ถึงเวลาที่จะอัปแล้ว หลายคนรอจริง ๆ นะคะ ตีสามตีสี่ก็รอ ถ้าอยากเก็บยอดวิวทั้งวัน ก็อัปหลังเที่ยงคืนก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นมือใหม่ก็อัปเวลาที่คนอ่านจะอ่านเยอะก็ได้ ช่วงหลังเลิกเรียนเลิกงาน สัก 4-5 โมงค่ะ
     
  • เขียนกี่พันคำ – อย่างต่ำ 2000 คำ ไม่เคยเขียนต่ำกว่านี้เลย ทางที่ดีอย่าน้อยกว่านี้ค่ะ เพราะมันจะสั้นมาก ๆ เขียนสัก 2500-3000 คำกำลังดีค่ะ เขียนมากกว่านี้แนะนำให้ซอยเป็นตอนย่อย ๆ ค่ะ ยิ่งตอนยาวไม่ได้หมายความว่านักอ่านชอบนะคะ จากประสบการณ์การเป็นนักอ่าน คือดีใจล่ะที่มันยาว แต่เราจะเกิดการอ่านข้ามโดยไม่รู้ตัว เพราะรู้สึกว่าตาเริ่มล้า ซอยเป็นสองหรือสามตอนดีกว่า แล้วอัปให้สม่ำเสมอแทน
     
  • เขียนยังไงให้สม่ำเสมอ – วิธีการนี้ฝึกอยู่ค่ะ คือกำหนดเวลาที่จะต้องนั่งทำงานเอาไว้ให้เป็นกิจวัตร ตั้งแต่กี่โมงจนถึงกี่โมง ทำเหมือนงานประจำเลยค่ะ ถ้าอยากจะยึดเป็นอาชีพ แต่ถ้าหากเขียนเป็นงานอดิเรก ก็ค่อย ๆ หาเวลาว่างเขียนเอาค่ะ แต่ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก มันจะนึกไม่ออก ค่อย ๆ เขียนไปค่ะ เริ่มจากวันละ 100-200 คำก็ได้ พอเริ่มเขียนลื่นไหล ก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนคำเอา พยายามกำหนดเป้าหมายเอาไว้ค่ะ

 

อ่านสัมภาษณ์นี้จบแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม “เทียนเยว่” ถึงเป็นนักเขียนมือใหม่ที่สามารถแต่งนิยายจนติดท็อปและมีรายได้ปังๆ จากนิยายของเธอได้ 

ในความเห็นของพี่ หนึ่งเลยเธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ศึกษาตลาดและแนวทางที่ตัวเองชอบ แล้วนำมาลองแต่งนิยายในแบบของตัวเอง สอง คือ ความมีวินัย เธอตั้งใจนำคำแนะนำของเพื่อนซี้มาปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตัวเอง เพื่ออัปนิยายให้สม่ำเสมอ และสาม คือ เธอรักในการเขียนนิยาย ไม่ว่าจะเจออุปสรรคมากน้อยแค่ไหน เธอก็พยายามอดทนและสู้แต่งนิยายต่อไป นอกจากนี้ เธอยังมีเพื่อนนักเขียนที่คอยแบ่งปันประสบการณ์การเขียนนิยายให้เธอแบบใกล้ชิด ทำให้เธอก้าวผ่านเส้นทางนักเขียนมือใหม่มาได้แบบไม่เหงาอีกด้วย 

ใครที่อยากมีคนคอยให้คำปรึกษาและคำแนะนำการเขียนนิยาย หรืออยากรู้เคล็ดลับเด็ดๆ รวมถึงประสบการณ์การเขียนนิยายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ แต่ไม่ค่อยรู้จักเพื่อนในวงการนักเขียนเลย สามารถเข้าไปกดติดตามแรงบันดาลใจและคำแนะนำดีๆ จากลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ 

เคล็ดลับนักเขียน

หรือหากใครกำลังแต่งนิยายอยู่ แล้วอยากมีเพื่อนร่วมแบ่งปันประสบการณ์ด้วยกัน ลองชวนเพื่อนสนิท ญาติพี่น้อง หรือคนข้างๆ ของเรา มาลองแต่งนิยายด้วยกันได้นะคะ เวลาแต่งนิยายจะได้มีเพื่อนคอยแชร์ไอเดียไปด้วยกันค่ะ ^^

มาเขียนนิยายกัน

พี่แนนนี่เพน

 

อ่านผลงานของ “เทียนเยว่”

 

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น