5 สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณควรพักการเขียนชั่วคราว !

5 สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณควรพักการเขียนชั่วคราว 

นักเขียนก็ควรจะเขียนเยอะๆ แต่ว่า… บางที เราอาจจะเบื่อหรือเหนื่อยล้าบ้างเหมือนกัน แต่มันจะต้องถึงขั้นไหน เราถึงควรจะพัก หรือเราอาจจะแค่อ่อนแอเองใจบางเองรึเปล่า คนที่ตอบคำถามนี้ได้ชัดเจนเลยคือคุณ มีแต่คุณที่รู้ว่า… ต้องทำอย่างไร และมันหนักหนากับเราแค่ไหน ถ้าไม่ไหวจริงๆ พอถึงจุดหนึ่ง คุณก็ต้องพักและหาเวลาให้กับตัวเองบ้าง มาค่ะ มาดู 5 สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณควรพักเบรกจากการเขียนได้แล้ว 

คุณไม่อยากเขียนจริงๆ 

เราไม่ได้หมายถึงความรู้สึกแว้บๆ แต่เป็นความรู้สึกจริงจัง แบบไม่อยากเขียนเลย เหนื่อยมาก เบื่อมาก เกลียดตัวละคร เขียนอะไรออกมาก็ไม่ชอบ รู้สึกไม่โอเค ทำไมห่วยจัง แย่จัง ไม่ไหวเลย ถ้ารู้สึกถึงขนาดนี้ เราว่ามันคือการต่อต้านจากใจแล้วแหละ และคุณควรต้องหาเวลาพักไปทำอย่างอื่นก่อน อย่าฝืนหรือคิดว่า เห้ย นั่งต่อ เขียนต่อ ลึกลงในใจคุณคือคนที่รู้ว่า มันมาถึงจุดไม่ไหว จุดที่ทุกอย่างไม่ใช่ ถ้าถึงจุดนั้น อย่าพยายามเอาชนะตัวเองด้วยการอดทนหรือกดดัน แต่ให้หยุดดีกว่า พักผ่อน หาอะไรสนุกๆ ทำ ทำอะไรที่ทำแล้วสบายใจน่าจะดีที่สุด 

เหนื่อยล้า หมดแรง หมดพลัง

ความรู้สึกไม่อยากเขียนมาจากหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือเหนื่อย อาจจะเหนื่อยจากงาน จากโรคระบาด โควิด ปัญหาชีวิต อะไรก็ตาม ถ้ามันทับถมในใจทำให้ไม่อยากเขียน ไม่อยากทำงานจริงๆ ก็อาจจะต้องหาเวลาพักสั้นๆ หาเวลางีบหลับ หาเวลาทำอะไรสบายๆ บ้าง บางทีความเครียดทางกายส่งผลต่อใจ และทำให้เขียนไม่ออก ไม่อยากเขียน ก็คงได้เวลาต้องชาร์จแบต เติมพลังให้ตัวเองใหม่ ถ้าไม่อยากทำจริงๆ หยุดนะ ไปนอนก่อน หาขนมกิน อาบน้ำผ่อนคลาย 

คุณเจอเรื่องไม่ดีในชีวิตมา ประสบการณ์เลวร้ายเขียนไม่ออก 

นักเขียนที่เขียนไม่ออก มีสองแบบคือ คิดพล็อตไม่ออก กับ ชีวิตเลวร้ายมาถึงทางตัน ถ้าเป็นอย่างแรกแก้ไขได้ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง คือเวลาไม่พอ เหนื่อย ชีวิตไม่ไหวจริงๆ อันนี้อาจจะต้องหยุด คุณคงต้องตรวจสอบตัวเอง เช็กตัวเองอย่างละเอียด ถ้ามันทำให้คุณกลัว กังวล โมโห หมดแรง อารมณ์ไม่ดีจริงๆ ก็คงต้องยอมรับ ปรับตัว ควบคุมตัวเองสักระยะ รอให้ความกังวลนั้นหายไป ค่อยกลับมาเขียนนะ 

ไม่รู้จะเขียนอะไรดี 

ใครๆ ก็เคยเป็น ไม่รู้จะเล่าเรื่องอย่างไร ไม่รู้จะเขียนอย่างไร ถ้ามันต่อเนื่องนานไป ก็อาจจะเหมาะที่จะพัก ปรับมุมมอง อ่านหนังสือเพิ่ม ไปหาอะไรทำ เพื่อเติมเต็มพล็อต หาจุดที่อยากเขียนจริงๆ มานำเสนอ ไม่งั้นเขียนอะไรไป ก็เบื่อก็เซ็งเปล่าๆ ก็แค่หยุดไปก่อน แล้วไปหาเรื่องที่ชอบจริงๆ มาเตรียมรอเขียน ระหว่างนี้อาจเรียกว่าเป็นการสะสมข้อมูลไปก่อน ประมาณนี้ก็ได้ 

ต้องจัดลำดับความสำคัญของชีวิต 

เหมือนว่าชีวิตตอนนี้ มีอะไรหลายอย่างเกินไป จนไม่มีเวลาให้การเขียน หรือมีก็น้อยเต็มที หรือเป็นความสำคัญลำดับหลังๆ ก็อาจจะต้องลองจัดลำดับความสำคัญทุกอย่างใหม่ เริ่มต้นใหม่ ทำอะไรใหม่ๆ ไปก่อน แล้วพอมีเวลาให้กับการเขียน ค่อยกลับวงการอีกครั้ง

ข้อดีของการไปพักก่อนกลับมาเขียนใหม่ 

เมื่อตัดสินใจพักการเขียน อาจเป็นเดือน เป็นปี หรือเท่าใดก็ได้ มันอาจไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเสียทีเดียว ถ้ายังอยากเป็นนักเขียนและมีใจรักจริง เราว่าคุณเก็บเกี่ยวสะสมประสบการณ์ได้ หรืออาจทำอย่างอื่นได้นะ เช่น 

เขียนอย่างอื่น : อาจเขียนสเตตัสเฟซบุ๊กทุกวัน เขียนทวิตเตอร์ทุกวัน ลองเขียนบทความ เขียนกลอน เขียนไดอารี อะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ไม่ลืมการเขียน 

ไปดูแลตัวเอง : ให้เวลากับตัวเอง พักผ่อนให้เต็มที่ ไปเรียนอะไรสักอย่าง ลงคอร์สกิจกรรม ทำอะไรสนุกๆ เหมือนเป็นการหาไอเดียใหม่ๆ ในตัว 

เติมเต็มความปรารถนาต่างๆ : คุณอาจจะมีเป้าหมายอื่น ลองสร้างเป้าหมาย แล้วลองทำอะไรที่อยากทำเต็มที่ เมื่อเติมเต็มความปรารถนาเหล่านั้นสำเร็จ ก็หันกลับมาหางานเขียนอีกครั้งก็ได้ 

สำรวจตัวเองว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากเขียน : ลองหาคำตอบดูว่าคุณไม่อยากเขียนเพราะอะไร ค้นหาคำตอบให้พบ เมื่อพบแล้วลองแก้ไขดู เผื่อจะทำให้อยากกลับมาเขียนอีกครั้ง

 

ทีมงานนักเขียนเด็กดี 

 

ทีมงาน writer

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด