แคสเกมจนหัวร้อน เลยผันตัวมาเป็นนักเขียนอาชีพ! | The Chosen EP. 32 นกน้อยสีไฟแดง

วันนี้ เบ๊บ หรือ “นกน้อยสีไฟแดง” นักเขียนหนุ่มวัย 25 ปี เจ้าของนิยายแฟนตาซีแนวระบบสุดฮิตเรื่อง “ระบบขยันได้เงิน” หรือในอีกบทบาทหนึ่งที่คนในแวดวงเกมรู้จักกันในชื่อ PaperMan TV เขาได้ตัดสินใจมาบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ทั้งการเบนสายมาเป็นนักเขียน และการวางบทบาทนักแคสเกมลงทั้งที่ทำมานานถึง 4 ปีเต็ม นอกจากนี้ เขายังฝ่าฟันอุปสรรคการเป็นนักเขียนมือใหม่ จากที่เขียนนิยายออกมาแป้กๆ ก็แต่งนิยายจนขึ้นไปติดท็อปหมวดแฟนตาซีได้ภายใน 3 วันแบบปังๆ ทั้งยังมีรายได้ขายนิยายจากหลักพันสู่หลักหมื่นได้อีกด้วย 

“ผมเริ่มเขียนลงเว็บอีกทีตอนช่วงมอต้นครับ พี่คนรองแนะนำเรื่องเว็บเด็กดีมาด้วย เว็บนี้สามารถเขียนนิยายลงเว็บได้ด้วย ผมก็เลยลองเขียนไป นิยายที่ติดท็อปเรื่องแรกเป็นนิยายแนวเกมออนไลน์ครับ ชื่อเรื่อง King Slayer Online จอมโจรทุกสถาบัน เริ่มติดท็อปหลังจากที่ผมจบ ม.6 ไปแล้วครับ ตอนนั้นเป็นช่วงกำลังขึ้นมหาลัยเลย ระหว่างรอผลแอดมิชชั่น ผมก็เขียนนิยายเรื่องนี้ไปด้วย ก่อนจะประกาศผลแอดมิชชั่น”

“ผมเคยส่งนิยายไปสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง แล้วรอประมาณสามเดือน ทางนั้นก็ตอบกลับมาว่า เนื้อเรื่องไม่ตรงตามที่เราต้องการ ไม่สนุกพอ ส่วนบางสำนักพิมพ์ผมก็ส่งไปแล้วเขาบอกจะมาประกาศผลอีกสามเดือน แต่ผ่านไป 4-5 เดือน ก็หายเงียบไปเลย ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นคำตอบแล้ว”

“ผมเริ่มทำยูทูปมาตั้งแต่ตอนอยู่ปี 2 ประมาณ 4 ปีแล้วครับ ชื่อในวงการยูทูปของผม มีอยู่ด้วยกันสองชื่อคือ Mr. นอนน้อย กับ PaperMan TV ครับ เป็นช่องเกี่ยวกับเกมเลยครับ ตอนนั้นพี่ชายคนโตแนะนำการทำยูทูปมาครับ เพราะเห็นว่าผมติดเกมมาก ก็เลยแนะนำว่าอัดคลิปเกมไปด้วยไหม แล้วก็ลงช่องยูทูปไปด้วย ผมก็เลยลองดูเส้นทางนี้ พอทำไปทำมาก็รู้สึกติดใจครับ ชอบเลยครับ” 

“การกลับมาเขียนนิยายเป็นอะไรที่ยากนะครับ เพราะว่าหนึ่งคือเราไม่ได้เขียนมานานแล้วเราก็ลืมพวกภาษาของตัวเราเอง เราลืมเคล็ดลับในการเขียนไปหมดแล้ว มันก็เลยทำให้เราต้องกลับไปอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ ครับ สะสมวิชาเอาไว้กลับมาเขียน ตอนที่ผมกลับมาเขียนเรื่องเก่าแล้วลงตอนล่าสุดไป มีแฟนคลับทักมาตอนล่าสุดเยอะมากครับ แต่ตอนเริ่มเขียนเรื่องใหม่ ฟีดแบ็กไม่ค่อยดีเลยครับ เราคาดหวังว่านิยายเรื่องนี้ต้องออกมาดีแน่นอน แต่ว่าพอเขียนปุ๊ปมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งก็ใช้เวลาลองผิดลองถูกมาเยอะมากเลยครับ กว่าจะได้นิยายที่ดีที่สุด”

“นิยายเรื่องล่าสุด “ระบบขยันได้เงิน” ผมทำการบ้านเยอะมาก เซอร์เวย์เยอะมาก อย่างเช่น ผมไปเซอร์เวย์เรื่องตลาดนิยายในช่วงนี้มาครับ ช่วงนี้นิยายติดท็อปมีแนวอะไรบ้าง ธีมอะไรบ้าง จนผมไปเจอนิยายเรื่องหนึ่ง มันเป็นแนวเกี่ยวกับธุรกิจครับ พอเข้าไปอ่านก็รู้สึกว่าน่าสนใจ อยากจะเขียนบ้าง”

“ก่อนเขียนนิยายเรื่องนี้ผมวางแผนการอัปก่อนครับว่าเราจะอัปเวลาไหน อัปวันละกี่ตอน ซึ่งแผนที่ผมวางไว้ก็คือ อัปวันละสามตอน อัปตอนเช้า เที่ยงและเย็น เพราะเด็กดีมีระบบกระดิ่งใช่ไหมครับ ระบบกระดิ่งสามารถใช้ได้สามครั้งต่อวัน ผมก็เลยใช้ไปตอนเช้าเพื่อให้มันขึ้นแจ้งเตือนหน้าแรกของนิยายเด็กดี พอเวลาผ่านไปก็จะมีนิยายเรื่องอื่นอัปมาเรื่อยๆ นิยายของผมก็จะหลุดไปหน้าอื่น ผมก็เลยใช้โอกาส กระดิ่งที่สอง ในการอัปเพื่อให้มันขึ้นหน้าใหม่ ในช่วงตอนเที่ยง เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักอ่านเห็นนิยายของเรามากขึ้น พอใช้วิธีนี้ ฟีดแบ็กมันก็ดีนะครับ ได้ผลดีมาก เขียนได้ประมาณ 9 ตอน นิยายเรื่องนี้ติดประมาณท็อป 20 ครับ ติดอันดับ 16 ถือว่าเร็วมาก เขียนประมาณสามวันก็ติดอันดับ 16 แล้วครับ” 

“ก่อนที่จะวางขายผมไปศึกษาระบบการขายมา ผมรู้สึกว่ารูปแบบการขายที่เหมาะกับผมที่สุดก็คือรูปแบบการขายตอนอ่านล่วงหน้า เพราะว่ามันเป็นรูปแบบการขายที่เป็นมิตรกับคนอ่านครับ มันเหมาะกับคนอ่านทุกรูปแบบเลย ตอนนั้นผมเขียนได้ประมาณ 20 กว่าตอน ทีนี้เห็นยอดแฟนคลับประมาณหลักพันแล้วครับ ก็เลยคิดว่าถ้าขายตอนนี้ก็น่าจะได้ยอดขายดีอยู่ ผมก็เลยเปิดขายตอนที่มีแฟนคลับอยู่ที่ประมาณพันกว่าครับ” 

“ตอนที่ผมทำยูทูปเบอร์ที่บ้านก็โอเคนะครับ เพราะว่าตอนนั้นยูทูปเบอร์มีรูปแบบการให้เงินที่ชัดเจน ด้วยความที่พ่อแม่ก็เข้าใจเรื่องระบบการให้เงินทางยูทูป เขาก็เลยเปิดกว้างเรื่องยูทูปครับ แต่เหมือนนักเขียน เขาคิดว่าต้องตีพิมพ์ให้ได้ก่อนถึงจะได้เงิน แต่ว่าสำหรับยุคนี้มันก็ไม่จำเป็นแล้ว เพราะว่ามันมีระบบรูปแบบการขายแบบออนไลน์แล้ว มันก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่สามารถทำเงินได้ หาเงินได้ เลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงครอบครัวได้ ซึ่งมันก็ทำให้ผู้ใหญ่คนอื่นๆ เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับอาชีพนี้” 

“ผมรู้สึกว่าสองอาชีพนี้มันไม่ค่อยต่างกันเลยนะครับ มันก็มีจุดที่ยากคนละแบบกัน อย่างเช่น ยูทูป มันก็จะยากในส่วนของการคิดคอนเทนต์ หามุมกล้องในการถ่าย ต้องพูดให้เก่งด้วยครับ ซึ่งมันก็ยากในอีกแบบหนึ่ง แต่พอเป็นนักเขียนก็จะยากอีกทางหนึ่ง ยากตรงที่ต้องมาคิดพล็อต ต้องคิดว่าทำยังไงถึงจะทำให้ออกมาปัง ต้องสร้างสรรค์ตัวละครยังไงให้ออกมาดี ต้องพยายามคิดเนื้อเรื่องให้สมเหตุสมผลที่สุด”

ตอนที่นักเขียนหนุ่มคนนี้เล่าว่า “เด็กดีมีระบบขายแล้วเหรอ” ทำให้เรารู้สึกได้เลยว่าสมัยก่อนกว่าจะเป็นนักเขียนคงยากมากๆ ยิ่งตอนที่เขาเล่าว่าส่งเรื่องไปยังสำนักพิมพ์แล้วไม่ได้รับการตอบกลับ ก็ยิ่งสะท้อนภาพอาชีพนักเขียน ที่ต้องมีทุน มีเวลา และอยู่กับความหวังที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะประสบความสำเร็จเสียที 

ซึ่ง เบ๊บ อดีตนักแคสเกมที่เคยหันหลังให้การเขียนนิยายเพราะหมดหวังบนเส้นทางนี้ เมื่อเห็นโอกาสที่จะได้กลับไปเป็นนักเขียนตามฝันในวัยเด็กอีกครั้ง เขาก็ทุ่มหมดน่าตัก พักการทำช่องยูทูปมาเขียนนิยายอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่เรื่องแรก ลองผิดลองถูกอยู่นานหลายเดือน แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ได้ค้นพบแง่คิดต่างๆ มากมาย 

เช่น การเขียนนิยายต้องอาศัยความชอบควบคู่ไปกับการดูตลาดนิยาย ต้องศึกษาคนอ่าน ต้องศึกษานิยาย ศึกษาระบบขายนิยาย ตลอดจนศึกษาวิธีการอัปนิยายว่าจะใช้ประโยชน์จากการแจ้งเตือนที่มีได้อย่างไร ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ และนำมาปรับใช้ในนิยายเรื่องล่าสุด จนทำให้นิยายขึ้นไปติดท็อป และมีรายได้จากการเขียนนิยายตามที่หวัง