แนะนำนิยายประจำสัปดาห์ หนูน้อยสกุลถัง : ขอแค่เชื่อใจหนูน้อยพุงกลมคนนี้ เส้นทางเศรษฐีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน!

แนะนำนิยายประจำสัปดาห์ หนูน้อยสกุลถัง

นิยายแนะนำประจำสัปดาห์วันนี้ จะพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวของ ถังเสี่ยวหลิน นางเอกตัวน้อยจากเรื่อง หนูน้อยสกุลถัง เด็กหญิงพุงกลมวัย 5 ขวบ ที่ถึงแม้ตัวจะเป็นเด็ก แต่สมองเป็นผู้ใหญ่! แค่กๆๆ ผิดเรื่องแล้วค่ะ! เดี๋ยวทุกคนจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องราวของหนูน้อยยอดนักสืบแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของหนูน้อยยอดนักเก็บ! ที่วันๆ เอาแต่พาท่านพ่อท่านอาเข้าป่าฝ่าดง ไปเก็บของป่าหรือวัตถุดิบแปลกๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก บ้างก็นำมาทำอาหาร บ้างก็นำไปปลูกให้งอกเงย และเก็บผลผลิตของมันไปขายจนสร้างงานสร้างเงินให้ครอบครัวเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว!

แล้วก็อย่างที่บอกไปค่ะ ว่าเสี่ยวหลินคนนี้ถึงตัวจะเป็นเด็ก แต่สมองและวิญญาณข้างในร่างไม่ใช่เด็กอย่างแน่นอน เพราะเดิมทีแล้วเธอเป็นหญิงสาววัย 23 ปี มีชื่อรดา สาวไทยยุคปัจจุบันที่ตายเพราะโรคประจำตัว แต่ยังไม่ทันจะได้ไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรก วิญญาณของเธอก็ถูกกระชากให้มาเข้าร่างหนูน้อยเสี่ยวหลินที่จากโลกใบนี้ไปเพราะป่วยไข้เสียแล้ว

รดาที่มีโอกาสได้มาใช้ชีวิตเป็นเด็กอีกครั้ง เธอก็เลยขอทำตัวย้อนวัย กลายเป็นเด็กวัยใสวัยซนให้สมกับร่างกายป้อมๆ กลมๆ นี่ซะหน่อย และอีกอย่างเธอก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตใหม่แบบเรียบง่าย ทำมาหากินเล็กๆ น้อยๆ กับครอบครัวก็พอ แต่มันจะเรียบง่ายจริงหรือ ในเมื่อเธอทั้งขยันหางานหาเงินเข้าบ้าน และตั้งใจจะเปิดกิจการนู้นนี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

หนูน้อยสกุลถัง

ผู้แต่ง หลิวหยาง(รามินทร์)

หมวด จีนย้อนยุค

จำนวนตอน 80 ตอน (ยังไม่จบ)

คำโปรย

ชาติก่อนตกตายตั้งแต่ยังสาว ชาตินี้ได้เกิดใหม่เป็นเด็กอีกครั้ง 

ก็ขอใช้ชีวิตแบบเด็กๆ ให้หนำใจไปเลย!!

ชีวิตใหม่แบบสโลวไลฟ์ แต่สโลวฟ์เกินไปมันก็น่าเบื่อเหมือนกันนะ!

รดา หญิงสาววัย 23 ปี ได้เสียชีวิตและเข้ามาอยู่ในร่างของหนูน้อย ถังเสี่ยวหลิน แบบกระทันหัน ถึงแม้จะยังงงๆ กับการทะลุมิติแบบปุบปับนี้ แต่ก็ถือว่าเธอยังมีบุญอยู่บ้างที่ได้มาอยู่ในครอบครัวเล็กๆ แต่อบอุ่น ไม่ได้มีการกดขี่ข่มเหงกันแต่อย่างใด

ครอบครัวของหนูน้อยเสี่ยวหลินอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าเซินหลัน เป็นหมู่บ้านที่ติดกับป่าอันอุดสมบูรณ์และมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ทุกๆ วันท่านพ่อ ถังเทียนหรง และท่านอายังหนุ่มที่อายุมากกว่านางแค่สิบปีอย่างท่านอา ถังเทียนเฉิน จะพากันออกเรือไปหาปลาที่ทะเลและนำไปขาย กว่าจะกลับมาก็เย็นย่ำ ส่วนตัวนางเองก็ได้แต่นั่งเบื่อๆ เซ็งๆ อยู่ที่บ้าน คอยดูท่านแม่ทำงานนู้นนี่ไปพลางๆ ทั้งๆ ที่นางคิดว่า อุตส่าห์ได้ย้อนวัยทั้งที ก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตให้สนุกสนานสมวัยสักหน่อย แต่ให้ตายเถอะ การต้องอยู่บ้านเฉยๆ มาเป็นสัปดาห์นี่มันน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย!

จนวันหนึ่งท่านแม่ฮุ่ยหนิง เห็นนางเอาแต่นั่งถอนหายใจทิ้งเหมือนคนแก่ก็ทนสงสารไม่ไหว ชักชวนนางเข้าป่าไปเก็บผักด้วยกัน เผื่อจะเจออะไรดีๆ อร่อยๆ มาทำกินเป็นอาหาร หนูน้อยเสี่ยวหลินที่รอโอกาสไปวิ่งเล่นอยู่ตลอดก็ตาลุกวาว รีบตกลงอย่างไว ซึ่งการเข้าป่าในครั้งนี้นี่แหละ ที่จะทำให้นางได้เจอขุมทรัพย์จากธรรมชาติ อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความร่ำรวยของครอบครัว!

เข้าป่าครั้งแรกก็เจอของดีและยังได้สหาย(?)กลับบ้านอีกหนึ่ง!

พอรู้ว่าจะได้เดินทางไปสำรวจป่า เสี่ยวหลินก็รู้สึกลั้ลล้าเป็นอย่างมาก และคิดอยากจะทำตัวซุกซนไปผจญภัยนอกเส้นทางบ้าง จึงชักชวนท่านแม่และท่านยายหลิว เพื่อนบ้านที่เดินทางเข้าป่าด้วยกัน ให้ลองเดินไปยังเส้นทางอื่นที่ชาวบ้านไม่เคยไป เผื่อจะเจอของใหม่ๆ ดีๆ ที่คนอื่นยังไม่เคยเจอ  

แล้วก็แจ็คพ็อต! เสี่ยวหลินน้อยไปเจอพืชเลื้อยสีเขียวยอดสีม่วงอยู่ใกล้ๆ ลำธาร ซึ่งมันก็คือมันเทศนั่นเอง! พอนางจำได้ว่านี่เป็นพืชกินได้ที่คุ้นเคยก็กระโดดดึ๋งๆ ดีใจยกใหญ่ รีบชี้บอกให้ท่านแม่กับท่านยายหลิวไปเก็บโดยไว เพราะเจ้ามันเทศที่มีจำนวนเยอะมาก ถ้าขนไปมากพอคงสามารถเก็บไว้กินได้หลายวัน และคงจะกินประทังชีวิตแทนข้าวสารที่มีราคาแพงหูฉี่ได้บ้าง

ในระหว่างที่ปล่อยให้ผู้ใหญ่ขุดมันเทศอย่างขยันขันแข็ง เสี่ยวหลินน้อยที่ยังไม่มีพละกำลังมากพอที่จะช่วย ก็เดินไปเจอพุ่มไม้ที่สั่นไหวแปลกๆ และยังมีจุกสีน้ำตาลโผล่มาอีก พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นางก็พบกับลูกวัวสีน้ำตาลขนปุกปุยที่กำลังนอนตัวสั่นเหมือนหนีอะไรสักอย่างมา เสี่ยวหลินเห็นว่าไม่มีแม่ของเจ้าลูกวัวอยู่แถวนี้ ก็คิดมันคงโดนทิ้งแล้วแน่ๆ จึงขอกับท่านแม่ว่าจะพามันกลับไปเลี้ยงที่บ้าน แถมยังตั้งชื่อให้เสร็จสรรพว่า เสี่ยวจง อีกด้วย!

อาหารที่นี่ช่างจืดชืด เดี๋ยวเสี่ยวหลินจะหาวัตถุดิบแซ่บๆ มาให้ท่านแม่เอง!

หลังจากที่ได้ไปผจญภัยในป่ามาแล้ว เสี่ยวหลินน้อยก็รู้จักที่จะไปสำรวจบริเวณอื่นรอบๆ บ้านบ้าง จนได้ไปพบกับตะไคร้และพริก! สวรรค์! นี่มันวัตถุดิบชั้นยอดในการทำน้ำจิ้มซีฟู้ดเลยไม่ใช่หรือไง แค่คิดภาพที่ตนจะได้กินอาหารทะเลที่ท่านพ่อหามา เอามาจิ้มกับน้ำจิ้มแซ่บๆ แค่นี้ก็น้ำลายหยดติ๋งๆ แล้ว นางไม่รอช้า รีบวิ่งเอาตะไคร้และพริกไปให้ท่านแม่โดยไว  

ฝั่งท่านแม่เองที่ไม่เคยรู้จักสมุนไพรเหล่านี้มาก่อนก็กลัวว่ามันจะเป็นอันตราย แต่เสี่ยวหลินก็นั่งยันนอนยันว่ามันกินได้ไม่เป็นอันตรายแน่นอน ว่าแล้วก็เอาเข้าปากกินโชว์ซะเลย! พอท่านแม่ถามว่านางรู้ได้ยังไง เสี่ยวหลินก็เลิ่กลั่ก ชี้โบ้ชี้เบ้บอกว่าเจ้าวัวน้อยเสี่ยวจงบอกมาน่ะสิ! ถึงท่านแม่จะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรามือไม่ซักไซ้ต่อ นางเลยรอดตัวไป และนับจากนั้นมา เมื่อไหร่ก็ตามที่นางเผลอทำตัวฉลาดเกินวัยจนคนที่บ้านสงสัย นางก็จะเอาตัวรอดโดยการโบ้ยว่าเสี่ยวจงนั่นแหละเป็นคน(?)บอกทุกครั้งไป!

 

เพราะนางคือตัวนำโชคน้อยของครอบครัว!

จะเรียกว่าเสี่ยวหลินเป็นเด็กที่มาพร้อมกับดวงก็ว่าได้ เพราะทุกครั้งที่นางเข้าป่าไปกับท่านพ่อและท่านอา นางก็ต้องเจอของดีๆ ให้ได้เก็บกลับมาบ้านเสมอ อย่างล่าสุดนางก็ไปเจอเห็ดหลินจือแดง สมุนไพรหายากและราคาแพง(สุดๆ) จนถึงกับต้องร้องกรี๊ดออกมาในความโชคดีของตัวเอง ทำเอาท่านพ่อตกอกตกใจหมด หลังจากหายตื่นเต้นแล้ว นางจึงให้ท่านพ่อรีบเก็บเห็ดหลินจือนี่ไปขายด่วนๆ และเมื่อนำมันไปขายให้กับร้านสมุนไพรในเมือง ท่านพ่อของนางก็ได้เงินมาถึงเกือบสองร้อยตำลึงทอง! ซึ่งเงินจำนวนนี้ทำให้ครอบครัวนางแทบจะกลายเป็นมหาเศรษฐี!  

และถึงแม้ครอบครัวเสี่ยวหลินจะมีเงินมากมายภายในชั่วข้ามคืน แต่หากไม่รู้จักใช้จ่ายให้เป็นประโยชน์ เงินเหล่านี้ก็คงจะหมดในเร็ววัน เสี่ยวหลินจึงแนะนำให้ท่านพ่อซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อนำมาปลูกมันเทศให้ได้จำนวนเยอะๆ เนื่องจากใกล้หน้าหนาวเข้ามาแล้ว อีกทั้งข้าวสารก็มีราคาแพง หากครอบครัวนางมีมันเทศตุนไว้จำนวนมากๆ ก็คงจะเหลือให้ได้กินจนอิ่มไปหลายเดือน และยังสามารถนำไปขายให้กับชาวบ้านที่ต้องการได้อีกด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าการปลูกมันเทศตามวิธีของเสี่ยวหลินก็ได้ผลดีเกินคาด จนแทบจะเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ทัน ต้องเร่งจ้างคนงานให้มาช่วยเป็นสิบ และพอเก็บเกี่ยวจนหมด จำนวนของมันก็มีมากจนนำไปขายให้กับชาวบ้านและพวกเศรษฐีได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ! ความร่ำรวยที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ครอบครัวแบบไม่หยุดไม่หย่อนเช่นนี้ เสี่ยวหลินจึงกลายเป็นตัวนำโชคน้อยของท่านอาหรงเฉินไปซะแล้ว!

เสี่ยวหลินตัวน้อยกับกิจการอาหารตากแห้ง!

นอกจากวัตถุดิบหรือพืชผักสมุนไพรที่เสี่ยวหลินน้อยได้ค้นพบแล้วเนี่ย ที่บ้านของนางก็ยังเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ท่านพ่อและท่านอาไปหาจับมาได้ ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึก กุ้ง หอย ปู ปลา ไข่เป็ด หมูป่า โอ้ยยย เรียกได้ว่านับไม่หวาดไม่ไหว! ซึ่งพวกเนื้อสัตว์เหล่านี้ นอกจากจะนำมาให้ท่านแม่ทำเป็นอาหารแสนอร่อยไว้กินกันทุกมื้อแล้ว เสี่ยวหลินก็ยังนำมันไปตากแห้งและแปรรูปให้เก็บไว้ได้นานๆ เพราะนางตั้งใจไว้แล้วว่าจะเปิดกิจการร้านค้าอาหารตากแห้งยังไงล่ะ!  

ทำให้ในแต่ละวัน สมองน้อยๆ ของเสี่ยวหลินก็เอาแต่คิดว่า จะเอาอะไรมาตากแห้งขายเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวดีนะ ช่างทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัย จนท่านพ่อท่านแม่เห็นแล้วถึงกับส่ายหัวด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ แล้วรีบบอกว่าปล่อยให้การหาเงินเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เถอะ เด็กน้อยอย่างเสี่ยวหลินน่ะ ไปใช้ชีวิตวัยเด็กให้มีความสุขดีกว่า และถึงแม้เสี่ยวหลินจะรับปากและพยายามคิดเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้น้อยลง แต่ลึกๆ ในใจมันก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี  

ก็แหม นางเป็นตัวตั้งตัวตีพาครอบครัวมาจนถึงจุดนี้แล้ว ถ้าไม่ไปต่อให้สุด นางก็เสียชื่อตัวนำโชคของครอบครัวหมดน่ะสิ!

 

ดูเหมือนเป้าหมายการใช้ชีวิตเรียบง่ายของหนูน้อยถังเสี่ยวหลินจะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว เพราะนับวันน้องก็ยิ่งเอาแต่คิดว่าจะเอาอะไรมาขายดีนะ ซ้ำยังงอกแผนธุรกิจขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ อีก จนทุกคนน่าจะอยากพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พักก่อนเถอะหนู! แต่จะให้ทำยังไงได้ ก็ยุคสมัยที่น้องอยู่เงินทองมันหายากนี่นา อะไรที่พอจะทำเงินได้เสี่ยวหลินน้อยก็ต้องคว้าไว้ก่อน จะได้มีเงินมาซื้อของกินอร่อยๆ เติมลงไปในพุงกลมๆ นี่ทุกวันยังไงล่ะ!  

เพราะฉะนั้นแล้ว ใครที่เป็นนักอ่านสาย Feel good พี่ปุ๋ยขอแนะนำนิยายเรื่อง หนูน้อยสกุลถัง เรื่องนี้มากๆ เลยละค่ะ เพราะนิยายเรื่องนี้นั้นดำเนินเรื่องแบบสบายๆ โนดราม่า แต่ไม่น่าเบื่อ อ่านแล้วก็มีแต่จะต้องเอ็นดูในความขยันขันแข็ง ช่างคิดช่างเจรจาของของหนูน้อยเสี่ยวหลินอย่างแน่นอน และหากใครอยากรู้ว่า ต่อไปเสี่ยวหลินน้อยคนนี้จะเปิดกิจการค้าขายอะไรอีก ก็ต้องรีบตามไปอ่านกันด่วนๆ เลย โก โก!

อ่านนิยาย

พี่ปุ๋ย :)

พี่ปุ๋ย
พี่ปุ๋ย - Columnist มนุษย์ผู้ได้เปิดโลกกว้างผ่านการอ่านนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น