7 ข้อเท็จจริงสุดตะลึงของแฟนฟิคที่รู้แล้วมีอึ้ง!

7 ข้อเท็จจริงสุดตะลึงของแฟนฟิคที่รู้แล้วมีอึ้ง!

เมื่อตอนจบของนักเขียนไม่เป็นดั่งใจ นักอ่านยอดฝีมือจึงได้สรรค์สร้างไทม์ไลน์ใหม่ที่ต่างจากต้นฉบับ!

แฟนฟิคชัน (fanfiction) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าแฟนฟิค (fanfic) ถ้าพูดโดยความหมายกว้างๆ คือ การนำตัวละครจากเรื่องเล่าที่มีอยู่ก่อนแล้ว มาบรรยายสร้างเรื่องราวที่แตกต่าง บ้างอาจคงรายละเอียดเดิมของนิยายไว้ครบ บ้างอาจเขียนให้ต่างจากโครงเรื่องเดิมของนิยายโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงตัวละครบางตัวเท่านั้นยังคงเดิม แต่หมวดนิยายธรรมดาๆ นี้ ก็มีความจริงสุดแสนไม่น่าเชื่อเช่นกัน!

จะเป็นอะไรบ้าง ลองไปดูกันเถอะ!

I แนวคิดแฟนฟิคมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลน๊านนานมาแล้ว

ในสมัยก่อนคริสตศตวรรษ มีกวีกรีกชื่อดังนาม โฮเมอร์ (Homer) ได้แต่งมหากาพย์เรื่องหนึ่งขับขานเป็นลำนำไปทั่วแดนที่เยือน ลำนำนั้นมีชื่อว่า มหากาพย์อิเลียด (The Iliad) ซึ่งเล่าถึงมหาสงครามแห่งกรุงทรอย เรื่องราวการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างชาวกรีกและชาวทรอย ที่โดนแทรกแซงโดยเหล่าเทพเจ้า 

เมื่อลำนำนี้โด่งดังไปทั่ว วันหนึ่งจักรพรรดิออกัสตัส ซีซาร์ (Augustus Caesar) กษัตริย์แห่งโรมก็รู้สึกอิจฉาชาวกรีกที่มีเรื่องราวยิ่งใหญ่เช่นตำนานอิเลียดเล่าขานเป็นของตนเอง จึงบังเกิดความคิดต้องการสร้างมหากาพย์เช่นนี้ให้เมืองของตนบ้าง เขาจึงจ้างกวีชื่อเวอร์จิล (Virgil) ให้สร้างสรรค์ผลงานใหม่เพื่อชาวโรมัน เวอร์จิลจึงค้นข้อมูลและศึกษางานของโฮเมอร์อย่างหนักจนเกิดเป็นไอเดียสร้าง มหากาพย์อิเนียด (The Aeneid) ขึ้นในช่วง 29-19 ปีก่อนคริสตกาล โดยดำเนินเรื่องราวด้วยตัวประกอบคนหนึ่งจากมหากาพย์อิเลียดที่มีนามว่าอิเนียส (Aeneas) และเรื่องจะเล่าว่าชายคนนี้ซึ่งเป็นวีรบุรุษชาวทรอย ได้หลบหนีจากสงคราม แล้วเดินทางไปตั้งรกรากใหม่ในอิตาลี ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ และสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นมาชื่อว่าอาณาจักรโรมัน

มหากาพย์อิเนียดนี้จึงถือเป็นเรื่องราวแรกๆ ที่มีการนำเอาตัวละครจากเรื่องแต่งอื่นมาขยายความสร้างเนื้อเรื่องใหม่เอง กลายเป็นหนึ่งในแฟนฟิคที่เก่าแก่ที่สุด!

II ผลการศึกษาออกมาว่าผู้หญิงเขียนแฟนฟิคมากกว่าผู้ชาย

ในปี ค.ศ. 2010 FFN Research ทำการสำรวจจำนวนประชากรที่ใช้งานเว็บไซต์ fanfiction.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์ลงแฟนฟิคชื่อดัง แล้วพบว่า นอกจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ของเว็บจะเป็นวัยรุ่นแล้ว นักเขียนในเว็บไซต์ยังเป็นผู้หญิงกว่า 80% ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ คามิลล์ เบคอน-สมิธ (Camille Bacon-Smith) นักวิชาการและนักเขียนชาวอเมริกันกล่าวไว้ว่านักเขียนแฟนฟิคมักเป็นผู้หญิงซะส่วนมาก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าสาเหตุใดเป็นจริง นอกจากนั้นในสังคมที่หญิงชายเริ่มจะมีความเท่าเทียมกัน สัดส่วนนักเขียนชายหญิงในวงการแฟนฟิคก็อาจจะเปลี่ยนไปในอนาคตก็ได้

III นักอ่านมองว่าการเขียนแฟนฟิคคือการบูชางานและนักเขียน

ไม่รู้ว่าทุกคนมองแฟนฟิคเป็นแบบไหน แต่แฟนพันธุ์แท้ของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ (Sherlock Holmes) ในยุคสมัยวิคตอเรีย มองงานเขียนเช่นแฟนฟิคเป็นเครื่องแสดงความรักต่องาน!

หากพูดถึงนักเขียนสืบสวนเลื่องชื่อที่ดังมาจนถึงปัจจุบัน โคนัน ดอยล์ (Conan Doyle) คงเป็นหนึ่งคนที่ติดโผตลอดศก เพราะนิยายขึ้นหิ้งของเขาซึ่งคือชุดนิยาย เชอร์ล็อก โฮล์มส์ นั้น สามารถกวาดแฟนนิยายได้ไปกว่าหลายล้านคนทั่วโลก และในช่วงการตีพิมพ์งานนั้นเอง นิยายชุดซีรีส์นี้ก็ทำให้เหล่าคนในยุคนั้นคลั่งไคล้สุดขีด จนถือกำเนิดแฟนพันธุ์แท้ที่เรียกตัวเองว่า Sherlockians หรือ Holmesians ขึ้น

เหล่าแฟนคลับพวกนี้ไม่เพียงอ่านงานอย่างลึกซึ้ง พวกเขายังต่อเติมสร้างจินตนาการจนเกิดเป็นงานเขียนสุดสร้างสรรค์ เพราะเห็นว่าการเขียนงานโดยใช้รากฐานจากนิยายที่ตนชอบคือการให้เกียรติและแสดงความเคารพกับงานและนักเขียน แถมยังแสดงให้เห็นว่าตนรู้จักนิยายทะลุปรุโปร่งอีกด้วย 

 บางคนถึงขั้นส่งงานตัวเองไปให้ดอยล์อ่านเลยด้วย ซึ่งหนึ่งในงานเหล่านั้นคือเรื่อง The Man Who Was Wanted โดย อาเธอร์ วิทเทกเกอร์ (Arthur Whitaker) ที่ทำให้ดอยล์ถึงกับเอ่ยปากชมว่า ยอดเยี่ยม และแนะให้เปลี่ยนชื่อตัวละครเป็นชื่ออื่นที่ไม่ใช่ตัวละครในเชอร์ล็อก โฮล์มส์เสียซะ แล้วตีพิมพ์นิยายเรื่องนี้ในฐานะงานเขียนต้นฉบับของตัวเอง

IV มีนิตยสารที่รวบรวมแฟนฟิคโดยเฉพาะ!

มีแมกกาซีน (magazine) แล้ว ทำไมจะมีแฟนซีน (fanzine) ไม่ได้!

หากแมกกาซีนคือนิตยสารที่มีเป้าหมายเป็นคนทั่วไปแล้วล่ะก็ แฟนซีนก็เป็นนิตยสารที่สร้างขึ้นเพื่อเหล่าแฟนคลับในคอมมูนิตี้นั้นๆ นั่นเอง 

Spockanalia จัดพิมพ์โดยการ์ลิก เพรส (Garlic Press) ซึ่งมีบรรณาธิการเป็น เดฟร่า มิเชล แลงซัม (Devra Michele Langsam) และ เชอร์นา คอเมอร์เฟิร์ด (Sherna Comerford) รวบรวมผลงานไม่ว่าจะเป็นบทกวี เรื่องสั้น งานเขียนอื่นๆ และภาพวาดที่ทำโดยแฟนซีรีส์ ในตอนแรกนั้นมีกำหนดพิมพ์แค่ฉบับเดียว แต่สุดท้ายแฟนซีนนี้กลับออกมาถึงห้าฉบับภายในระยะเวลาสามปี (1967-1970) เนื่องด้วยหลังจากการเผยแพร่ฉบับแรก ได้รับการตอบรับดีมากและมีคนมากมายส่งงานให้แก่ทางผู้จัดพิมพ์จนล้น คนติดตามนิตยสารนี้เองก็มีมากเช่นกัน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้สร้างสตาร์ เทรค เองอีก!

เรียกได้ว่าแฟนซีนนี้ไม่เพียงได้รับเสียงตอบรับจากแฟนคลับ แต่งานเขียนต่างๆ ที่แฟนคลับสร้าง ไม่ว่าจะเป็นแฟนฟิค หรือแฟนอาร์ต (fan art) ก็ได้รับการยอมรับจากคนวงในของซีรีส์แล้วเช่นกัน

V คำดังอย่าง แมรี่ ซู ก็มีต้นกำเนิดมาจากแฟนฟิคนะ

หากใครชอบอ่านนิยายล่ะก็ คำว่าแมรี่ ซู น่าจะผ่านหูผ่านตากันมาไม่น้อย เพราะคำๆ นี้ใช้บรรยายตัวละครหญิงที่มักจะเก่ง ฉลาด มีภูมิหลังไม่ธรรมดา และไม่ว่าจะมีอุปสรรคใหญ่แค่ไหน เธอคนนี้ก็มักจะผ่านไปได้อย่างสวยงาม เป็นตัวละครที่นักเขียนบางคน โดยเฉพาะนักเขียนแฟนฟิค ชอบใช้เป็นอย่างมาก แต่คนบางส่วนก็อาจจะหมั่นไส้และไม่ชอบตัวละครเช่นนี้ จนใช้คำๆ นี้มาเป็นคำบรรยายแนวเสียดสีเลยเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ผิดหรอก เพราะต้นกำเนิดของคำๆ นี้มาจากชื่อตัวละครหนึ่ง ในแฟนฟิคล้อเลียนแฟนฟิคอีกที ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเสียดสีจริงๆ น่ะสิ!

เพราะยิ่งมีแฟนฟิคออกมามากเท่าไร พล็อตยิ่งซ้ำกันมากเท่านั้น ทำให้หลายคนเบื่อความจำเจนี้ พอลล่า สมิธ (Paula Smith) ที่มีความรู้สึกว่านางเอกของแฟนฟิคสตาร์ เทรคที่มีเป็นเบือช่วงนั้นมักจะอายุน้อย และเก่งสุดๆ ซึ่งเหมือนกันเกือบทุกเรื่อง เรียกได้ว่าเยอะจนเอียน ก็รู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิดเช่นกัน เธอเลยตั้งใจเขียนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งมาล้อเลียนตัวละครเช่นนี้

A Trekkie’s Tale จึงถูกเขียนขึ้น โดยเล่าถึงหญิงสาวนาม ‘แมรี่ ซู’ เรือเอกหญิงอายุน้อยที่สุดในกองทัพ ผู้ทำหน้าที่แทนทุกคนบนยานได้ แถมไม่ว่าใครก็ล้วนแต่ชื่นชอบเธอ และเมื่อเธอติดโรคร้ายและตายไป ทุกคนก็ล้วนเศร้าโศกเสียใจต่อการจากไปของหญิงสาวผู้ทั้งเยาว์วัยและงดงามคนนี้ แถมยังตั้งวันเกิดเธอให้เป็นวันหยุดประจำชาติของยานเอนเตอร์ไพรซ์ (Enterprise) อีกด้วย!

VI นักเขียนชื่อดังหลายคนเคยเขียนแฟนฟิคมาก่อน

จะเขียนให้เก่ง ก็ต้องเริ่มจากเขียนให้เยอะ เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่นักเขียนชื่อดังหลายคนจะเคยเขียนแฟนฟิคเป็นการฝึกฝนฝีมือ ก่อนเขียนนิยายต้นฉบับของตัวเอง

เช่น คาสซานดร้า แคลร์ (Cassandra Clare) ก่อนการตีพิมพ์นิยายชื่อดังของเธอ เรื่องนครรัตติกาล (The Mortal Instruments) เธอก็ได้คลุกคลีกับการเขียนแฟนฟิคมาไม่น้อย 

และไม่เพียงแต่นักเขียนดังฝ่ายหญิงที่เขียนแฟนฟิค ฝ่ายชายเช่น แอนดี เวียร์ (Andy Weir) เจ้าของนิยายวิทยาศาสตร์สุดระทึกเรื่อง เหยียบนรกสุญญากาศ (The Martian) ก็เคยเขียนแฟนฟิคเหมือนกัน ที่พิเศษคือเขาเขียนงานนี้หลังจากกลายเป็นนักเขียนดังแล้ว แถมงานเขียนของเขาดันโดนใจนักเขียนต้นฉบับเรื่อง สมรภูมิเกมซ้อนเกม (Ready Player One) อย่าง เออร์เนสต์ ไคลน์ (Ernest Cline) สุดๆ จนทำให้ไคลน์เพิ่มแฟนฟิคของเวียร์ในตัวนิยายฉบับพิมพ์ใหม่ของเขาเลยด้วย 

VII นิยายดังหลายเรื่องก็เคยเป็นแฟนฟิคมาก่อนเช่นกัน

ไม่มีใครตอบเรื่องนี้ได้ชัด แต่นิยายดัง เช่น ฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์ (Fifty Shades of Grey) ซึ่งเขียนโดย อี.แอล. เจมส์ (E.L. James) ก็เริ่มจากการเป็นแฟนฟิคนิยายมาก่อน 

เมื่อสิงหาคม ค.ศ. 2009 อี.แอล. เจมส์ที่ตอนนั้นยังใช้นามแฝง Snowqueens Icedragon ได้เขียนแฟนฟิคแวมไพร์ทไวไลท์ (Twilight) เรื่องหนึ่งชื่อว่า Master of the Universe ลงบนเว็บไซต์ แต่หลังจากที่เธอเซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์เพื่อตีพิมพ์ผลงาน เธอได้นำงานนี้มาแก้ไขและตัดความเกี่ยวข้องกับแวมไพร์ทไวไลท์ทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อเป็นฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์ เพื่อตีพิมพ์ขาย โดยหวังแค่ให้นิยายขายออกไปได้จำนวนหนึ่ง ทว่า ยอดขายหลังจากการตีพิมพ์กลับมากเกินกว่าที่คิด นิยายเรื่องนี้ดังระเบิดระเบ้อ จนมีคนนำไปทำเป็นหนังที่เป็นกระแสไปทั่วนั่นเอง

นอกจาก ฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์ ที่เคยเป็นแฟนฟิคแล้ว ยังมีนิยายดังไม่น้อยที่เคยเดบิวต์ในฐานะแฟนฟิค ไม่ว่าจะเป็น The Love Hypothesis ของ อาลี ฮาเซลวู้ด (Ali Hazelwood) ซึ่งเป็นนิยายที่ไวรัลสุดๆ ในติ๊กตอก (Tiktok) After ของ แอนนา ท็อดด์ (Anna Todd) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวงวันไดเรกชัน (One Direction) รวมถึงนิยายเรื่อง Beautiful Bastard โดย คริสติน่า ลอเรน (Christina Lauren) และเรื่องอื่น ๆ อีกมาก!

พี่เตย