จากแชตในเกมออนไลน์ สู่เจ้าของนิยายพีเรียดแห่งยุค! เปิดใจ “รอมแพง” ผู้สร้างกระแส “บุพเพสันนิวาสฟีเวอร์”

จากแชตในเกมออนไลน์ สู่เจ้าของนิยายพีเรียดแห่งยุค! เปิดใจ “รอมแพง” ผู้สร้างกระแส “บุพเพสันนิวาสฟีเวอร์” 

สวัสดีชาวเด็กดีทุกคนค่ะ พบปะพูดคุยวันนี้ พี่นจาขอชวนไปคุยกับรอมแพง เจ้าของบุพเพสันนิวาส นิยายที่แมสสุดจนฉุดไม่อยู่ในทุกเวอร์ชัน คอนเฟิร์มด้วยยอดตีพิมพ์ซ้ำถึง 99 ครั้ง แถมยังกลายเป็นละครดังที่สร้างปรากฏการณ์ “ออเจ้าฟีเวอร์” มาแล้วทั่วไทย ล่าสุดแม่นายการะเกดกับพี่หมื่นก็แมสไกลถึงแดนกิมจิ จนกลายเป็นเว็บตูนสุดฮิตของเกาหลีไปแล้วเรียบร้อย

ได้รู้มาว่าก่อนจะเป็นรอมแพงที่ทุกคนรู้จักกันในวันนี้ เธอเริ่มต้นจากการเป็นสาวน้อยรักการอ่าน เติบโตมากับร้านหนังสือเช่าและห้องสมุด จนกลายเป็นคนที่เล่าเรื่องได้มีชีวิตชีวา ชนิดที่ว่าแค่แชตเล่น ๆ กับเพื่อนในเกมออนไลน์เพื่อนก็ชมว่าสนุกจนต้องเชียร์ให้เธอเขียนนิยายเลยทีเดียว

แต่เส้นทางของนักเขียนมือทองที่มีทั้งพล็อต คำและสำนวนอยู่เต็มคลังก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะรอมแพงต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจให้กับการเขียนบุพเพสันนิวาสถึงขั้นลงสนามลุยหาข้อมูลเป็นเวลา 3 ปีด้วยกัน! แถมยังต้องเจอความกดดันและอุปสรรคมากมาย ทั้งโดนละเมิดลิขสิทธิ์ และปัญหาสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว…

เธอผ่านเรื่องราวเหล่านี้ได้ยังไง และเคล็ดลับการปั้นนิยายให้แจ้งเกิดของเธอเป็นแบบไหน ถ้าพร้อมแล้ว ไปเจาะลึกเบื้องหลังของนักเขียนดาวรุ่งคนนี้ได้เลย!

จากห้องแชตในเกมออนไลน์สู่ผลงานตีพิมพ์

จุดที่ทำให้พี่เปลี่ยนจากการเช่าอ่านจากร้านเช่าหนังสือและยืมอ่านจากห้องสมุดมาเป็น 20 ปี มาลองเขียนนิยาย ก็คือการได้เล่นเกมมังกรหยก 2D ออนไลน์ แล้วใช้โปรแกรมแชตหน้าเกมมาคุยเล่นกับเพื่อนร่วมเกม ทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกสนุกที่ได้อ่านสิ่งที่เราพิมพ์ ก็เลยยุให้ลองเขียนนิยายค่ะ

การที่คำพิมพ์หรือคำพูดของเพื่อนร่วมเกมส์มีความทรงพลังขนาดนั้นก็น่าจะเป็นเพราะว่าสิ่งที่เขาพูดกำลังตรงกับใจเราพอดี ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าอยากจะเป็นนักเขียนนิยายนะคะ คิดแค่ว่าอยากจะเขียนสนุก ๆ เท่านั้นค่ะ เพราะมีเรื่องราวจินตนาการในหัวเยอะมาก แต่พอได้ลงมือเขียนก็พบว่ามันเพลิดเพลินและมีความสุขจนอยากเล่าเรื่องราวผ่านนิยายไปเรื่อย ๆ จากนั้นก็เลยลองเขียนลงเว็บไซต์

ตอนที่ตัดสินใจอัพนิยายลงในเว็บไซต์เด็กดีเกิดจากมีเด็กมัธยมแห่งหนึ่งนำเอานิยายเรื่องสายลับลิปกลอสมาลงในเว็บแล้วแอบอ้างว่าเป็นนิยายที่ตัวเองเขียนเอง และได้รับเสียงตอบรับดีมากจนมีแฟนคลับที่ชอบอ่านนิยายของเรามาบอกในเว็บพันทิปที่พี่กำลังลงนิยายให้อ่านฟรีอยู่ พอทราบเรื่องก็รีบไปสืบหาว่าคนอัปในเว็บเด็กดีเป็นใคร แล้วสมัครเว็บเด็กดีเข้าไปพูดคุยกับเขาจนเขายอมลบนิยาย 

จากนั้นก็เลยตัดสินใจลงนิยายของตัวเองในเว็บพันทิปและเว็บเด็กดีเพียงแค่สองเว็บนี้เท่านั้น นิยายที่เอาลงเรื่องแรกก็คือสายลับลิปกลอส ส่วนดาวเกี้ยวเดือนกับบุพเพสันนิวาส ก็ลงให้แฟนคลับทั้งสองเว็บไซต์อ่านพร้อม ๆ กัน ส่วนผลตอบรับก็คือดีมาก ๆ ชอบโมเมนต์ที่มีนักอ่านมาท้วงติงอย่างสุภาพในเนื้อหาของนิยายที่บางทีเราก็เขียนพลาดไป ทำให้เราได้มีโอกาสแก้ไขนิยายของเราก่อนเข้าสู่ขบวนการพิมพ์เป็นรูปเล่มค่ะ

 ส่วนความคิดที่ว่าฉันจะเป็นนักเขียนแล้วนะ เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 ค่ะ หลังจากที่นิยายเรื่องสายลับลิปกลอสได้รับการสนใจจากสำนักพิมพ์ 

ตอนเห็นชื่อผลงานบนแผงหนังสือครั้งแรกรู้สึกภูมิใจในตนเองและโล่งใจค่ะว่าในที่สุดนิยายของเราก็ได้วางแผงแล้ว เพราะสมัยนั้นกว่านิยายเล่มหนึ่งจะวางแผงต้องใช้เวลาเป็นปี ตอนนั้นเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากว่าจะเป็นนักเขียนมืออาชีพ เพราะรู้สึกรักการเขียนนิยาย และคิดว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ จนคิดจะใช้อาชีพนี้เป็นอาชีพหลักและอาชีพเดียวจากนี้ต่อไป เพราะเปลี่ยนมาเกือบ 12 อาชีพไม่มีอาชีพไหนที่ทำให้มีความสุขได้เท่านักเขียนนิยายค่ะ 

“บุพเพสันนิวาส” นิยายตีพิมพ์ 99 ครั้ง สู่ละครดังและเว็บตูนเกาหลี

ตอนเริ่มเขียนบุพเพสันนิวาสเป็นช่วงที่เว็บเด็กดีมีการมอบรางวัลว๊อยส์อวอร์ดพอดีค่ะ แต่ตอนนั้นเขียนเรื่องดาวเกี้ยวเดือนก่อนและได้รางวัล พอจบก็เริ่มเขียนบุพเพสันนิวาสต่อเนื่องไป เลยทำให้มีคนมาอ่านเยอะมาก มีผลตอบรับที่ดีมากที่สุดในบรรดานิยายทั้งหมดที่พี่เขียนค่ะ 

จนถึงวันนี้นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ไปแล้ว 99 ครั้ง ไม่รวมยอดดาวน์โหลดจากอีบุ๊กและยังขายได้เรื่อย ๆ ก็น่าจะเพราะโชคดีที่ได้ผู้จัดละครและทีมงานละครรวมไปถึงนักแสดงที่ดี ทำให้ถ่ายทอดเรื่องราวในนิยายออกมาเป็นละครได้ดี ทำให้ถูกใจคนดูและส่งผลสะท้อนมาที่ตัวนิยายค่ะ

ตอนเขียนคือคิดแค่จะเขียนเป็นนิยายเท่านั้น คิดว่าคงทำเป็นละครหรืออย่างอื่นได้ยากมาก ด้วยเรื่องราวที่เป็นการใช้ประวัติศาสตร์โบราณมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่ได้รับความสนใจและได้เอาไปทำเป็นละครไทยจนเป็นกระแสส่งผลไปสู่การซื้อลิขสิทธิ์ไปทำในรูปแบบอื่น ๆ ค่ะ

พี่คิดว่าแต่ละประเทศรวมไปถึงเกาหลีใต้ น่าจะอยากรู้เรื่องราวที่แปลกแตกต่างจากประเทศตัวเอง จริง ๆ ก่อนที่เกาหลีจะซื้อไป จีนซื้อไปก่อนนะคะ แต่เขาอาจจะทำยากด้วยเหตุผลทางด้านการเมืองของประเทศเขาที่มีการเซ็นเซอร์รูปแบบละครเยอะเลยทำให้โปรเจคต้องพับไป ก็ไม่เป็นไรค่ะพี่ได้ตังค์มาแล้ว5555 ส่วนของเกาหลีนี่คือน่าจะเกิดขึ้นจากการที่คาเคาเว็บตูนเพิ่งเข้ามาเปิดในประเทศไทย ทำให้ต้องการเรื่องราวที่เป็นกระแสมาจุดให้เกิดความสนใจของคนในประเทศไทยค่ะ ก็เลยให้เกียรติบุพเพสันนิวาสมาเป็นเว็บตูนในครั้งนี้  

ความสำเร็จในครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตพี่ไปมากค่ะ มีเงินทองทรัพย์สินเพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือได้รู้จักผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพ ได้รับโอกาสอีกมากมายที่จะเรียนรู้ชีวิต ทำให้พี่รู้สึกว่าชีวิตการเป็นนักเขียนของพี่คือประสบความสำเร็จเกินนึกฝันไปแล้ว และได้ตกผลึกความคิดตัวเองว่าสุดท้ายทุกอย่างก็เท่านี้แหละ ชีวิตมีลงมีขึ้น มีขึ้นและมีลงค่ะ 

ส่วนเป้าหมายที่อยากพิชิตตอนนี้คืออยากเขียนนิยายเรื่องพิภพมรณังให้จบ ค่ะเพราะใช้เวลาเขียนมาสามปีแล้วเขียน ๆ หยุด ๆ ควรจบให้ได้ก่อนกลางปีนี้ เตรียมตัวสอยกันได้เลยนะคะ น่าจะได้อ่านกันประมาณกลางปี 68 ค่ะ

ความยาก ความกลัวและความท้อ: 3 โมเมนต์ที่สอนให้เต็มที่กับผลงาน

  1. ช่วงเวลาที่ยากที่สุดของการเป็นนักเขียนคือการเขียนงานที่ต้องอ้างอิงข้อมูล ทำให้เราต้องไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น และก็อาจจะไม่ได้ครอบคลุมเท่าที่ควรทำให้การเขียนงานยากขึ้น รวมทั้งการคิดพล็อต คิดคำ คิดสำนวนที่จะทำให้งานของเราเป็นไปอย่างราบรื่น รวมไปถึงการเดินทางไปหาข้อมูล หรือสัมภาษณ์บุคคลที่มีความรู้ นอกเหนือจากการหาซื้อหนังสือความรู้ต่างๆ หรือออกเดินทางไปหาความรู้จากหลายๆแหล่งแล้ว ก็ยังมีเรื่องของสุขภาพ เพราะอาชีพนักเขียนจะต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อพิมพ์งาน บางครั้งก็เผลอนั่งนานไปหน่อย รวมไปถึงชอบการเขียนงานตอนกลางคืนที่ทำให้มีสมาธิมากกว่า ทำให้มีการพักผ่อนไม่เป็นเวลา ทุกวันนี้ก็คือส่งผลให้เป็นไทรอยด์เป็นพิษมาเป็นสิบปีแล้วค่ะ ก็ต้องยอมรับ รักษาตัว และอยู่กับโรคที่หายยากมากต่อไป
  2. พี่เคยเผชิญกับความกลัวและความไม่มั่นใจในการเขียนงานอยู่บ้างนะคะ อย่างเช่นเรื่องพรหมลิขิตที่เป็นภาคต่อของบุพเพสันนิวาส เพราะจากการที่เป็นภาคต่อของเรื่องที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ทำให้เรารู้สึกกดดันอยู่บ้าง ว่าจะทำให้ดีได้ไหม เพราะช่วงที่เขียนเป็นช่วงที่มีปัญหาในครอบครัวด้วย ทั้งคุณแม่และคุณพ่อไม่สบายแบบหนักมาก คุณแม่นอนติดเตียงแล้วพี่ต้องดูแล ก็เลยทำให้ทุกอย่างยิ่งยากเข้าไปอีก
  3. ช่วงเวลาที่หมดแรงหรือท้อแท้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องคดีความการละเมิดลิขสิทธิ์ที่บางครั้งก็ทำให้เราคิดว่าหรือเราจะเลิกเขียนดี เพราะว่ามันบั่นทอนจิตใจมากค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ผ่านมาได้คือนักอ่านหรือแฟนคลับของเราที่ให้กำลังใจ และอยากอ่านผลงานของเราไปเรื่อย ๆ ทำให้กลับมาฮึดเขียนอีกครั้ง การที่แฟนหนังสือหรือแฟนละครมาบอกเล่าสิ่งที่เขาผ่านได้โดยมีนิยายของเราทำให้เกิดขึ้นทำให้พี่รู้สึกว่าดีจังที่เราได้เขียนนิยาย

ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกไม่ดีเมื่อถูกละเมิดลิขสิทธิ์อยู่นะคะ แต่ก็มีแนวทางการจัดการที่เป็นระบบมากขึ้น ตอนนี้พี่ก็ได้รับการแต่งตั้งและขึ้นทะเบียนเป็นอนุญาโตตุลาการของกรมทรัพย์สินทางปัญญา  เพื่อช่วยเกี่ยวกับข้อพิพาทในกรณีที่เพื่อน ๆ นักเขียนฟ้องร้องเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยค่ะ

สิ่งที่ทำให้พี่เรียนรู้คือ ทุกอย่างเราต้องทำให้ดีที่สุด ต่อให้เป็นงานเขียนที่ไม่ต้องใช้ข้อมูลมากมายแต่ถ้าเราไม่ดูถูกคนอ่าน นำเสนองานที่ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ ถึงแม้ในสายตาคนอื่นอาจจะคิดว่าไม่ได้ดีพร้อมเท่าที่ควร แต่ถ้าเรามีเจตนาที่ดีและพยายามถึงที่สุดแล้ว สุดท้ายผลก็จะออกมาไม่เลวค่ะ 

แชร์ทริคสำคัญ ปั้นนิยายให้ปังตามสไตล์รอมแพง

เคล็ดไม่ลับคือ ใช้ความชอบของตัวเองเป็นพื้นฐานค่ะ 

และประสานข้อเท็จจริงที่อาจจะไม่จริงให้เข้ากับจินตนาการด้วยการใช้ความชอบและความอยากเล่าของเราไปในงานเขียน ที่สำคัญคืออ่านให้เยอะ ๆ ค่ะ บางทีข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจะสร้างความแตกต่างให้กับงานเขียนเราได้นะคะ

ฝากถึงคน(อยาก)เดินบนเส้นทางนักเขียน

ลุยเลยจ้า เขียนไปเถอะ ดีไม่ดีก็ไม่เป็นไรให้เริ่มลงมือ เริ่มจากสิ่งที่ชอบ 

นักเขียนหมายถึง การเขียนบอกเล่าในสิ่งที่เราคิด เราศึกษา เราชอบ ออกมาเป็นตัวหนังสือผ่านเรื่องราวในจินตนาการ หาข้อมูลให้มากที่สุดและหลากหลายแหล่งที่สุด และลงมือลุยเลยค่ะ แล้วทำบ่อย ๆ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับตัวเอง อ่านหนังสือให้เยอะ ๆ จะได้มีคลังคำคลังสำนวนในหัว ทำถี่ ๆ เข้าก็จะเกิดทักษะและพัฒนาขึ้นเองค่ะ

และนี่คือเรื่องราวของรอมแพง นักเขียนที่พิสูจน์แล้วว่าการเริ่มต้นจากสิ่งที่รัก ก็สามารถไปถึงฝันได้ โดยเธอเริ่มจากสาวน้อยรักการอ่านผู้เปลี่ยนมาแล้ว 12 งานสู่นักเขียนเงินล้าน เพราะเธอเชื่อว่าความรักในการเขียนมีค่าพอจะสู้ต่อไปบนเส้นทางสายนี้

หลังจากได้พูดคุยกับรอมแพง พี่นจาบอกเลยว่ารู้สึกทั้งประทับใจและได้รับกำลังใจกลับมาแบบเต็มแม็กซ์เลยค่ะ เพราะเธอไม่ใช่แค่นักเขียนที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นคนที่กล้าลงมือเขียน กล้าล้ม และกล้าลุกขึ้นใหม่พร้อมกับความรักในการเขียนเสมอ ไม่ว่าหนทางจะยากแค่ไหนก็ตาม

สำหรับนักเขียนรุ่นใหม่ หรือใครที่กำลังลังเลว่าจะเริ่มเขียนดีไหม พี่นจาหวังว่าเรื่องราวของรอมแพงจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนนะคะ ขอแค่เริ่มจากสิ่งที่ชอบและใส่ความตั้งใจลงไป เส้นทางนักเขียนก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วค่ะ :)

อ่านนิยายของ รอมแพง

ติดตามผลงานใหม่ล่าสุด!

พี่นจา
พี่นจา - Columnist หนอนหนังจื๋อ เขียนได้นิดหน่อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น