นักเขียนออนไลน์ในตำนาน : “ชญาน์พิมพ์” กับนิยายพารานอมัล-แฟนตาซีที่หอมกลิ่นน้ำหอม อบอวลด้วยบทกวี และเชื่อในความรัก

นักเขียนออนไลน์ในตำนาน
“ชญาน์พิมพ์” กับนิยายพารานอมัล-แฟนตาซี
ที่หอมกลิ่นน้ำหอม อบอวลด้วยบทกวี และเชื่อในความรัก

 

 “หนูโตขึ้นอยากเป็นเทพีอาเธนา...” 

ประโยคเล่นๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่ไม่ได้อยากเป็นหมอ ไม่ได้อยากเป็นครู หรือเจ้าหญิงในเทพนิยาย เธอแค่อยากเป็น “เทพี” ผู้ฉลาด กล้าหาญ และใช้ปัญญาต่อสู้กับความมืด ใครจะคิดล่ะว่า ความฝันแบบเด็กๆ นั้น จะกลายเป็น “เข็มทิศชีวิต” ที่พา “ชญาน์พิมพ์” หรือ “พี่ทอฟฟี่” รอดพ้นจากวันที่มืดมนที่สุด วันที่เธอต้องเสียแทบทุกอย่าง ใช้ชีวิตในเซฟเฮาส์หลังคุณแม่ถูกลอบยิง และในช่วงเวลาที่โลกความจริงพังทลายลง เธอเริ่ม “เขียน” โลกใบใหม่ขึ้นมาด้วยปลายปากกา โลกในจินตนาการที่เธอเป็นผู้ควบคุม และปลอดภัยพอจะซ่อนตัวจากความเจ็บปวดในชีวิตจริง โลกเหล่านั้นค่อยๆ แข็งแรงขึ้นทุกวัน 

 

วันนี้ “ชญาน์พิมพ์” คือหนึ่งในนักเขียนแนวพารานอร์มัล-แฟนตาซีระดับแถวหน้า ผู้สร้างโลกที่มีทั้งเทพจำแลง แวมไพร์ และพระเอกผู้เป็นสุคนธกรลึกลับจากอียิปต์ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่นิยาย แต่เป็น “หลุมหลบภัย” ที่ช่วยรักษาหัวใจเธอ และของผู้อ่านอีกนับหมื่นชีวิต นี่คือเรื่องราวของเธอ #เกิดมากับเด็กดี #โตมากับเด็กดี #เป็นนักเขียนเด็กดี #ชญาน์พิมพ์ก็เริ่มจากที่นี่

 

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก แม้ความฝันของชญาน์พิมพ์จะไม่ได้ชัดเจนว่า “อยากเป็นนักเขียน” แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เธอเติบโตมากับ “ตัวอักษร” กับนิยายที่แน่นตู้คุณยาย และกับจินตนาการที่ไม่มีใครพรากไปจากเธอได้ 

“พี่ไม่เคยคิดว่าจะโตขึ้นมาเป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเทพีอาเธนาในเซนต์เซย่า” 

พี่ทอฟฟี่ — ชญาน์พิมพ์ เล่าพร้อมรอยยิ้ม เธอไม่ใช่เด็กประเภทที่เล่นพ่อแม่ลูก แต่เป็นเด็กที่ปีนต้นไม้แล้วจินตนาการว่า มันเป็นปราสาทของเทพีผู้ใช้ปัญญาต่อสู้กับความมืด และนิยายเรื่องแรกในชีวิตที่อ่าน ก็คือ “ดาวเรือง” ของทมยันตี ซึ่งหยิบมาจากตู้หนังสือของคุณยายนั่นแหละ “จากตรงนั้น... ก็ไม่เคยหยุดอ่านอีกเลย”

 ในช่วง ม.1 เธอเริ่มเขียนนิยายใส่สมุด ลองแต่งเรื่องแฟนตาซีให้เพื่อนอ่าน แต่เส้นทางการเขียนก็ต้องเว้นช่วงไป เมื่อเข้าเรียนคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และความฝันในการเรียนต่อต่างประเทศ พาเธอออกจากวงโคจรนิยายชั่วคราว จนกระทั่งวันที่เธอกลับจากฝรั่งเศส หลังเรียนจบปริญญาโท เธอตัดสินใจดื้อรั้นกับความฝันเล็กๆ ของตัวเอง ลองใช้ชีวิตตามทางที่เลือก ด้วยการไปเป็น “นักข่าวบันเทิง” งานที่ไม่เกี่ยวอะไรกับวรรณกรรมเลยสักนิด และนั่นแหละ... คือจุดที่โชคชะตาพลิกผันอีกครั้ง

กลางดึกในห้องทำงานอันว่างเปล่า “ชญาน์พิมพ์” อินโทรเวิร์ตสาวท่านหนึ่ง ต้องนั่งรอเทปรายการพากย์ดาราเรนเดอร์จนตีหนึ่ง เธอหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาท่องโลกอินเทอร์เน็ต และบังเอิญเจอเว็บไซต์หนึ่งที่ชื่อว่า “Dek-D.com” เธอเริ่มจากการอ่าน อ่านแบบติดงอมแงม ติดนิยายของนักเขียนหลายคน เช่น Hideko_Sunshine, ติกาหลัง, เชียร์รี่เมธิญา และอีกมากมาย ในใจเธอผุดคำถามขึ้นมาเบาๆ “เออ แล้วทำไมเราไม่ลองเขียนเองล่ะ?” 

แน่นอนว่า… ชญาน์พิมพ์ไม่ปล่อยให้คำถามนั้นลอยหายไป คืนถัดมา เธอเปิดไฟล์เก่า หยิบไอเดียในลิ้นชักความทรงจำกลับมานั่งเขียนใหม่ คราวนี้เขียนอย่างจริงจัง กระทั่งในปีพ.ศ. 2548 เรื่องแรกที่เธอลงเว็บ Dek-D คือ “ข่าววุ่นลุ้นรัก” เรื่องราวน่ารักๆ ระหว่างดารากับนักข่าวที่เน้นเนื้อเรื่องแทนเนื้อหนัง (ฮา) 

“ตอนกด Publish ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะพี่ไม่ถนัดเทคโนโลยีเลย กลัวกดผิดกดถูก แล้วก็อยากรู้ด้วยว่าคนอ่านจะว่าไง” 

คำตอบของนักอ่านคือ... “รัก” หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ชญาน์พิมพ์ไม่อยากทำอย่างอื่นอีกเลย เธอแค่อยาก “เขียน เขียน และเขียน” เพื่อสร้างโลกของเธอขึ้นมาอีกครั้ง ไม่นานนัก สำนักพิมพ์ก็ติดต่อเข้ามา ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ ใครจะไปคิดล่ะว่า นิยายที่เขียนเล่นๆ แถมเจ้าตัวยังคิดว่าติงต๊อง จะไปเตะตาใครได้จริงๆ 

“ลุงป้าน้าอาบอกให้ดูสัญญาดีๆ เดี๋ยวโดนหลอกเอานะ” 

แต่ปรากฏว่าสำนักพิมพ์นั้นมีตัวตนจริง และพวกเขาก็ “เชื่อ” ในผลงานของเธอจริงๆ มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหนังสือของตัวเองวางอยู่บนชั้นในร้าน และเธอก็วนเวียนอยู่ตรงนั้นทั้งวัน เพื่อดูว่า “จะมีใครหยิบมันขึ้นมาบ้างไหม” ใจของเธอฟูทุกครั้งที่ได้รับฟีดแบ็คจากนักอ่าน 

สำหรับชญาน์พิมพ์... "Dek-D คือโอเอซิสที่พักใจ คือบ้านหลังแรกในฐานะนักเขียน ที่ช่วยก่อร่างสร้างรูปอาชีพของพี่มาจนถึงวันนี้" มันคือพื้นที่ที่เธอได้ “กล้าพูดในสิ่งที่อยู่ในหัวใจ” เป็นครั้งแรก

ความสุขจากเสียงตอบรับของนักอ่าน คือสิ่งที่ผลักดันให้เธออยากเขียนต่อไป แต่เมื่อโลกแห่งความจริงต้องพังทลายลง นิยายก็กลายเป็นสิ่งเดียวที่ประคองเธอไว้ได้ เหตุการณ์ที่คุณแม่ถูกลอบยิง… กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต วันที่ชญาน์พิมพ์ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเซฟเฮาส์ ไปไหนมาไหนแบบคนปกติไม่ได้ หวาดระแวงว่าจะมีใครมาทำร้าย ไม่มีใครช่วย ไม่มีที่ให้หลบ ทุกอย่างมืดมนจนแทบหายใจไม่ออก 

“ถ้าพี่ไม่ได้เขียน พี่คงบ้าไปแล้ว” 

เธอบอกแบบนั้น เพราะโลกของนิยายคือที่เดียวที่เธอสามารถ “หายใจได้เต็มปอด” ตัวละครทุกตัวในจินตนาการ กลายเป็นเพื่อน คนในครอบครัว และสิ่งยึดเหนี่ยวในวันที่ความจริงไร้ที่พึ่งพิง นิยายจึงไม่ใช่แค่เครื่องมือเพื่อความบันเทิงอีกต่อไป แต่มันคือการฮีลตัวเอง และต่อมา... กลายเป็น “หลุมหลบภัย” ให้ผู้อ่านอีกหลายหมื่นชีวิตได้แอบพักใจอยู่ในนั้นด้วย ตั้งแต่นั้นมา เธอก็ไม่เคยหยุดเขียนอีกเลย

สำหรับชญาน์พิมพ์ การเขียนนิยายไม่ใช่แค่การจินตนาการว่าโลกสมมุติควรหน้าตาเป็นอย่างไร แต่คือการ “อยู่ในโลกนั้นจริงๆ” เชื่อหรือไม่ เธอเคยยืนอยู่หน้าพีระมิด เคยนอนกลางทะเลทราย เคยสัมผัสอักษรไฮโรกลิฟจริงๆ ทุกลมหายใจของตัวละครจึงไม่ใช่สิ่งที่เธอแต่งขึ้นลอยๆ แต่มาจากสิ่งที่เธอเคย “รู้สึก” มาแล้วทั้งนั้น และเพื่อให้โลกในนิยายดู “มีชีวิต” มากที่สุด เธอลงมือค้นคว้าอย่างจริงจัง ทั้งอ่าน ลงเรียน และเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะสำหรับเธอ รายละเอียดรอบข้างแม้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องจับต้องได้ 

“ต่อให้นิยายของพี่ไม่จริงตั้งแต่พระเอกไม่ใช่คน แต่รายละเอียดรอบข้างต้องสมจริงพอ เพื่อให้ผู้อ่านเชื่อในโลกนั้นได้โดยไม่มีคำถาม”

อย่างการลงเรียนทำน้ำหอม เธอไม่ได้ทำไปเพื่อเติมดีเทลเล่นๆ ให้ตัวละครที่เป็นสุคนธกร แต่เพื่อเตรียมฉากสำคัญในนิยายเรื่อง “ตรวนมาลี” เรื่องที่พาผู้อ่านท่องพิพิธภัณฑ์ระดับโลก ทั้ง British Museum, National Museum ในอังกฤษ ไปจนถึง Louvre ที่ฝรั่งเศส ส่วนข้อมูลเฉพาะทางอย่าง “อักษรไฮโรกลิฟ” ก็ไม่ใช่อะไรที่เธอแค่ค้นจากเว็บแล้วหยิบมาแปะ แต่คือสิ่งที่เธอลงทุนลงแรงเรียนเองทั้งหมด เอาให้รู้จริง อินจริง เข้าใจจริง เพื่อที่จะได้สามารถใช้มันเป็น “รหัส” ในเรื่องได้อย่างสมจริงที่สุด เรียกได้ว่าทุ่มทุนของจริงเลยค่ะ

เช่นเดียวกับ “เจ้าสาวของอานูบิส” และ “พรางคิมหันต์” ที่ไม่ได้สร้างขึ้นจินตนาการล้วนๆ แต่เกิดจากประสบการณ์ตรง อย่างการเดินทางไปเยือนอียิปต์ พีระมิดไม่ใช่แค่ภาพถ่ายหรือหน้าหนังสือสำหรับเธออีกต่อไป เพราะชญาน์พิมพ์เคยไปยืนอยู่ตรงนั้น เคยกางเต็นท์นอนกลาง “ทะเลทรายขาว” ของอียิปต์ เคยนอนฟังเสียงลมพัดผ่านผืนทรายใต้ฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เพื่อจะซึมซับว่า… โลกในนิยายของเธอควร “หายใจ” แบบไหน 

เธออยากให้ผู้อ่านไม่ใช่แค่เห็นภาพ แต่รู้สึกเหมือนกับกำลังอยู่ในฉากนั้นจริงๆ ราวกับได้หายใจในจังหวะเดียวกันกับตัวละครทุกคน ในทำนองเดียวกัน “ม่านศิลาลายกิเลน” เองก็ถือกำเนิดจากการเดินทางไปดูอินทรีทองคำที่มองโกเลีย และเมื่อเธอกลับไปอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมเทศกาลม้า ขึ้นเขาไปทำพิธีกับชาแมนตัวจริง นิยายเรื่องใหม่อย่าง “จันทร์พยับหมอก” ได้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นจากที่นั่น

ขณะที่ “เจ้าบ่าวของเซ็คเม็ต” เริ่มต้นใน “ฮ่องกง” เพราะในเวลานั้น British Museum นำเอานิทรรศการอียิปต์ไปจัดที่นั่นพอดี เธอหยิบสิ่งเล็กๆ ตรงนั้นมาขยายเป็นจุดเริ่มต้นของฉากที่พาตัวละครจากเอเชีย ก้าวเข้าสู่โลกของเทพเจ้าอียิปต์อย่างเป็นธรรมชาติ และการเดินทางแสวงบุญที่อินเดียก็เช่นกัน มันไม่ได้ให้แค่ศรัทธา แต่มันให้บทกวี ให้บทสนทนา ให้ฉากหลัง ให้จังหวะการดำเนินของตัวละคร และให้ “ทุกอย่าง” ที่เธอไม่อาจมีวันเขียนขึ้นมาได้ หากไม่เคยเดินอยู่ตรงนั้นจริงๆ เพราะแบบนั้น นิยายแนวอินเดียของเธอจึงไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจ แต่มันคือ “ความทรงจำที่มีลมหายใจ” ตั้งแต่ “โศลกรักใต้แสงดาว” ไปจนถึง “กาลครั้งหนึ่ง…ในหัวใจ”, “กฤษณามันตรา”, “พยัคฆบถ”, “บ่วงพาฬ”, และ “พรายพนาดร”

ตลอดเวลากว่า 20 ปีบนเส้นทางสายตัวอักษร “ชญาน์พิมพ์” สร้างผลงานไว้มากถึง 30 เล่ม บางเล่มพาพวกเราข้ามทวีปไปไกลถึงอียิปต์ อินเดีย หรือมองโกเลีย บางเล่มพาไปยังโลกแฟนตาซีที่ซ้อนอยู่ในโลกใบเดิมของเรา และทุกเล่มต่างมีหัวใจร่วมกันคือ “ความหวัง” และ “ความอ่อนโยน” ไม่ว่าเธอจะเล่าเรื่องของเทพเจ้า แวมไพร์ สุคนธกร หรือชายหนุ่มที่มีปีก เธอมักซ่อน “บทเรียนของชีวิต” เอาไว้เสมอ จากคนที่เคยรู้จักความเจ็บปวดในระดับที่แทบพรากสติ ชญาน์พิมพ์เลือกที่จะเปลี่ยนความมืดในชีวิตให้กลายเป็นแสงสว่างให้คนอื่น ด้วยศรัทธาว่า “นิยายไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แต่ขอให้เป็นที่พักใจได้ก็พอ” และตราบใดที่เธอยังมีลมหายใจ โลกในจินตนาการของเธอก็ยังจะมีชีวิต และรอคอยให้ผู้อ่านคนใหม่เข้ามาพักพิงอยู่เสมอ ทางทีมงาน Dek-D ขอเป็นกำลังใจให้พี่ทอฟฟี่ในทุกๆ โลกที่เธอกำลังจะเขียน และทุกบทต่อไปในชีวิตจริงของเธอเสมอ เพราะ #ชญาน์พิมพ์โตมากับเด็กดี และเด็กดีก็ “เติบโต” มาพร้อมกับเธอเช่นกัน 
 

รู้หรือไม่?

  • ชื่อเรื่อง “เจ้าบ่าวของเซ็คเม็ต” ได้มาจากคำแซวภรรยาที่ดุจนสามีกลัวของไกด์อียิปต์ว่า “เมียดุระดับเทพีเซ็คเม็ต!” พี่ทอฟฟี่ขำ… แล้วเอาไปตั้งชื่อเรื่องทันที เรีกยได้ว่า ตั้งชื่อก่อนคิดพล็อตไปเลย!
     
  • ชญาน์พิมพ์เคยเลี้ยงหมา 20 ตัว! เธอรักสัตว์มากจนพระเอกหลายคนเป็น “สัตว์แปลงร่าง” เพราะสัตว์ซื่อตรงกว่าคน และไม่ซับซ้อน
     
  • ในปี 2559 “กาลครั้งหนึ่ง...ในหัวใจ” นิยายที่เธอเขียน ได้ขึ้นจอละครช่อง 7 ทำเรตติ้งดีตั้งแต่ออนแอร์!
     

“เขียนแล้วเก็บไว้อ่านเอง จะรู้ได้ยังไงว่างานเราเป็นยังไง?” อย่ารอให้พร้อม อย่ารอให้มีคนชม จงเล่า จงกล้า จงเขียน แล้วโลกอีกใบจะเปิดประตูต้อนรับคุณ เหมือนที่มันเคยทำกับชญาน์พิมพ์ เพราะบางที... โลกที่คุณสร้างขึ้นด้วยมือ อาจเป็นหลุมหลบภัยเดียวที่ช่วยชีวิตใครบางคนไว้ก็ได้

คุณเองก็ทำได้! มาเริ่มต้นเส้นทางนักเขียนของคุณกับเว็บ Dek-D แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ปล่อยของอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นนิยายแนวไหน ผลงานของคุณอาจมีนักอ่านรอคอยในอนาคต!

 Dek-D พื้นที่สำหรับนักเขียนทุกคน เริ่มต้นเขียนนิยาย และศึกษาการขายได้ง่ายๆ ที่นี่เลย : bit.ly/writer-howto

#เกิดมากับเด็กดี #โตมากับเด็กดี #เป็นนักเขียนเด็กดี #ชญาน์พิมพ์ก็เริ่มจากที่นี่ #เขียนไม่ออกก็แวะมา #DekDWriter

 

เริ่มเขียนนิยาย

พี่น้ำผึ้ง : )

 

อ่านบทสัมภาษณ์ชญาน์พิมพ์ คลิก

อ่านนิยายของชญาน์พิมพ์

 

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น