"10 รูปแบบการใช้ชีวิตที่เด็กมหา'ลัยทำกันจนติด" แต่ลืมคิดไปว่ามัน(อาจ)ทำลายอนาคตตัวเอง!

     สวัสดีจ้าชาว Dek-D.com หลายคนคงคุ้นเคยกับวลีเด็ดปลุกใจ "อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน" ที่หมายถึงการหมั่นฝึกฝนตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีความชำนาญในเรื่องที่เราตั้งเป้าหมายไว้ และในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างนิสัยที่ช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเอง แต่ในทางกลับกัน ถ้าพฤติกรรมที่เราทำจนเคยชินนั้นเป็นสิ่งที่สามารถส่งผลเสียให้กับเราได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าทำให้ติดเป็นนิสัยสักเท่าไหร่ แต่เราก็มักจะเผลอไผลไปดื้อๆ ในเวลาที่ได้อิสระ ซึ่งชีวิตของเด็กมหา'ลัย ถือเป็นหนึ่งช่วงเวลาที่ใครหลายๆ คนได้เปิดโอกาสทำอะไรตามใจตัวเองพอสมควรและนานมากพอที่จะติดเป็นนิสัย และในวันนี้พี่ส้มก็มีเรื่องราวของ 10 รูปแบบการใช้ชีวิตที่นิสิตนักศึกษาไทยทำกันจนเคยชิน จนลืมไปว่ามันอาจสร้างปัญหาให้กับตัวเองได้มาเตือนใจให้น้องๆ ม.ปลาย ไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตเด็กมหา'ลัยแบบตั้งสติก่อนสตาร์ทกันค่ะ
      
     
1. ติดเรียนหนัก ไม่ยอมพักเพราะ "ฟิตเกรด"
    
เจอข้อแรกไปก็อย่าเพิ่งตกใจกันนะคะว่า"ทำไมการฟิตเรียนถึงเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตพังได้?" เพราะในความเป็นจริงแล้วยังมีนิสิตนักศึกษาหลายคนที่ตั้งเป้าหมายกับชีวิตในมหาวิทยาลัยไว้ว่าจะต้องตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้อย่างเต็มที่ที่สุด และทำเกรดให้ได้สูงๆ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรถ้าหากได้แบ่งเวลาให้กับกิจกรรมด้านอื่นๆ เพื่อเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่นและผ่อนคลายความเครียดที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญพอกัน เพราะการมุ่งมั่นเรียนในคลาสเพียงอย่างเดียวโดยไม่สุงสิงกับใคร จะเป็นการปิดกั้นการสร้างมนุษยสัมพันธ์และพัฒนาบุคลิกภาพของเราไปโดยปริยายนะคะ ลองนึกภาพตามดูค่ะก็ได้ว่าถ้าเรียนจบเกียรตินิยมมาแล้วเข้าสังคมไม่เป็นนี่จะน่าเสียดายความรู้ที่เรียนมาแค่ไหน?
    
    
      
2. ติดทำกิจกรรมมหา'ลัย เรียน สอบ ส่งงานอะไร โนสนโนแคร์!
    
เพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าไม่ควรฟิตเรียนหนักจนเกินไป ก็ไม่ใช่ว่าต้องเต็มที่กับกิจกรรมจนไม่เรียนนะจ๊ะเด็กๆ เพราะทั้งสองอย่างนี้ควรจะทำควบคู่กันไปแบบพอเหมาะพอควรค่ะ ซึ่งในชีวิตของเด็กมหา'ลัยนั้น มักมีอิสระในการเลือกทำกิจกรรมตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ชมรม หรือเป็นตัวแทนนักศึกษาช่วยงานภายในมหาวิทยาลัย เช่น สภานักศึกษา สโมสรนักศึกษา ที่แน่นอนว่าคนที่สมัครใจมาทำหน้าที่ในส่วนนี้ จะมีภาระให้รับผิดชอบมากกว่าแค่เรียนอย่างเดียว จนทำให้บางคนสนุกและเพลิดเพลินไปกับการทำกิจกรรมเหล่านี้เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น แล้วลืมไปว่ายังต้องแบ่งเวลาไปทำงานส่งอาจารย์และอ่านหนังสือสอบด้วยเช่นกัน ถ้าถึงขั้นเกรดตกแล้วจะมาฟิตกันในโค้งสุดท้าย เห็นทีจะรอดจากการรีไทร์ยากแล้วล่ะ T_T
    
    
        
3. ติดนอนดึก คึกคักเฉพาะหลังเที่ยงคืนยันเช้า...
    
หนึ่งในประสบการณ์ชีวิตที่นิสิตนักศึกษาทุกคนต้องได้เจอ คือการได้รับมอบหมายภารกิจสร้างกรุงโรมให้เสร็จภายในหนึ่งวัน และการฝึกฝนวิทยายุทธ์อัจฉริยะข้ามคืน หรือการเผางานชิ้นใหญ่ให้เสร็จทันส่งในเช้าวันรุ่งขึ้น และการฟิตทวบทวนเนื้อหาที่เรียนมาทั้งเทอมภายในคืนเดียวก่อนสอบ ซึ่งแน่นอนว่าราตรีนี้จะไม่มีนักรบคนไหนได้หลับไหลโดยแน่แท้ จนเรียกได้ว่าสว่างคาตา เงยหน้ามองหน้าฬิกาแล้วลุกจากโต๊ะเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปตึกคณะกันเลยทีเดียว งานนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการอดนอนนั้นบ่อนทำลายสุขภาพให้ทรุดโทรมแค่ไหน เพราะฉะนั้นถ้ารู้กำหนดส่งงานหรือได้ตารางสอบมาเมื่อไหร่ ก็แบ่งเวลาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะน้องๆ ><
    
    
      
4. ติดใช้เงินเปลือง เรื่องเปย์ขอให้บอกพี่!!!
    
สำหรับข้อนี้จะยิ่งทวีความพีคขึ้นไปอีกถ้าหากใครได้เหยียบย่างเข้าไปใช้ชีวิตแบบเด็กหอ เพราะน้องๆ จะได้เรียนรู้การบริหารเงินที่ทางบ้านส่งมาให้แบบรายสัปดาห์หรือรายเดือน โดยวันแรกที่รู้ว่าเงินถูกโอนเข้ามาในบัญชีแล้ว การจับจ่ายใช้สอยชนิดสะบั้นหั่นแหลกมักเกิดขึ้นแบบฉับพลัน ไม่ว่าจะจ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ซื้อเสื้อผ้าตามหน้าร้านในอินสตาแกรม ออกไปเดินชอปปิ้ง ดูหนัง ที่ล้วนมีพลังในการย่อยสลายแบงค์พันเป็นปึกๆ ให้กลายเป็นเงินทอนเศษเหรียญสลึงได้ภายในพริบตา จนทำให้ช่วงบั้นปลายท้ายสัปดาห์หรือเดือนของหลายคนต้องพึ่งพาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันเป็นแถว นอกจากนี้แล้วยังเป็นการบ่มเพาะนิสัยการใช้เงินมือเติบไปได้แบบไม่รู้ตัวอีกด้วยล่ะจ้า
    
เครดิต : https://pixabay.com
    
      
5. ติดกินแหลก จนแยกตัวเองไม่ออกแล้วว่ากำลังท้องหรืออ้วน T_T
    
ถ้าใครเคยมีประสบการณ์ตามสำนวนไทยที่ว่า "ใช้เงินเป็นเบี้ย" ก็คงจะเคยเสียทรัพย์ให้แก่ร้านบุฟเฟ่ต์มาแล้ว แน่นอนค่ะว่าการได้รับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำควบคู่กับการดื่มน้ำอัดลม หรือแม้กระทั่งการนั่งเล็มขนมหวานคู่กับการดื่มชากาแฟ นั้นสร้างความเบิกบานใจให้กับใครหลายๆ คน แต่ถ้าถึงขั้นบ่อยจนทุกสัปดาห์ต้องเข้าร้านปิ้งย่างหรือฟาสต์ฟู้ดนี่ก็คงทำนายได้เลยว่าเรามีโอกาสสูงที่โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง และเบาหวาน จะกวักมือรอเบาๆ อยู่ในอนาคตนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมสร้างนิสัยในการกินอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการควบคู่กับการออกกำลังกายไว้ยับยั้งจิตใจที่โหยหาแต่เพียงบุฟเฟ่ต์ด้วยล่ะตัวเธอ...
    
เครดิต : https://pixabay.com
    
      
6. ติดตี้บ่อย เสมือนเป็นบ๋อยร้านนั่งชิลล์ซะเอง...
    
ได้เป็นเฟรชชี่หน้าใหม่อยู่ไกลหูไกลตาพ่อแม่ สิ่งยั่วยุในร้านนั่งชิลล์ใกล้มหาวิทยาลัยก็มีเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ หรือสิ่งเสพติดชนิดอื่นๆ ก็ยิ่งเข้ามาถึงตัวเราได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ทั้งในรูปแบบของการชี้ชวนจากเพื่อน และความอยากรู้อยากลองของตัวเอง ซึ่งถ้าใครลองได้เลือกใช้ชีวิตสายปาร์ตี้ไปแล้ว ขอบอกเลยว่าอันตรายต่อการศึกษาจริงๆ เลยค่ะ เพราะมีนิสิตนักศึกษาไทยจำนวนไม่น้อยที่เสียการเรียนเพราะมึนเมาจนเข้าเรียนสาย บางคนก็มาเรียนไม่ไหว หรือถ้าหนักขึ้นไปอีกก็คือเมาจนขาดสอบ งานหยาบแบบนี้พี่ส้มบอกได้คำเดียวว่า "พัง!" ดังนั้นถ้าหากอยากลองสัมผัสบรรยากาศการ "เปิดตี้" ก็ขอให้อย่าหักโหมและรักษาวินัยในการเรียนด้วยนะจ๊ะ 55555
    
เครดิต : https://pixabay.com
    
      
7. ติดสบายหัว แว้นแป๊บเดียวใกล้ๆ ไม่ต้องสวมหมวกนิรภัยก็ได้ ><
    
สำหรับข้อนี้อาจจะจี้ใจคนที่ผู้ปกครองซื้อมอเตอร์ไซค์ไว้ให้ใช้ขับขี่ไปเรียนหนังสือพอสมควร เรามักเห็นภาพของนิสิตนักศึกษาที่ใช้รถจักรยานยนต์แบบไม่สวมหมวกนิรภัยในสถานศึกษา เพราะคิดว่าระยะทางแค่ใกล้ๆ ไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุนะคะ ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยต่างๆ เลยเริ่มรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยและติดประกาศเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนน พร้อมทั้งดำเนินการลงโทษทางกฎหมายและทางวินัยแก่นักศึกษาที่ฝ่าฝืนกฎจราจรในบริเวณมหาวิทยาลัยเพื่อความปลอดภัยจนทำให้นิสิตนักศึกษาหลายคนรู้สึกอึดอัด แต่เชื่อเถอะค่ะว่าถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างการฝึกสวมหมวกกันน็อคจนติดเป็นนิสัย กับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน เป็นใครก็เลือกอย่างแรก ^^
    
    
      
8. ติดแฟนหนึบหนับ อะไรก็มาจับเราสองคนแยกกันไม่ได้!
    
เมื่อผ่านช่วงวัยว้าวุ่นจาก ม.ปลาย เด็กมหา'ลัยก็ได้เริ่มเรียนรู้ที่จะมีความรักแบบชู้สาว การมีความปรารถนาดีต่อกันนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีค่ะ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องไม่เอาความรู้สึกของตัวเองไปผูกติดกับคนรักมากเกินไปจนไม่มีสมาธิเรียนหนังสือ และคงต้องพูดกันตามความจริงเลยว่าชีวิตอิสระแบบนี้ มีน้องๆ หลายคู่ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันลับๆ แบบไม่บอกให้ทางบ้านรู้ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ได้มีเพศสัมพันธ์กันตามแรงขับทางธรรมชาติ งานนี้ถ้าคู่ไหนรู้จักใช้วิธีป้องกันที่เหมาะสม ก็ช่วยลดปัญหาโรคติดต่อและปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรได้ค่ะ ส่วนคู่ที่เกิดพลาดขึ้นมาก็คงต้องเสียความรู้สึกและเวลาในการแก้ปัญหากันพอสมควรเลยล่ะ แต่ว่าการแอบอยู่กินกันแบบนี้ คงไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองแน่ๆ ความแตกมาล่ะยุ่ง!!! เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังดีๆ นะคะน้องๆ 
    
เครดิต : https://pixabay.com
    
      
9. ติดเล่นพนัน เสียก็เสีย ถึงไหนถึงกัน รอบนี้ขอให้ได้ทุนคืน!!!
    
ยังมีน้องๆ หลายคนที่ต้องเสียอนาคตทางการเรียนเพราะโดนผีพนันเข้าสิง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงการพนันได้อย่างง่ายดาย ทั้งทางโลกออนไลน์และแหล่งพนันซ่องสุมที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นน้องๆ ที่ชอบสนุกเพลิดเพลินกับการลุ้นผลการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ แล้วยินดีจ่ายเดิมพันที่มีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักหมื่น ของแบบนี้ถ้าเก็งถูกจังหวะพอดีก็มีโอกาสได้เงินจำนวนมาก ที่พอจะยั่วยวนเราให้กล้าเสี่ยงลงเงินพนันใหม่ซ้ำ แต่ทุกคนคงรู้ดีว่าไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าเราจะสามารถรวยได้จากการพนัน และใครที่เดินสายนี้ก็มักไปสู่จุดจบเดียวกันคือการสิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องยืมเงินเพื่อนรอบวงจนไม่มีคนคบ หรือซ้ำร้ายกว่านั้นอาจโดนไล่ล่าทวงหนี้ที่เสี่ยงอันตรายอีกด้วย 
    
เครดิต : https://pixabay.com
    
      
10. ติดหารายได้พิเศษ จนเกินขอบเขตหน้าที่ของ "นักศึกษา"
    
การหารายได้พิเศษระหว่างเรียน นอกจากจะเป็นการแบ่งเบาภาระของครอบครัว ยังเป็นโอกาสในการหาประสบการณ์ในการใช้ชีวิตใหม่ๆ ให้เราได้รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น เพราะเราได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าความสามารถที่มีนั้นช่วยให้เราประสบความสำเร็จขั้นเล็กๆ ในชีวิตได้จริง ซึ่งก็มีน้องๆ หลายคนที่สามารถเริ่มต้นกิจการเล็กๆ หรือมีรายได้สูงตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แล้วตัดสินใจละทิ้งการเรียนไปจริงจังกับการทำงานมันซะเลย! แต่สัจธรรมบนโลกใบนี้มีอยู่ว่า "เมื่อมีคนรุ่ง ก็ต้องมีคนร่วง" และถ้าหากคนที่ร่วงนั้นคือเราที่ตัดสินใจเลิกเรียนไปแล้ว การจัดการกอบกู้วิกฤตในชีวิตช่วงที่ต้องรอเรียนใหม่และไม่มีเงินใช้ ย่อมไม่ได้นำมาซึ่งความสุขกายสบายใจแน่นอนค่ะ
    
เครดิต : https://pixabay.com
    
      
     จะเห็นได้ว่ารูปแบบการใช้ชีวิตทั้ง 10 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถพบเจอในชีวิตประจำวันได้ง่ายๆ จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งโดยแท้จริงแล้วบางอย่างก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสียด้วยซ้ำ แต่การที่เราจดจ่ออยู่กับกิจกรรมอื่นมากกว่าการเรียนและการประพฤติตัวที่เหมาะสม ย่อมส่งผลให้เราไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ของนิสิตนักศึกษาได้อย่างเต็มที่นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมทบทวนตัวเองทุกครั้ง หลังจากได้เรียนรู้หรือลองสิ่งใหม่ๆ ว่าผลลัพธ์ของการการกระทำต่างๆ นั้นมีประโยชน์กับเรามากน้อยแค่ไหน และมันส่งผลอะไรกับอนาคตข้างหน้าด้วยนะคะ ^^
    
     
ก่อนจากไป ฝากกดไลก์เพจ "เด็กมีของ" ใครมีของเข้าไปโชว์กันได้!!
          
พี่ส้ม
พี่ส้ม - Columnist คนทำคอนเทนต์ออนไลน์ ที่เชื่อว่าใครก็เป็นเด็กดีได้ในสไตล์ของตัวเอง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

7 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Issalabel 30 พ.ค. 60 09:36 น. 6

จริงสุดดๆๆๆๆ ติดแทบทุกอย่าง พยายามกลับตัวอยู่ค่ะโตๆกันแล้ว จะเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องปาตี้น้อยๆลง555

0
กำลังโหลด
Issalabel 30 พ.ค. 60 09:36 น. 7

จริงสุดดๆๆๆๆ ติดแทบทุกอย่าง พยายามกลับตัวอยู่ค่ะโตๆกันแล้ว จะเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องปาตี้น้อยๆลง555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด