สดใสต้อนรับวันไปเรียน! แจก 4 เคล็ดลับช่วยให้ตื่นง่ายแถมไม่ง่วง

 
    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ทุกๆ คน เหลือเวลาอีกไม่นานน้องๆ นักศึกษาก็จะได้เวลาเปิดเทอมแล้วใช่ไหมคะ หลังจากที่เราใช้เวลาปิดเทอมกันมาอย่างเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลากลับเข้าสู่โลกของมหาวิทยาลัยอีกครั้งค่ะ แต่ว่าการตื่นให้ทันไปเรียน ก็น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆ คนที่ยังไม่สามารถปรับตัวให้ชินกับการนอนตื่นเช้าได้ วันนี้ พี่กี้ เลยมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ ตื่นเช้าอย่างสดชื่นไม่มีปัญหาไปเรียนสายมาฝากกันค่ะ


 

ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ไกลๆ


Photo credit : pixabay.com
 
     วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากมากแต่ค่อนข้างได้ผลดีค่ะ ทำได้ง่ายๆ โดยการที่เอาโทรศัพท์หรือนาฬิกาปลุกของเราไปวางไว้ให้ไกลมือที่สุด อาจจะเป็นคนละมุมห้องจากที่นอน ไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง หรือว่าไว้ตามมุมอื่นๆ แล้วแต่สภาพห้องของแต่ละคนได้เลยค่ะ และที่สำคัญอย่าลืมตั้งให้ปลุกนาฬิกาให้เสียงดังๆ เข้าไว้ เผื่อเราเอาไปตั้งไว้ไกลเราจะได้ได้ยินอย่างชัดเจนนะคะ 

    ที่ต้องเอาโทรศัพท์หรือนาฬิกาปลุกไปตั้งไว้ไกลๆ ก็เพราะเมื่อเราตื่นขึ้นมาแล้วเราจะได้ลุกขึ้นจากเตียงเลยค่ะ การนอนจมอยู่บนเตียงนั้นจะยิ่งทำให้เราตื่นยากมากขึ้น และยิ่งถ้านาฬิกาปลุกหรือโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ มือ เราอาจจะหยิบมาเลื่อนปลุกได้ง่ายๆ ซึ่งการเลื่อนปลุกแบบนี้ก็มีโอกาสเสี่ยงที่ทำให้เราสมาธิสั้นมากขึ้นไปด้วยค่ะ และการได้ลุกออกมาเดิน ขยับร่างกายก็จะช่วยให้เราตื่นได้เต็มตามากขึ้นค่ะ



 

ตื่นแล้วก็ลุกไปกินน้ำเลย


Photo credit : pixabay.com
 
    อย่างที่พี่กี้ได้บอกไปในข้อข้างบนแล้วว่าถ้าหากเราลุกทันทีเมื่อรู้สึกตัวจะช่วยเราไม่กลับไปนอนต่ออยู่บนเตียงอีก ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เราลุกออกจากเตียงและได้ขยับร่างกายค่ะ และนอกจากการที่เราดื่มน้ำเปล่าในตอนเช้าหลังตื่นนอนทันทีจะช่วยให้เราตื่นเต็มตาแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นช่วยเคลียร์ลำไส้ของเรา ปรับสมดุลต่อมน้ำเหลือง ช่วยให้ระบบการเผาผลาญและระบบย่อยอาหารนั้นทำงานได้ดีขึ้น  ช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และประโยชน์อื่นๆ อีกมากมากเลยค่ะ 



 

สร้างพฤติกรรมการนอนที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง


Photo credit : pixabay.com
 
  ถ้าอยากจะตื่นเช้าอย่างสดชื่นได้ในระยะยาวต้องวิธีนี้เลยค่ะ คือเราต้องสร้างวินัยในการนอนให้กับตัวเอง กำหนดเวลาการนอนให้เพียงพอ หลังจากนั้นก็พยายามนอนและตื่นในเวลาเดียวกันอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เมื่อเวลาผ่านไปสักประมาณหนึ่งเดือน ร่างกายของเราก็จะปรับตัวและคุ้นชินกับเวลานอนและเวลาตื่นของเรา จนในที่สุดเราจะสามารถตื่นเองได้ในเวลาเดิมของทุกวันอย่างสดชื่นโดยที่ไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกเลยค่ะ ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยให้เราตื่นง่ายแล้ว ก็ยังช่วยให้เราได้พักผ่อนอย่างเพียงพอด้วยค่ะ



 

รู้ทันวงจรการนอนเพื่อการนอนที่มีประสิทธิภาพ


Photo credit : pixabay.com
 
  หลายคิดอาจจะคิดว่านอนหลับก็คือนอนหลับเฉยๆ ไม่มีอะไรมากมาย แต่จริงๆ แล้วการนอนหลับของเรานั้นมีช่วงที่หลับลึกมากน้อยแตกต่างกันไปค่ะ สิ่งนี้เรียกว่า วงจรการนอนหลับ หรือ sleep cycle นั่นเองค่ะ โดยที่มนุษย์เราจะแบ่งช่วงการนอนเป็นทั้งหมด 3 ช่วงด้วยกันค่ะ คือ หลับตื้น หลับลึก และหลับฝัน เมื่อเราหลับนั้นร่างกายจะใช้เวลา 30 วินาที – 7 นาที ในการเข้าสู่การหลับตื้นค่ะ เมื่อเราเข้าสู่การหลับตื้นแล้วร่างกายเราจะเข้าสู่โหมดพักผ่อน และหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ระยะการหลับลึก ระยะนี้จะเป็นช่วงที่เราหลับลึกมากที่สุด โดยใช้เวลาประมาณ 30 – 60 นาที และสุดท้ายคือการหลับฝัน เป็นช่วงที่ร่างกายพักผ่อน แต่สมองยังตื่นตัวอยู่ค่ะ ดังนั้นการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพนั้นเราควรนอนให้ได้ครบทั้งสามวงจรค่ะ เมื่อเรานอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเราจะสามารถทำการและใช้ร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเลยค่ะ

  การนอนในหนึ่งวงจรนั้นจะใช้เวลาประมาณ 80 -120 นาที หมุนวนตามวงจรไปเรื่อยๆ ตลอดการนอนของเรา เพราะฉะนั้น ถ้าหากเราว่างแผนเวลานอนกับเวลาตื่นให้สัมพันธ์กัน การตื่นในตอนเช้าก็จะง่ายขึ้นค่ะ โดยที่ให้เวลาตื่นของเราอยู่ในช่วงการของหลับตื้น ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ง่าย ก็จะทำให้เราตื่นง่ายขึ้นแล้วค่ะ


 
    เพียงง่ายๆ เท่านี้ น้องๆ ก็จะสามารถตื่นเช้าไปเรียนได้อย่างสดใสแล้วนะคะ วิธีทั้งหมดที่พี่กี้ให้ไปนี้จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับต้องน้องๆ เองด้วยนะคะ ถ้าเรามีวินัยในการใช้ชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการนอนและการตื่น แต่ถ้าเราทำจนติดเป็นนิสัยมันก็จะส่งผลดีให้กับเราอย่างมากเลยค่ะ



ขอบคุณข้อมูล
https://medthai.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3/
พี่กี้

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น