เด็กจบใหม่ต้องรู้จัก "ช่วงทดลองงาน" 90 วันอันตราย ว่าคุณจะผ่านโปรหรือไม่?

 
        สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... ช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กจบใหม่หางานทำกันอย่างขยันขันแข็ง บางคนคิดว่า สัมภาษณ์ผ่าน ได้รับเข้าทำงาน ก็สบายแล้ว ... แต่จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เรายังต้องเจอ "ช่วงโปร" ที่ต้องลุ้นกันใจหายใจคว่ำว่า "จะผ่านโปรมั้ย?" ว่าแต่ "ช่วงโปร" คืออะไร จะเล่าให้ฟังค่ะ



"โปร" คืออะไร
 
       "โปร" มาจาก Probation Period หรือ ระยะเวลาทดลองงาน พูดให้เห็นภาพง่ายๆ คือ  เพียงแค่การสัมภาษณ์งานนั้น ไม่อาจทำให้บริษัทรู้ได้ว่า เราทำงานให้เขาได้ตามที่เขาคาดหวังหรือไม่ จึงมี "ช่วงทดลองงาน" เกิดขึ้น ซึ่งก็คือช่วงระยะแรกของการทำงานนั่นเอง หากเราผ่านช่วงนี้ไปได้และได้รับการประเมินให้ผ่าน ถือว่าผ่านโปรค่ะ
   
       โปรส่วนมากอยู่ที่ 90 วัน (3 เดือน) หรือ 119 วัน (เกือบ 4 เดือน) แรกของการทำงาน ตามกฎหมายระบุไว้ว่า หากเราทำงานที่ใดครบ 120 วันแล้วบริษัทจะเลิกจ้างเรา บริษัทจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้เราด้วย ดังนั้นบริษัทหลายแห่งจึงกำหนดโปรไว้นานสุดที่ 119 วันเท่านั้น หากบริษัทประเมินให้พนักงานไม่ผ่านโปร ก็แยกย้ายกันไป ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆ แต่ถ้าเข้าวันที่ 120 ปุ๊บแล้วบริษัทมาบอกว่าไม่ผ่านโปร จะต้องมีค่าชดเชยให้เราค่ะ

ช่วงโปร ลาได้มั้ย?

       การลาในช่วงยังไม่ผ่านโปรนั้น หากเป็นลาพักร้อนจะยังไม่สามารถลาได้ เราจะได้สิทธิ์ลาพักร้อนต่อเมื่อผ่านโปรแล้วเท่านั้นค่ะ ส่วนลาป่วยกับลากิจนั้น แล้วแต่กฎของบริษัท ส่วนมากให้ลาป่วยได้ แต่ถ้าลากิจจะโดนหักเงินตามจำนวนวันที่ลา (เงินเดือน หารด้วย 30) 
     
       ยิ่งเป็นเด็กจบใหม่ บางคนต้องลาหลายวันเพื่อไปเตรียมตัวรับปริญญา เรียกว่าโดนหักเงินจนหน้าซีดกระเป๋าแห้งไปตามๆ กันเลยค่ะ


การลาออกในช่วงยังไม่ผ่านโปร

       โดยปกติแล้ว เมื่อทำงานผ่านไป 2 เดือน คนส่วนมากจะเริ่มรู้ตัวแล้วค่ะว่าเราโอเคกับงานมั้ย หรือเจ้านาย/เพื่อนร่วมงานโอเคกับเราหรือเปล่า  ในกรณีที่มีปัญหาและดูท่าจะร่อแร่ เจ้านายมักเรียกเราเข้าไปคุยตอนจบเดือนที่ 2 เพื่อบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เขาคาดหวัง เช่น อยากให้พัฒนาตรงไหน มีปัญหาอะไร ซึ่งพูดกันตามตรงว่า หากโดนเรียกเข้าไปคุยแบบนี้ พนักงานใหม่มักจะใจตุ้มๆ ต่อมๆ กัน เพราะเหมือนเป็นสัญญาณว่ามีโอกาสไม่ผ่านโปร และหากใครไม่แฮปปี้กับงานเป็นทุนเดิมก็มักชิงขอลาออกก่อน เพราะไม่อยากให้มีประวัติติดตัวว่าไม่ผ่านโปรนั่นเอง
     
       ในระยะเวลาช่วงทดลองงาน หากเรารู้สึกไม่ชอบงานที่นี่และอยากลาออก เราสามารถเดินไปขอลาออกได้เลยค่ะ (หากมีงานค้าง อย่าลืมเคลียร์และส่งต่องานให้คนอื่นก่อนนะคะ) บางบริษัทอาจจะมีกฎ เช่น ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน หรือ 15 วันอะไรก็ว่ากันไป  หรือบางบริษัทไม่มีกฎตายตัว ก็อาจจะอนุญาตให้เราลาออกและออกไปได้ทันทีในวันนั้น เช่นเดียวกับบริษัทค่ะ ถ้าเกิดเราทำอะไรผิดพลาดร้ายแรงขึ้นมา บริษัทก็มีสิทธิ์เรียกเราเข้าไปแล้วบอกว่า คุณไม่ผ่านโปรนะ แปลว่าพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานแล้วเหมือนกันค่ะ
     
       เมื่อทำงานครบ 90 วัน หรือ 119 วันตามระยะเวลาช่วงทดลองงาน เจ้านายจะเรียกเราเข้าไปคุยพร้อมกับแจ้งว่าผ่านโปรหรือไม่ผ่าน ถ้าไม่ผ่านก็เก็บของแล้วไปได้เลย T^T ถ้าผ่านก็ถือเป็นพนักงานประจำ ใช้สิทธิ์่ต่างๆ ได้เต็มที่ เช่น ลาพักร้อน สวัสดิการต่างๆ ประกันสุขภาพ เป็นต้น
       
       และหากไม่ผ่านโปร หลายคนเลือกที่จะไม่นำประวัติการทำงานในบริษัทนั้นๆ ไปใส่ในเรซูเม่ค่ะ 


โดนต่อโปร!

      อีกเคสหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ "การต่อโปร" คือการขยายช่วงระยะเวลาทดลองงานออกไป เหตุผลมีด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น พนักงานมีผลงานครึ่งๆ กลางๆ บริษัทไม่สามารถตัดสินได้ทันทีว่าจะให้ผ่านโปรหรือไม่ หรือโปรเจกต์งานมีปัญหาบางอย่าง ทำให้ชะงักไป พนักงานจึงยังไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถเต็มที่ บริษัทจึงอาจขอขยายช่วงระยะเวลาทดลองงานค่ะ
    
      หากใครเจอเคสนี้ อาจต้องพิจารณาดีๆ ว่า หากต่อโปรไป เราจะมีโอกาสผ่านโปรมั้ย มันมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจริงๆ หรือเปล่า ปํญหาเกิดจากเราจริงๆ หรือเกิดจากสิ่งอื่น? หรือบางคนก็มองว่า ต่อโปรก็ดีเหมือนกัน เพราะหากออกจากบริษัทในช่วง 3-4 เดือน จะดูเหมือนไม่ผ่านโปรเสียมากกว่าและจะเสียประวัติการทำงาน แต่ถ้าต่อโปร ยังไงก็ได้ทำงานรวมๆ 5-6 เดือนแน่ะ 

 
กลัวไม่ผ่านโปร ทำยังไงดี?


 

      เมื่อเข้าสู่โลกการทำงาน เด็กจบใหม่คงพบว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และหากถูกประเมินให้ไม่ผ่านโปรแล้วล่ะก็ อาจรู้สึกเหมือนโลกทลายไปต่อหน้าเลย

      ดังนั้นสิ่งสำคัญก่อนตกลงเข้าทำงานที่ไหน น้องๆ ควรพิจารณา Job Description ให้ละเอียดถี่ถ้วนว่าเราต้องทำอะไรบ้าง และพอเข้าทำงานจริง หากเราได้รับมอบหมายงานเกินกว่า Job Description มากๆ แบบซ้ายไปขวาและตรงข้ามกับความถนัดของเราเลย อาจจะลองขอคำปรึกษาจากคนอื่นๆ ในบริษัทว่า ควรทำยังไงดี? เพราะหากบริษัทประเมินผลงานเราจากสิ่งที่นอกเหนือจาก Job Description นี่ถือว่าไม่ยุติธรรมกับเราเอาซะเลย

      หรือบางคนทำงานไปอยู่ดีๆ แล้วค้นพบว่า งานนั้นไม่ใช่ตัวเราจริงๆ ก็ตัดสินใจเป็นฝ่ายลาออกเองในช่วงทดลองงาน เพราะรู้สึกเหมือนไปสู้บนเวทีที่รู้ว่ายังไงก็แพ้อยู่แล้ว ดังนั้นขอตัดใจแล้วไปแข่งบนเวทีอื่นดีกว่า

      คงไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดว่า กลัวไม่ผ่านโปร ต้องทำไงดี? ควรจะชิงลาออกก่อนดีมั้ย หรือขอสู้ให้สุดใจจนวันสุดท้าย? เพราะแต่ละคนต่างก็อยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่จริงเสมอคือ "เราคือคนที่กำหนดอนาคตของตัวเอง" ฟังคนอื่นแล้ว อย่าลืมฟังตัวเองด้วยนะคะ
สายสืบเด็กดี

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด