"LATVIA" ดินแดนในฝันของสาวน้อยชื่อ "ปาย"

 
สวัสดีจ้าชาวเด็กดีที่น่ารัก ใกล้จะสิ้นเดือนอีกแล้วสิ หลายๆ คนคงสอบเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ? นอนสบายอยู่ที่บ้าน น่าอิจฉาจริงๆ เลย ^^ ไหนๆ วันว่างก็ได้พักผ่อนแล้ว เข้าเว็บเด็กดีดอทคอมด้วยดีกว่านะ จะได้ทั้งสบายใจแล้วก็ได้ความรู้ด้วยไงคะ อิอิ วันนี้ พี่ปาล์มมีบทสัมภาษณ์ของสาวน้อยมาฝากเช่นเคย แถมคราวนี้เธอจะมาเล่าประสบการณ์ที่แตกต่างไปอีกแบบ เพราะเธอไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศลัทเวียค่ะ ไปพบกับ "น้องปาย" ได้เลย ....

1.น้องปายไปเรียนที่นั่นตอนอายุเท่าไหร่ อยู่ชั้นม.อะไร รร.อะไรคะ?

- ปายไปเรียนที่ลัทเวียเมื่อตอนที่ปายอายุ 18 ปี อยู่ชั้น ม.6 ที่โรงเรียนสารวิทยาค่ะ

2.ทำไมน้องปายเลือกไปประเทศนี้?

- หลายๆคนก็คงสงสัยว่าทำไมปายถึงอยากไปประเทศลัทเวีย ทั้งๆที่เป็นประเทศเล็กๆ ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากในประเทศไทยเรานัก ปายขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อตอน ม.4 ก่อนแล้วกันค่ะ ตอนนั้นปายลองสอบ AFS ครั้งแรก พอติดสอบข้อเขียนแล้วก็ไม่รู้จะเลือกประเทศอะไรดี ลังเลอยู่ แต่ที่แน่ๆ อยากเลือกไปประเทศที่มีหิมะค่ะ ความใฝ่ฝันเลยตอนนั้น อยากเห็นหิมะของจริง และแล้วก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งมาแนะนำประเทศนี้ให้ฟังว่าน่าอยู่มาก บ้านเมืองสงบ แต่ปีนั้นปายก็ไม่ได้เลือกลัทเวียไปค่ะ แถมยังสอบไม่ติดสัมภาษณ์ด้วย 55+ หลังจากนั้นปีต่อมาปายก็ลองสอบอีกรอบ ตอน ม.5 พอสอบติดข้อเขียนแล้ว ปายก็นึกถึงประเทศลัทเวียเป็นประเทศแรกเลยค่ะ ไม่รู้ทำไม...มีหลายเหตุผลที่ปายเลือกความคิดแรกๆเลย คิดว่าถ้าเลือกประเทศนี้ก็ดีนะ อาจจะมีโอกาสสอบติดมากเพราะคนอื่นอาจจะเลือกน้อย (หุหุ) นอกจากนั้นปายก็ได้ไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับประเทศนี้ดูค่ะ ประเทศนี้เค้าสวยจริงๆ บ้านเมืองสะอาด ผู้คนไม่หนาแน่น อาชญากรรมก็ไม่ค่อยมีอีก แถมที่แน่ๆยังมีหิมะที่ปายอยากพบเจอซักครั้งในชีวิตอีกด้วย ปายเลยตัดสินใจเลือกประเทศนี้เป็นอันดับแรกเลยค่ะ หลังจากได้ไปจนกลับมาแล้วยังรู้สึกว่าคิดไม่ผิดจริงๆค่ะที่เลือกประเทศนี้ อ้อ! อีกอย่างคือ การที่เราเลือกไปประเทศที่ใช้ภาษาที่สามเนี่ย มันก็ถือว่าเราได้เปรียบคนอื่นๆที่ไม่รู้ภาษาที่สามอีกไม่ใช่หรอคะ...มีคนเคยบอกปายว่า การที่เราเลือกไปประเทศที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักก็เหมือนกับว่าเราได้ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างแท้จริง บางที่นั้นเราเคยเห็นจากสื่อหรือเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วนั้น วัฒนธรรมของเขาเราก็พอจะรู้ หรือประเทศดังๆเราก็หาโอกาสไปอีกได้ภายหลัง แต่หากประเทศเล็กๆที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก หากไม่เลือกที่จะไปเราก็คงไม่รู้จักอยู่อย่างนี้ตลอดไป

3.น้องปายมีญาติหรือเพื่อนๆ ที่เรียนหรือเคยเรียน/ใช้ชีวิตที่นั่นไหมคะ?

 - ปายไม่มีคนรู้จักเคยเรียน หรืออาศัยอยู่ที่ลัทเวียเลยค่ะ พอปายจะได้ไปที่นั่นแล้ว มีแต่คนถามด้วยซ้ำว่า ลัทเวียอยู่ที่ไหน อยู่ทวีปอะไร?? จะมีก็แต่รุ่นพี่ๆเอเอฟเอสที่เคยไปลัทเวียมาก่อน มาเล่าสู่กันฟัง ตอนที่ไปเข้าค่ายปรับตัวบ้างหรือใน msn บ้าง เวลาได้ฟังรุ่นพี่เขาเล่าให้ฟัง ปายก็ยิ่งตื่นเต้นอยากไปมากขึ้นไปอีกค่ะ

4.ข้อสอบยากหรือเปล่า?

- ถ้าถามว่าข้อสอบยากมั้ย ต้องบอกว่ามันขึ้นอยู่กับเวลามากกว่าค่ะ ตอนที่ปายสอบนั้น ปายก็คิดว่ามันค่อนข้างยาก ไม่ค่อยมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อเขียนหรือสัมภาษณ์ ถึงแม้เราจะคิดว่าเราทำเต็มที่แล้ว แต่เราก็ยังไม่รู้ผลล่วงหน้า ยอมรับเลยว่าก่อนไปสอบข้อเขียนนั้น ไม่ได้อ่านอะไรไปเลย มีข้อสอบปีเก่าๆอยู่ก็จริง แทบไม่ได้ลองทำด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็กลับมาคิดอยู่ตลอดว่าจะสอบติดมั้ย แต่พอเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ปายคิดว่าที่ผ่านมานั้นมันง่ายมากค่ะ การสอบสัมภาษณ์ เพียงแค่เรามีความมั่นใจ กล้าคิดกล้าพูด(ในสิ่งที่สมควรจะพูด) คะแนนเราก็กินขาดแล้วค่ะ ตอนนี้ปายยังมานั่งนึกเลยว่า ทำไมเมื่อก่อนเราคิดว่ามันยากนักนะ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีอะไรยากเลย คงเหมือนกับว่าพอเราผ่านพ้นจุดๆหนึ่งที่คิดว่ามันยากสุดๆมาแล้ว หลังจากนั้น อะไรๆมันก็จะง่ายไปหมด จริงมั้ยคะ

5.มีการเตรียมตัวด้านเสื้อผ้า ภาษายังไงบ้างคะ?

- เรื่องเสื้อผ้า จริงๆแล้วเมื่อก่อน ปายเป็นคนที่มีเสื้อผ้าน้อยมากค่ะ ใส่อยู่ไม่กี่ตัว เป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว พอจะใกล้ๆถึงเวลาเดินทาง เลยต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่กันเป็นกองเลยทีเดียว แต่พวกเสื้อกันหนาวกันหิมะ พวกนี้ปายไม่ได้เตรียมไปมากค่ะ มีแค่เสื้อกันหนาวธรรมดา กับสเวตเตอร์ตัวสองตัว เสื้อกันลมกันหิมะไปซื้อที่นู่นเอาคุ้มกว่าเยอะค่ะ

ส่วนเรื่องภาษาขอบอกว่าปายแทบจะไม่ได้เตรียมตัวมากเลยค่ะ เพราะว่าที่ลัทเวียนั้น เค้าใช้ภาษาลัทเวียกับรัสเซีย ซึ่งภาษาลัทเวียนั้นในประเทศไทย หาคนสอนทั่วไปไม่ได้เลยค่ะ ขอย้ำว่าไม่มีเลย ส่วนภาษารัสเซียนั้นยังพอหาเรียนได้ แต่บังเอิญว่าปายได้โฮสต์เป็นคนลัทเวียค่ะ เลยไม่ได้เตรียมเรียนอะไรไป แค่ได้เรียนจากรุ่นพี่ที่เคยไปลัทเวียมาก่อน ก็เรียนมาแค่ศัพท์ง่ายๆ คำทักทายกับนับเลขแค่นั้นแหละค่ะ

6.คุณพ่อคุณแม่ว่ายังไง ตื่นเต้นไหมคะ?

- พ่อกับแม่ของปายท่านดีใจมากเลยค่ะตอนที่ปายสอบติด ท่านสนับสนุนทุกอย่าง ไม่เกี่ยงแม้ว่าประเทศลัทเวียไม่ได้เป็นประเทศชื่อดังอะไร ทีแรกพ่อของปายบอกว่าก็แอบมีลังเลนิดนึงเพราะว่าปายก็อยู่ ม.5 ตอนนั้น ถ้าไปก็จำเป็นต้องไปตอน ม.6 แล้วทีนี้จะกลับมาไม่ทันสอบแอดมิดชั่น เข้ามหาลัยไม่ทันเพื่อนคนอื่น แต่ว่าสุดท้ายพ่อก็บอกว่ายังไงประสบการณ์ก็สำคัญ ขอแค่เมื่อเรากลับมาก็ตั้งใจเรียนให้เต็มที่ก็แล้วกัน หลังจากนั้นพวกท่านก็ช่วยปายเตรียมตัว พาไปซื้อของใช้ที่จำเป็น หมดเงินไปเยอะอยู่ค่ะ 55+ ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ปายจริงๆค่ะ ที่มีส่วนช่วยให้ปายได้มีประสบการณ์ดีๆครั้งหนึ่งในชีวิตแบบนี้

7.ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ฯลฯ

- ปายต้องเสียค่าใช้จ่าย ประมาณ 2 แสนบาทโดยประมาณค่ะ สำหรับค่าเดินทางและอื่นๆ สำหรับบางคนอาจจะคิดว่ามันมากเกินไปหรือเปล่า แต่สำหรับปาย ปายคิดว่าสิ่งที่ได้กลับมามันเกินจำนวนเงินนี้ไปจริงๆค่ะ ลองคิดกลับกันดูว่า หากคุณเดินทางไปเรียนต่างประเทศด้วยตัวคุณเอง ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายมันเป็นปีๆคงจะมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเล่าเรียนหรืออื่นๆ แต่เมื่อเราไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือ อย่างแรกเลยคงเป็นภาษาที่สามที่ได้กลับมา รวมถึงเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยกันต่างเชื้อชาติจากทั่วโลก ได้ครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกครอบครัว ได้หาประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่เคยได้พบเจอ วัฒนธรรมแปลกๆที่ไม่เคยได้รู้ แค่นี้มันก็เกินที่จำนวนเงินนี้จะหาซื้อได้แล้วแหละค่ะ แล้วอีกอย่างที่ปายช้อบบชอบบ ก็คือ การได้เดินทางไปเที่ยวประเทศอื่นรอบๆยุโรปด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม รัสเซีย ลิทัวเนีย เอสโตเนีย ที่ปายได้ไปสัมผัสมาค่ะ หากบินไปจากไทยคงเสียค่าใช้จ่ายไปไม่น้อยเลยค่ะ แต่จากที่นู่น การเดินทางสะดวกสบาย ค่าใช้จ่าย บอกได้เลยถูกมากค่ะ

8.พอไปถึงที่นั่นแล้ว อากาศเป็นยังไง ใครมารับ+โฮสต์ใจดีไหมคะ?

- ตอนที่ไปถึงวันแรกเป็นฤดูร้อนกำลังจะเข้าฤดูใบไม้ร่วงของเค้าค่ะ อากาศกำลังสบายๆค่ะ เย็นๆเหมือนหน้าหนาวบ้านเรา ใส่เสื้อกันหนาวบางๆตัวเดียวก็เอาอยู่ ก่อนได้ไปเจอกับโฮสต์ ทาง AFSลัทเวีย เค้าก็มีการจัดค่ายปรับตัวก่อน 4 วันค่ะ พบเจอกับเพื่อนชาวต่างชาติจากหลายๆประเทศเลย หลังจากนั้น วันที่ 4 ในประเทศลัทเวีย โฮสต์ปายก็มารับถึงที่ค่ายเลยค่ะ ตื่นเต้นมากๆตอนนั้น มีโฮสต์พ่อ แม่และพี่ชายมารับ พอเจอหน้าพวกเค้าครั้งแรก ปายก๊อกแตกเลยค่ะ ร้องไห้เลย คือมันตื่นเต้นและสับสนไปหมด คิดไปต่างๆนานา ว่าปายจะเข้ากับเขาได้มั้ย แต่โฮสต์เค้าใจดีมากค่ะ เค้าเคยมาเที่ยวที่ประเทศไทยมาก่อน พอเจอปายครั้งแรกเค้าก็ทักว่า “สวัสดีครับ” ปายงี้งงเลย 55+ ครอบครัวอุปถัมถ์ที่รับปายนั้น เค้าเป็นประมาณว่าชอบของไทยมากๆ เดาได้ว่าเค้าคงจะหลงรักประเทศไทยตั้งแต่ตอนมาเที่ยวปีก่อนหน้าที่ปายจะไป ตอนที่ไปถึงบ้านเค้า ปายเห็นของไทยตกแต่งบ้านเค้าเต็มไปหมดเลย แอบปลื้มอยู่เหมือนกันตอนนั้น อิอิ จริงๆแล้วในครอบครัวจะมีพี่สาวอีกคนหนึ่ง แต่เค้าเรียนอยู่ที่เมืองหลวง เลยนานๆทีจะได้เจอกัน แต่กลายเป็นว่าปายสนิทกับพี่สาวคนนี้มากที่สุดในบ้านแล้วค่ะ ว่าแล้วก็คิดถึงพวกเขาจริงๆนะเนี่ย

9.พอไปเรียนที่นั่นแล้ว รู้สึกว่าดีหรือแตกต่างกับการเรียนในไทยยังไงบ้างคะ?

-การเรียนที่นู่นจริงๆแล้ว ไม่ค่อยแตกต่างกับที่ไทยมาทางด้านเนื้อหาวิชาน่ะค่ะ แต่รู้สึกว่าที่ประเทศไทยจะเรียนยากกว่ามากพวกวิชาคณิตศาสตร์กับพวกวิทยาศาสตร์ แตกต่างตรงที่ว่าเค้าไม่มีแบ่งสายการเรียนใน ม.ปลายแบบเรา ทุกคนต้องเรียนให้ครบทุกวิชา ไม่ว่าจะฟิสิกส์ เคมี ชีวะ หรือภาษาที่สาม เช่น เยอรมันหรือรัสเซีย โรงเรียนที่นู่นดีอย่างคือเด็กนักเรียนในห้องหนึ่งก็มีน้อย ประมาณ 20 กว่าคน เวลาอาจารย์สอนก็ทั่วถึงหมด โรงเรียนที่นู่นส่วนมากก็เรียนแค่ชั่วโมงละ 40 นาที ประมาณบ่ายๆก็เลิกเรียนแล้วค่ะ สบายหน่อย 55+

10.เพื่อนๆที่นั่นน่ารักไหม? มีใครรู้จักหรือเคยมาเมืองไทยบ้างไหมคะ?

- เพื่อนที่นู่นน่ารักกันทุกคนเลยค่ะ รับรองได้ ถึงแม้บางอย่างเราอาจจะไม่ชินเวลาที่เค้าทำเช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอร์ ซึ่งที่นู่นจะเป็นเรื่องปกติค่ะ เห็นครั้งแรกเราก็แอบอึ้ง พอไปนานๆเราก็ชิน เวลาเค้าจะสูบบุหรี่กัน เราก็ขอเลี่ยงไปก่อน แล้วนิสัยของคนที่นู่น แรกๆเค้าก็จะไม่ค่อยเข้ามาพูดกับเรามากเท่าไหร่ ตอนแรกปายก็แอบท้ออยู่เหมือนกันค่ะ ไม่ค่อยมีเพื่อนเลย แต่ตอนหลังๆก็เริ่มมีแก๊งค์เม้าแตกกับเค้าแล้วเหมือนกันค่ะ ส่วนมากพวกเด็กๆจะชอบเรา เวลาเดินไปไหนมาไหนก็จะตะโกนเรียกชื่อเราค่ะ ประมาณว่าเมืองเค้าเป็นเมืองเล็กๆ ผู้คน 90% บอกได้เลยไม่เคยเห็นคนเอเชียตัวเป็นๆหรอกค่ะ แรกๆเค้าก็แปลกใจว่า เอ๊ะ! คนนี้ใคร หน้าเอเชียเดินมาเชียว หลังๆทุกคนเริ่มชินกัน แอบคุยนิดนึงว่าปายดังมากๆในเมือง แทบทุกคนในเมืองจะรู้จักปาย แถมลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไป 3-4 ครั้งแล้วค่ะ 555+ ไปไหนมาไหนทุกๆคนเค้าเห็นเค้าก็ทักเรา ทั้งที่เรารู้จักมั่งไม่รู้จักมั่ง คนในเมืองเค้ารักเรากันทั้งนั้นเลยค่ะ ปายเลยรู้สึกรักเมืองนี้มากๆเลย ถึงแม้มันจะเป็นเมืองเล็กๆ แล้วปายก็เคยโดนเพื่อนล้อบ่อยๆว่าอยู่เมืองบ้านนอก แต่ปายก็พอใจค่ะ อิอิ

11.ไปอยู่ที่นั่นนอกเหนือจากเรียนแล้วได้ลองทำงานพิเศษบ้างไหมคะ?

 - จริงๆแล้วนอกจากเรียนปายไม่ได้ทำงานพิเศษอะไรเลย เป็นข้อห้ามอยู่แล้วสำหรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน แต่ว่าหลังเลิกเรียนปายก็มีกิจกรรมเหมือนกัน ทุกๆเย็นวันจันทร์-พุธ-พฤหัสบดี ปายมีเรียนที่โรงเรียนศิลปะในเมืองค่ะ จริงๆแล้วเด็กที่มาเรียนที่ รร. นี้ต้องจ่ายเงินมาเรียน แต่ปายได้เรียนฟรี เป็นอภิสิทธิ์พิเศษ อย่างหนึ่งของเราแหละค่ะ 555+ (จริงๆแล้วปายยังมีอภิสิทธิ์อื่นๆอีกเยอะค่ะ อิอิ) ที่นี่ปายได้เพื่อนเยอะมากกก เด็กเยอะ เค้าก็ชอบมาคุยกับเราเหมือนกัน ปายมีความสุขมากๆตอนที่ไปเรียนศิลปะเนี่ยแหละค่ะ

12.แล้วชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหม (ที่เป็นอาหารของที่นั่น)?

- อาหารของที่นั่นหลักๆแล้วก็เป็นพวกมันฝรั่งค่ะ เค้ากินกันทุกวันเหมือนกับที่เรากินข้าว ปายกินจนเบื่อไปเลยค่ะ แต่อาหารที่ปายชอบ จะเป็นซุปของที่นั่นค่ะ วิธีการกินซุปของคนที่นั่นไม่เหมือนกับที่ปายเคยกินมาก่อน คือเค้าจะใส่ครีมคล้ายๆโยเกิร์ต (แต่ไม่ใช่) ลงไปในซุปไม่ว่าจะซุปแบบไหนก็ตาม แรกๆปายเห็นแล้วก็แอบเลี่ยน ไม่ยอมใส่ แต่ไปๆมาๆ พอได้ลองแล้วติดใจเลยค่ะ อาหารของคนที่นู่นมีหลายอย่างที่แปลกๆ หรือบางอย่างไม่แปลกแต่วิธีการกินของเค้าต่างหากที่แปลก อ้อ! อาหารขึ้นชื่อของที่ลัทเวียจะเป็นขนมปังสีดำ แรกๆปายกินก็แบบว่าไม่ชอบเลยยยย หลังๆก็พอกินได้ ทากับเนยก็อร่อยดี แต่ก็ยังไม่ใช่ของโปรดอยู่ดีแหละค่ะ 5555+

13.ประเทศลัทเวียมีอะไรน่าสนใจบ้างคะ?

- จริงๆแล้วประเทศลัทเวียเป็นประเทศเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของยุโรป ติดกับทะเลบอลติก ประเทศเค้าจะเป็นป่าซะส่วนใหญ่ แต่บอกเลยว่าสวยค่ะ บ้านเมืองเค้าสะอาด และที่สำคัญ อาชญากรรมหาได้น้อยมากๆๆๆ ปายยังเคยไปเดินเล่นกับเพื่อนๆตอนดึกๆ 5ทุ่ม เที่ยงคืน ในเมืองหลวงเลย ตอนกลางคืนเมืองจะสวยมาก ยิ่งช่วงคริสมาสต์ เค้าตกแต่งไฟสวยมากๆๆ แถมประเทศเค้าผู้คนไม่พลุกพล่าน เวลาปายเดินเล่นกับเพื่อนๆที่ห้างหรือว่าตามถนน ก็เดินกันชิวๆ สบายๆค่ะ ถึงแม้ประเทศเค้าจะไม่เป็นประเทศท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว ผู้คนยังไม่ค่อยรู้จักนัก แต่ขอโฆษณาเลยค่ะ ได้ลองไปแล้วจะติดใจจริงๆ ฟันธง!!!

14.กิจกรรมอะไรที่เราได้ลองทำที่นั่นแล้วมีความรู้สึกดีมากๆเลย แล้วก็แปลกหูแปลกตาด้วย

 - สิ่งที่ได้ลองทำ ที่ในชีวิตนี้ปายไม่เคยคิดว่าจะได้ทำเลยก็คือเล่นสกี!!!! ถึงมันอาจจะดูไม่แปลกสำหรับบางคน แต่สำหรับปายมันน่าตื่นเต้นมากๆเลยค่ะ อย่างที่เคยบอกไป ปายใฝ่ฝันอยากเห็นหิมะของจริงมานาน พอมีหิมะ กิจกรรมที่ขาดไม่ได้ก็เนี่ยแหละค่า!!!! โฮสต์ปายเค้าพาไปเล่นสกี ทีแรกปายก็เล่นไม่เป็นเลย ไหลตกทางอยู่หลายที แต่เค้าก็จ้างครูมาสอน (แถมครูเค้าก็เคยมาทำงานอยู่ที่ไทยตั้งปีนึงแหนะ) หลังจากนั้นปายก็เล่นได้ฉิวๆเลยยยย ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ปายปวดขามากกกกกก แต่ปายก็ยังชอบอยู่ดีค่ะ เป็นกิจกรรมที่ทำแล้ว ลืมไม่ได้เลยจริงๆ

15.ก่อนกลับบ้านมีงานเลี้ยงอำลาหรือเปล่าคะ?

 - น่าเสียดายที่ก่อนกลับบ้าน ปายมีกิจกรรมมากไปหน่อย ทั้งไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนๆ มีค่ายสุดท้ายของเอเอฟเอส รวมๆแล้วก็ทั้งเดือนแหละค่ะ ก่อนกลับ ตอนนี้ปายยังแอบเสียดายที่ก่อนกลับปายมีเวลาอยู่กับโฮสต์น้อยมาก แค่ประมาณ 5วันในทั้งเดือนนั้น พวกเราเลยไม่ได้มีงานเลี้ยงอำลาอะไร แต่ตอนที่ปายกลับจากไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส เบลเยี่ยม รัสเซีย ปายก็เอารูปมาเปิดให้โฮสต์เค้าดูค่ะ เค้าก็มานั่งดูกันทั้งบ้านเลย เหมือนเป็นกิจกรรมครอบครัวสุดท้ายที่มานั่งรวมกัน แล้วหัวเราะ พูดคุยกันค่ะ แต่วันสุดท้ายโฮสต์ปายเค้าก็มาส่งถึงที่สนามบิน ถึงแม้ไม่ได้ร้องไห้อำลาเหมือนคนอื่นๆ แต่ปายก็จากมาด้วยความสุขที่ได้อาศัยอยู่กับครอบครัวนี้มาทั้งปีเลยค่ะ ไม่ว่าปายจะเคยมีปัญหากับเค้าบ้าง บางทีก็ดื้อกับเค้าบ้าง แต่ยังไงปายว่าความสัมพันธ์ระหว่างปายกับครอบครัวนี้ก็ยังผูกพันกันมากๆ ทุกวันนี้ยังติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ตอยู่เลยค่ะ

16.พอถึงเมืองไทยแล้วเป็นยังไงบ้าง รู้สึกแตกต่างกับตอนก่อนไปลัทเวียยังไงคะ?

 - รู้สึกแปลกๆเลยค่ะ วันแรกที่กลับมา อย่างแรกเลยคือทำไมมันร้อนมากกก เมื่อก่อนเราเคยได้ยินคนที่เค้าไปเมืองนอกแล้วกลับไทยมาบ่นว่าร้อน เราก็คิดว่า เอ๊ะ อะไรแค่นี้ร้อนหรอ แต่พอมาเจอจริงมันก็ จริงวุ้ย! ร้อนมาก แล้วอีกอย่างคือ เวลาเห็นป้ายโฆษณาหรืออะไรที่เขียนเป็นภาษาไทย มันก็รู้สึกแปลกๆ ชอบกลค่ะ หรือจะแอบนินทาชาวบ้านเหมือนตอนที่อยู่ลัทเวียเคยนินทาเค้าเป็นภาษาไทยกับเพื่อนคนไทยแล้วเค้าไม่รู้เรื่อง ก็ทำไม่ได้แล้วด้วย 555+ อ้อ!! แล้วอีกอย่าง เรื่องอาหารนี่สำคัญเลยค่ะ ปกติเมื่อก่อน ก่อนไป กินลาบ น้ำตก ส้มตำนี่เรื่องปกติค่ะ แต่พอกลับมาวันแรก ไปสั่งมากินเลยค่ะ ลาบเนื้อ วันต่อมาปวดท้อง แถมท้องเสียเป็นอาทิตย์จนน้ำหนักลดไปเลยค่ะ TwT (ดีใจอ่ะค่ะ 55)

17.ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากเรียนเมืองนอกหน่อยค่ะ

- จริงๆ การไปเรียนเมืองนอกก็ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอย่างหนึ่งในชีวิตนะคะ ถามใครๆ เกิน 80% ปายเดาว่าก็ต้องมีคนตอบว่าอยากไป ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะมันหมายความว่า น้องอยากที่จะไปเปิดประสบการณ์ ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆให้กับชีวิต ที่สำคัญการที่น้องไปเรียนเมืองนอก ได้คลุกคลีกับคนต่างชาติหรือจากหลายๆประเทศทั่วโลกมารวมกัน ได้คุย ได้ร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน เราก็จะได้รับรู้มุมมองใหม่ๆ ได้ไอเดีย ความคิดที่เราก็สามารถเลือกสิ่งที่ดีๆ จากเค้ามาประยุกต์ใช้กับตัวเอง ทั้งๆที่น้องยังคงความนอบน้อม มีวัฒนธรรมอย่างของไทยเราไว้ได้นั้น เผลอๆ น้องจะกลายเป็นคนที่เพอร์เฟ็คไปเลยค่ะ หากน้องมีความฝันอยากรู้ อยากลองหาประสบการณ์ให้กับชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเลย สมัยนี้มีการสอบชิงทุนมากมายเหมือนที่ปายได้ไป หรืออีกหลายๆทุน ที่เค้ารอน้องๆก้าวเข้าไปร่วมประสบการณ์ เหมือนอย่างปายที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าตัวเองจะได้ไปเมืองนอก ได้ไปเที่ยวถึงประเทศในยุโรปหลายๆประเทศ ที่เคยเห็นตามโทรทัศน์หรือสื่ออื่นๆ เด็กผู้หญิงบ้านๆคนนึงได้ไล่ตามความฝันจนสามารถคว้ามาได้ ก็แค่ลงมือทำ ไม่เพียงแต่ฝัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไปถึงฝันได้จริงมั้ยค่ะ!!!!

แหม...ได้ประสบการณ์สนุกๆ แบบนี้ เป็นใครจะไม่ติดใจจริงมั้ยเอ่ย? หลังการสัมภาษณ์จบลง พี่ปาล์มคิดว่าน้องปายก็เป็นอีกคนที่โชคดีมีโอกาสได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วน้องๆ ที่กำลังอ่านมาถึงบรรทัดนี้ล่ะคะ มีความฝันอยากจะไปเรียนรู้ประสบการณ์ที่ไหนกันบ้าง?

สนใจอยากเล่าประสบการณ์เด็กนอก แนะนำ-ติ ชม

ส่งเมล์มาได้ที่ palm@dek-d.com

 
Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

30 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
น้อยหน่า 26 ก.ย. 51 22:36 น. 5
โห๊ววพี่เจ๋งอ่ะ
เห็นบรรยากาศน่าอยู่เหมือนกันน่ะเนี้ย
เค้าก๊อยู่สารวิทยาเหมือนกันตอนนี้อยู่ม.5
โครงการ AFS ที่โรงเรียน คนสมัครเยอะอ่ะ
เหอะ ๆๆ


เเอบปลื้มมมมม !
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
SomTam*~ 27 ก.ย. 51 15:37 น. 10
เอ๊ะๆ รูปคุ้นๆนะเนี่ย

รู้จักกันอ๊ะป่าววว??

555+

แอบมาลงเด็กดีไม่มีบอกกันเลยนะ

เจอกันวันอังคารมีแซวแน่
0
กำลังโหลด
-[>Red_onE<]- 27 ก.ย. 51 19:55 น. 11
อ้าววว พี่น้อง AFS เช่นกันหรือนี่

กระโผมรุ่น 48 ที่กำลังจะไปยัง สเปน (ทำไมคนมันน้อยงี้ผะ 3 คนเอง)

ข้อสอบที่ว่ายากอ่ะ ง่า มันง่ายนะ จริงๆแล้ว เราเอง ม.3 ยังติดเลย

สัมภาษณ์ต้องกล้าๆ เข้าไว้ 5555+ ถึงจะเจอคนที่เลือกที่เดียวกับเราก็อย่าไปคิดตรงจุดนั้น
0
กำลังโหลด
JuliZ Member 27 ก.ย. 51 20:06 น. 12
จริงๆเราก็อยากไปนะ ประเทศที่ใช้ภาษาที่สาม แต่ทางครอบครัวเราให้เลือกอเมริกาไว้ก่อนอันดับแรก อ่ะนะก็เสียดายเหมือนกันอ่า อยากไปพวกเยอรมัน ฝรั่งเศส แง้ว แต่ไปอเมริกาก็ดีนะ โอสใจดีมากๆเลย ก็นะ หนุกๆ ตอนนี้กลับมาตั้งใจเรียนแล้ว ซ้ำชั้นด้วย ฮือๆ ยังไงก็สู้ๆ ในฐานะนรแลกเปลี่ยนเหมือนกัน ถึงจะคนละโครงการก็เถอะจ้า i'm YE 3360 จ้า
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
giggag 28 ก.ย. 51 14:01 น. 16
แง่มๆ
รุ่นที่48 จ้า ได้สำรองง่ะ

ยังไม่รู้เลยว่าจะได้ไปที่ไหน

เลยถือโอกาสศึกษาไว้ก่อนจ้า

ลัตเวียก้อหน้าไปเหมือนกันน่ะเนี่ย

ตอนที่ไปประชุมครั้งก่อน เค้าก้อพูดถึงประเทศนี้เหมือนกัน

มันขึ้นชื่อว่าเปนประเทศแปลกๆ แต่มันก้อน่าสวนใจมากเลยละจร้า

อยากไปเหมือนกันจร้า
0
กำลังโหลด
~aIrI~ Member 29 ก.ย. 51 01:59 น. 17
สวยมากเลย  เหมือนเมืองในนิทานการ์ตูนเลยง่ะ น่ารักๆๆ  ^^   อยากไปจัง

สับสนกับตัวเอง  อาจารย์แนะแนวที่โรงเรียนไม่แนะนำ  ถามว่าอยากเรียนอะไร เธออยู่สายวิทย์นะ   อยากไปทางวิทย์วิชาการหรือทางศิลป์  ไอเราก็ตอบไม่ได้คือไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต แต่ที่แน่ใจคือหลงรักวิชาวิทย์วิชาหนึ่งไปแล้ว(ที่เหลือศัตรูกัน 55+) มันเลยครึ่งๆกลางๆ ตูจะวิทย์วิชาการสู้กับเด็กไทยด้วยกัน หรือจะศิลป์ไปภาษาเลย  อาจารย์บอกว่าอยากเก่งภาษาทั้งที่อยู่ไทยน่ะมันได้  เธอต้องชั่งน้ำหนักดูระหว่างประสบการณ์ที่ได้กับการที่เธอกลับมาไทยแล้วจะช้ากว่าเพื่อนแถมที่เรียนมาตอนไปแลกเปลี่ยนก็ไม่มีอะไรมาใช้ได้เช่นวิชาสังคมก็คนละเรื่องกัน    อยากไปก็อยาก อยากสอบก็คงสาหัส  เหนืออื่นใดคือยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเอาไง  อยู่ม.4ยังมีเวลาคิด  แต่ระบบศึกษาไทยมันไม่แน่นอนซะจนไปอยากละทิ้งไปซักปีเลย TT^TT  อย่างนี้เซ็งเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด