ซ่อน
แสดง

 

          สวัสดีคร้าบ.. ม.6 เครียดแทบตายเพื่อที่จะเข้าคณะในฝันให้ได้ แต่พอได้เข้าไปเรียนแล้วยิ่งเครียดหนักกว่า เพราะไหนจะรับน้อง เกรดตก สังคมเปลี่ยน หรือที่หนักสุดก็คือคณะนี้ “มันไม่เหมาะกับนู๋” จนหลายคนจำเป็นต้องแปลงร่างกลายเป็น “เด็กซิ่ว” ในที่สุด ทั้งที่ไม่คิดไม่ฝันว่าชาตินี้จะอยากเป็น = ="

            วันนี้ พี่ลาเต้ เลยขอสกัดดาวรุ่งน้องๆ ม.6 ที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะพุ่งไปซิ่วล่วงหน้ากันซะก่อนเลย โดยจะมี 6 สาเหตุใหญ่ที่อาจจะทำให้น้องๆ ต้องยอมจำนนเป็น “เด็กซิ่ว” ในที่สุด ว่าแล้วลองไปดูซิว่า ตัวเราจะเสี่ยงเข้าข่ายเหตุผลไหนบ้างนะ

>> ดาวว่าคณะนี้มันไม่ใช่

            เป็นเหตุผลที่ฟังดูแล้วน่าตลก แต่เจอเข้าจริงอาจตลกไม่ออก T^T เพราะก่อนสอบเข้าคณะนี้มั่นใจสุดๆ ว่า “คณะนี้แหละที่ผมอยากเรียน” แต่พอเข้าไปเรียนจริงๆ เจอท่องสูตร เจออุปกรณ์ เจอหนังสือที่อ่านไม่ออกสักหน้า เจอแบบนี้บ่อยๆ ก็เริ่มที่จะออกอาการ “เบื่อ” จนไป “ซิ่วหนี” ในที่สุด

            ไม่ต้องตัวอย่างใครที่ไหนไกล “อาตู” ขุนพล Admission Reality ปี 1 ที่ตอนอยู่ ม.6 ทุ่มสุดตัวเพื่อคณะรัฐศาสตร์ ถึงขนาดที่ว่า “หากไม่ติดก็จะซิ่ว” แต่พอติดเข้าไปเรียนแล้ว “กลับขอซิ่วแบบไม่ลังเล” เพราะเรียนไป เรียนมา เริ่มมั่นใจว่าบุคลิกตัวเองเหมาะกับด้านนิเทศฯ มากกว่า โอ้แม่เจ้า ดังนั้นค้นหาตัวเองให้ลึกที่สุด จะได้ไม่พลาดทีหลังนะคร้าบ

>> เลือกคณะแบบไม่ตกลงกันให้ดี

            เหตุผลแรกยังฟังขึ้น แต่เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย เพราะในแต่ละปีจะมีน้องๆ หลายคนที่เลือกคณะ 4 อันดับ แบบไม่ตกลงกับพ่อแม่ให้ดีเสียก่อน ประมาณว่า คณะที่พ่อชอบไว้อันดับ 1 คณะที่เราชอบไว้อันดับ 2 (กะว่าไม่ติดหรอก) แต่พอประกาศผลดันติดอันดับ 1 เมื่อไม่ชอบมีอคติเป็นทุนเดิม แต่ต้องเข้าไปเรียน “ความซิ่ว” ก็เลยบังเกิด ดังนั้น 4 อันดับจงเลือกให้ดี เพราะนอกจากจะทำให้เราได้เรียนในคณะที่ชอบแล้ว เพื่อนคนอื่นๆ ก็จะได้มีสิทธิ์ลุ้นในคณะที่เขาอยากเรียนจริงๆ อีกด้วย

>> เข้าไปโดนรับน้องแบบแก้ผ้า

             แม้จะเป็นคณะที่ชอบ มหาวิทยาลัยที่ใช่ แต่สิ่งที่หลายคนต้องขอถอนตัว “ซิ่ว” ออกมาแบบไม่เผาผีกัน นั้นก็คือ “สังคม”ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าคิดสุดๆ เคยมีรุ่นพี่หลายคนบอกไว้ว่าการจะมีความสุขในชีวิตมหา’ลัยได้นั้น 50% แรกเป็นเพราะได้เรียนคณะที่ชอบ และอีก 50% หลังอยู่ที่สังคมของมหาลัยนั้น ดังนั้นหากโชคดีสอบติดเข้าไปเรียน แต่ดันโชคร้ายเจอรับน้องโหด เพื่อนไร้น้ำใจ รุ่นพี่กดดัน อาจารย์กดเกรด ก็ไม่ไหวจะเพลียเหมือนกันนะ = ="

             ปีก่อนมีน้องที่พี่ลาเต้รู้จักคนหนึ่ง อุตสาห์ยอมเหนื่อย ยอมเครียด ฝ่าฟัน O-NET จนสอบติดเข้าคณะวิทยาศาสตร์ ม.ชื่อดังไปได้ แต่พอไปเรียนกลับต้องมานั่งร้องไห้ทุกคืน เพราะเพื่อนในคลาสเทพมาก เวลาจะติวอะไรเหมือนพูดคนละภาษากับเรา อีกทั้งยังตัวใครตัวมัน ฟังแล้วน่าอนาถจริงๆ เจอแบบนี้ก็ต้องคิดหนัก หากไม่ซิ่วก็ต้องทนไปอีก 4 ปี

>> ต้องการไปให้ถึงฝัน

              เป็นสาเหตุการ “ซิ่ว” ที่น่าเห็นใจที่สุด เพราะน้องกลุ่มนี้จะซิ่วเพื่อไปสอบเข้าในคณะในฝันที่อยากเรียนมากๆ ซึ่งไม่ใช่เพราะตอนสมัครเลือกคณะผิด แต่เพราะโชคร้ายไม่ติดต่างหาก T^T ในตลอด 1 ปีก่อนสมัครใหม่นี้ น้องๆ กลุ่มนี้บางคนก็เรียนฆ่าเวลาในคณะที่ติดไปก่อน แต่บางคนก็เลือกยอมหยุดเรียนทั้งปีเพื่อเทเวลาทั้งหมดให้กับการอ่านหนังสือ ซึ่งกรณีนี้บางคนซิ่วคณะเดียวกันมาถึง 2 รอบเลยก็มี นับถือในความมุ่งมั่นจริงๆ ชาบู ชาบู

>> โดนรีไทร์ และความรัก

             ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เคยได้ยินแต่ว่า “ความรักทำให้คนตาบอด” แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า “ความรักทำให้เด็กมหาลัยซิ่วได้เหมือนกัน” และเยอะด้วย ไม่ว่าจะเป็นซิ่วไปหาแฟนที่เรียนอยู่อีกมหาลัย หรือแตกหักกับแฟนจนไม่สามารถเรียนอยู่ที่เดียวกันได้ ซึ่งดูแล้วเป็นปัญหาโลกแตกไร้สาระมากๆ แต่หากไม่เจอกับตัวเองไม่มีทางเข้าใจ ดังนั้นขอให้รักกันน้อยๆ จะได้รักนานๆ นะคร้าบ แถมจะได้เรียนไปนานๆ อีกด้วย

          "รีไทร์" ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เด็กมหาลัยต้องกลายเป็น "เด็กซิ่ว" เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า 1คะแนนในข้อสอบในมหาลัยได้ยากกว่างมเข็มในมหาสมุทร ทุกคะแนนได้มาจากการสอบที่ต้องเขียน บรรยายเป็นหน้าๆ ไอ้ที่เป็นช้อยส์ 4 ตัวเลือกที่เจอตอนมัธยมลืมไปจากโลกนี้ได้เลย ไม่เจอแน่นอน !! เพราะการเรียนที่หนักขึ้น ลึกขึ้น และต้องเข้าใจให้มากขึ้น ประกอบกับบางแห่งเรียนแบบอิงกลุ่ม บางแห่งเรียนแบบอิงเกณฑ์ หากปรับตัวไม่ได้ ปรับเกรดไม่ทันก็แย่ จนต้องโดนรีไทร์ในที่สุด 

          การรีไทร์ มีทั้งรีไทร์ออกมาเอง และโดนทางมหาวิทยาลัยรีไทร์ออกมา จากสถิติที่ผ่านมาปัจจุบันมีนักศึกษาที่โดนรีไทร์เยอะมากในแต่ละปี โดยเฉพาะคณะวิศวกรรมศาสตร์ พระนครเหนือ สถิติปี 52 มีนักศึกษาโดนรีไทร์ระหว่างเรียน ร้อยละ 60 จากทั้งหมด หมายความว่าหากมีนักศึกษา 100 คน จะมีคนถูกรีไทร์ถึง 60 คน โอ้ๆ ซึ่งนักศึกษากลุ่มนี้ก็จะถูกเรียกเหมารวมว่า "เด็กซิ่ว" ในที่สุด  

              ทั้งหมดนี้เป็น 5 สาเหตุยอดฮิตของ “เด็กซิ่ว” นะคร้าบ.. ยิ่งปี 54 นี้ พี่ลาเต้ รู้สึกได้เลยว่าปริมาณประชากร “เด็กซิ่ว” ทวีความเยอะกว่าหลายปีที่ผ่านมาอย่างเท่าตัว !!! ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปีที่แล้วใช้ระบบใหม่ที่ยังไม่เสถียรเข้ามหาลัยหรือเปล่า เด็กแอดฯ 53(รุ่นผ้าปูโต๊ะ) เลยพร้อมใจซิ่วกันกระจายยยย

                 ลาเต้ลิขิต 1 : สัปดาห์หน้า พี่ลาเต้ จะมี 5 คณะที่ซิ่วเยอะที่สุดมาฝาก จะเป็นคณะไหน รอติดตามได้เลย

              ลาเต้ลิขิต 2 : ใครเป็นเด็กซิ่ว ซิ่วเพราะเหตุผลอะไร มาแชร์กันหน่อย

พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

หนูแดงตัวน้อย Member 28 ม.ค. 54 04:14 น. 1
เอาจริงๆ
สาเหตุที่ นศ.ส่วนใหญ่ต้องซิ่วน่ะ คือโดนรีไทร์ค่ะ
ปีๆนึง มหา'ลัยที่ละแห่งคัด นศ.ออกเยอะ เผลอๆจะเยอะกว่าเด็กที่ซิ่วเองด้วยซ้ำ
ซิ่วอย่างไม่มีทางเลือกไง
 
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Shoooooter Member 28 ม.ค. 54 16:53 น. 15

วิศวะพระนครเหนือโหดจริง ขนาดเพื่อนมันดร็อปครบแล้ว(3ตัวมั้ง) เกรดยังไม่ถึง 1เลย

โอวววว! ไม่ไหวนะ?   เรียนที่ไหน ถ้าเผลอลืมตัวเมื่อไหร่ไทร์เอาดื้อๆเลย

0
กำลังโหลด

113 ความคิดเห็น

หนูแดงตัวน้อย Member 28 ม.ค. 54 04:14 น. 1
เอาจริงๆ
สาเหตุที่ นศ.ส่วนใหญ่ต้องซิ่วน่ะ คือโดนรีไทร์ค่ะ
ปีๆนึง มหา'ลัยที่ละแห่งคัด นศ.ออกเยอะ เผลอๆจะเยอะกว่าเด็กที่ซิ่วเองด้วยซ้ำ
ซิ่วอย่างไม่มีทางเลือกไง
 
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
A†R†I†A Member 28 ม.ค. 54 08:20 น. 3

อาจจะเป็นเพราะตอนแรก คณะที่เราเลือกไว้อาจจะชอบ

แต่พอไปๆมาๆ มันก็เกิดอยากจะเลือกเรียนคณะใหม่เท่านั้นเองนะคะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
~~_[มู๋ตุ๋น]_~~ Member 28 ม.ค. 54 10:34 น. 5
ผมเข้าไปเรียน1เทอมผม ก็ออกมา  เพราะที่ผมติดมันคืออันดับ4  แล้วมันก็ขัดกับความรู้สึกในการเรียนมากๆ  แต่ตอนนี้ผมจะเข้าคณะที่ผมอยากเรียน  แม้ว่ามันจะเป็นเอกชนก็ตาม(ปีที่แล้วเค้าสมัครกันก่อนแอดมิดชั่น  ผมไม่รู้เรื่องT_T)  เราขอแค่ได้เรียนคณะนี้  ไม่ว่าจะสถาบันไหนก็อยากเรียน

สัตวแพทย์!!!
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ส่งความรัก...ผ่านปลายปากกา Member 28 ม.ค. 54 11:25 น. 7
เหตุผลที่อยากซิ่ว(แต่ยังไม่ซิ่ว)ก็เพราะคิดว่ามันไม่ใช่ตัวตนของเรา เรียนๆไปก็เท่านั้น ถึงจะจบแต่ก็จบแบบไม่มีประสิทธิภาพ และมันเหมือนกับว่าพอเราคิดว่ามันไม่ใช่ ใจมันก็เลยไม่เปิดรับ ทำอารัยก็ท้อไปหมด คนรอบข้างจะพูดอยู่เสมอว่าจะซิ่วไปทำมัย เสียเวลาเปล่าๆ แต่ก็ต้องตอบเค้าไปตามสิ่งที่ตัวเองคิด คือเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ดีกว่า บางคนก็บอกว่ารียนๆไปเหอะ ขอแค่จบก็พอ ถ้าพูดแบบนี้แล้วอนาคตของเราล่ะจะอยู่ตรงไหน....

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 มกราคม 2554 / 11:25
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 28 มกราคม 2554 / 11:25
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 28 มกราคม 2554 / 11:26
0
กำลังโหลด
Peed 28 ม.ค. 54 11:40 น. 8
นอกจากในห้องเรียนแล้วอนาคตอยุ่ที่การศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองด้วย คิดให้ดีละกันก่อนที่จะซิ่ว ลองดูว่ายังมีทางเลือกอื่นอีกมั้ย แต่ถ้าตัดสินใจแล้วก้อย่าเครียดกับสิ่งที่ตัวเองเลือกและทำใส่งที่ตัวเองเชื่อให้ดีที่สุด
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
~ IcezekI ~ Member 28 ม.ค. 54 15:21 น. 12

นั่นสิเนอะ เรียนไปก็ทนไม่ไหวตั้ง 4ปีแน่ะ
เพราะฉะนั้นทำในสิ่งที่รัก ก็โอเคแล้วแหละ ถึงแม้จะซิ่วก็เถอะ -*-

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kumako 28 ม.ค. 54 15:31 น. 14
เนี่ยค่ะ ประสบการณ์ซิ่วสองรอบ
ตอนนี้เซ็งมาก และสภาพจิตใจห่อเ่ยว
เพราะว่า 21 แล้ว อยู่ปีหนึ่งใหม่ ตามจริงต้องอยู่ปี 3

ที่มันแย่.. ต้องมาเจอกับตัวค่ะ
มันเหมือนเรายังยืนอยู่ที่เดิม ในขณะที่เพื่อนกำลังก้าวเดินต่อไป
ยิ่งงานรับพระราชทานปริญญาบัตร ยิ่งตอกย้ำเลยค่ะ (พึ่งไปถ่ายรูปกับพี่บัณฑิตมา)

ใครที่จะซิ่ว คิดดูดีๆ ค่ะ
มันมีเหตุผลอะไรหลายๆ อย่าง ชั่งน้ำหนักดูดีๆ
ลองคิดดูดีๆ ค่ะ บางคนซิ่วไปมีความสุขก็ดีค่ะ
แต่ถ้าซิ่วแล้วไม่มีความสุขเหมือนเรา เฮ้ออออออ....
0
กำลังโหลด
Shoooooter Member 28 ม.ค. 54 16:53 น. 15

วิศวะพระนครเหนือโหดจริง ขนาดเพื่อนมันดร็อปครบแล้ว(3ตัวมั้ง) เกรดยังไม่ถึง 1เลย

โอวววว! ไม่ไหวนะ?   เรียนที่ไหน ถ้าเผลอลืมตัวเมื่อไหร่ไทร์เอาดื้อๆเลย

0
กำลังโหลด
LilyPanthel2 Member 28 ม.ค. 54 17:16 น. 16
ซิ่ว เพราะ เรียนไปแล้วมันไม่ใช่ค่ะ เลยตัดสินใจซิ่วทันที เพราะกลัวว่าถ้ายังฝืนต่อไป คงไม่มีความสุขแน่ๆ เพราะการเรียนมหาวิทยาลัยคือการเรียนเพื่อนประกอบอาชีพ ไม่ใช่เรียนเพื่อเกรดเหมือนมัธยม
0
กำลังโหลด
เง้อ 28 ม.ค. 54 17:36 น. 17
เราซิ่วเพราะ

ปีแรก เราเลือกพยาบาลไว้ 2 อันดับ แต่มาติดอันดับ 3 เอกอังกฤษ [ ร้องไห้ฟูมฟายยังกะแอดมิชชั่นไม่ติด] แต่ก็เรียนๆไป เพราะชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่ในใจก็จะซิ่วเข้าพยาบาลอีก

ปีสอง เราเลือกพยาบาลไป 3 อันอับ ที่นี้ไม่ติดเลย มาติดอันดับ 4 ซึ่งเป็นสายด้านวิทยาศาสตร์เลย

ตอนนี้เราก็ทนๆเรียนไป แต่เรียนไปมา เราชอบภาษาอังกฤษนี่หว่า แล้วเราจะซิ่วหนีเอกอังกฤษเพื่อ??

เราเลยเรียนเพื่อแม่ สิ่งที่ชอบทดไว้ในใจก่อน แล้วทำสิ่งตรงหน้าให้ดีที่สุด
0
กำลังโหลด
วีรดา Member 28 ม.ค. 54 19:16 น. 18
ตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมมาย้ายโรงเรียนมา 5 โรงเรียน จากเมืองที่มีแต่ความเจริญมาเจอชนบทแบบสุดๆตอนแต่รับไม่ได้แถมไม่มีเพื่อนถึงกับเป็นโรคไมเกรนเลยทีเดียว จากนั้นโรงเรียนที่สามก็เป็นเมืองเข้ามาหน่อยแต่เป็นสังคมที่มีแต่เด็กมีปัญหา ติดยา การมีเพศสัมพันธ์(คนอื่นนะ) ฯลฯ แต่โรงเรียนนี้ทำให้ฝึกเป็นคนเก็บความรู้สึกต้องรู้จักปิดหู ปิดตา ปิดจมูก ปิดปาก แม้แต่เสียงถอดหายใจก็ให้คนอื่นเห็นไม่ได้ พอเข้าโรงเรียนที่สี่ตอนขึ้นม.ปลาย เริ่มคบเพื่อนเป็นเอาเฉพาะแต่ที่จริงใจกันจริงๆ คบกันยาวอีกอย่างไม่ใช่คนติดเพื่อนเลยไม่มีปัญหา อีกอย่างได้เป็นผู้นำด้วยก็เอาประสบการณ์เก่ามาปรับใช้ พอขึ้นม.6ย้ายมาอยู่อีสานใต้เจอแบบจัดหนักเลย เห็นแก่ตัว เห็นใครดีกว่าไม่ได้ พยายามไม่บอกว่ามีงานอะไรถ้าเราไม่ถาม ตอนนี้แยกตัวเองออกมาคบไม่ไหวเกลียดแล้วเกลียดเลย แต่ด้วยความที่เรามั่นใจในตัวเองมากๆแถมย้ายโรงเรียนมาเยอะเลยปรับตัวได้เร็ว อะไรที่เรารู้ว่าไม่ดีไม่สมควรคบต่อไปก็อย่าฝืน อยู่กับเพื่อนที่จริงใจดีกว่า ตอนเข้ามหาวิทยาลัยก็พึ่งหลักที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ช่วยเหลือตัวเองก่อนถ้ามันไม่ไหวจริงๆค่อยหาทางอื่นเอา คตินี่ใช้ได้ทุกเรื่อง แต่ที่เราเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งคือ เราไม่เคยมีแฟน เพราะไม่มีใครมาจีบและไม่อยากให้จีบ คนอื่นบอกว่าอกหักดีกว่ารักไม่เป็น แต่เราคิดว่ารักไม่เป็นดีกว่าอกหักนะเปลืองพลังชีวิต อีกอย่างเราก็มีรักที่บริสุทธิ์อยู่แล้วก็คือ พ่อแม่เราเอง คนส่วนใหญ่มักแคร์คนที่เขาไม่รักเราแล้วมองข้ามคนที่เขารักเราก็คือพ่อแม่ แต่เราจะแคร์เฉพาะคนที่เขารักเรา เราต้องดูแลใจพวกเขาให้ดีก่อนส่วนคนที่ไม่รักเราก็ปล่อยมันไป อีกอย่างรักในวัยรุ่นส่วนใหญ่มันเป็นความหลงไม่ใช่ความรักนะแยกให้ออก ถ้ารักกันจะเข้าใจซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันก็ได้ไม่อยู่ด้วยกันก็ได้ แต่ถ้าหลงความรักก็คือการ have sex แล้วเราจะเสียใจกับคำนี้ จำไว้ have sex คือการเห็นแก่ตัว แต่ make love คือความรัก ความทะนุถนอมซึ่งมันจะมีตอนเข้าหอหรือแน่นอนแล้วว่าเขาจะแต่งงานกับเรา อย่าทอดกายให้ใครง่ายๆ อย่าให้ความหลงบังตาเดี้ยวจะเสียใจไปตลอดชีวิต

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 มกราคม 2554 / 19:15
0
กำลังโหลด
> i dek noi Member 28 ม.ค. 54 19:39 น. 19
ตอนแรก เลือกเพราะ คิดว่าชอบ และเรียนได้ ..แต่ ..พอถึงเวลา เรียนจริงๆ แล้ว บอก ตรงๆ ว่า

                       
" มันไม่ใช่ "
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด