|
วัยรุ่นกับ คหสต. ที่ผู้ใหญ่ ปศวก.
ผู้เขียนทำงานวนเวียนอยู่ในเว็บบอร์ดของ Dek-D เห็นการแสดงความคิดเห็นของวัยรุ่นไทยทำให้พอเข้าใจอยู่ว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงเป็นกังวลนักที่จะให้เด็กๆ อยู่ในโลกออนไลน์ เพราะเด็กๆ อยู่ในโลกที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ สุดจะคาดเดา และเจ้าโลกออนไลน์นี้ก็เป็นโลกที่แสดงความคิดเห็นได้โดยค่อนข้างเสรี
ความเห็นจากวัยรุ่นมีหลากหลาย มีดีๆ ก็มาก มีทั้งเหตและผล คำนึงถึงใจผู้อ่าน ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง อ่านแล้วรู้สึกว่าเด็กวัยรุ่นไทยมีความคิดดีๆ มากมาย ไม่ได้กระโหลกกะลาไก่กาอย่างที่ผู้ใหญ่คนไหนชอบหาว่าเด็กไทยไร้สาระ แต่ในทางกลับกันจะให้ไม่มีความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม เต็มไปด้วยอารมณ์ (ทั้งๆ ที่มีแต่ตัวอักษร) คำว่าร้าย ยุแยง คนอ่านก็โดนยั่วยุ จนต้องออกมาพิมพ์โต้ตอบเป็นเรื่องใหญ่โตไปก็มี บางทีก็เจอความเห็นที่ไม่ได้ใช้คำหยาบคาย แต่เรื่องก็ไม่จบ เพราะแต่ละฝ่ายก็แถกันจนสีข้างถลอกปอกเปิกกันไป โดยหาข้อสรุปไม่ได้ หรือบางทีก็ให้ความรู้สึกที่ว่า "ทำไมคิดอะไรได้ประหลาดแบบนี้" ผู้เขียนเองก็ยอมรับว่าบางครั้งก็รู้สึกตลกที่เห็นเด็กๆ คิดและพิมพ์ออกมา แต่ถ้ามาตรองดูดีๆ ตอนที่เราอายุเท่าเขาก็คงคิดแบบนี้หรือคิดได้ประหลาดมากกว่านี้แน่ๆ
ทั้งหมดนี้คือการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสาธารณะค่ะ ซึ่งเป็นอีกโลกหนึ่งที่แปลกแยกและแตกต่างเกินกว่าที่ผู้ใหญ่หลายคนจะเข้าใจเช่นกัน แต่ก็เป็นโลกที่เราไม่ควรมองข้ามในยุคสมัยนี้ เพราะโลกที่สื่อสารกันด้วยตัวอักษรหรือภาพเท่านั้น ทำให้เรามองไม่เห็นคนที่เราปฏิสัมพันธ์ด้วย
การที่เราไม่รู้ว่าอีกคนเป็นใคร และอีกฝ่ายก็ไม่รู้ด้วยว่าเราเป็นใคร
ทำให้คนเราลืมคำนึงถึงใจของผู้อื่น
วัยรุ่นที่อยู่กับโลกออนไลน์มากๆ อาจกลายเป็นคนที่จะลืมคิดก่อนพูด
ทั้งนี้เพราะเคยแต่พิมพ์ๆ ไป โดยไม่ต้องกลัวใครมาด่า ซึ่งหมายความว่ารุ่นคนนั้นจะเข้ากับสังคมจริงๆ ยากมากขึ้นด้วย และถ้าเราสังเกต เดี๋ยวนี้มีการจบความเห็นด้วยตัวย่อว่า คหสต. หรือ ความเห็นส่วนตัว กันแทบทุกความเห็นที่ตัวเองรู้สึกไม่ชื่นชอบ ซึ่งในมุมหนึ่งก็เป็นแค่ความเห็นต่างเรื่องหนึ่งๆ เท่านั้น แต่ในอีกมุมหนึ่งก็คือ "อยากว่าคนอื่น แต่ตัวเองก็ไม่อยากถูกว่าเช่นกัน" ซึ่งทำให้ความเห็น คหสต. ดังกล่าวมักมุ่งโจมตีมากกว่าแสดงความเห็นต่างอย่างมีเหตุผลค่ะ ดังนั้นอารมณ์ คหสต. นี้ก็ทำให้คนเรารู้จักแต่จะตำหนิผู้อื่น โดยไม่มองตนเองเช่นเดียวกันค่ะ เราคงไม่อยากให้เด็กไทยคนไหนเติบโตไปโดยไม่คิดถึงใจผู้อื่น มองตนเองเป็นศูนย์กลางโลกตลอดเวลาแน่นอนค่ะ
การที่วัยรุ่นมีความสุขกับการใช้ชีวิตในโลกอินเทอร์เน็ต ส่วนหนึ่งวิเคราะห์ได้ตามหลักการจิตวิทยาพัฒนาการวัยรุ่นเลยค่ะ เพราะการเปลี่ยนเปลี่ยงทางร่างกาย และการพัฒนาการของความคิด ทำให้วัยรุ่นต้องสร้างตัวตนเพื่อการเป็นผู้ใหญ่ค่ะ และสิ่งที่เขาค่อยๆ สร้างตัวตนนั้นก็ต้องมาจากการมีประสบการณ์ในเรื่องต่างๆ ได้ลงมือทำสิ่งต่างๆ จนสำเร็จ (ถ้าทำแล้วล้มเหลวบ่อยๆ ก็จะจิตตก กลายเป็นคนเห็นคุณค่าในตนเองต่ำ ไม่เชื่อมั่นในตนเองค่ะ) ซึ่งเจ้าสิ่งที่วัยรุ่นต้องทำให้สำเร็จนั้นครอบคลุมทั้งเรื่องในใจและเรื่องที่ต้องแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมเลยค่ะ ได้แก่
ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ในชีวิตจริงจะเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ในโลกออนไลน์เป็นไปได้ทั้งสิ้น อย่างเขียน Blog มีคนมาแสดงความคิดเห็นเท่ากับสำเร็จในการมีความสัมพันธ์กับเพื่อน ได้เข้าไปเป็นแฟนคลับทำเสื้อทำเว็บ คือได้อยู่ในโลกที่ชอบ ได้กำหนดสิ่งที่สนใจ เมื่อแสดงความคิดเห็นมีคนกดไลค์ เหมือนได้อำนาจในมือ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าทำไมอินเทอร์เน็ตจึงมีบทบาทกับวัยรุ่น เพราะมันตอบสนองต่อความต้องการของวัยรุ่นได้ทุกรูปแบบโดยไม่ยากนัก เข้าทำนองไม่ต้องอ่านหนังสือก็สอบติดได้เลยล่ะคะ (ซึ่งมักเป็นไปไม่ได้กับในโลกจริง) อินเทอร์เน็ตทำให้วัยรุ่นมีอำนาจอยู่ในมือที่จะทำได้ทุกอย่าง!
แต่ผู้ใหญ่เองจะมาตัดสินว่าสื่อออนไลน์เหล่านี้มันไม่ดี เพราะหันมาเห็นความคิดเห็นในเว็บที่เด็กๆ เล่น มีคำแปลกๆ โผล่มา แล้วเหมาว่ามันเลวร้ายทั้งหมด และงดเล่นไปเลยเสียก็ไม่ได้ วัยรุ่นก็ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาตามวิถีการเรียนรู้ในโลกยุคนี้ค่ะ
สิ่งสำคัญคือการให้วัยรุ่นได้เรียนรู้ ได้ทำ ได้อยู่ในโลกอื่นที่น่าสนใจ
สนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมต่างๆ รอบตัวบ้าง
แต่ถ้าลูกชอบอินเทอร์เน็ต เราก็ต้องขยับขยายตัวเองไปเล่นอินเทอร์เน็ตกับลูก
เป็น friend ลูกใน Facebook twitter เข้าไปดูสังคมเว็บบอร์ดที่ลูกอยู่ประจำ เข้าไปดูให้รู้ว่าโลกที่ลูกอยู่มีสิ่งน่าสนใจอะไรบ้าง แต่ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงการพูดคุยของลูกกับคนอื่นนะคะ และสามารถนำประเด็นต่างๆ ที่วัยรุ่นคุยๆ ในสังคมออนไลน์มาเป็นหัวเรื่องในการคุยกับวัยรุ่นได้ค่ะ ที่สำคัญการคุยแลกเปลี่ยนกับลูก ยอมรับฟังและพูดคุยอย่างมีเหตุผลทำให้วัยรุ่นเข้าใจการแสดงออกที่เหมาะสม การที่ลูกคุยแลกเปลี่ยนกับพ่อแม่ได้ดี ช่วยบ่มเพาะให้เขาสามารถแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นได้ดีเช่นกันค่ะ จะได้ไม่จบบทสนทนาในชีวิตจริงกับใครด้วย คหสต. ไงค่ะ ประเด็นนี้อยากให้ผู้ใหญ่ลองมาใช้อินเทอร์เน็ตในมุมมองของวัยรุ่น อย่าเพิ่งเห็นทุกความคิดของเด็กเป็นเรื่อง ปวดเศียรเวียนเกล้า ของผู้ใหญ่ และอยากให้วัยรุ่นรู้จักการใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ โปรดอย่าคิดว่าการแสดงความเห็นอะไรแล้วใครไม่เห็นหน้า ใครจะทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครจับได้ หรือไม่มีใครเสียใจ ก็ไม่อย่างนั้นจะมีข่าวพิษรักFacebook หรือChat จนเสียใจกันมากมายได้อย่างไร เทคโนโลยียิ่งกว้างไกล ใจคนยิ่งคับแคบ...หรือไม่? ขอเชิญวัยรุ่นไทยแสดงความคิดเห็นค่ะ
ปล. จริงๆ การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในพื้นที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องผิด แต่การใช้ คหสต. กำกับไว้เพื่อโจมตีใครไม่ใช่สิ่งที่เหมาะค่ะ
แหล่งอ้างอิง:
office.nu.ac.th/gentle/teen2.htm
|
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?




18 ความคิดเห็น
เคยมีช่วงหนึ่งทะเลาะกับคนค่อนข้างเยอะ ไม่ชอบใครหรืออะไรก็พิมพ์ไปในบางหัวข้อ เลยโดนเข้ามาด่าที่มายไอดี (คนด่าไม่ล็อกอินซะด้วยสิ) เราก็เลยไม่ค่อยชอบเข้ามายไอดีเท่าไหร่นัก (กลัวโดนด่าอีัก ^^;;;)
แล้วคราวแรกยังไม่เข็ด ยังมีไปเข้าใจผิดกับคนแล้วก็ด่า (แต่ไม่หยาบนะ) แต่ก็เคลียร์กันไปได้
คราวต่อมา อันนี้หนักมากๆหนักสุดๆ คือมีคนมาด่า้เราในบอร์ดอื่น (อันนี้ไม่ใช่เด็กดีแล้ว) แล้วแบบด่าหยาบคายมากจนทางบ้านเราพูดว่า "นี่กล้าไปโต้ตอบกับคนแบบนี้ได้ไง" ขนาดผู้ใหญ่ออกปากแบบนี้เลยนะ คิดดู แล้วกระทู้เดียวไม่จบ เราเลยไม่เข้าไปในกระทู้นั้นอีก (ทั้งที่เราใช้กระทู้นั้นก่อนแท้ๆ -*-)
ถ้าเราผิดจริงก็คงยอมแพ้ไปนานแล้ว แต่นี่มันจู่ๆก็ด่าเรา เราโมโหมากเลยพิมพ์โต้กันไป ใช้คำว่า 'ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง ไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าตัวเมียคนเดียวมาด่าปาวๆฝ่ายเดียว' แต่ผลคือเราก็ต้องเป็นฝ่ายถอย (อยู่ดี) และคือเราเคยไล่ดูตามกระทู้เก่าๆที่มันเคยเม้นท์ มันเอาชื่อเราไปนินทาแล้วบอกว่า 'ผมไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใครหรอกครับ แต่ก็ไม่ยอมคนเหมือนกัีน'
ด่าผู้หญิงหยาบๆคายๆแบบนี้ยังเรียกว่าไม่หาเรื่องอีกหรือคะ ไม่พูดด้วยเหตุผลเลยสักนิดเลย
ทุกคนที่อ่านคอมเม้นท์นี้จำไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจไว้นะคะว่า "ถ้ามีคนมาด่าหรือกระทบกระเทียบ พยามปล่อยวางหากว่าทำได้ คุณอาจจะคิดว่าหน้าจอเหมือนกันจะเป็นไรไป แต่คุณอาจพบว่าตัวเองต้องมานั่งร้องไห้เพราะคำด่าที่หนักขึ้นทุกทีของฝ่ายตรงข้ามเหมือนดิฉันก็ได้"
"ส่วนหากทะเลาะกันไปแล้ว ยามที่มันกำลังจะหนักขึ้น แสดงสปิริตเพศของคุณแล้วพูดเหตุผลไปตรงๆเลยดีกว่าพูดด้วยอารมณ์อย่างเดียว อย่าให้ใครต้องนั่งร้องไห้แบบดิฉันเลย"
ขอโทษที่แอบระบายและขอบคุณที่มีกระทู้ดีๆแบบนี้นะคะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2555 / 10:19
ปวดเศียรเวียนเกล้า คับผม
อันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งอ่ะ เวลาใครพิมพ์อะไรที่มันด่าคนอื่นหรือตำหนิคนอื่น... แล้วลงท้ายว่า คหสต. <<< แบบว่าเอียนและแบบ เฮ้อ...รู้เลยนิสัยไง
คหสต แปลว่า ความเห็นส่วนตัวนะ ไม่ใช่ คสหต พิมพ์สลับกันแล้วท่าน
ซึ่งเราไม่ชอบการกำกับ คหสต สักเท่าไหร่นะ
คือหลายคนมักใช้มันเป็นเกราะป้องกันตนเองว่า
"นี่คือความเห็นส่วนตัวของฉัน ดังนั้นฉันจึงด่าคนอื่นได้ แต่คนอื่นห้ามมาด่าฉันกลับ"
ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นการโกงเกินไปสักหน่อย
ในเมื่อแสดงความเห็นมาแล้ว คนอื่นก็ย่อมที่จะแสดงความเห็นตอบมาได้สิ
ไม่เช่นนั้นจะแสดงความเห็นออกมาทำไม สู้ปิดปากคิดเองเออเองอยู่คนเดียวต่อไปไม่ดีกว่ารึ ?
ซึ่งเรื่องของการแสดงความเห็นพวกนี้เราก็พบจุดผิดพลาดหลายต่อหลายครั้งนะคือ
1 ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พูดกันคืออะไร
บางครั้งอยากจะเข้ามาร่วมแจมก็เข้ามาเลย โดยไม่อ่านคหอื่นให้ละเอียด จึงแสดงคหผิดพลาด
2 คิดอะไรง่ายไป
บางเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนกว่าที่คิด เช่น ทำไมถึงฆ่าตัวตาย
ซึ่งการฆ่าตัวตายนี้แท้จริงมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากเลยนะ
เขาไม่ได้อยากทำเพราะโง่หรือคิดสั้น แต่บางครั้งมันเป็นผลจากอาการป่วยทางจิตต่างหาก
ซึ่งก็คือที่เรียกว่า "โรคซึมเศร้า" แน่นอนคำว่าโรคคืออาการผิดปรกติที่ควบคุมไม่ได้
เช่นกลัวความสูง กลัวที่แคบ กลัวเลือด หรือกลัวอะไรจนคุมสติไม่อยู่ก็ถือว่าเข้าข่าย
เคยเป็นกันบ้างใช่ไหมล่ะ ? นั่นแหละโรคซึมเศร้าก็ทำให้คุมตัวเองไม่ได้จนต้องฆ่าตัวตายแทน
ดังนั้นการไปต่อว่าคนที่ฆ่าตัวตายว่าโง่หรือคิดสั้นอะไรพวกนี้ไม่ใช่ทางแก้
3 คิดอะไรแบบขาวดำเกินไป
คือเลือกที่จะตัดสินว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งถ้าไม่ผิดก็ต้องถูกในทันที ไม่เคยคิดว่าจะมีตรงกลางบ้าง
เช่นกรณี"คันหู" บ้างก็บอกว่าไม่สมควรผิดประเพณีสมควรจะถูกประณามให้อยู่ในสังคมไม่ได้
บ้างก็บอกว่าควรสนับสนุนเพราะเขาไม่มีทางเลือกจึงต้องทำเช่นนั้น
ทั้งที่มันยังมีตรงกลางอยู่ คือทำได้แต่ไม่ควรไปสนับสนุน เป็นต้น
4 มีมุมมองต่อโลกที่น้อยจนเกินไป
คือมองด้วยสายตาของตนเองเท่านั้น แต่ไม่ไปมองคนอื่นบ้างเลย
เช่นคนที่เสพยาเสพติด บางคนก็บอกว่าสมควรจะได้รับโทษประหารโดยไม่มีข้อแม้
ทว่าในที่จริง เขาคนนั้นอาจจะไม่ทางเลือกเลยต้องหันมาเสพยา
หากลองมองในสายตาของผู้ที่เสพอาจจะทำให้รู้ว่าวิธีแก้ควรจะทำอย่างไร
นอกจากนี้ก็ควรจะมองในสายตาของพ่อแม่ผู้ปกครอง คนรู้จัก
รวมถึงคิดความเป็นไปได้ที่คนผู้นั้นจะถูกใส่ร้ายด้วย
เพื่อที่จะได้คำตอบว่าสิ่งที่สมควรทำคืออะไร
หากมองแค่มุมมองเดียว สิ่งที่ได้อาจจะถูกในมุมมองนั้น แต่อาจจะผิดในมุมมองอื่นก็เป็นได้
ดังนั้นจึงต้องมองทุกมุมมองก่อนแล้วค่อยตัดสินว่าสิ่งที่เราคิดนั้นมันถูกหรือไม่
จำได้ว่าตรวจแล้วนะ เพราะตอนอ่านทวนเห็นว่าพิมพ์ผิด แต่พอคุณซ่อนนามทัก กลับมาดู นี่เราเขียนสลับตัวกันเกือบทุกตัวเลยแฮะ น่าอายยิ่งกว่าเล่นมุกแป้กเสียอีก -*- ขอบคุณค่ะ
ส่วนเรื่องจุดผิดพลาดของความเห็นประเภทกำกับตอนท้ายด้วย คหสต นี้ เป็นอีกความเห็นที่ทำให้ คหสต ชัดเจนมากขึ้นทีเดียว ควรแก่การนำมาเผยแผ่แพร่ต่อไป น่าจับประเด็นไปเขียนกระทู้ลงที่เว็บบอร์ดนัก อิอิ
สุดจะเอียนกับพวก ที่พิมม์ต่อท้ายประโยคในบอร์ดเด็กดีว่า "คหสต"
งั้นก็เชิญเก็บ คหสต ไว้กับตัวเองเถอะ เพราะพิมม์มานี่มีแต่ด่ามีแต่ว่าแสดงกำพืดรวมถึงนิสัยตัวเอง
โดยเฉพาะพวกบอร์ด มีรูปเด็ดอะ เห็นพิมม์กันจัง คหสต ยังงั้นยังงี้
บอรืดมันดีอยู่แล้วนะ
แต่คนในบอร์ดนี้รู้สึกด้อยคุณภาพลงไปทุกวัน
55555
หลายคนมาในกระทู้ ด่าๆๆๆ แล้วลง คหสต. แล้วจากไป
คือแบบว่า ในเมื่อ"ความเห็นส่วนตัว"จะบอกเราเพื่อ??
มันไม่ได้ย่อมาจาก ความเห็นส่วนตัวมานานแล้วล่ะครับ 55555