มาดู!! ที่มาของหนูทดลอง จากปาก 3 รุ่นพี่รั้ว "จุลชีววิทยา"

       สวัสดีค่ะ น้องๆ แฟนคลับคณะในฝันทุกคน อย่างที่รู้กันแล้วนะคะว่าเดือนนี้ขอให้ยกให้เป็นเดือนของ สาขาจุลชีววิทยา หลังจากที่พาน้องๆ ไปสืบเสาะมาแล้วว่าสาขานี้มีเรียนอะไรบ้าง จบไปแล้วทำงานอะไรได้บ้าง คราวนี้พี่แป้งจะพาไปบุกในรั้วมหาวิทยาลัยว่าพี่ๆ เขาเรียนอะไรกันบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ  


.

พี่แบงค์
จุลชีววิทยา ปี 4
มหาวิทยาลัยศิลปากร

พี่แป้ง : สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นแนะนำตัวเองเลยค่ะ
พี่แบงค์ : ผมชื่อ นายสันติพงศ์  เกตุแก้วครับ ชื่อเล่นชื่อ แบงค์ ครับ  เรียนอยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์ เอกจุลชีววิทยา ปี 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร ครับ


พี่แป้ง : ตอนสอบน้องแบงค์สอบเข้ามาอย่างไรคะ? แล้วทำไมถึงเลือกเรียนที่นี่
พี่แบงค์ : ตอนสอบเข้ามาเรียนที่นี่ ก็สอบเข้ามาโดยวิธีรับตรงครับเป็นที่เดียวและที่แรกที่เลือกสอบ เพราะอยากเรียนที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้วครับ แบงค์เกิดที่นครปฐม ได้เห็นและสัมผัสบรรยากาศในนี้มานานเลยอยากเข้ามาอยู่ อีกประเด็นคือแม่อยากให้เรียนที่ ม.ศิลปากรด้วย เนื่องจากใกล้บ้านจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย   
 
       ส่วนเรื่องที่เลือกเรียนจุลชีววิทยาเพราะว่า ตอน ม.ปลาย แบงค์ชอบเรียนวิชาชีววิทยามากครับ เป็นวิชาที่เก่งสุดเลยก็ว่าได้ สนใจมากๆ เรียนพิเศษเพิ่มเติมก็วิชานี้วิชาเดียวเพราะอยากรู้ลึกและก็ทำได้ดี ได้เกรดวิชานี้เป็นเกรด 4 ตลอดจนอาจารย์ที่โรงเรียนตอน ม.ปลาย (โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย โรงเรียนประจำจังหวัดนครปฐม) ท่านหนึ่งได้แนะนำสาขานี้ เนื่องจากตอนนั้นท่านกำลังศึกษาระดับปริญญาโทสาขานี้ที่ ม.ศิลปากรอยู่ ท่านเห็นว่าแบงค์ชอบวิชาชีววิทยามาก แต่ท่านกลับไม่แนะนำให้เรียนสาขาชีววิทยาโดยตรงเพราะมันกว้างมากเกินไป จึงแนะนำว่าแบงค์น่าจะเหมาะกับสาขานี้มากกว่าเนื่องจากมันเฉพาะเจาะจงและเป็นสาขาที่น่าสนใจ เนื่องจากคนเลือกเรียนน้อย แบงค์จึงตั้งใจที่จะเข้าเรียนสาขานี้ให้ได้ครับ


พี่แป้ง : ไหนๆ ก็เรียนภาคจุลมาแล้ว ลองให้คำนิยาม "จุลชีววิทยา" หน่อยค่ะ
พี่แบงค์ : หลังจากที่อาจารย์ที่โรงเรียนท่านได้แนะนำสาขานี้มา แบงค์จึงศึกษาว่ามันเรียนเกี่ยวกับอะไร อย่างไงบ้าง จากอินเตอร์เน็ตครับ ทำให้รู้ว่าเรียนเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทั้งหลายเลยยิ่งสนใจ เพราะมันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยมีคนเห็นและใส่ใจมากนัก คำนิยามสำหรับจุลชีววิทยาของแบงค์คือ สิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจน่าศึกษาและค้นหาเพราะ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่บนโลกนี้มาก่อนเรา และ เป็นสิ่งที่ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ได้ในทุกวันนี้  


พี่แป้ง : เท่าที่เรียนตอนนี้ น้องแบงค์คิดว่าวิชาไหนที่ยากที่สุดคะ และ วิชาไหนที่ใกล้ตัวมากที่สุด?
พี่แบงค์ : เท่าที่เรียนมา วิชาที่คิดว่ายากที่สุดคงเป็นวิชา Immunology ครับ เป็นวิชาที่ต้องเรียนเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของคนและแบคทีเรีย ไวรัสต่างๆ ที่ซับซ้อนและเข้าใจได้ยาก และยังต้องทำแล็บกับสัตว์ทดลอง เช่น "หนู" ที่เราต้องฉีดไวรัสใส่มัน และต้องคอยกรีดเลือดมันเพื่อเก็บตัวอย่าง เป็นอะไรที่ลำบากและยากมากครับเพราะมันน่าสงสารมาก
             ส่วนวิชาที่คิดว่าใกล้ตัวมากที่สุดที่เรียนตอนนี้คงเป็นวิชา Infectious Diseases ซึ่งเป็นวิชาเลือก ถ้าเราสนใจก็สามารถขอให้อาจารย์เปิดสอนได้ ซึ่งเรียนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อกับคนเราทั้งหมดทั้งเก่าและใหม่ หรือเชื้ออุบัติซ้ำ ซึ่งโรคส่วนใหญ่ที่คนเราเป็นแทบทั้งหมดก็มาจากเชื้อจุลินทรีย์เล็กๆ ต่างๆ นี่แหละซึ่งมันใกล้ตัวเรามากๆ เลยครับ




พี่แป้ง : ต้องเรียนวิชาภาคเทอมนึงกี่ตัวคะ เยอะไหม?
พี่แบงค์ : ในเทอมๆ นึงต้องเรียนวิชาในภาคก็ไม่เยอะครับ ประมาน 2-3 ตัว เมื่อเข้าภาคแล้วนะครับ ส่วนตอนปี 1 ต้องเรียนตัวพื้นฐานของคณะทั้งหมด พอขึ้นปี 2 ถึงจะได้เริ่มเรียนวิชาพื้นฐานของสาขานี้  และก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้นปี  พอปี 3 เราก็สามารถลงเรียนวิชาตัวเลือกในภาคที่เราสนใจได้ อย่างเช่น วิชาจุลชีววิทยาในอุตสาหกรรม จุลชีววิทยาในนม อะไรพวกนี้ครับแล้วแต่เราสนใจด้านไหน แต่บอกก่อนคับว่าวิชา Infectious Diseases  เป็นวิชาตัวเลือกด้านการแพทย์ที่คนเลือกเรียนน้อยมาก class ที่แบงค์เรียนมีแค่ 5 คนเป็นปริญญาตรี 4 คน ปริญญาโท 1 คน ไม่ได้เก่งนะครับ แต่มันน่าสนใจและเราสามารถนำไปใช้และเรียนรู้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะสาขานี้ก็สามารถทำงานทางด้านการแพทย์ได้เหมือนกัน หรือ จะศึกษาต่อด้านนั้นก็ได้เช่นกันครับ


พี่แป้ง : การสอบในคณะนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ?
พี่แบงค์ : การเรียนภาคนี้ก็มีทั้งแล็บและทฤษฎีครับ ในส่วนของทฤษฎีนั้นเราจะต้องอ่านและจำเยอะมากๆ เนื่องจากวิชาด้านนี้ต้องอ่านทำความเข้าใจและจำชื่อเชื้อต่างๆ ที่มีมากมายให้ได้ ส่วนแล็บแบงค์เองคิดว่าไม่ยากครับ มันสนุกและเราก็สามารถเห็นอะไรใหม่ๆ และได้ลงมือทำอะไรใหม่ๆ เช่นกัน แต่ก็มีน่ากลัวก็ คือ กรีดเก็บเลือดหนูนี่แหละทำมันตายคามือเลยน่าสงสาร T^T การสอบก็มีหลากหลายรูปแบบแล้วแต่อาจารย์แต่ละท่าน บางท่านก็เขียนตอบทั้งหมดมีคำถาม 1 บรรทัดที่เหลือทั้งหน้าให้เขียนอธิบายให้เข้าใจ บางท่านก็มีตัวเลือกให้เติม บางวิชาก็ open book ส่วนแล็บก็มีทั้งสอบข้อเขียนและปฏิบัติ สอบปฏิบัตินี่ส่วนมากจะสอบตัวต่อตัวกับอาจารย์ในภาค สอบเทคนิคการทำแล็บต่าง ๆ สอบการใช้กล้องจุลทรรศน์ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักที่ต้องใช้เลยทีเดียว น่าสนุกมากและก็น่ากลัวเพราะอาจารย์จะจับตาดูเราทำแล็บตลอดเวลาครับ


พี่แป้ง : เรียนภาคจุลชีววิทยามีการฝึกงานแบบไหน และช่วงไหนบ้างคะ? อยากให้เล่าประสบการณ์ฝึกงานให้น้องๆ ฟังค่ะ
พี่แบงค์ : การฝึกงานที่ ม.ศิลปากรจะไม่บังคับนะครับ แต่ส่วนใหญ่นักศึกษาก็จะไปทำเรื่องหาที่ฝึกกันเอง แต่ต้องหาเวลาว่างไปฝึกเองนะครับ ส่วนมากก็จะไปฝึกกันช่วงปิดเทอมเล็กเดือนตุลาคม แต่ก็มีบางส่วน(น้อย) ที่ไปฝึกตอนช่วง summer ตัวแบงค์เองก็ไปฝึก summer เพราะคิดว่ามันมีเวลานานกว่าจะได้ได้ประสบการณ์มากกว่า ที่ไปฝึกเป็นบริษัทเล็กๆ ครับ รับตรวจสอบและวางระบบเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียและวิเคราะห์น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมอยู่แถวลาดพร้าว ก็ไม่ค่อยตรงใจและตรงสายที่เรียนซักเท่าไหร่แต่ก็ได้ใช้เทคนิคที่เรียนมาในการทำแล็บให้พี่ๆ เขาเห็น พี่ๆ ก็ใจดีให้แบงค์ได้ทำและศึกษาสิ่งที่สนใจได้ แม้ทางบริษัทปกติจะไม่ทำก็ตาม รู้สึกดีมากๆ เลยคับ
          3 เดือนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ กทม. ลำบากมากเรื่องรถเมล์ครับ ขึ้นรถไม่เป็นเส้นทางก็ไม่รู้ ส่วนใหญ่ก็เลยไม่ค่อยได้ไปไหนอยู่แถวๆ ที่พักอย่างเดียวเพราะกลัวหลง เคยขึ้นรถผิดมาแล้วกลับไม่ถูก ฮ่ะๆๆ


พี่แป้ง : นอกจากภาคจุลชีววิทยาแล้ว วิทยาศาสตร์ ม.ศิลปากร มีภาคไหนที่อยากแนะนำบ้างคะ?
พี่แบงค์ : นอกจากภาควิชาจุลชีววิทยาแล้ว ที่ม.ศิลปากรก็มีสาขาให้เลือกเรียนอีกมากมายเลยครับ  ทั้ง สาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ สาขาวิชาเอกสถิติ สาขาวิชาเอกวิทยาการคอมพิวเตอร์ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิชาเอกชีววิทยา สาขาวิชาเอกจุลชีววิทยา สาขาวิชาเอกเคมีสาขาวิชาเอกฟิสิกส์ สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ และก็สาขาวิชาเอกวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมครับ


พี่แป้ง : สุดท้าย อยากให้ฝากอะไรดีๆ ถึงน้องๆ ชาวเด็กดีที่อยากเรียนภาคจุลหน่อยค่ะ
พี่แบงค์ : สุดท้ายก็ขอฝากสำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากเรียนสาขาจุลชีววิทยานะครับ ก็ให้ศึกษาให้ดีๆ ถามใจตัวเองดูว่าชอบหรือไม่ และชอบอะไรไม่ชอบอะไรควรตัดสินใจเรียนในสิ่งที่เราชอบนะครับ เพราะจะทำให้เรามีความสุขกับการเรียน และฝากสาขานี้ไว้เป็นทางเลือกนึงด้วยนะครับ เป็นสาขาที่สามารถทำงานได้หลากหลายด้านและมีคนเรียนน้อยจึงคิดว่าน่าสนใจใน การทำงานเพราะอาจไม่ต้องแย่งหรือแข่งขันในการสมัครงานสักเท่าไหร่ครับ มาเรียนกันเยอะๆ นะครับ  คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สาขาวิชาจุลชีววิทยาครับ แล้วจะรอน้องๆนะคับ^^


.

พี่ใบเฟิร์น
จุลชีววิทยา ปี 2
มหาวิทยาลัยศิลปากร

พี่แป้ง : สวัสดีค่ะแนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่ใบเฟิร์น : ชื่อ นางสาวทิฆัมพร ดวงชื่น ชื่อเล่น ใบเฟิร์น ค่ะ เรียน คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเอกจุลชีววิทยาค่ะ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยศิลปากร


พี่แป้ง : ตอนสอบเข้ามา น้องใบเฟิร์นสอบอย่างไรคะ ?
พี่ใบเฟิร์น : เฟิร์นสอบเข้ามารอบรับตรงเพิ่มพิเศษค่ะ ใจจริงแล้วตั้งใจจะเรียนจุลชีววิทยาอยู่แล้ว เชื่อมั่นมากค่ะว่าเรียนที่นี่แล้วมีความสุข แล้วก็มีความสุขจริงๆ วิชาที่นี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อื่นๆ เลยนะคะ^^


พี่แป้ง : ก่อนที่จะเข้าเรียน น้องใบเฟิร์นได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนหรือเปล่าคะ?
พี่ใบเฟิร์น : ก่อนมาเรียนก็ได้ศึกษาบ้างค่ะ ว่าต้องเรียนอะไรบ้าง หลัก ๆ เลยก็ศึกษาพวกสิ่งมีชีวิตเล็กที่มองไม่เห็น เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส จุลินทรีย์ประมาณนี้ แล้วมารู้จริง ๆ ก็ตอนเรียนปี1ที่รุ่นพี่บรรยายวิชาที่ต้องเรียนให้ฟังรวมทั้งขอบเขตเนื้อหาว่าประมาณไหน แอบตกใจนิดนึงค่ะ แต่ก็น่าสนใจดีนะคะ

     เฟิร์นคิดว่า จุลชีววิทยา เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่อยู่รอบตัวเราบางทีมันก็ล่องลอยในอากาศบางทีมันก็ตามเราไปทุก ๆ ที่ จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่เราปฎิเสธไม่ได้ว่าเราไม่เห็น และห้ามไม่ได้ที่จะไปจับต้องสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เพราะสิ่งเหล่านี้มันอยู่ในธรรมชาติค่ะ และบางครั้งมันก็สร้างประโยชน์ให้เราบางทีมันก็ให้โทษแก่เรา เฟิร์นคิดว่าจุลชีววิทยามีอะไรให้เราน่าค้นหาอีกเยอะเลยละค่ะ


พี่แป้ง : สำหรับน้องใบเฟิร์น อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการเรียนภาคจุลชีววิทยา ?
พี่ใบเฟิร์น : สิ่งที่ยากสำหรับการเรียนจุลฯ น่าจะเป็นจินตนาการค่ะ อย่างตอนที่เราส่องกล้อง หรือ streak plate ตัวเชื้อก่อนเราส่องกล้องจะแค่ป้ายเชื้อมาบนสไลด์แล้วย้อมแกรมดู เราดูไม่ออกหรอกค่ะว่ามันรูปร่างยังไง แต่พอเราได้ไปมองใต้กล้องจริงๆ แล้ว จะเห็นได้ว่ารูปร่างที่จริงเป็นอย่างไร ตรงตามที่เราจินตนาการไว้หรือเปล่า เฟิร์นคิดว่าจินตนาการแล้วไม่พอ ยังต้องเอาจินตนาการมาใช้ร่วมกับเนื้อหาความรู้เพื่อหาคำตอบค่ะ เป็นการผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์จริงๆ นะคะ 555+


พี่แป้ง : ภาคจุลชีววิทยามีวิธีการสอบอย่างไร อยากให้น้องใบเฟิร์นช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
พี่ใบเฟิร์น : เรียนจุลฯที่นี่เวลาสอบจะสอบทฤษฎีนะคะ ก็จะเป็นสอบแบบวัดความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาค่ะ คือเนื้อหาเยอะมาก >< ส่วนแล็บก็จะมีทั้งคะแนนปฎิบัติ คือ สอบดูเชื้อใต้กล้องจุลทรรศน์ และก็มีสอบการแยกเชื้อด้วยค่ะ ตอนสอบสนุกดี แข่งกะเวลาที่จำกัด และส่วนสอบ Final จะเป็นเขียนบรรยายค่ะ คือทั้งสองวิชาต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ในห้องแล็บและการเรียนทฤษฎีในห้องเรียนมาทำข้อสอบของอาจารย์ถึงจะทำข้อสอบได้


พี่แป้ง : น้องใบเฟิร์นคิดว่า เรียนแล้วได้ประโยชน์ไหม?
พี่ใบเฟิร์น : เรียนแล้วเฟิร์นว่ามีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ ไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตเล็กแค่นี้ส่งผลกับชีวิตเราได้ ทำให้รู้อะไรอีกเยอะ รู้ทั้งวิธีอยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตพวกนี้และ วิธีที่สามารถดึงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มาใช้ในทางที่ถูกต้องค่ะ


พี่แป้ง : สภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้างคะ?
พี่ใบเฟิร์น : ที่นี่สิ่งแวดล้อมต่างๆ ดีมากลยค่ะ ถ้าเดินเข้ามาจากหน้ามหาวิทยาลัยแล้วจะเห็นว่ามีต้นไม้ตลอดทางเลยล่ะค่ะ เพื่อนๆ พี่น้องเรารักกันแบบครอบครัวหนึ่ง มีปัญหาปรึกษากันได้หมดทุกเรื่องค่ะ อาจารย์เต็มที่กับการสอนและเป็นกันเองมากๆ ค่ะ ไม่ดุเลย ใจดีมาก รู้สึกเลือกไม่ผิดเลยค่ะที่มาเรียนที่นี่


พี่แป้ง : มีกิจกรรมอะไรที่น่าสนใจบ้างที่น้องใบเฟิร์นอยากจะทำ?
พี่ใบเฟิร์น : ที่ ม.ศิลปากร จะมีกิจกรรมชมรมเยอะมากเลยค่ะ โดยส่วนตัวอยากไปออกค่ายอาสาฯ ค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ปกติเฟิร์นเป็นคนลุย ๆ อยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ไปเลย ถ้ามีโอกาสก็น่าลองซักครั้ง รับรองว่าไม่พลาดแน่นอนค่ะ


พี่แป้ง : เวลาเครียดๆ ยกก๊วนไปผ่อนคลายที่ไหนกันคะ?
พี่ใบเฟิร์น : เวลาเครียดๆ หรอคะ เฟิร์นกับเพื่อนจะไปร้านกาแฟพี่แจ๊คในหอสมุด ไม่ก็แฮปปี้คูลค่ะไปนั่งทานอะไรเย็นๆ กัน อยากรู้ว่าทั้ง 2 ที่นี้มีดีอะไร ก็ยินดีต้อนรับสู่มหาวิทยาลัยศิลปากรนะคะ


พี่แป้ง : สุดท้าย อยากให้ฝากอะไรดีๆ ถึงน้องๆ ชาวเด็กดีที่อยากเรียนภาคจุลชีววิทยาหน่อยค่ะ
พี่ใบเฟิร์น : สุดท้ายนะคะอยากฝากถึงน้องๆ หรือคนที่สนใจเกี่ยวกับจุลชีววิทยา คือ จุลชีววิทยาเป็นเรื่องของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่น่าสนใจ อยากให้ลองเปิดใจลองเรียนรู้แล้วจะรู้ว่าสิ่งเล็กๆ เหล่านี้น่าอัศจรรย์ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ รุ่นพี่ที่นี่น่ารักมาก อย่างน้อยก็มีพี่คนนี้รออยู่ ยินดีต้อนรับน้องๆ เสมอค่ะ


.

พี่โทน
จุลชีววิทยา ปี 3
มหาวิทยาลัยบูรพา

พี่แป้ง : สวัสดีค่ะแนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่โทน : ชื่อ นายสิทธิชัย  บุญทันเรือง ชื่อเล่นชื่อ โทน ครับ อยู่ปี 3 คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยบูรพาครับ


พี่แป้ง : ตอนสอบเข้ามา น้องโทนสอบอย่างไรคะ?
พี่โทน : ได้เป็นโควตา 12 จังหวัดครับ ใช้เกรด GPA และก็สัมภาษณ์ สมัยนั้นไม่ใช้ GAT PAT ที่เลือกเรียนเพราะว่าตอนอยู่ม.6 เรียนสายวิทย์มา ไม่รู้จักเลยว่าจุลชีววิทยาเรียนอะไร จึงไปหาข้อมูลว่า ภาคจุลฯศึกษาเกี่ยวกับเชื้อโรค สิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ก็เลยสนใจที่จะศึกษาเพราะว่าชอบอะไรที่แปลกใหม่ครับ



พี่แป้ง : เท่าที่เรียนตอนนี้ น้องโทนคิดว่าวิชาไหนที่ยากที่สุด และ วิชาไหนที่ใกล้ตัวมากที่สุด?
พี่โทน : ถ้าวิชาที่ยากก็คงจะเป็น วิชานอกภาคมากกว่าครับ เช่น วิชาเคมี เนื่องจากตัวโทนเองไม่ถนัดวิชาเคมีเลย และด้วยเนื้อหามันเยอะมาก ๆ ตอนปี 1 จะเป็นการเรียนแบบเอาเนื้อหา ม.4-6 มาอัดรวมกันในเทอมเดียว ยากด้วย >< เวลาจำกัด ระบบการสอนก็เป็นแบบพาวเวอร์พอย เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่ๆ ก็เลยมึน เรื่องที่ไม่ชอบที่สุดของวิชาเคมีก็คือเรื่อง ปริมาณสารสัมพันธ์ มีทั้งตัวเลขด้วยทั้งเปลี่ยนหน่วย แปลงกลับไปกลับมา มึนเลยครับ
      ส่วนวิชาที่ใกล้ตัวที่สุดก็คงเป็นวิชาในภาคจุลฯ ก็แบ่งออกอีก เช่น จุลฯ อาหาร จุลฯ แพทย์ฯ คือวันๆ นึงเราสัมผัสสิ่งต่าง ๆ มากมาย เช่น ลูกบิดประตูอากาศ สิ่งต่างๆ ที่เรามองไม่เห็น แล้วเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมีอะไรบ้าง พอมาเรียนรู้ว่ามีเชื้อโรค ทำให้ป้องกันตัวเองมากขึ้น ไปบอกต่อกับพ่อแม่พี่น้อง น้า หลานได้ครับว่าตรงไหนบ้างที่มีความเสี่ยงว่ามีเชื้อโรคนะ และต้องป้องกันอย่างไร ถึงว่านำไปใช้ได้จริงแล้วมีประโยชน์มากครับ

.
พี่แป้ง : นอกจากวิชาของคณะแล้ว วิชาในภาคเรียนหนักไหมคะ
พี่โทน : ในเทอมนึงมีทั้งในภาคและนอกภาค ปี 1 วิชานอกภาคเยอะ ปี 2 วิชาภาคหนึ่งตัว ปี 3 ในภาคมากกว่า ปี 4 ก็เป็นวิชาในภาคหมด มีวิชานอกภาคตัวเดียวคือ Organic Chemical ครับ ยากครับ!!


พี่แป้ง : เรียนภาคจุลชีววิทยา มีการทำแล็บเยอะไหมคะ?
พี่โทน : มีเรียนแล็บเยอะมากครับ เป็นแล็บทุกตัว วิชาแล็บก็มีสอบแบบ Quiz ก่อนทำ แล้วก็สอบปฏิบัติ ตอนสอบก็แล้วแต่อาจารย์เลยครับว่าจะให้สอบแบบไหนมีทั้งแล็บและทฤษฎี ถ้าวิชาในภาคก็เป็นข้อเขียน ตัวอย่างเช่น เขียนเชื้อ เชื้อนี้คือโรคอะไร มีความสัมพันธ์แบบไหน ตอนเรียนก็มีอาการผวาบ้างครับ แบบว่าแค่นี้ก็เป็นโรคแล้วหรอ น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ป้องกันตัวเองมากขึ้น ตรงไหนที่มีเชื้อโรคเยอะ เช่น ฝูงนกพิราบ เวลาเดินผ่านก็จะเอามือปิดจมูก และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญเลยคือ คนเรียนภาคจุลชีววิทยาต้องละเอียดมาก ใส่ใจทุกขั้นตอน เช่น มีอาหารเลี้ยงเชื้อถ้าเราไม่ใส่ใจอาจเกิดการปนเปื้อนได้ การเพาะเชื้อต้องหา อุณหภูมิที่เหมาะสม อาหารที่เหมาะสมให้เขาครับ


พี่แป้ง : แล็บไหนที่น้องโทนชอบมากที่สุดคะ อยากให้เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
พี่โทน : การทำแล็บจุลฯ อาหารครับที่ชอบมากที่สุด แล็บนี้เป็นการนำอาหารมาหมักเพื่อตรวจสอบเชื้อ อย่างตอนเรียนก็เอาแลคติกเอซิคมาหมัก ในอาหารหมักอะครับ เช่น หน่อไม้ดอง แหนม แล้วศึกษาเชื้อธรรมดาที่เป็นธรรมชาติ หลังจากนั้นก็เติมข้าว เติมเกลือ แล้วรอดูว่าจะเป็นเชื้อชนิดไหน ชอบออกซิเจนหรือไม่? ต้องอยู่ในอุณหภูมิใด เติบโตในสภาพแวดล้อมอย่างไร มีลักษณะรูปร่าง รูปท่อน รูปกลม แกรมบวก แกรมลบ นำเชื้อนี้ใช้ประโยชน์ต่อได้มั้ย? สนุกดีครับ บางทีก็มีแอบเมา (ของดอง) ครับ ฮ่ะ ๆ ๆ


พี่แป้ง : สุดท้าย อยากให้ฝากอะไรดีๆ ถึงน้องๆ ชาวเด็กดีที่อยากเรียนภาคจุลหน่อยค่ะ
พี่โทน : น้องๆ คนไหนที่อยากเรียนสาขานี้ ขอให้สนใจครับ มีความตั้งใจ ต้องชอบในสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ชอบจำ โดยก่อนที่จะเรียนน้อง ๆ สามารถศึกษาได้เลยครับ ในอินเตอร์เน็ตมีข้อมูลมากมายที่ศึกษาได้ ถ้าชอบก็อย่างลังเล รับรองว่าภาควิชาจุลชีววิทยามีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอเลยครับ

.

       ต้องขอขอบคุณพี่ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยทุกคนที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ครั้งนี้นะคะ เอาเป็นว่าเด็กภาคจุลฯเนี่ยต้องเป็นคนที่รักชีววิทยา มีความละเอียดมากๆ และหนีไม่พ้นอาการหลอนที่เรารู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน รับรองว่าเป็นทุกคน แต่อยู่ที่ว่าเราจะป้องกันตัวเราได้แค่ไหน อย่างที่พี่ๆ บอกว่าจริงๆ จุลินทรีย์มันมีประโยชน์นะคะ พี่แป้งก็เห็นด้วย อย่างน้อยในนมเปรี้ยวก็มีจุลินทรีย์แลคโตบาซิลัส ยิ่งดื่ม ยิ่งอร่อย ฮ่ะๆๆ

อ่านแล้วสนุก อย่าลืมแชร์ให้เพื่อน ๆ รู้จัก "จุลชีววิทยา" ด้วยนะคะ

.

 

.

.
2 สาขาล่าสุดใน "คณะในฝัน"