จุดประกายนิยายแฟนตาซี ดาวดวงใหม่ 3 Mr. Saka

New 7 Stars Sataporn Fantasy ย่างก้าวสู่การเป็นนักเขียนหน้าใหม่

การสร้างจุด Climax ในแบบของกัลฐิดา

สำหรับกัล Climax มี 2 แบบ ใหญ่ๆ

Climax ที่คนอ่านคาดหวังและอยากเห็นอยู่แล้ว เป็นจุดที่คนอ่านคาดหวังจะเห็น หรือเนื้อเรื่องชี้นำให้คนอ่านอยากเห็น ดังนั้น ทุกชิ้นส่วนของเรื่องจะชี้ไปยังจุดนั้น เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ จุด Climax ก็คือชิ้นที่เปิดเผยภาพที่แท้จริงของรูปทั้งหมดซึ่งทำให้การทำงานต่อจากนั้นง่ายเพราะมันไม่เป็นปริศนาอีกต่อไป

Climax ที่คนอ่านไม่รู้ว่ามีมันอยู่ เป็นจุดที่นักเขียนจงใจปกปิด เพราะการเปิดเผยจุดนี้จะมีผลต่อจุด Climax หลักของเรื่อง ซึ่ง Climax นี้มักจะทิ้งชิ้นส่วนแบบกระจัดกระจายไปตามท้องเรื่อง ไม่มีแบบแผน และไม่การชี้นำ เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ แล้วเมื่อเฉลย ชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายทั้งหมดจะรวมเป็นเหตุและผลให้กับจุด Climax นั้น

เสน่ห์ของการเขียนนิยายเรื่องยาว คือ เราได้ฝึกการเขียนจุด Climax ทั้งสองอย่างได้อย่างเต็มที่ แต่ขณะเดียวกันก็ปวดหัวด้วย เพราะคนเขียนต้องแยกประสาทระหว่างการชี้นำและการทิ้งร่องรอยอย่างแนบเนียน ต้องใช้สติและความรอบคอบอย่างมากในการทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน แล้วอย่างที่อธิบายไปในข้อที่แล้ว เมื่อเราต้องทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน เราจะพลาดโดยไม่รู้ตัวโดยการทิ้งปมที่ไม่ได้คิดเอาไว้กับร่องรอยที่เราจงใจทิ้งด้วย ดังนั้น จึงต้องอ่านซ้ำหลายๆ รอบเพื่อปิดประเด็นหรือแก้ไขส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อนที่นักอ่านจะเข้าใจผิด

ส่วนใหญ่ กัลจะลำบากใจกับ Climax หลักมากกกว่า Climax รอง เพราะมันเป็นฉากที่ทุกคนต้องการเห็น ดังนั้น ทุกอย่างจะชี้นำไปที่ฉากนั้น แล้วนักอ่านส่วนใหญ่ก็มักจะมีภาพของฉากนั้นในใจอยู่แล้ว การสร้างฉากให้ออกมาแล้วจูนกับภาพในหัวของนักอ่านที่ไม่เหมือนกันเลยนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ สิ่งสำคัญคือ การทิ้งร่องรอยของเราต้องมีทั้ง ลูกจริงและลูกหลอก

เมื่อมีทั้งจริงและหลอก แต่คนอ่านไม่รู้ว่ามันจริงหรือหลอก ในหัวของเขาจะเกิดภาพหลายๆ แบบแล้วเมื่อเขาเริ่มมีหลายภาพในหัว เขาก็จะอยากรู้ว่า เป็นแบบไหนกันแน่คือภาพที่เราเลือก นั่นเรียกว่า เสน่ห์หรือเปล่า อืม...กัลว่าก็พอได้นะคะ แต่วิธีนี้มีข้อควรระวังอยู่หนึ่งข้อ คือ คนเขียนห้ามโดนหลอกไปด้วยนะคะ มีบางครั้งเหมือนกันที่ร่องรอยการหลอกดูเหมือนจะดีว่าร่องรอยจริง ถ้าถึงเวลาที่ต้องเลือก ต้องตั้งสติดีๆ นะคะ เพราะสิ่งที่คิดว่าดีอาจไม่เข้ากับ Climax หลักของเรา ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่า เราร้อยเรียงมาทุกอย่างเพื่อฉากนี้ อะไรที่มันทำให้ฉากนี้ดูด้อยไปอย่างไม่มีเหตุมีผลก็อาจจะต้องยอมปล่อยผ่านไป

เสียดายฉากหนึ่งฉาก ดีกว่าล่มทั้งเรื่องนะคะ

ดวงดาวดวงใหม่ ตอนที่ 3 Mr. Saka

จริงหรือ ที่การเขียนนิยายแฟนตาซีสักเรื่องหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องมีเหตุมีผล ไม่จำเป็นต้องมีที่มาที่ไป เพราะได้ชื่อว่า “แฟนตาซี” เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับจินตนาการกว้างไกลไม่มีขีดจำกัดเหล่านี้ จึงไม่ต้องการความเหตุผลใดๆ มารองรับ?

Mr. Saka ผู้เขียน Magic World Online เรื่องราวเกี่ยวกับเกมออนไลน์ เวทมนตร์ ที่สอดแทรกการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ จะมาแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการเขียนนิยายแฟนตาซีกับเราในครั้งนี้

“จริงๆ เคยได้ยินมาครับ มีคนบางคนเขาบอกว่าแฟนตาซีเวทมนตร์เนี่ยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลก็ได้ ก็เลยคิดขึ้นมาว่า เอ๊ะ เวทมนตร์กับวิทยาศาสตร์นี่มันน่าจะไปด้วยกันได้นะ ก็เลยลองเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา...คืออ่านหลายเรื่องแล้วมันไม่มีเรื่องไหนเลยที่อธิบายเรื่องเวทมนตร์มาผสานกับวิทยาศาสตร์ ผมก็เลยพยายามเอาตรงนี้มาผสานกัน มันก็ออกมาแปลกดีฮะ…ผมจะพยายามผสานโลกของเกมออนไลน์กับโลกความเป็นจริงว่ามันมีความเหมือนความต่างตรงไหนเปรียบเทียบกัน ประเด็นหลักของเรื่องคือ พระเอกจะสามารถผสานสองโลกได้ แล้วก็ใช้เวทมนตร์ได้ในโลกปัจจุบัน โครงเรื่องมันก็จะคล้ายๆ กับประวัติของพระพุทธเจ้าครับ คือพระเอกจะต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทั้งเรื่องการปกครอง ความรัก ต่างๆ นานา เพื่อสุดท้ายมาจะบรรลุบางสิ่งบางอย่าง”

ความแน่นและเนื้อหาสาระที่เยอะของเรื่องนี้ ทำให้ข้อมูลต่างๆ ที่ Mr.Saka ใช้อ้างอิงในนิยายช่วงแรกนั้น ส่วนมากนำมาจากตำราเรียนทางวิทยาศาสตร์ หรือหนังสือความรู้ที่กำลังสนใจเป็นส่วนใหญ่ เสริมเข้ากับจินตนาการเหนือจริง ก่อนจะกลั่นกรองออกมาให้เป็นภาษาอ่านง่ายและน่าติดตาม ซึ่งแม้ว่าจะเป็นนิยายที่มีรายละเอียดยิบย่อยให้ทำความเข้าใจหลายจุด แต่ความสามารถในการอธิบายขยายความสาระให้ออกมาเป็นบทสนทนาสนุกๆ ของผู้เขียน ก็ทำให้เรื่อง Magic World Online เป็นที่ชื่นชอบได้ไม่ยาก

“บางอย่างเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลึกมาก ผมเขียนออกมาแล้ว คนอ่านอ่านรู้เรื่องและเข้าใจ และจริงๆ มันแทรกหลักการทางวิทยาศาสตร์เยอะมาก แต่ส่วนใหญ่คนอ่านก็เข้าใจครับ ก็เลยคิดว่าบางทีเราอาจจะมีความสามารถทางด้านนี้ก็ได้นะ บรรยายเรื่องยากๆ ให้คนเข้าใจได้”

แน่นอนว่าการเขียนอธิบายเรื่องราวให้เป็นนิยายแฟนตาซีดีๆ สักเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากไม่มีประสบการณ์การอ่านหนังสือและการทำการบ้านมามากพอ “อ่านมาหลายเรื่องเหมือนกันครับ อ่านมาเรื่อยๆ จริงๆ แล้วทางบ้านผมก็สนับสนุนให้อ่านตั้งแต่เด็กอยู่แล้วครับ ก็คือสมัยก่อนเนี่ย ตอนผมยังอยู่ประถม ละครไทยมันจะมาตอนดึก แล้วทางบ้านเค้าไม่อยากให้นอนดึก เค้าก็เลยเอานิยายมาให้อ่าน ผมก็เลยอ่านมาตั้งแต่เด็กเลย”

ถ้ามีความเชื่อมั่นในไอเดียของตัวเองแล้ว แต่ไม่มีการวางแผนที่รัดกุม เชื่อว่านักเขียนหน้าใหม่หลายๆ คนต่างก็ประสบปัญหาพล็อตเรื่องตัน หาทางไปต่อไม่ได้ สำหรับตัว Mr.Saka เองก็ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นการจะให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างลื่นไหลจึงจำเป็นต้องมีโครงเรื่องและไทม์ไลน์ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ

“ก็วางไว้ค่อนข้างละเอียดตั้งแต่ต้นนะครับ คือผมทำไทม์ไลน์ไว้เรียบร้อยแล้ว ก็อย่างที่บอกเลยว่าโครงหลักของเรื่องนี้ คือการฝึกฝน พัฒนาการ แล้วสุดท้ายคือการบรรลุธรรม คือในเนื้อเรื่องจะมีแก่นเรื่อง ซึ่งผมจะเรียกว่าจิตวิญญาณแห่งจักรวาลที่ยิ่งใหญ่เตรียมไว้แล้ว และก็จะเปรียบเทียบผู้ที่เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณตัวนี้ได้เนี่ย ถ้าให้เปรียบกับหลักศาสนาคริสต์ก็คือการพบพระเจ้า เปรียบกับหลักศาสนาพุทธก็คือการบรรลุธรรม เพราะว่ามันคือการถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง จิตของจักรวาลกับมนุษย์ นั่นคือพอยต์หลักของเรื่องน่ะครับ”

ว่ากันว่าการฝึกเขียนนิยายที่ได้ผลดีที่สุด ก็คือการเขียนให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามเขียนเรื่องที่เราสนใจเพื่อที่อย่างน้อยเราจะได้สนุกกับการเขียนมากกว่าการฝืนเขียนเรื่องที่ชอบ สำหรับ Mr.Saka เองที่เลือกเขียนสิ่งที่สนใจอย่าง วิทยาศาสตร์ ศาสนา และแฟนตาซี ก็ยังมีปัญหาเล็กๆ คอยกวนใจขณะเล่าเรื่องอย่าง การไม่แน่ใจในข้อมูลบางอย่าง

“ตอนหนึ่งผมสงสัยเรื่องพลาสมา พลาสมาคือสถานะที่สี่ของสสาร เช่นก๊าซ เวลาที่เราเร่งความร้อนมากๆ จนมีประจุไฟฟ้า ก๊าซนั้นก็จะกลายเป็นพลาสมา ซึ่งผมก็สงสัยว่าพลาสมาเนี่ย สำหรับก๊าซแต่ละชนิด พลาสมามันมีสีต่างกัน แล้วอากาศปกติ อากาศที่เราหายใจ มีก๊าซแต่ละชนิดมันมีสีอะไร มันก็ต้องการข้อมูลเยอะมากเลย บางเรื่องนี่ก็ลองโพสต์ถามดูจากแฟนคลับ ปรากฏคำตอบมันเยอะมากเกินไป อย่างบางเรื่องมันเป็นเชิงจิตวิทยาหน่อยหนึ่ง ผมเคยลองโพสต์ถามไป คอมเมนต์ตอบกลับมาประมาณ 500 คอมเมนต์ ผมเลยไม่ค่อยกล้าถามเท่าไหร่ฮะ กลัวเหมือนกัน แฟนคลับค่อนข้างตอบรับรุนแรงมาก ฮ่าๆ”

ส่วนที่นอกเหนือจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เช่น เรื่องเหนือจริงบางเรื่องที่นักเขียนใช้เป็นเครื่องมือหลักในการเล่าเรื่องราวแฟนตาซี คือส่วนที่จินตนาการสามารถเพิ่มเติมเสริมแต่งได้มากเท่าที่จะมีเหตุผลมารองรับ เช่นเรื่องพลังจิต ที่ผู้เขียน Magic World Online นำมาเชื่อมโยงกับการค้นพบหลักธรรมในแนวทางของศาสนา

“คือพลังจิตเนี่ย มันยังไม่มีใครพิสูจน์ได้อยู่แล้ว ก็ถือว่าใช้ช่องว่างเอามาผสานกับวิทยาศาสตร์ได้ อย่างเรื่องการฝึกจิตของศาสนาเนี่ย ถ้าเป็นในตามตำราหรือตำนานมันมีเยอะมาก แต่ว่าในทางวิทยาศาสตร์เนี่ยยังไม่มีใครพิสูจน์ออกมา ก็เลยเอาตรงนี้แหละ ช่องว่างที่ยังไม่มีทีมไหนมาระบุ เอามาผสานให้มันเป็นจินตนาการของเราซะ อย่างการบรรลุธรรม พบพระเจ้าครับ ผมก็ถือว่าเป็นมนุษย์ที่สามารถเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ได้”

สำหรับการแบ่งเวลาเพื่องานเขียน Mr.Saka เล่าว่าสำหรับเขาแล้ว การเขียนตอนหนึ่งๆ จะใช้เวลาเขียนประมาณ 6 ชั่วโมง ลงมือเขียนไปเรื่อยๆ ถ้าหลังจากรวบรวมความคิดได้แล้วส่วนใหญ่จะใช้เวลาลดลงเหลือ 3 ชั่วโมง ขณะที่บางตอนอาจกินเวลาเกิน 6 ชั่วโมงจนถึง 3-4 วัน สำคัญที่โครงเรื่อง ความคิดในหัว และเวลาว่าง

จนถึงตอนนี้ที่นิยายแฟนตาซี Magic World Online ได้รับการตีพิมพ์เรียบร้อยแล้ว ย่อมมีกลุ่มแฟนหนังสือเพิ่มมากขึ้นทั้งผู้อ่าน และผู้ที่อยากเขียนหนังสือให้ดีเหมือนเรา เมื่อมีคนมาขอคำแนะนำ หน้าที่ของนักเขียนไม่ว่าจะมือใหม่หรือเก่า ก็คือการปฏิสัมพันธ์กับแฟนๆ หนังสือ

“คนที่มาขอคำแนะนำ ก็พอมีอยู่ครับแต่ผมจะพยายามไม่วิจารณ์ จะชี้แนะเรื่องการพิมพ์ให้สะอาดสวยงามมากกว่า เพราะว่าผมอยากอ่านจินตนาการของเขา เราจะไม่โน้มน้าวจินตนาการ คือจะบอกแค่ว่าการจัดหน้าทำยังไง ทำยังไงให้คำผิดน้อยลง ต้องพิมพ์ในโปรแกรมเวิร์ดก่อนนะ จะประมาณนี้ แล้วก็แนะนำการโพสต์นิยายลงให้มันสม่ำเสมอครับ ไม่ค่อยอะไรกับเนื้อเรื่องมาก...เพราะผมก็ยังเป็นมือใหม่ ยากจะระบุว่านักเขียนที่ดีเป็นยังไง แต่คือเท่าที่พยายามทำทุกวันนี้คือ แบ่งเวลาให้ดี สม่ำเสมอ แล้วก็พยายามให้เนื้อหาต้องมีเหตุมีผลในเนื้อเรื่อง เพราะว่าส่วนใหญ่นิยายแฟนตาซีน่ะมันจะไม่ค่อยมีเหตุมีผลเท่าไหร่ เวทมนตร์ก็คือเวทมนตร์ โผล่มาดื้อๆ เลยไม่มีที่มาที่ไป คือผมพยายามเพิ่มในจุดนี้ให้มันมองเห็นเป็นรูปธรรม ก็คือเน้นข้อมูลตามสไตล์ของผม”

ก่อนจะจบบทสนทนา Mr. Saka ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเขียนนิยายแฟนตาซีว่า ควรจะเริ่มฝึกฝนการเขียน อาจจะเป็นเรื่องสั้นๆ ให้จบในตอน แล้วจึงขยายพล็อตเรื่องให้ใหญ่ขึ้น ซับซ้อนขึ้นกลายเป็นเรื่องยาว เพราะมีหลายครั้งที่นิยายแฟนตาซีเรื่องใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นแทบทุกวันกลับมีปลายทางที่การเขียนไม่จบ จนบางคนก็เริ่มกลัวการเขียนนิยายไปเลย

“อย่ากลัวว่าจะไม่มีคนอ่าน เพราะของผมเนี่ยถึงจะติดระดับท็อปของคนอ่าน แต่สองเดือนแรกที่ลงนิยายไปมีคนอ่านอยู่ประมาณพันคนเองเพราะไม่ค่อยได้โปรโมทเท่าไหร่ คือถ้าเกิดงานของเราดี คนจะเพิ่มขึ้นมาเองครับ อย่าท้อง่ายๆ”

ได้กำลังใจอย่างนี้แล้ว น้องๆ หลายคนคงมีแรงฮึดที่จะผลิตผลงานเขียนของตัวเองขึ้นมาแล้ว

คราวหน้าเราจะมาจุดประกายไฟในตัวเองกันต่อกับนักเขียนสาว V.Rondell

จากเรื่อง มายาจอมคาถา และ เพลงสุดท้ายของนางเงือก

7 Stars

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
เวอซัส (เหมียวเกรียนเมี้ยววว~) Member 11 พ.ย. 56 09:30 น. 2

เยี่ยม อ่านแล้วรู้สึกว่าหนังสือของทั้งสองคนน่าสนใจมากเลย จะลองไปหาอ่านดู และขอบคุณสำหรับแนวทางการเขียนนิยายนะคะ♥

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด