วิจารณ์: ตุ๊ดทะลุมิติ ตอน พิภพจอมนาง นิยายแฟนตาซีที่ไม่ได้มีดีแค่จินตนาการ

เฉลยกันจะจะผ่านชื่อเรื่องกันไปเลยว่าสัปดาห์นี้พี่อรจะมาพูดถึงหนังสืออะไร ใช่เรื่องที่เล็งเอาไว้หรือเปล่าคะ? ถ้าใช่ก็เพอร์เฟคแต่ถ้าไม่ใช่ก็อย่างเพิ่งทิ้งพี่อรไปไหนน๊า เปิดใจกว้างๆ เอาไว้ค่ะ เพราะโลกของตุ๊ดกำลังรอเราอยู่…

ตุ๊ดทะลุมิติ ตอน พิภพจอมนาง คือผลงานเรื่องล่าสุดของ นปภา เธอเป็นนักเขียนคนเก่งในเว็บเด็กดีเรานี่เองค่ะ พี่อรเชื่อว่าหลายคนคงเป็นแฟนคลับหรือแม้แต่เคยอ่านผลงานของเธอมาพอควรแล้ว เนื้อเรื่องหลักๆ ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับแก๊งตุ๊ดที่เกิดอุบัติเหตุโดนฟ้าผ่า วิญญาณเลยทะลุมิติไปอยู่ในร่างของ 4 สาวงาม ทั้งหมดต้องใช้ชีวิตเป็นคนอื่นและพยายามเอาตัวรอดให้ได้ ซึ่งเอาเข้าจริงก่อนที่พี่อรจะหยิบหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาอ่าน ก็สะดุดกับชื่อเรื่องอยู่เหมือนกัน “ตุ๊ด!” ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหานะคะ แต่คิดว่าเป็นการสื่อแบบตรงๆ ดี แม้จะทำให้เดาออกว่าตัวเอกจะเป็นเพศอะไร แต่ด้วยความที่รู้อยู่แล้วนี่แหละที่ทำให้มันน่าสนใจ!!!

ตุ๊ดทะลุมิติ นิยายปกสวยตามท้องเรื่อง

นปภา ผู้แต่ง 

ความรู้สึกแรกหลังอ่านจบ คือแบบเฮ้ยยยยมันสนุก  นักเขียนกล้าดีกล้าในที่นี้พี่อรหมายถึง กล้าที่จะเล่าเรื่องราวของเพศทางเลือกด้วยการกระโจนออกจากขนบเก่าๆ เอาตุ๊ดมาเป็นตัวหลัก แสดงให้เห็นทัศนะอันเปิดกว้างของผู้แต่งที่ไม่ปิดกั้นในเรื่องเพศ แถมยังสร้างให้ตัวเอกที่เป็นตุ๊ดเฉลียวฉลาด มีไหวพริบดีเป็นเลิศ (แว่น หรือ กุ้ยฮวา) และหากสังเกตหน่อยจะพบว่าส่วนใหญ่ตัวละครในเรื่องจะเป็นแบบตัวกลม ก็คือไม่ได้ดีสุดขั้วหรือชั่วสุดขีด เป็นสีเทาๆ ผสมกันอยู่ ช่วยให้ตัวละครดูมีเหตุและผล มีที่มาที่ไปของการกระทำ พี่อรขอชมเลยว่าปูพื้นฐานของตัวละครได้ชัดเจนทีเดียว

การสะท้อนให้เห็นความแตกต่างของชนชั้น ดูจะเป็นอีกแก่นสำคัญที่ผู้แต่งต้องการจะสื่อ เป็นการสะท้อนภาพปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นอยู่ทุกยุคทุกสมัย

แว่นดีใจที่ได้ช่วยเหลือ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสังเวชที่เศษเงินของตนสามารถต่อชีวิตคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหน ระยะห่างระหว่างชนชั้นของคนเราก็ยังกว้างเหลือคณา” (หน้า 117)

สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างก็คือผู้แต่งสามารถถ่ายทอดลักษณะนิสัยของตัวละครได้ชัดเจน ซึ่งนอกจากตัวหลักๆ แล้ว ตัวละครที่พี่อรรู้สึกว่ามันชัดและชื่นชอบเป็นพิเศษก็คือคนดูแลสวนอย่าง “อาเปา” เพราะแม้จะเป็นตัวละครที่ไม่โดดเด่นในเล่มนี้แต่ก็มีหลายๆ ตอนที่ผู้แต่งสะท้อนอารมณ์ ความคิดของอาเปาออกมาได้อย่างกินใจ

...คนรับใช้ที่ยืนอยู่ตรงประตูมองกลับมาอย่างจับผิดราวกับกลัวว่าเขาจะขโมยของ คนอื่นเจอการดูแคลนเช่นนี้อาจจะโกรธแต่สำหรับอาเปาแล้วถือเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เคยพบเจอมาทั้งชีวิต” (หน้า 108)

ประโยคตัวอย่าง นอกจากจะแสดงความเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่สุดแล้ว จุดนี้พี่อรว่ามันเป็นเทคนิคการเขียนอย่างหนึ่ง ไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความ แต่เปิดโอกาสให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมจินตนาการว่าไอ้สิ่งที่อาเปาพบเจอมาทั้งชีวิตนั้นมันคืออะไร เจ๋งดี!

ในส่วนสำนวนภาษาหลายครั้งที่ผู้แต่งมักเปรียบเทียบตัวละครกับสิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น การใช้ภาษาเปรียบเทียบของผู้แต่งไม่เพียงดูงดงามแต่ยังเข้าถึงได้ง่าย เป็นเทคนิคที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในงานนิยายปัจจุบัน ตัวอย่างประโยคที่พี่อรอ่านเจอแล้วรู้สึกชอบก็เช่น

“ไม่มีผู้ใดสามารถกักขังสายลมไว้ได้หรอก แม้แต่บัลลังก์ทองท่านผู้นั้นก็ไม่นำพา” หรือ

“โฉมงามผู้อาภัพ มีดีแต่ไม่ได้อวด ก็เหมือนดอกไม้งามที่ร่วงโรยก่อนมีคนได้เชยชม” (หน้า 68)

นอกจากนี้ตอนที่อ่านบอกได้เลยว่าผู้แต่งทำการบ้านมามากพอควรเลย เกี่ยวกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เป็นสาระสอดแทรกให้เราได้เรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแต่งกาย ไปจนถึงขนบประเพณีจีนโบราณ

รองเท้าที่ว่าคือรองเท้าส้นสูง แต่แปลกหน่อยตรงที่ฐานมันเป็นสี่เหลี่ยมรูปทรงกระถาง ตัวส้นทำจากไม้สีขาว ส่วนตัวรองเท้าทำจากผ้าเนื้อดีมีลายปักอย่างวิจิตร นิยมใส่กันในหมู่หญิงสาวที่มีฐานะหรือชนชั้นสูงเท่านั้น จึงถือเป็นเครื่องแสดงฐานะอย่างหนึ่ง” (หน้า 66)

นอกจากนี้การที่เด็กหญิงได้รับรองเท้ามีส้นเป็นของขวัญจากครอบครัว ยังหมายถึงการประกาศอย่างเป็นทางการว่าพ้นสภาพความเป็นเด็ก ต้องเลิกเที่ยวเล่น หันมาเรียนรู้การเรือน ส่วนใหญ่จึงมักให้กันในช่วงที่บุตรสาวอายุประมาณสิบสามสิบสี่” (หน้า 66)

ตัวอย่าง รองเท้าส้นกระถาง ที่ผู้แต่งพูดถึง

จากตัวอย่างก็คือรองเท้ากระถาง ซึ่งมีในสมัยราชวงศ์ชิง (ถ้าน้องๆ นึกไม่ออกให้นึกถึงหนังจีนที่ผู้ชายถักเปีย โกนผมครึ่งหัว เหมือนในหนังเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ) ซึ่งรองเท้าส้นสูงนี้ นอกจากจะเป็นเครื่องบอกฐานะทางสังคมสำหรับหญิงสูงศักดิ์แล้ว ยังเป็นเครื่องหมายบอกถึงการพ้นวัยของเด็กหญิงเหมือนกับประเพณีโกนจุกของไทย  ไม่พอเนื้อหายังสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ ความกตัญญู และความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ซึ่งถือเป็นคุณค่าทางวรรณกรรมที่สำคัญ ตัวอย่างประโยคในเรื่องก็เช่น

แว่น: เขาว่าบิดาเคยพร่ำสอนว่าอย่าได้เอาเปรียบผู้อื่น “...แล้วไม่คิดหรือไงว่าเงินพวกนี้จะทำให้ครอบครัวของเจ้าสุขสบายขึ้น”

อาเปา: “คิดขอรับแต่ข้าน้อยก็กลัวว่าจะต้องอยู่อย่างรู้สึกผิดมากกว่าอดอยาก” (หน้า 110-111)

แวะมาบอกเล่าและดึงจุดเด่นๆ ให้ฟังพอหอมปากหอมคอ ที่เหลือให้น้องๆ ลองไปลิ้มชิมเรื่องและรสกันเอาเอง เพราะพี่อรว่านิยายเล่มนี้จะอ่านเอาเพลินก็ได้อ่านเอาสาระก็ดี ส่วนตัวอ่านแล้ววางไม่ลง รอติดตามเล่มต่อไปอยู่ค่ะ ซึ่งแว่วว่าในชุดจะมี 6 เล่มด้วยกัน และถ้ามีโอกาสก็จะเลือกมาอัพเดทให้แฟนคลับได้ติดตามอีกนะคะ

ขอให้ทุกคนสนุกสนานกับการอ่านมากๆ ค่ะ
^________________^
พี่อร

พี่อร
พี่อร - Writer Editor คอลัมนิสต์ผู้เชื่อว่านิยายคือเพื่อนแท้ และเห็นอาหารการกินเป็นเรื่องของความสุข

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

คนอ่านของตุ๊ด 31 พ.ค. 58 17:33 น. 1
ไหนๆ ก็เปิดวิจารณ์แล้ว ขอวิจารณ์บ้างได้มั้ยคะ เพิ่งเคยอ่านผลงานของคุณ นปภา ครั้งแรกเรื่องตุ๊ดฯ ตอนนั้นสะดุดตั้งแต่ชื่อเรื่อง เลยเข้ามาอ่าน แล้วก็ติด!! ติดงอมแงมมาก อ่านตะลุยดะตั้งแต่ตอนแรก จนตอนสุดท้าย (เกือบจบภาค 1 ละ) ความรู้สึกตอนนั้นคือ อเมซิ่ง ตลกชิหาย วันเดอร์ฟูลเกิร์ลมาก หมายมั่นปั้นมือว่า ออกเล่มเมื่อไหร่ อิฉันซื้อแน่ค่ะ! ทว่า ระหว่างที่รอคอยตอนใหม่ ไล่กลับไปอ่านตอนเก่าๆ จากที่รีบอ่านไวๆ ก็มองเห็นจุดบอด เท่าที่จำได้คือ การเล่าเรื่องยังสนุกไม่สุดค่ะ พล้อตเรื่องดีงาม การอ่านครั้งแรกเลยทำให้มองข้ามไป แต่พอรู้พล็อตแล้ว การอ่านรอบสองมันก็ไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนเดิมแล้วอ่ะค่ะ ไม่เหมือนหนังสือบางเล่ม ที่เราเปิดอ่านซ้ำแล้ว ซ้ำอีกได้ไม่รู้เบื่อ (แน่นอนว่านั่น...ไม่ใช่หนังสือเรียน!) การสอดแทรกข้อคิด หลายครั้งก็ดูยัดเยียดไม่เป็นธรรมชาติ แต่คนเขียนสวยจัง #นอกเรื่อง สิ่งที่ต้องชื่นชมมากๆ ในตุ๊ด คือคาแรกเตอร์และการกระจายบท มันทั่วถึง มันชวนอวยไปหมดทุกตัวเลยแฮะ ทั้งองค์ชายแปด องค์ชายห้า องค์ชายสาม (ส่วนตัวกรี๊ดเฮียสาม >< อรั๊ยยย) อ้อ และเรื่องจุดขายของตุ๊ดด้วยค่ะ คือพอหลุดมาในร่างผู้หญิง ทำไปทำมา เหมือนเขียนตัวเอกเป็นผู้หญิงไปเลยจริงๆ แทน เข้าใจนะคะว่าตุ๊ดคือผู้ชายทีใจรักความเป็นหญิง แต่อันนี้มัน...มันไม่เหมือนตุ๊ดอ่ะ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะ โดยรวมแล้วก็ชอบนะคะ แต่ไม่ถึงกับชอบมากจนหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก เขิลจุง
0
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

คนอ่านของตุ๊ด 31 พ.ค. 58 17:33 น. 1
ไหนๆ ก็เปิดวิจารณ์แล้ว ขอวิจารณ์บ้างได้มั้ยคะ เพิ่งเคยอ่านผลงานของคุณ นปภา ครั้งแรกเรื่องตุ๊ดฯ ตอนนั้นสะดุดตั้งแต่ชื่อเรื่อง เลยเข้ามาอ่าน แล้วก็ติด!! ติดงอมแงมมาก อ่านตะลุยดะตั้งแต่ตอนแรก จนตอนสุดท้าย (เกือบจบภาค 1 ละ) ความรู้สึกตอนนั้นคือ อเมซิ่ง ตลกชิหาย วันเดอร์ฟูลเกิร์ลมาก หมายมั่นปั้นมือว่า ออกเล่มเมื่อไหร่ อิฉันซื้อแน่ค่ะ! ทว่า ระหว่างที่รอคอยตอนใหม่ ไล่กลับไปอ่านตอนเก่าๆ จากที่รีบอ่านไวๆ ก็มองเห็นจุดบอด เท่าที่จำได้คือ การเล่าเรื่องยังสนุกไม่สุดค่ะ พล้อตเรื่องดีงาม การอ่านครั้งแรกเลยทำให้มองข้ามไป แต่พอรู้พล็อตแล้ว การอ่านรอบสองมันก็ไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนเดิมแล้วอ่ะค่ะ ไม่เหมือนหนังสือบางเล่ม ที่เราเปิดอ่านซ้ำแล้ว ซ้ำอีกได้ไม่รู้เบื่อ (แน่นอนว่านั่น...ไม่ใช่หนังสือเรียน!) การสอดแทรกข้อคิด หลายครั้งก็ดูยัดเยียดไม่เป็นธรรมชาติ แต่คนเขียนสวยจัง #นอกเรื่อง สิ่งที่ต้องชื่นชมมากๆ ในตุ๊ด คือคาแรกเตอร์และการกระจายบท มันทั่วถึง มันชวนอวยไปหมดทุกตัวเลยแฮะ ทั้งองค์ชายแปด องค์ชายห้า องค์ชายสาม (ส่วนตัวกรี๊ดเฮียสาม >< อรั๊ยยย) อ้อ และเรื่องจุดขายของตุ๊ดด้วยค่ะ คือพอหลุดมาในร่างผู้หญิง ทำไปทำมา เหมือนเขียนตัวเอกเป็นผู้หญิงไปเลยจริงๆ แทน เข้าใจนะคะว่าตุ๊ดคือผู้ชายทีใจรักความเป็นหญิง แต่อันนี้มัน...มันไม่เหมือนตุ๊ดอ่ะ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะ โดยรวมแล้วก็ชอบนะคะ แต่ไม่ถึงกับชอบมากจนหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก เขิลจุง
0
กำลังโหลด
นักอ่านมืออาชีพ 1 มิ.ย. 58 11:41 น. 2
เราก็อ่านเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ เจอครั้งอ่านแล้วติดมาก เพราะเป็นพล็อตเรื่องที่ถือว่าค่อนข้างแปลกออกไป แนวคิดดี แต่อย่างที่คห.1 บอกค่ะ หลังจบภาคหนึ่งเรารู้สึกว่าเรื่องมันเนือยลงไปมาก เพราะไรต์ไปโฟกัสตรงรายละเอียดบางจุดในช่วงบรรยายมากเกินไป ทั้งที่หลายครั้งก็ไม่เกี่บวกับเนื้อเรื่องเท่าไร อ่านข้ามไปก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเรื่อง เลยทำให้เรื่องมันยืดๆ ลดทอนความสนุกตื่นเต้นไปด้วย อีกอย่างสำนวนไรต์เตอร์ยังไม่ค่อยลื่นไหลด้วยอ่ะ อ่านแล้วยังสะดุดๆ. คือพล็อตเรื่องกับแนวคิดน่ะดีแล้ว แต่การเล่าเรื่องยังไม่ค่อยสนุกเท่าไร และเห็นด้วยอีกอย่างที่คนเขียนหน้าตาน่ารัก 555 ปล.ติเพื่อก่อนะคะ หวังว่าถ้าไรต์เตอร์ผ่านมาเห็นแล้วจะเข้าใจเจตนาเรานะ
0
กำลังโหลด
ลูกค้าคนหนึ่ง 14 ก.ค. 58 15:33 น. 3
เห็นด้วยกับ ความเห็นสองคนข้างบนอย่างยิ่งค่ะ พล็อตค่อนข้างน่าสนใจ ด้วยการเสนอแนวคิดที่แปลกใหม่ จึงสอยมาอย่างไม่ลังเล แต่พออ่านมาเรื่อยๆ ยังไม่ถึงครึ่งเล่มเลยค่ะ ความน่าค้นหา ความประหลาด หรือน่าสนใจ ค่อนข้างจางลงอย่างมาก จนกลายเป็นว่าออกน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน สำนวนยังขัดๆ ค่ะ อ่านแล้วค่อนข้างรู้สึก สะดุด หลายจุดมากค่ะ อยากให้นักเขียน ลองปรับปรุงการเขียนดูนะคะ น่าพัฒนาได้มากกว่านี้ เรื่องมุข ตลก ก็พอมีให้ได้อมยิ้มบ้าง ก็ดีค่ะ สิ่งที่อยากให้ผู้เเต่ง เพิ่มมากที่สุดก็คงเป็น การเพิ่มอะไรที่ดูน่าค้นหา น่าตื่นเต้นกระมังคะ ไม่งั้นมันค่อนข้างเนือยเกินไป เราก็เป็นนักเขียนคนหนึ่งค่ะ แล้วก็เคยเขียนบทวิจารณ์ในฐานะนักอ่านด้วย หวังว่าความคิดเห็นของเรา จะสามารถทำให้เกิดพัฒนาขึ้นนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด