สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com เจอกับ พี่โช และคอลัมน์ JaPON JaPAN (เจปงเจแปน) วันนี้มากับบทความแสนสนุกเกี่ยวกับการขึ้นรถไฟกันครับ มาดูกันว่าที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ารถไฟแน่นสุดๆ นั้น มีทริคเด็ดๆ เกี่ยวกับวิธีการขึ้นรถไฟอย่างไรบ้าง ไม่แน่ใจว่าหลายๆ คนที่ไทยทำแบบนี้กันอยู่แล้วรึเปล่า บทความนี้พี่โชจะไม่เขียนยาวๆ นะครับ แต่จะเป็นข้อสั้นๆ เพราะรวบรวมมาจากกระทู้ต่างๆ ที่คนญี่ปุ่นมาลงความเห็นกัน แถมบางข้ออาจไม่ใช่คำแนะนำในการขึ้นรถไฟ แต่แอบเป็นเรื่องเกี่ยวกับมารยาทในการใช้รถไฟด้วยครับ เอาละ ไม่พูดมากละ ลองไปอ่านกันดูครับ
1. เวลาขึ้นรถไฟแน่นๆ อย่าสะพายกระเป๋า ให้เอามาถือไว้ระหว่างขา เพราะด้านล่างลำตัวจะมีพื้นที่มากกว่า ทำให้ไม่แน่น
2. ผู้หญิงที่ไม่อยากโดนคุณลุงแอบแต๊ะอั๋ง ก็แนะนำว่าไปขึ้นรถไฟโบกี้แรกสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะเถอะ จะได้สบายใจ
2. ผู้หญิงที่ไม่อยากโดนคุณลุงแอบแต๊ะอั๋ง ก็แนะนำว่าไปขึ้นรถไฟโบกี้แรกสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะเถอะ จะได้สบายใจ
3. เวลาขึ้นรถไฟแน่นๆ ให้หันหลังเข้า (หมายถึงให้เดินถอยหลังหรือเอาหลังผลักตัวเองเข้ารถ)
.jpg)
4. เพราะถ้าเอาหลังเข้าแล้ว แรกสุดเลยคือไม่ต้องเห็นหน้าคนที่เบียดอยู่รอบๆ เรา เห็นแต่หลังก็เพียงพอ
5. บางคนบอกว่าเอาหลังเข้ามันจะง่ายกว่า แรงผลักเยอะกว่า ยังไงก็เข้าได้ไม่ว่าจะแน่นแค่ไหน
6. ขอแถมอีกข้อ วิธีเอาหลังเข้า ให้เริ่มจากเอาส้นเท้าเข้าไปก่อน (นี่จะละเอียดไปไหนเนี่ย)
7. รถไฟแน่นๆ บรรยากาศมันจะมาคุอยู่แล้ว ไม่มีใครอารมณ์ดี ดังนั้น อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่รู้สึกลำบาก คนอื่นเขาก็ลำบากเหมือนกัน
8. ดังนั้น เวลารถไฟแน่นๆ จะขึ้น จะลง จะเบียด แทนที่จะคิดว่าคนอื่นเป็นศัตรู ให้คิดซะว่าคนอื่นเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมจะดีกว่า
9. อย่าคิดว่ามารยาทรถไฟประเทศเรา(ญี่ปุ่น) แย่ขนาดนั้น เพราะชาวต่างชาติต่างก็ยกย่องและตกใจถึงมารยาทการใช้รถไฟของประเทศเราพอสมควร ประมาณว่า เบียดขนาดนี้แต่ก็ไม่ถึงขั้นตบตีอาละวาดกันแม้แต่น้อย
10. วันไหนว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ให้เดินไปสถานีแล้วชาร์จเงินในบัตรเติมเงินรอไว้เลย วันหลังถ้าจะมาขึ้นรถไฟจะได้ไม่ต้องเสียเวลา
11. ยิ่งใกล้สถานีที่จะลง ให้พยายามกระเถิบตัวเองไปใกล้ประตูให้มากที่สุดจะดีกว่า
12. สำหรับคนที่ชอบนั่งเวลาขึ้นรถไฟแน่นๆ มันจะมีวิธีสังเกตอยู่ว่าใครมีออร่าว่าน่าจะลงป้ายถัดไป ถ้ามั่นใจแล้วว่าคนไหนน่าจะลง ให้รีบปรี่ไปยืนหน้าคนนั้นทันที ทั้งนี้ ให้ละเว้นคนที่เพิ่งเอาเพลงขึ้นมาเสียบหูฟัง รวมถึงคนที่ตั้งใจอ่านหนังสือจริงจัง เพราะยังไม่น่าจะลงแน่ๆ ในขณะที่คนที่จะลงป้ายหน้า ส่วนมากจะเอามือจับกระเป๋าวางไว้บนตัก ไม่หยิบอะไรออกมาจากกระเป๋า หรือถ้าหยิบก็จะเป็นแค่มือถือเพื่อเช็คเวลาพร้อมเปิดแอปพลิเคชั่นแผนที่ คนเหล่านี้จะมีออร่าเปล่งประกายพร้อมแววตามุ่งมั่นว่าว่า "จะลงครับ/ค่ะ ขอทางด้วย" ดังนั้น จับตาไว้ให้ดี อย่าให้พลาด
13. รถไฟกำลังจะปิดประตูและออกจากสถานี จริงๆ แล้วไม่ควรรีบวิ่งเข้าไป แต่ถ้าจะเข้าไปให้ได้จริงๆ ให้พยายามเอาส่วนตัวท่อนบนเข้าไปให้ได้ เพราะเดี๋ยวนายสถานีจะเปิดประตูให้อีกรอบเพื่อให้เอาขาแขนเข้าไปให้ได้ทั้งหมด (อันนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่ปลอดภัยเลย)
14. บางทีที่คนตรงกลางรถว่างๆ แต่แถวประตูแน่นๆ ถ้าเรารีบจริงและต้องการขึ้นรถให้ได้ ก็ไม่ต้องอายที่จะตะโกนออกไปเลยดังๆ ว่า "ขอเข้าหน่อยได้ไหมครับ/คะ" เพราะจากที่หลายๆ คนทำมาแล้ว ถ้ากล้าพูด คนอื่นก็กล้าเขยิบตัวให้ (ส่วนตัวยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นเงียบมาก)
15. ในกรณีเดียวกัน เมื่อถึงสถานีปลายทางแล้วแต่คนแน่นลงไม่ได้ ก็ให้แหกปากออกไปเลยว่า "จะลงครับ/ค่ะ" (อันนี้ได้ยินบ่อย และเราก็จะเปิดทางให้คนเหล่านั้นแต่โดยดี)
16.ช่วงเวลาเร่งด่วนให้เผื่อเวลาไว้มากขึ้นกว่าเวลาปกติ เพราะคนที่ขึ้นลงปริมาณมากก็จะยิ่งใช้เวลามาก โดยเฉพาะตอนเดินในสถานี คนเยอะทำเวลายาก ไม่มีที่ให้วิ่งด้วย
17. แถมเผื่อเป็นความรู้ หน้าร้อน หากรถไฟมาสายเพราะคนแน่น อาจสายประมาณ 5 นาที แต่ถ้าหน้าหนาวจะเป็น 10 นาที ให้เผื่อเวลาไว้ดีดี
18. ข้อข้างบน เพราะหน้าหนาว คนใส่เสื้อหนากว่าหน้าร้อน รถไฟจะแน่นขึ้นกว่าเดิมมากๆ ทำให้เข้ารถได้ยากกว่า ใช้เวลามากกว่า
19. ถ้าที่นั่งด้านหน้าตัวเองว่าง ก็นั่งๆ ลงไปซะ เพราะว่ารถจะว่างขึ้น ส่วนกระเป๋าก็เอาไว้บนตัก
20. เวลานั่ง อย่านั่งไขว่ห้าง หรือกางขา เพราะมันรบกวนผู้อื่นเวลาขึ้นลงและกินพื้นที่มากๆ
21. คนที่มีสัมภาระใหญ่ๆ เช่นกระเป๋าเดินทาง กล่องลัง ให้ไปขึ้นขบวนที่มีพื้นที่พิเศษสำหรับรถเข็น
pixabay.com
22. รถไฟที่แน่นมากจริงๆ ไม่สมควรทำกิจกรรมที่ใช้เนื้อที่ เช่นกางหนังสือหรือหนังสือพิมพ์อ่าน หรือแม้แต่กดโทรศัพท์มือถือ เพราะแค่อยู่นิ่งๆ ก็เบียดพอแล้ว หากมีการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่นกดมือถือ มันจะทำให้รบกวนผู้อื่น และพื้นที่ก็น้อยลงไปอีกด้วย
23. ถ้าให้วาดภาพแล้ว บริเวณรอบๆ ประตูเป็นที่ที่อันตรายและเบียดที่สุด ส่วนบริเวณหน้าเก้าอี้นั่งปลอดภัย อันนี้ที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน
gnbl.biz/job/train/
24. ใครที่ไม่อยากถือกระเป๋า ก็แนะนำให้เอาไปวางไว้ในชั้นวางเหนือหัว แต่อย่าลืมเอาลงด้วยนะ
25. ใครที่เกลียดรถไฟแน่นๆ ยามเช้า แนะนำให้ออกจากบ้านเร็วขึ้นสักครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ค่อนข้างมั่นใจว่ารถไฟว่างแน่นอน (อันนี้ยากนะ) หรือไม่ก็แทนที่จะขึ้นรถด่วน ให้ลองขึ้นรถที่จอดทุกสถานีดู คนจะโล่งขึ้นพอสมควรทีเดียว
26. พยายามจำทางออกและเลขขบวนรถให้แม่นยำว่าทางออกไหนหรือขบวนไหนใกล้เป้าหมายที่เราจะไปที่สุด มันจะทำเวลาได้มากขึ้นหลายนาทีเลย
pixabay.com
จะว่าไป หลายๆ ข้อก็เป็นอะไรที่เรารู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่ก็มีบางข้อที่สามารถเอามาใช้ได้เหมือนกัน ข้อดีของรถไฟที่ญี่ปุ่นยามเร่งด่วนคือผู้คนจะพยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุดเพื่อให้ไม่เสียเวลาของกันและกัน อาจจะมีบางทีมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง โดยเฉพาะคุณลุงอารมณ์บูดในตอนเช้า แต่ก็ไม่ถึงขั้นใช้เสียงหรือลงไม้ลงมือทำร้ายกัน อย่างที่บอก ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือไปถึงที่หมายให้ตรงเวลาที่สุด วันนี้ก็ขอจบไว้เท่านี้ก่อนละกันครับกับบทความจากญี่ปุ่น อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะครับผม บ๊ายบาย
บทความประกอบ：
http://matome.naver.jp/odai/2145973917641924701
http://d.hatena.ne.jp/tanabeebanat/20140401
http://gnbl.biz/job/train/
5 ความคิดเห็น
อ่านข้อแปดแล้วนี่สะดุ้งเลย 555
เวลารถไฟแน่นๆเนี่ย คนรอบข้างถือเป็นศัตรูหมด (โดยเฉพาะ E มนุษย์ป้าที่ชอบแซงคิว) รู้สึกเหมือนเราอยู่ในเกาะที่มีฝูงซอมบี้ยั้วเยี้ย แล้วจู่ๆมีเรือแล่นผ่านมาพอดี เราต้องพุ่งเข้าไปให้เร็วที่สุด หากช้าไปเพียงวินาทีเดียวอาจหมายความว่าเราไม่ใช่ The Survival เราไม่ Strong พอ
คิดงี้จริงๆนะ เพราะเวลาคนแน่นๆมันจะเริ่มไม่เรียงเป็นคิวแล้ว คนจะเริ่มล้อมประตูกันเป็นวงกลมแทน
ไม่ได้ขึ้นรถไฟนานมากแล้ว
ปัญหาคือเรื่องจำทางออกนี่แหละ แหะๆ
ขอวิธีการขึ้นรถเมล์ด้วยสิ
เอาไปปรับใช้กับบีทีเอสสถานีสยามได้เลยนะคะ ช่วงเย็นๆ 555555