10 สิ่งที่ระบบการศึกษาฟินแลนด์ "ไม่มี" แต่นี่แหละ...ดีที่สุดในโลก


      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... หากพูดถึงประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก "ฟินแลนด์" มักเป็นประเทศที่หลายๆ คนนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ แล้วมักได้ยินเค้าเล่ากันมาว่า เด็กฟินแลนด์ไม่มีสอบ ไม่มีการบ้าน เรียนไม่หนัก และอีกสารพัดเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่า ... โอ้โห ดีจังเลย

      วันก่อนพี่ๆ มีโอกาสได้เข้าพบและพูดคุยกับบุคลากรทางด้านการศึกษาประจำสถานเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทย และได้รับฟังข้อมูลหลายๆ อย่างที่มีประโยชน์และน่าสนใจมากๆ เกี่ยวกับการศึกษาของฟินแลนด์ และอยากนำมาแบ่งปันให้น้องๆ ได้อ่านกันค่ะ มาดูกันว่า ในระบบการศึกษาฟินแลนด์ "ไม่มี" อะไรบ้าง? แต่การที่ "ไม่มี" นี่แหละที่ทำให้ระบบการศึกษาของที่นั่นดีเยี่ยมไปเลย
 


คุณ Susanna Eltvik : Education Advisor
คุณนุชวรี บุญคุ้มครอง : Team Finland Assistant

ไม่มีอนุบาลที่เรียนหนังสือ

      การศึกษาในฟินแลนด์นั้น เด็กส่วนมากจะเริ่มที่ระดับที่เรียกว่า Pre-School คือระดับก่อนเข้าเรียนประถมหรือ Year 1 แต่ไม่ใช่อนุบาลนะคะ โดยในระดับนี้ เด็กๆ จะได้ฝึกฝนการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ เน้นที่การมีมนุษยสัมพันธ์และการเข้าสังคม ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องการเรียน เหมือนเรียนรู้จากบทบาทสมมติต่างๆ ผ่านกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ผ่านการเล่นเกมกับเพื่อน ไม่มีการมาท่อง a b c ไม่มีการวัดว่าเด็กอ่านหนังสือออกหรือไม่ ก่อนจะเข้าเรียน Year 1 ในปีถัดไปค่ะ
 
ไม่มีครูหลายคน

      ถ้าจำกันได้ ตอนที่เรียนระดับประถม เราเปลี่ยนครูประจำชั้นกันทุกปีตั้งแต่ ป.1-6 แถมครูที่สอนแต่ละวิชาแต่ละชั้นปีก็เป็นคนละคนกัน แต่ที่ฟินแลนด์ ในระดับประถม Year 1-2 เด็กจะเรียนกับครูคนเดิมตลอด รวมถึง Year 3-6 ก็เรียนกับครูคนเดิมเช่นกัน เพราะระบบการศึกษาฟินแลนด์เชื่อว่า การให้ครูคนเดิมเป็นผู้สอนนั้น จะสามารถช่วยดูแลเด็กได้ตลอด คอยติดตามว่าเด็กมีความก้าวหน้าในเรื่องการเรียนมั้ย นอกจากนั้นยังทำให้เด็กและครูสนิทกันมากขึ้นด้วยค่ะ ลองคิดดูสิว่า เรียนด้วยกันตั้งแต่ Year 3-6 ไม่สนิทก็ให้รู้ไปสิเนาะ


ไม่มีการจัดอันดับโรงเรียน

       ในบ้านเรา แม้ไม่มีการจัดอันดับโรงเรียนอย่างเป็นทางการ แต่ก็มักมีคนนำผลนั่นนี่มาใช้จัดอันดับ เช่น ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผลการสอบ ONET ว่าเด็กโรงเรียนไหนอยู่อันดับต้นๆ บ้าง รวมถึงก็เป็นที่รู้กันเนาะว่า ถ้าบอกว่าเรียนโรงเรียนนี้ ก็รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้เรียนเก่งมากกกกกสุดๆ

       แต่ในฟินแลนด์จะไม่มีการจัดอันดับพวกนี้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ถึงแม้ว่าก็จะรู้กันบ้างล่ะว่าโรงเรียนไหนดัง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมองข้ามโรงเรียนอื่นไป เพราะความแตกต่างระหว่างโรงเรียนที่(คนเชื่อ)ว่าดีและดังมากๆ กับโรงเรียนส่วนมากนั้น ต่างกันแค่ 5% เท่านั้น ถือว่าน้อยมากๆ ดังนั้นพ่อแม่และเด็กๆ ส่วนมากมักจะเลือกเข้าโรงเรียนที่ใกล้บ้านมากที่สุดค่ะ เพราะเค้ารู้กันว่าไม่ว่าจะเรียนที่ไหนก็ดีทั้งนั้น

        คำกล่าวที่ว่า "เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน" แม้จะไม่ถูกฟันธงว่าใช้ที่ไทยได้หรือไม่ได้ แต่ใช้ได้ที่ฟินแลนด์แน่นอน

ไม่มีชั่วโมงเรียนที่มากเกินไป
     
     โดยทั่วไปแล้ว เด็กๆ จะเรียนอยู่ที่ 20-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตกวันละ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้นก็ว่าได้ ถือว่าชิลล์ๆ ไม่หนักจนเกินไป บ่ายโมงบ่ายสองก็กลับบ้านกันแล้ว มีเวลาไปทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบได้ และที่สำคัญ ไม่มีใครไปเรียนพิเศษนะคะ เพราะที่นั่นแทบไม่มีโรงเรียนสอนพิเศษเลยค่ะ!


ไม่มีการสอบแบบให้คะแนน
     
      เรามักได้ยินกันว่า "ที่ฟินแลนด์ไม่มีสอบพร่ำเพรื่อ" จะบอกว่าจริงครึ่งไม่จริงครึ่งค่ะ คือมีสอบบ้างแต่ไม่ได้สอบเก็บคะแนน แต่เป็นการสอบเพื่อติดตามว่านักเรียนเรียนเข้าใจมั้ย เวลาส่งให้ตรวจ ครูอาจจะแค่ปั๊มตัวหน้ายิ้มกลับมาแค่นั้นเอง ไม่ได้ให้คะแนนพิเศษหรือตำหนิหากนักเรียนทำได้ไม่ดี 

      สำหรับการสอบกลางภาคและการสอบปลายภาคนั้น แน่นอนว่าไม่มี เหตุผลก็โดนใจมากเลย ฟินแลนด์เชื่อว่า เราไม่สามารถวัดความรู้ของเด็กด้วยการสอบเพียงครั้งเดียว เด็กบางคนอาจจะตั้งใจเรียนมาตลอด แต่วันสอบดันมีปัญหาหรือมีเรื่องมากระทบจนอาจส่งผลต่อการสอบ หากเรานำคะแนนสอบในวันนั้นมาตัดสินเด็ก ก็เรียกว่าทำลายอนาคตเด็กเลยก็ว่าได้

       การสอบครั้งใหญ่นั้น จะมีเพียงครั้งเดียวคือหลังจบมัธยมปลาย เหมือนเป็นการสอบใหญ่เพื่อประกาศตัวเองว่าฉันเรียนจบแล้ว! และหากจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย ก็จะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย + ใช้คะแนนจากการสอบใหญ่หลังเรียนจบมัธยมนี่แหละมารวมกันค่ะ

ไม่มีการบ้านที่มากเกินไป
   
      เรามักได้ยินเค้าเล่าต่อกันมา(อีกแล้ว)ว่า "เด็กฟินแลนด์ไม่มีการบ้าน" ขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริงนะคะ เด็กฟินแลนด์มีการบ้านค่ะ แต่ไม่ใช่การบ้านที่หนักหนาอะไร เพราะครูผู้สอนแต่ละวิชาจะมีการคุยหรือหารือกันค่ะ ประมาณว่า ถ้าสัปดาห์นี้วิชาคณิตมีการบ้านแล้ว วิชาภาษาอังกฤษจะไม่มีการบ้านนะ เพราะเดี๋ยวเด็กจะเครียดเกินไป (ดีจัง)

       นอกจากนี้ การบ้านส่วนมากจะไม่ใช่อะไรที่หนักหนา เด็กๆ สามารถใช้เวลาทำที่โรงเรียนได้ ยกตัวอย่างเช่น ในคาบคณิตศาสตร์ เด็กๆ มักใช้เวลา 10 นาทีสุดท้ายเพื่อทำการบ้านค่ะ แต่หากใครทำไม่เสร็จ ก็หิ้วกลับไปทำต่อที่บ้านได้ 


ไม่มีคนที่มาเรียนครูเพราะไม่รู้จะเรียนอะไร
     
      อยากจะปรบมือให้กับข้อนี้เลยค่ะ เพราะในการคัดเลือกคนที่จะมาเรียนครูนั้น เค้าจะให้เฉพาะคนที่ได้คะแนนการสอบใหญ่หลังเรียนจบมัธยมปลาย(ที่เขียนไปข้อข้างบน)ที่ได้คะแนนระดับ TOP10 มาเรียนครูเท่านั้นค่ะ! แถมหลักสูตรการเรียนครูที่นั่นยังเป็นหลักสูตรต่อเนื่อง เมื่อเรียนจบจะเท่ากับว่าจบปริญญาโทอีกด้วย 

       ว่ากันว่า มีบางคนคะแนนไม่ถึงจะเรียนครู ต้องไปเรียนอย่างอื่นแทน เช่น หมอ ... โอ้ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ 

       นอกจากนี้ การเรียนครูที่ฟินแลนด์ จะได้ออกไปฝึกสอนตั้งแต่ปี 2 (บ้านเราฝึกสอนตอนปี 5) เพราะเค้าอยากให้นักศึกษาได้รู้ตัวเองและเจอประสบการณ์ของจริงตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้รู้ตัวเองว่าอยากจะเป็นครูจริงๆ มั้ย ถ้าไม่ชอบจะได้ถอนตัวหรอเปลี่ยนไปเรียนอย่างอื่นทัน เพื่อให้แน่ใจว่า คนที่จะมาเป็นครูนั้น นอกจากจะเก่งวิชาการแล้ว ยังต้องมีใจที่อยากจะเป็นครูจริงๆ ด้วย

       ยังไม่หมดเท่านั้น อาชีพครูที่ฟินแลนด์เป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่องและนับหน้าถือตามากๆ พอบอกใครว่าเป็นครู อีกฝ่ายจะต้องร้อง โอ้โหหหห แถมเงินเดือนก็ไม่น้อย คืออาจจะไม่ได้สูงเท่าอาชีพเฉพาะทางอย่างหมอ แต่ก็ถือว่าค่อนข้างเยอะเลยค่ะ


ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมยุบยิบต่างๆ ในโรงเรียน
     
      เด็กๆ ที่ฟินแลนด์จะได้เรียนฟรี ฟรีในที่นี้คือแทบไม่ต้องควักอะไรจ่ายเลย ค่าอาหารกลางวันก็ฟรี โดยจะมีการประกาศล่วงหน้า 6 สัปดาห์ว่าจะมีเมนูอะไรให้เด็กๆ ทาน ปรุงโดยเชฟที่มีความรู้ตามหลักโภชนาการ ค่าหนังสือก็ฟรี แถมใครบ้านไกลจากโรงเรียนเกิน 4 กิโลเมตรล่ะก็ จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเดินทางอีกด้วย! (ใกล้กว่านั้นก็เดิน + ขี่จักรยานเอาได้)

ไม่มีค่านิยมว่าสายอาชีพไม่ดี
     
      หลังเรียนจบ Year9 หรือเทียบเท่ามัธยมต้นบ้านเรา เด็กครึ่งหนึ่งจะเรียนต่อมัธยมปลาย ส่วนอีกเกือบครึ่งตัดสินใจเรียนต่อด้านสายอาชีพค่ะ  การเรียนสายอาชีพที่นั่นถือเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำกัน และรู้กันว่าหางานได้ไว แถมเงินดีมากๆ
     
      แถมอีกนิดนึงว่า ครูที่สอนในโรงเรียนสายอาชีพก็ไม่ธรรมดานะคะ หลายท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพนั้นระดับเทพ เช่น เป็นคนในวงการไอทีมา 20 ปี ทำงานไอทีมาสักพักเกิดเบื่อแล้ว อยากมาเป็นครูแทน ก็ไปเรียนเพิ่มเติมอีกปีครึ่งเพื่อสอบใบประกอบวิชาชีพครู แล้วมาเป็นครูในโรงเรียนสายอาชีพกันก็ไม่น้อยเลยค่ะ ดังนั้นในฟินแลนด์ นอกจากจะไม่มีใครแก่เกินเรียนแล้ว ยังไม่มีใครแก่เกินเป็นครูด้วย มาเป็นครูกันตอนอายุ 40 เพียบเลยค่ะ


 
ไม่แยกแต่ละวิชาแบบขาดจากกัน
     
      ถ้าเป็นบ้านเรา เวลาเรียนก็จะแบ่งเลยว่าภาษาไทย 2 คาบ ต่อด้วยอังกฤษอีก 2 คาบ และเลขอีก 2 คาบ โดยที่แต่ละวิชาไม่ได้เชื่อมโยงสอดคล้องกันเลย แต่ที่ฟินแลนด์นั้น หลักสูตรการศึกษาใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมาคือการคิดหัวข้อหรือ topic ประจำปี แล้วสอนทุกวิชาร่วมกันที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นค่ะ เช่นหัวข้อปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ" นักเรียนก็จะได้เรียนหัวข้อนี้ทั้งปี โดยเรียนทั้งวิชาภาษาฟินนิช ภาษาอังกฤษ เลข ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และอีกหลายๆ วิชาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ แถมยังได้ประยุกต์ใช้ความรู้ทุกวิชาเข้าด้วยกัน เช่น หากเป็นวิชาภาษาอังกฤษ เด็กๆ ก็จะได้เรียนการอ่านข่าว/การย่อความภาษาอังกฤษเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ คุณครูทุกวิชาก็วางแผนการสอนร่วมกัน เป็นการเรียนแบบบูรณาการที่แท้จริง แถมง่ายต่อการทำความเข้าใจทุกวิชาไปพร้อมๆ กันอีกด้วยค่ะ

     

      อ่านแล้วรู้สึกทึ่งกับวิสัยทัศน์ทางด้านการศึกษาของฟินแลนด์มากๆ เลยค่ะ  สมแล้วจริงๆ ที่เป็นประเทศผู้นำทางด้านการศึกษาของยุโรปและของโลก มีข้อไหนที่รู้สึกโดนใจใช่เลยมั้ยคะ^^

      สุดท้ายนี้เว็บไซต์ Dek-D.com ต้องขอขอบพระคุณคุณ Susanna และคุณนุชวรี ที่ให้โอกาสทางทีมงานได้เข้าพบและพูดคุยค่ะ
ทีมเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ครูlove 4 ก.ย. 59 20:57 น. 3
ไทยเราก็รู้ว่าดี แต่ไม่ทำสักที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่หลักจิตวิทยาพื้นฐานทุกคนมีความแตกต่าง ใช้มาตรฐานเดียววัดไม่ได้ !!!!
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
NisaMay Member 5 ก.ย. 59 10:10 น. 7
อิจฉาทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการบ้าน เคยบอกครูว่าอย่าสั่งเยอะได้ไหม มีการบ้านเยอะแล้ว ครูตอบกลับมาเลยจ้าาาา ก็วิชาชั้นยังไม่ได้สั่งเลย วิชาอื่นไม่ใช่วิชาชั้น แล้วนางก็ให้การบ้านมารัวๆๆๆๆๆๆ
0
กำลังโหลด

14 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
ครูlove 4 ก.ย. 59 20:57 น. 3
ไทยเราก็รู้ว่าดี แต่ไม่ทำสักที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่หลักจิตวิทยาพื้นฐานทุกคนมีความแตกต่าง ใช้มาตรฐานเดียววัดไม่ได้ !!!!
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
สามีก็คือสามี Member 4 ก.ย. 59 21:41 น. 5

ประเทศไทย ทำให้เด็กดูเป็นไข่ในหิน ไม่ให้ดูสิ่งอื่นนอกจากสิ่งครูเห็น ครูดีๆก็มี แต่ช่างน้อยเหลือเกินน๊ะจ๊ะพี่จ๋า หนูอยากไปฟินแลนด์ แลดูไว้ใจเด็ก แลดูเข้าใจเด็กจัง 

0
กำลังโหลด
faalwaysgethurt Member 5 ก.ย. 59 08:51 น. 6

เราเรียนอยู่เมกาก็คล้ายๆนะเรื่องชั่วโมงเรียนคือเรียนน้อยแต่เรียนได้เวลาเด็กทำผิดทำโน้นทำนี้แตกในโรงเรียนแบบว่าครูที่นั้นใจดีมากไม่ดุไม่ด่าแถมให้กำลังใจบอกว่าไม่เป็นไรเพราะครูที่นั้นกลัวว่าถ้าดุเด็กแล้วกลัวเด็กจะไม่มาเรียนหนังสืค่ะ และอีกเรื่องคือเวลาที่เด็กเรียนไม่ได้ได้คะแนนน้อยเค้าจะไม่ค่อยโทษเด็กแต่พ่อแม่เด็กจะโทษครูมากกว่าเพราะเค้าถือว่าครูนี้เก่งมากต้องสอนดีและอาชีพครูนี้ที่บ้านเค้าจะนับถือกันมากมากเลย ต่างจากบ้านเราหลายอย่างเลยนะ อีกอย่างหนึ่งที่นักเรียนที่นั้นเค้าเรียนได้ก็เพราะการ ศึกษาเค้าจะลงตัวจริงด้วยเช่นการเลี้ยงสัตเค้าก็จะเอาสัตตัวเป็นๆมาให้เลี้ยงเลยเด็กป.1ที่บ้านเค้าได้เรียนคอมแล้วจ้าาารู้จัก power point word office แถมยังทำ slide show เก่งอีกด้วยเด็กที่นั้นเก่งมากเลยค่ะ [bb-01]

0
กำลังโหลด
NisaMay Member 5 ก.ย. 59 10:10 น. 7
อิจฉาทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการบ้าน เคยบอกครูว่าอย่าสั่งเยอะได้ไหม มีการบ้านเยอะแล้ว ครูตอบกลับมาเลยจ้าาาา ก็วิชาชั้นยังไม่ได้สั่งเลย วิชาอื่นไม่ใช่วิชาชั้น แล้วนางก็ให้การบ้านมารัวๆๆๆๆๆๆ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
เห้อ 3 ต.ค. 59 21:00 น. 12
การศึกษาไทยคนละระดับเลยค่ะ ครูบางคนเค้าก็สอนไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าเด็กเข้าใจเนื้อหาหรือเปล่า การบ้านนี่เกือบร้อยข้อนะคะ เล่นเอาหมดแรงเลย กระเป๋าก็ไม่ได้จัด น้ำก็ยังไม่ได้อาบ เศร้าเสียใจ
0
กำลังโหลด
ดวงดาวแห่งแสง Member 27 พ.ย. 59 10:52 น. 13

พี่ไทยสอนเน้นทฤษฏี ปฏิบัติมีน้อย วุ่นวายไปหมด 

ถ้ามีปฏิบัตินิสนุกมากเลยน่ะ

0
กำลังโหลด
ตาล 16 ม.ค. 62 15:36 น. 14

ประเทศไทยรู้ ดูงานก็เยอะ แต่ไม่เคยทำอะไรเป็นรูปธรรมสักอย่าง คนพูดมีมาก คนทำมีน้อย เวลาหมดไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด