พระราชนิพนธ์แปลจีน
ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีไรท์เตอร์ทุกคน คิดว่ากระแสนิยายที่มาแรงมากๆ ในช่วงนี้คงจะไม่พ้นนิยายแปลจีนกันใช่ไหมคะ (พี่หญิงเองก็ไม่พลาดที่จะตามอ่านแนวนี้เหมือนกัน หุหุ) วันนี้พี่หญิงจะมาแนะนำนิยายแปลจีนดีๆ ที่ไม่เพียงให้ความสนุกเพลิดเพลินเท่านั้น ยังแฝงทั้งแง่คิดและความรู้ ซึ่งพี่หญิงคิดว่าเพื่อนๆ นักอ่านไม่ควรเลยพลาดจริงๆ ค่ะ
นิยายที่พี่หญิงมาแนะนำในวันนี้เป็นนิยายแปลจีนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าพระองค์ท่านทรงมีความอัจฉริยภาพด้านภาษาและวรรณกรรมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ท่านยังทรงให้ความสนใจในภาษา วัฒนธรรมจีน และทรงศึกษาต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน จึงทรงเป็นผู้รอบรู้เกี่ยวกับภาษาจีนและจีนวิทยา พระองค์ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลหลายรางวัลจากประเทศจีนในฐานะ “ทูตสันถวไมตรี”
ท่านได้ทรงแปลวรรณกรรมจีนหลากหลายเรื่อง ซึ่งนิยายแปลจีนที่พี่หญิงนำมาคือ ความรักใดจะไม่ปวดร้าว หมู่บ้านเล็กตระกลูเป้า ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน นารีนครา รอยยิ้มน้ำตาและหัวใจ
ความรักใดจะไม่ปวดร้าว
ผู้เขียน ชวนหนี
ผู้แปล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ความรักใดจะไม่ปวดร้าว เป็นวรรณกรรมจีนร่วมสมัย สะท้อนปัญหาชีวิตรักของหนุ่มสาวชาวจีนในสังคมจีนยุดใหม่ผ่านเรื่องราวความรักอันซับซ้อนของตัวละครเอก “หมิ่นมิน” จากความรักที่เคยหวานชื่นกับ “อยู่ตง” ผู้เป็นสามี ผ่านไปสู่ความจืดจางจนกลายเป็นความโกรธแค้นชิงชังในที่สุด โดยตีแผ่และเสนอแง่มุมความรักของผู้หญิงในยุคสมัยใหม่ การเสียสละของผู้หญิง ซึ่งเกิดขึ้นหลังชีวิตแต่งงานที่ต้องออกจากการทำงานมาเลี้ยงลูก ผ่านมุมมองของผู้เป็นทั้งแม่และภรรยา กับค่านิยมเก่าที่บูชาความรัก และจบเรื่องลงอย่างสวยงามด้วยความตะหนักรู้ของตัวละครเอกว่า “ไม่มีความรักใดจะไม่ปวดร้าว แต่ผู้ที่จะเปลี่ยนความปวดร้าวนี้ให้เป็นปิติสุขได้นั้นคือ ผู้มีความรักนั้นเอง” นิยายเรื่องนี้นอกจากทำให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตครอบครัวชาวจีนยุคใหม่แล้ว ยังได้เรียนรู้การเห็นคุณค่าของตนเองเกี่ยวกับความรัก และการประคับประคองความรักให้ยืนยาวอีกด้วย
ผู้เขียน หวังอันอี้
ผู้แปล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
รอยยิ้มน้ำตาและหัวใจ
ผู้แต่ง ปิงซิน เหยียนเกอหลิง และซูเฉี้ยว
รอยยิ้มน้ำตาและหัวใจ เป็นวรรณกรรมแปลรวมเรื่องสั้นสี่เรื่องของนักเขียนหญิงสามคน โดยวรรณกรรมเรื่อง "โครมส้มดวงน้อย" และ "หมิงจื่อกับเหมียวน้อยมีจื่อ" เป็นวรรณกรรมที่มีตัวละครเด็กเป็นผู้ดำเนินเรื่อง มีลักษณะเป็นร้อยแก้วขนาดสั้น ที่มีความซาบซึ้งจับใจด้วยการดำเนินเรื่องผ่านเหตุการณ์ง่ายๆ สามัญ แต่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกสะเทือนใจอย่างนุ่มนวล ไม่ว่าจะเป็นความมุ่งมั่นกล้าหาญของเด็กน้อยที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา หรือความผูกพันลึกซึ้งของเด็กกับสัตว์เลี้ยง ส่วนนวนิยายเรื่อง “สาวน้อยเสี่ยวหยูว” เป็นเรื่องราวความรักต้องห้ามระหว่างหญิงสาวกับชายหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวพ่อ และ “ตำนานกับข้าวคู่” เป็นนิยายที่มีเนื้อหาเล่าถึง ความรักอันวุ่นวายของสองหญิงหนึ่งชายที่มีปัญหาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์เข้ามาทำให้เกิดโศกนาฏกรรมตอนจบ ซึ่งนวนิยายสองเรื่องนี้เป็นนิยายรักสมัยใหม่ที่ไม่ได้เน้นเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิงตามรูปแบบความคิดแบบเก่า แต่เป็นรูปแบบความรักตามแนวความคิดสมัยใหม่ เน้นเห็นประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้งกับความรักที่เกิดจากความดีงามและการเสียสละเพื่อผู้เป็นที่รัก
ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน
ผู้เขียน เถี่ยหนิง
ผู้แปล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน เป็นนิยายจีนสมัยใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ค่านิยมในสังคม จีนยุคใหม่ การรักษา การสืบทอดคุณธรรมจริยธรรมอันดีดั้งเดิมให้คงอยู่กับบุคคลและสังคมยุคใหม่ โดยถ่ายทอดผ่านเรื่องราวชีวิตของ ไป๋ต้าสิ่ง หญิงผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม มีจิตใจงดงามที่ต้องดำเนินชีวิตท่ามกลางค่านิยมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมบริโภคนิยม ดั้งนั้นเธอจึงต้องทดทุกข์กับตัวตนที่เธอที่เป็นอยู่ (เพราะโดนเอาเปรียบอยู่ตลอกเวลา) ความทุกข์อันสาหัสที่สุดของไป่ต้าสิ่งคือความผิดหวังจากความรัก
สนใจอ่านบทความเกี่ยวกับพระราชนิพนธ์แปลเรื่องนี้เพิ่มเติม คลิก!!
นารี นครา
ผู้เขียน ฉือลี่
ผู้แปล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารรี
นารี นครา เป็นเรื่องราวสะท้อนความคิด ของหญิงสาวสามคน ซึ่งเป็นตัวแทนของหญิงสามวัย คือ ผู้หญิงรุ่นเก่า รุ่นกลาง รุ่นใหม่ ประกอบด้วย
คุณย่าวัย ๘๖ ปี แม่สามีของมี่เจีย ผู้เป็นแบบอย่างทั้งความคิด การใช้ชีวิตและการทำอาหาร
มี่เจี่ย หญิงม่าย ลูกสะใภ้ของคุณย่า ผู้เปิดร้านขัดรองเท้ามีบุคลิกโผงผาง ตรงไปตรงมา มีลักษณะนิสัยคล้ายผู้ชาย เพราะเคยผ่านการเป็นทหารมาก่อน
และสุดท้าย เฝิงชุน ผู้หญิงที่มีการศึกษาดี สวย แต่มีปัญหาครอบครัว ประชดสามีโดยการมาเป็นกรรมกร ทำงานใช้แรงงานเป็นช่างขัดรองเท้าในร้านของมี่เจีย
โดยมีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้เขียนไปเรื่อยๆ ใช้ภาษาเรียบง่ายแต่น่าติดตาม การดำเนินเรื่องเป็นแบบเหตุการณ์ปัจจุบันย้อนไปหาอดีตและย้อนกลับมาปัจจุบันอีกครั้ง จุดเด่นของนิยายเรื่องนี้คือ เป็นนิยายที่ใช้คำได้กระชับแต่กินใจความมาก แฝงคติข้อคิดและที่สำคัญมีการสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมการกินอาหารของชาวนครอู่ฮั่นได้อย่างน่าประทับใจ (อ่านแล้วชวนให้รู้สึกหิวขึ้นมาโดยทันที) เช่นตัวอย่างที่ได้ยกมานี้
‘ซุปเป็ดตุ๋นกับลูกแพร์ขาวใส่หม้อดินอุ่นไฟอ่อนๆ เป็นอาหารที่เหมาะกับฤดูชิวเทียนที่อากาศแห้ง ซุปแบบนี้รสหวานปะแล่มๆ ให้ความรชุ่มชื้น ดีกับสุขภาพ ตงเทียน ต้องกินซี่โครงหมูต้มรากบัวที่อยู่ในสระน้ำซึ่งมีโคลนตม และได้ผ่านฤดูหนาวที่มีทั้งเกล็ดน้ำแข็งและหิมะ ถึงจะทำให้เนื้อรากบัวเป็นสีขาวนุ่มนวล’
'อาหารที่สั่งอีกอย่างคือปลาเตียวขาว (White biskop) ตัวโตทอดผัดซอส เวลานี้มีแต่ที่อู่ฮั่นที่มีปลาแบบนี้ตามธรรมชาติ ปลาตามธรรมชาติถึงจะไม่สดก็ยังอร่อยมากกว่าปลาเลี้ยง สำหรับผัก มี่เจี่ยสั่งผักกาดเขียวกวางตุ้งผัด (fiowering Chinese cabbage) ต้องผัดในกระทะเหล็ก ผัดเร็วๆใส่น้ำมันมากไม่ได้ เพราะคนกินจะรู้สึกว่ามันเกินไป และรสชาติของผักจะหายไป ต้องไม่ใส่พริก พอเกือบสุกดีใส่ กระเทียมสับลงไป' น.๙๙-๑๐๐
(สำหรับคนที่สนใจอ่านนิยายแปลเล่มนี้ ขอแนะนำว่าไม่ควรอ่านตอนกลางคืนนะคะ เพราะจะทำให้หิวมาก ฮา)
หลังจากอ่านพระราชนิพนธ์แปลจีนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาแล้วหลายเล่ม ทำให้พี่หญิงได้ข้อสังเกตว่า นิยายที่สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงเลือกมาแปลนั้น มีลักษณะร่วมที่เหมือนกันอย่างชัดเจนคือ เป็นผลงานของนักเขียนหญิงจีนที่มีชื่อเสียงอย่างมากในการสร้างสรรค์ผลงานจนเป็นที่ยอมรับไม่ว่าจะเป็นหวังอันอี้ ผู้เขียน หมู่บ้านเล็กตระกูลเป้า ผู้เป็นที่ยอมรับในวงการนักเขียนจีนอย่างล้นหลามจนได้รับการขนานนามว่า “นักเขียนหญิงผู้รังสรรค์ผลงานภาษาจีนดีเด่น” หรือจะเป็น เถี่ยหนิง ผู้เขียน ตลอดกาลน่ะนานแค่ไหน ก็ล้วนเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จด้านการประพันธ์ จนได้รับการแปลเป็นหนังสือนิยายในหลายๆภาษา เป็นต้น
และนอกจากนี้แล้วงานแปลในสมเด็จพระเทพฯ ยังเป็นผลงานวรรณกรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต ลักษณะความงามของผู้หญิง โดยเฉพาะหญิงจีนในวัยเด็ก วัยสาว วัยผู้ใหญ่และวัยผู้สูงอายุ หรือผู้หญิงจีนในแต่ละสถานภาพ บทบาทได้อย่างน่าศึกษา ความงดงามนี้ได้ถ่ายทอดผ่านอุปนิสัย ความเป็นไปของตัวละครโดยเฉพาะฝ่ายหญิง เหตุการณ์ในเรื่องที่ชวนให้เห็นคุณค่าของผู้หญิงที่ประกอบไปด้วยคุณธรรมอันดีงาม (เน้นผู้หญิงแบบอ่อนโยน นุ่มนวล ดีงาม มีคุณธรรม) เช่น ในเรื่อง หมิงจื่อกับเหมียวน้อยมีจื่อ ได้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต หน้าที่การงานของผู้หญิงในยุคสมัยใหม่ที่มีการออกไปทำงานนอกบ้านมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่ผู้หญิงสูงอายุต้องอยู่ตามลำพัง หรือ ในเรื่อง นารีนครา ที่ มี่เจี่ย มีความรักและซื่อตรงต่อซ่งเจียงเทาผู้เป็นสามีอย่างมั่นคง ถึงแม้ซ่งเจียงเทาจะตายไปแล้วก็ตาม แต่มี่เจี่ยก็ดูแลแม่สามีและลูกได้เป็นอย่างดี (เป็นลูกสะใภ้ที่ดีดูแลแม่สามีแทนสามีที่ตายไป ไม่แต่งงานใหม่) เป็นต้น
โอ้ววว จากข้อสังเกตที่ผ่านมา บอกได้เลยว่าทั้งหมดนี้เป็นนิยายแปลที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆคะ เพราะนอกจากจะได้ความสนุกเพลิดเพลินจากการอ่านแล้ว ยังได้ความรู้ แง่คิด สาระไปเต็มๆอีกด้วย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ (เห็นไหมการอ่านนิยายก็มีประโยชน์!!) ใครที่ยังไม่เคยอ่านไปหาอ่านกันได้เลย (รับรองไม่ผิดหวัง) แล้วอย่าลืมมาแชร์ความประทับใจจากการอ่านหนังสือทั้งห้าเล่มนี้กันนะคะ สำหรับวันนี้พี่หญิงขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.booksmile.co.th/
http://www.nanmeebooks.com/book/online_cat1_detail.php?bid=6038&isbn=0431-85-4
บทปริทัศน์หนังสือ Book Review โดย สุรพล ฤทธิ์รวมทรัพย์
พี่หญิง :)







2 ความคิดเห็น
ตามเก็บๆๆๆๆๆๆ >∆<!!!!!!
เป็นวรรณกรรมแปลที่ทรงคุณค่ามากๆเลยนะครับ