สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ตอนนี้น้องๆ น่าจะทราบแล้วว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา แม้จะเป็นผล popular vote ไม่ใช่ผล electoral vote แต่โดยปกติผลทั้ง 2 ผลโหวตมักไม่ขัดแย้งกันค่ะ ทีนี้ที่น่าจะคาใจน้องๆ หลายคนคือ คนที่อยากไปเรียนต่อที่อเมริกาจะมีผลกระทบอะไรรึเปล่า เรามาลองคาดการณ์กันดูค่ะ
*ทรัมป์จะยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการจนกว่าจะได้ชนะผลโหวต electoral vote และเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2017 ฉะนั้นสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้คือสิ่งที่คาดการณ์ว่าอาจจะเกิดขึ้นเฉย*
จากการหาเสียงของทรัมป์ที่ผ่านๆ มา น่าจะได้ยินข่าวกันมาแล้วว่าทรัมป์ไม่ค่อยชอบชาวต่างชาติที่มาอยู่ในอเมริกาแบบผิดกฎหมาย แม้ว่าหลายคนจะเข้ามาแบบถูกกฎหมายแต่เขาก็มองว่าเป็นการเข้ามาแย่งงานของชาวอเมริกันไปเพราะค่าจ้างถูกกว่าจ้างคนในอเมริกันทำงาน ไหนจะตอนที่ทรัมป์ประกาศจะแบนชาวมุสลิมอีก ดังนั้นนักเรียนต่างชาติที่ไปเรียนต่ออเมริกาก็อาจจะได้รับผลกระทบเช่นกัน

สำหรับคนที่กำลังศึกษาอยู่ในอเมริกา
คนกลุ่มนี้ไม่น่าได้รับผลกระทบมาก เพราะไม่ว่าจะเอกสารหรือสัญญาต่างๆ ก็ทำไปหมดแล้ว
สำหรับคนที่อยากไปศึกษาต่อในอเมริกา
กลุ่มนี้น่าจะวิตกกังวลหลายๆ เรื่องค่ะ ที่คาดการณ์กันไว้ก็มีเรื่องของ
1. การไป Work and Travel หรือ Au Pair
ทรัมป์มีทีท่าที่จะทำโครงการสำหรับเยาวชนอเมริกันให้ได้ฝึกงานหรือทำงานภายในประเทศดังนั้นอาจจะยกเลิกวีซ่า J-1 ก็เป็นได้ วีซ่าตัวนี้อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถเข้าโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและทำงานในอเมริกาได้ เช่น Work and Travel หรือ Au Pair เพราะเป็นวีซ่าที่ไม่มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำไว้ ผู้ประกอบการมากมายจึงนิยมร่วมมือกับโครงการแลกเปลี่ยนเพื่อให้นักศึกษาต่างชาติมาเป็นราคาถูกของตัวเอง แน่นอนว่าบริษัทเหล่านั้นจะได้จ่ายค่าจ้างให้ถูกกว่าที่จ่ายให้คนอเมริกัน
แต่ถ้าทรัมป์ยกเลิกวีซ่า J-1 บริษัทเหล่านี้ก็จะไม่สามารถจ้างชาวต่างชาติมาทำงานได้ รวมไปถึงนักเรียนที่มาแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่อเมริกาก็จะไม่สามารถมาได้ด้วยเพราะใช้วีซ่าตัวเดียวกัน ถือเป็นกุศโลบายที่ทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องจ้างคนในประเทศมาทำงาน และพวกโครงการอย่าง Work and Travel ก็จะหายไปค่ะ
2. การเปลี่ยนแปลงของวีซ่านักเรียน
ปกติวีซ่านักเรียนสำหรับเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยจะใช้วีซ่า F-1 ค่ะ ซึ่งก็มีระบุไว้ว่าสามารถอยู่ต่อหลังเรียนจบได้เป็นระยะเวลาประมาณนึง และสามารถออกนอกสหรัฐได้เป็นครั้งคราวถ้าระยะเวลาไม่นานนัก แต่ในเมื่อทรัมป์ดูจะไม่อยากให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศซักเท่าไหร่ ข้อกำหนดในวีซ่าอาจต่างไปจากเดิม เช่นเมื่อเรียนจบต้องบินกลับประเทศทันทีในวันรุ่งขึ้น
อีกเรื่องที่น่าจะตามมาคือค่าขอวีซ่าค่ะ น่าจะแพงขึ้นอีกเยอะ แล้วก็คงขอหลักฐานมากขึ้นและสัมภาษณ์เข้มข้นขึ้น
3. ชาวมุสลิมจะไม่ได้เข้าอเมริกา
อย่างที่บอกไปค่ะว่าทรัมป์พูดจาเหยียดชาวมุสลิมช่วงหาเสียง แถมยังพูดอีกด้วยว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดี เขาจะไม่ให้ชาวมุสลิมเข้าประเทศเลยซักคน (อย่างน้อยก็จนกว่าจะได้คำตอบเรื่องการก่อการร้ายในฝรั่งเศส)
น้องๆ ที่นับถือศาสนาอิสลามจึงอาจจะไม่สามารถไปเรียนต่อหรือฝึกงานกับบริษัทดังๆ ในอเมริกาได้อีกต่อไป แต่พอรู้ว่ชนะการเลือกตั้ง ทรัมป์ก็มีทีท่าต่อเรื่องนี้ที่อ่อนลงกว่าตอนปี 2015 เยอะเลย
4. การลดจำนวนทุนการศึกษาของรัฐบาล
การไปแลกเปลี่ยนระดับมัธยมกับโรงเรียนรัฐบาลในระดับมัธยมนั้น จะได้ทุนอุดหนุนจากรัฐบาลส่วนหนึ่งที่ช่วยออกค่าเล่าเรียนให้ เงินตรงนี้อาจจะหายไปและนักเรียนต่างชาติอาจไม่สามารถไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาได้อีก
ส่วนทุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยส่วนมากมีกองทุนของตัวเองที่มอบเงินให้เป็นทุนการศึกษาแก่นักศึกษาต่างชาติ ดังนั้นไม่น่าจะได้รับผลกระทบ แต่สำหรับมหาวิทยาลัยของรัฐที่ได้เงินรัฐอุดหนุน ก็อาจจะลดจำนวนการมอบทุนหรือส่วนลดค่าเล่าเรียนให้กับนักศึกษาต่างชาติก็เป็นได้
5. การขึ้นค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
หลายมหาวิทยาลัยมีอัตราค่าเล่าเรียนต่างกันสำหรับนักศึกษาอเมริกันและนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่นักศึกษาต่างชาติต้องจ่ายเดิมก็แพงกว่าของเด็กอเมริกันอยู่แล้ว แต่ต่อไปค่าเล่าเรียนอาจจะแพงยิ่งขึ้นไปอีก และมีค่าธรรมเนียมยิบย่อยที่มากขึ้นและแพงขึ้นตามไปด้วย
หลักๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายหาเสียงของทรัมป์ก็มีประมาณนี้ค่ะ (ดูนโยบายเต็มๆ ได้ที่ www.donaldjtrump.com/policies/immigration/?/positions/immigration-reform) แต่ถ้าถามว่าแบบนี้ก็แสดงว่าเราไม่มีโอกาสไปเรียนต่อสถาบันชั้นนำอย่างฮาร์วาร์ดหรือ MIT แล้วสิ หรือโอกาสทำงานในบริษัทชั้นนำอย่าง Facebook หรือ Google คงหายไปหมดแล้วใช่มั้ย จริงๆ ไม่ใช่เลยค่ะ เพราะทรัมป์ไม่ได้มาเป็นพระเจ้าที่จะมีสิทธิสั่งอะไรก็ได้หมด การจะดำเนินการตามนโยบายแต่ละอย่างต้องผ่านสภาคองเกรสก่อน ในสภายังมีพรรคเดโมแครตที่เป็นฝ่ายค้าน ถัดจากสภาคองเกรสก็ยังมีศาลสูงสุดที่จะต้องผ่านไปอีกด่าน (อย่างเรื่องจะให้ชาวเม็กซิกันสร้างกำแพงด้วยเงินของประเทศเม็กซิโกเองก็ไม่น่าทำได้จริง)
ส่วนด้านของมหาวิทยาลัยและผู้ประกอบการบริษัทต่างๆ ก็ถือว่ายังพอมีอิทธิพลอยู่เช่นกัน มหาวิทยาลัยดังย่อมต้องการนักศึกษาดีๆ จากต่างประเทศมาศึกษา แถมการมีสัดส่วนนักศึกษาต่างชาติเยอะก็ช่วยให้มหาวิทยาลัยตัวเองได้อยู่ในอันดับสูงๆ ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ส่วนบริษัทใหญ่ๆ ก็ย่อมต้องการพนักงานที่มีความรู้ความสามารถสูงๆ ถ้าเป็นโปรแกรมเมอร์มือทอง ยังไงบริษัทในย่านซิลิคอนวัลเลย์ก็ย่อมต้องการตัว
ฉะนั้นในตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็อย่าพึ่งกังวลไปนะคะ ข้างหน้าอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ค่ะ การเมืองมีเรื่องผลประโยชน์ที่เราไม่รู้อีกมากมาย อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ ใครที่วางแผนเรียนต่อก็ทำตามแผนเดิมได้เลยค่ะ (แต่จะสมัครมหาวิทยาลัยประเทศอื่นไว้ด้วยก็ได้นะ)
อ้างอิง
นโยบายของทรัมป์ www.donaldjtrump.com
www.thejakartapost.com, www.goodcall.com
www.studentworldonline.com
ด้วยความเคารพครับ
34 ความคิดเห็น
สำหรับ america ไม่ต้องมีประเทศอื่นก็อยู่ได้มั้งนี่ เลยมั่นใจมาก
ถ้ามีชาวต่างชาติไปทำเรื่องแย่ๆที่อเมริกาจนทำให้ประเทศนั้นๆโดนด่าเหมรวมทั้งประเทศ
ก็สมควรถูกแบนไม่ให้เข้าประเทศนะคะ
แบบนี้ เหมือนฝันร้ายเลยจริงๆนะ เราวางแผนตั้งแต่ ป.4 ขึ้น ม.6 ไล่สอบ SAT TOEFL ทั้งหลายทำคะแนนสูงๆ มีโครงงาน ผลงานเยอะๆ จากนั้นก็ยื่นเค้า มหาลัย ถึงเรียงออกมาเป็น list พอรู้ว่า ใครชนะ โอโห...
ช่างมัน จะทำไรก็ทำ ชีวิตนี้จะไม่ไปเหยียบ USA อยู่แล้ว อิอิ