ไขข้อข้องใจ! ขึ้นม.ปลาย เลือกแผนการเรียนอะไรดี?


          สวัสดีค่ะ ถ้าเรื่องน่าหนักใจของน้องๆ ม.ปลาย คือ การเลือกคณะหรือมหาวิทยาลัย พี่อีฟก็คิดว่า เรื่องน่าหนักใจของน้องๆ ม.ต้น ก็น่าจะหนีไม่พ้นการเลือกแผนการเรียนนี่แหละค่ะ ที่ต้องคิดแล้วคิดอีก เลือกกันให้ดี เพราะถ้าเลือกผิด มีผลกับการเลือกคณะและมหาวิทยาลัยในอนาคตแน่นอน
 

          วันนี้พี่อีฟก็เลยจะขอมาแนะนำน้องๆ ม.ต้น ที่กำลังลังเลหรือกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับแผนการเรียน และห้องเรียนต่างๆ ในชั้น ม.ปลาย ให้ได้รู้จักแผนการเรียนหรือห้องเรียนในชั้น ม.ปลาย กัน ว่าจะมีรูปแบบไหน แตกต่างกันยังไง แล้วน้องๆ จะสามารถเลือกแบบไหนได้บ้าง
          แต่ต้องบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไปที่เกือบทุกโรงเรียนจะมีตามนี้ แต่บางโรงเรียนก็อาจจะมีเพิ่มเติมย่อยๆ มากขึ้นอีก ดูจากที่พี่อีฟแนะนำ ก็อย่าลืมหาข้อมูลเพิ่มเติมของโรงเรียนที่เราสนใจด้วยนะคะ ไปดูกันเลยค่ะ


 แผนการเรียนคืออะไร ?
          ก่อนอื่นที่จะไปรู้ว่าแผนการเรียนมีอะไรบ้าง เรามาทำความรู้จักแผนการเรียนกันก่อนดีกว่าค่ะ แผนการเรียนหรือที่น้องๆ อาจจะเรียกว่า สายการเรียน ก็คือ แผนหรือหลักสูตรที่กำหนดการเรียนของเราว่าจะเน้นไปทางด้านไหน เรียนวิชาอะไรเป็นหลัก เรียนวิชาอะไรเสริม ซึ่งหลักๆ ตามโรงเรียนมัธยมทั่วไปจะไม่แตกต่างกันมาก คือ
             แผนการเรียนวิทย์-คณิตฯ
             แผนการเรียนศิลป์-คำนวณ หรือ แผนอังกฤษ-คณิต
             แผนการเรียนศิลป์-ภาษา ก็จะแบ่งย่อยไปอีกว่าจะเรียนภาษาอะไร เช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน
            และในบางโรงเรียนก็จะมีแผนการเรียนศิลป์ทั่วไป, ศิลป์ธุรกิจ, วิทย์-คอมพิวเตอร์, วิทย์–คุณภาพชีวิต, วิทย์–ประยุกต์ฯลฯ เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก็ลองไปดูบทความทำความรู้จักโรงเรียนนี้กันได้ที่ 10 เรื่องเด็ด! ที่หลายคนอยากรู้ใน "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา" ซึ่งพี่อีฟอาจจะรวบรวมแผนการเรียนที่อาจจะมีบางโรงเรียนมาไม่ครบนะคะ เพราะแต่ละโรงเรียนก็จะเปิดแตกต่างกันไป บางโรงเรียนอาจจะมีถึงแค่ศิลป์-คำนวณ ก็ได้ ลองศึกษาดูในแต่ละโรงเรียนที่น้องๆ สนใจกันได้ค่ะ
 

 แผนการเรียนมีอะไรบ้าง ?
 วิทย์-คณิตฯ
          ตอนชั้น ม.ต้น น้องๆ อาจจะคุ้นเคยการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็เรียนรวมกันเลยทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ถึงแม้น้องๆ จะยังไม่รู้ว่าสามารถแยกออกจากกันมาเป็น 3 วิชาได้ แต่พี่อีฟเห็นหลายโรงเรียนในปัจจุบัน น้องๆ ม.ต้น ก็เรียนวิชานี้เข้มข้นขึ้นมาก เรียกได้ว่ามากเท่ากับเมื่อก่อนตอนที่พี่อีฟอยู่ ม.ปลายเลยค่ะ
          แผนการเรียน
วิทย์-คณิตฯ ก็จะเน้นการเรียนวิทยาศาสตร์ แบบแบ่งเป็น วิชาฟิสิกส์ วิชาเคมี และวิชาชีววิทยา ซึ่งวิชาเหล่านี้จะเป็นวิชาในหมวดวิทยาศาสตร์ที่น้องๆ ต้องเรียนหนักกกว่าสายศิลป์หลายเท่า มีการทำทดลอง หรือทำแลป ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ท่องจำสูตร ส่วนคณิตฯ ก็จะเรียนทั้งพื้นฐานและเพิ่มเติม เรียกว่าชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่กับการคำนวณ เห็นได้ชัดจากตารางเรียนใน 5 วันต่อสัปดาห์ จะมีวิชาคณิตฯ และวิทย์ 3 ตัว สลับกันไปทุกวันค่ะ ส่วนวิชาอื่นๆ เช่น สังคม ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ก็ยังมี แต่ถือว่าน้อยถ้าเทียบกับแผนการเรียนอื่น
          นอกจากห้องเรียนวิทย์-คณิตฯ ปกติแล้ว หลายโรงเรียนก็มีห้องเรียนวิทย์-คณิตฯ แบบห้องเรียนพิเศษด้วย เช่น ห้องเรียน สคว. (
โครงการส่งเสริมคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี), ห้องเรียน Gifted, ห้องเรียนโครงการ SMA (Science Math Ability) ฯลฯ จะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด ลองดูให้ดีค่ะว่าโรงเรียนที่น้องๆ สนใจมีรูปแบบไหนบ้าง ส่วนมากที่น้องๆ สนใจแผนการเรียนนี้ เพราะสามารถเลือกคณะในมหาวิทยาลัยได้ทุกคณะค่ะ แต่ก็จะมีข้อเสียเปรียบบ้าง ถ้าเราสนใจคณะที่ใช้วิชาด้านภาษาสมัครเข้าเรียน เพราะเพื่อนๆ แผนการเรียนอื่นก็จะมีความถนัดมากกว่าค่ะ

 ศิลป์-คำนวณ
          ส่วนทางด้านแผนการเรียนศิลป์-คำนวณ ก็จะเน้นวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งอาจจะเรียนพอๆ กับสายวิทย์ แต่ที่จะเน้นมากกว่าสายวิทย์ คือ ภาษาอังกฤษค่ะ เรียกว่าต้องเจอภาษาอังกฤษทุกวัน ทั้งภาษาอังกฤษพื้นฐาน ภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษฟัง พูด อ่าน เขียน การแปล ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ภาษาอังกฤษรอบโลก ฯลฯ เรียกว่าเจอทุกสกิลและทุกรูปแบบ แล้วแต่โรงเรียนไหนจะเรียกแบบไหนเลยค่ะ ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ก็มีเรียนนะคะ แต่ไม่ยากค่ะ จะเป็นวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรียกว่าเบสิคสุดๆ ชีววิทยาแบบง่ายๆ ฟิสิกส์แบบไม่โหด และเคมีแบบไม่ยากค่ะ และจะเพิ่มวิทยาศาสตร์กายภาพมากขึ้น ตั้งแต่ธรณีวิทยา และดาราศาสตร์ แต่น้องๆ หลายคนก็แอบบอกมาเหมือนกันว่าถึงจะเป็นวิทย์ที่ไม่ยากมาก แต่กับน้องๆ ศิลป์-คำนวณที่ไม่ชอบวิทย์ ก็ไม่ได้รู้สึกง่ายเลยค่ะ
          น้องๆ ที่เลือกแผนการเรียนนี้ จะสามารถสมัครคณะที่เป็นคณะด้านสายศิลป์ได้เกือบหมดค่ะ ยกเว้นคณะที่ระบุแผนการเรียนด้านภาษาโดยเฉพาะ ซึ่งน้องๆ ที่เรียนแผนการเรียนนี้ ก็จะได้ทักษะด้านการคำนวณและด้านภาษามาอย่างละเท่าๆ กัน คณะยอดนิยมของสายการเรียนนี้ เช่น คณะบัญชี คณะเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ ค่ะ และเกือบทุกโรงเรียนก็จะมีแผนการเรียนนี้แน่นอนค่ะ
 

 ศิลป์-ภาษา
          น้องๆ คนไหนที่ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ โรงเรียนก็เข้าใจ และหลักสูตรการเรียนในประเทศไทย ก็ไม่ได้ใจร้ายจนเกินไปค่ะ เพราะแผนการเรียนศิลป์-ภาษา สำหรับน้องๆ ที่ชื่นชอบก็มีในเกือบทุกโรงเรียนเหมือนกัน
          แผนการเรียน
ศิลป์-ภาษา โดยปกติจะระบุเลยค่ะ ว่าเป็นภาษาอะไร เช่น ศิลป์-จีน ศิลป์-ญี่ปุ่น ศิลป์-ฝรั่งเศส ศิลป์-เยอรมัน เป็นต้นค่ะ และจะเน้นหนักไปที่ภาษาที่ 3 ตามที่น้องๆ เลือกกันไว้ โดยจะเรียนเกือบ 60% ของวิชาเรียนทั้งหมดเลย และจะได้เรียนภาษาอังกฤษที่มากเหมือนกันค่ะ แต่อาจจะน้อยกว่าศิลป์-คำนวณเล็กน้อยค่ะ ส่วนคณิตศาสตร์ก็จะเรียนน้อยกว่าทั้งสองแผนการเรียนที่ผ่านมา และเน้นไปทางคณิตฯ พื้นฐาน และสุดท้าย วิชาวิทยาศาสตร์ก็จะเรียนเป็นวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เช่นกันค่ะ
          น้องๆ ที่เรียนแผนการเรียนด้านภาษา ก็จะมีข้อได้เปรียบตรงที่น้องๆ จะมีความสามารถด้านภาษาเพิ่มขึ้นมา สามารถสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือสามารถเลือกสอบวิชาด้านภาษา และนำคะแนนไปยื่นในการสอบเข้าได้ค่ะ น้องๆ หลายคนอาจจะมองว่า เด็กสายภาษาเสียเปรียบเด็กวิทย์ เวลาเลือกคณะ เพราะเลือกคณะได้น้อยกว่า แต่พี่อีฟกลับมองว่า ถ้าน้องๆ มีเป้าหมายที่ชัดเจน รู้แล้วว่าจะเข้าคณะไหนในสายศิลป์ การมีภาษาที่ 3 ถือเป็นข้อได้เปรียบมากๆ เลยค่ะ ดังนั้น อย่าลืมตัดสินใจให้ดีก่อนเลือกแผนการเรียนนะคะ

 

 เลือกแผนการเรียนให้ตรงใจ ?
          1.เลือกจากวิชาที่ชอบ
          อย่างที่เห็นว่าแผนการเรียนแต่ละแบบ ก็จะมีวิชาเรียนและการเรียนที่มีความต่างในแต่ละสไตล์กัน น้องๆ ลองดูให้ดีว่า ตัวเราเองชอบวิชาไหน ไม่ชอบวิชาอะไร ถ้าต้องเรียนวิชาเหล่านี้ไปตลอด 3 ปี ชั้น ม.ปลาย น้องๆ จะมีความสุขรึเปล่า พี่อีฟเชื่อว่าถ้าน้องๆ เลือกด้วยความชอบ น้องๆ จะมีความสุขกับสิ่งที่น้องๆ ชอบและเลือกแน่นอนค่ะ
          2.เลือกจากคณะที่ใช่
          จากที่พี่อีฟเน้นย้ำน้องๆ ไปข้างต้นบ้างแล้ว ว่าแผนการเรียนที่น้องๆ เลือก จะมีผลกับการเลือกคณะในอนาคตด้วย เพราะบางคณะจะระบุแผนการเรียนไว้เลยค่ะ ว่าน้องๆ ต้องเรียนคณะอะไร ถ้าเลือกเรียนแผนการเรียนผิดก็อาจทำให้เสียโอกาสในการเข้าเรียนในคณะที่ต้องการได้เลย แถมเสียเปรียบคนที่เรียนมาถูกสายด้วยนะ เช่น น้องๆ ที่อยากเรียนคณะอักษรฯ แต่เรียนแผนวิทย์-คณิตฯ มา เพราะคิดว่าเผื่อจะได้มีตัวเลือกในการเลือกคณะที่มากขึ้น ก็อาจจะเสียเปรียบความสามารถด้านภาษาของน้องๆ ที่เรียนแผนการเรียนศิลป์-ภาษา หรือศิลป์-คำนวณ ได้ค่ะ
          3.เลือกจากอาชีพในฝัน
          น้องๆ หลายคน อาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเข้าคณะอะไร แต่ก็มีคิดๆ ไว้แล้ว ว่าโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร การที่มีเป้าหมายของอาชีพในฝัน ทำให้น้องๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือกแผนการเรียนให้ตรงค่ะ เช่น ถ้าน้องๆ อยากเป็นวิศวกร ก็จะต้องเลือกเรียนแผนการเรียนวิทย์-คณิตฯ เพราะต้องใช้ทักษะด้านการคำนวณ หรือน้องๆ ที่อยากจะเป็นแอร์โฮสเตส ก็ควรจะต้องเลือกเรียนแผนการเรียนศิลป์-ภาษา เพื่อที่จะได้มีทักษะด้านภาษาที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นใช่ไหมคะ รู้แบบนี้แล้ว ตั้งใจลือกแผนการเรียนให้ดีเลยค่ะ เพราะสำคัญต่อไปในอนาคตแน่ๆ
 

          เป็นยังไงกันบ้างคะ หวังว่าจะช่วยให้น้องๆ ตัดสินใจเลือกแผนการเรียนกันได้ง่ายขึ้นนะคะ แต่อย่าลืมว่าการตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราค่ะ ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เลือกให้เต็มที่ได้เลย น้องๆ คนไหน มีวิธีเลือกแผนการเรียนยังไง หรืออยู่แผนการเรียนไหน ลองมาแชร์ข้อแตกต่าง หรือเรื่องราวการเรียนในแต่ละแผนการเรียนให้น้องๆ ฟังกันได้นะคะ สวัสดีค่ะ
 
พี่อีฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

9 ความคิดเห็น

kwprdqz♡ Member 15 พ.ย. 59 21:19 น. 1

วิทย์-คณิตนี่ขอบายยยยยยยยยจริงๆค่ะ555555555555555555 ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าจะเรียนสายศิลป์ภาษา คณะมนุษยศาสตร์แต่ก็มาหนักใจตรงที่เลือกภาษานี่แหละค่ะ น่าเรียนไปหมด55555555555555555 ตื่นเต้นจริงๆนะคะที่จะได้เรียนสิ่งที่เราชอบถึงเหนื่อยแต่ก็สนุก

รักเลย

1
กำลังโหลด
eveunchu Member 24 พ.ย. 59 10:54 น. 2-1
น่ารักจังเลยค่ะ คงน่าสนุกมากแน่เลย //ไม่เป็นไรนะคะ เรียนสายการเรียนเราให้เต็มที่เนอะ :D สู้สู้
0
กำลังโหลด
white rabbit Member 22 พ.ย. 59 21:53 น. 3

โรงเรียนเรามีศิลป์-คหกรรมค่ะ มีวิชาเสริมคือเรียนประกอบอาหาร(ม.4ทำอาหารคาวของไทย ม.5ทำอาหารว่างไทย ม.6ทำเบเกอรี่) ออกแบบบรรจุภัณฑ์ จัดโต๊ะหรือจานอาหาร แกะสลักผักผลไม้ พอดีแผนเรา(ศิลป์-ญี่ปุ่น)รวมห้องกับคหกรรม ทุกครั้งหลังจากที่เพื่อนแผนคหกรรมเรียนประกอบอาหารเสร็จเราจะได้ชิมอาหารฝีมือเพื่อนแทบทุกครั้ง

ปล.แต่บอกก่อนนะว่ารร.เราไม่เปิดรับสมัครม.ปลาย อยากเข้าแผนนี้ต้องเข้ามาเรียนตั้งแต่ปะถมหรือม.ต้นจะได้มีเวลาตัดสินใจ เสียใจด้วยค่ะ55555

เย้เย้เย้

1
กำลังโหลด
Nung_Kanokwan Member 27 พ.ย. 59 10:28 น. 4
พี่ค่ะเเม่หนูอยากให้หนูเรียนวิทย์-คณิตอ่ะค่ะเเต่หนูโตขึ้นเเล้วอยากเป็นล่ามจีนอ่ะค่ะเเล้วเเม่ก็บอกหนูว่าค่อยเรียนเสริมเอาอ่ะค่ะภาษาอ่ะ ทำไงดีค่ะ
0
กำลังโหลด
เซเวอรัส สเนป-เซฟ Member 4 ธ.ค. 59 19:59 น. 5
จากที่ คห.ที่ 4 เล่ามา หนูว่าพี่พูดกับแม่ตรงๆเลย ว่าอยากเรียนอะไร บอกแม่ไปเลยว่าชอบจริงๆ เพราะอะไรด้วย แม่พี่คงมีเหตุผลแหละถึงบอกให้พี่เรียนวิทย์-คณิต หรือไม่ก็เพราะมันต่อได้หลายสาขาอาชีพ
0
กำลังโหลด
สาวิตรา 6 ธ.ค. 59 19:02 น. 6
โรงเรียนหนูมีศิลป์-ดนตรีค่ะ นี่หัวไม่ไปวิทย์คณิตเลย ลังเลอยู่ว่าจะเข้าอะไร ไม่ศิลป์ภาษาก็คงศิลป์ดนตรีมั้งคะ555 ขอบคุณที่แนะนำค่า
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
QueenLAZY2307 Member 3 ม.ค. 60 17:17 น. 8-1
แนะนำว่าควรเข้าสายวิทย์-คณิต ดีสุดค่ะ ไม่ก็ศิลป์-คำนวณละมั้งคะ 55 พอดีเคยอยากเข้าคณะแพทย์ หาข้อมูลนู้นนี่นั่น เอาแต่ละม.มาเทียบกันไรงี้อ่าค่ะ (อารมณ์เหมือนม.5จะขึ้นม.6เลยมั้ง) แต่หัวไม่ถึงเลยตัดสินใจกะว่าจะไปทันตฯ ไม่ก็ICT ค่ะ #เราอยู่ม.2 นะ
0
กำลังโหลด
Ja_Je Member 12 เม.ย. 60 20:22 น. 9

คือแบบ...การเลือกสายเราต้องชอบวิชานั้นๆใช่มะ แต่คือเราชอบแบบวิชาหนึ่งแบบนี้เราอยากเข้าวิทย์-คณิตนะ แต่คือวิทย์น่ะได้ส่วนคณิตก็ไม่ดีแต่ก็ไม่แย่ คือบางทีคิดว่าถ้าเรียนไปจะรอดมั้ย

ฮืออออออออออออออ

1
Bboy 13 เม.ย. 60 00:10 น. 9-1

เหมือนเราเลยเราเก่งภาษาแต่เลือกเข้าวิทย์-คณิตนะเพราะอยากเรียนวิศวะแต่ก็กลัวไปไม่รอดอะ555545

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด