สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com หลายคนคงได้ยินข่าวที่ประเทศกาตาร์โดนประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาหรับแบนกันแล้ว วันนี้เลยจะมาช่วยสรุปเหตุการณ์ให้ฟังเป็นข้อๆ สำหรับคนที่ไม่ได้ตามข่าวมาตั้งแต่ต้นค่ะ
เหตุการณ์ในปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ประเทศซาอุดิอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อียิปต์ และบาห์เรน ประกาศตัดความสัมพันธ์กับประเทศกาตาร์ โดยกล่าวหาว่า กาตาร์ให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย หลังจากที่มีข่าวหลุดออกมาในเดือนพฤษภาคมว่า Emir (เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์) ซึ่งมีพระนามว่า Tamim bin Hamad Al Thani (ตะมีม บิน ฮะมัด อัษษานี) ให้สัมภาษณ์กับสื่อของกาตาร์ว่า พระองค์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบียที่พยายามสร้างภาพให้อิหร่านกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาชาวโลก
ต้องเล่าย้อนก่อนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้เยือนซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการก่อนหน้านั้น และเสนอให้กลุ่มประเทศอาหรับร่วมมือกันต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายโดยโจมตีว่าอิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด (กลุ่มประเทศอาหรับไม่ค่อยแฮปปี้กับอิหร่านเท่าไรเป็นทุนเดิม อเมริกาได้ทีเลยยิ่งเข้าไปบิวด์) ... และนี่คือสิ่งที่กาตาร์ไม่เห็นด้วย

เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์พบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2017 ในโอกาสที่นายทรัมป์มาเยื่อนซาอุดิอาระเบีย
แม้ทางการกาตาร์จะออกมาปฏิเสธภายหลังว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เกิดจากการที่สื่อถูกแฮ็กต่างหาก แต่ทางการซาอุดิอาระเบียก็ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและการติดต่อทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศกับกาตาร์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศพี่น้องต่างๆ ทำเหมือนกันโดยอ้างว่าเป็นการป้องกันประเทศจากกลุ่มหัวรุนแรง ซึ่งตอนนี้มี 7 ประเทศที่ตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์แล้ว ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อียิปต์, บาห์เรน, เยเมน, ลิเบีย และมัลดีฟส์
ความสัมพันธ์เกี่ยวกับการก่อการร้าย
จริงๆ แล้วกาตาร์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในภูมิภาคนี้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด แถมยังมีฐานทัพอากาศ Al Udeid ซึ่งเป็นฐานทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงโดฮาเมืองหลวงของกาตาร์อีกด้วย
แต่กาตาร์ก็โดนกล่าวหาว่าสนับสนุนผู้ก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรงมาโดยตลอด เช่นในปี 2014 ก็เคยเกือบเป็นเรื่องรุนแรงมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวหาว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ที่ซาอุดิอาระเบีย, บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เรียกว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย แล้วก็ร่วมกันตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ ความขัดแย้งครั้งนั้นจบลงภายในเวลา 9 เดือนหลังจากนั้น และเคราะห์ดีที่เรื่องยังไม่บานปลายใหญ่โตเหมือนครั้งนี้ แต่นั่นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของประเทศกาตาร์กับประเทศในกลุ่มนี้เริ่มมีรอยร้าวที่ใหญ่ขึ้นเข้าไปอีก
ทำไมกาตาร์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอิหร่านแล้วถึงกลายเป็นปัญหา
ถ้าพูดกันง่ายๆ ก็คือซาอุดิอาระเบียกับอิหร่านเป็นประเทศคู่ปรับกันมาช้านาน แล้วก็น่าจะไม่ถูกกันตลอดไป ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศมุสลิมนิกายซุนนีย์ ในขณะที่อิหร่านเป็นประเทศมุสลิมนิกายชีอะฮ์ ซึ่งซาอุดิอาระเบียเชื่อว่าตนคืออิสลามที่แท้จริงเท่านั้น จึงมองว่าอิหร่านไม่ใช่อิสลามที่แท้จริงแต่เป็นผู้ที่หวังบ่อนทำลายอิสลามที่แท้จริง นอกจากนี้ทั้ง 2 ประเทศยังถือเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ของภูมิภาค และพยายามแข่งกันเป็นผู้นำชาติมุสลิมอยู่ด้วย

แผนที่ภูมิภาคนี้ กาตาร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน
หรือถ้าย้อนไปดูประวัติความเป็นมาของทั้ง 2 ประเทศจะเห็นว่ามีเชื้อสายที่ต่างกัน ชาวซาอุดิอาระเบียส่วนมากสืบเชื้อสายมาจากชาวอาหรับ ในขณะที่ชาวอิหร่านส่วนมากสืบเชื้อสายมาจากชาวเปอร์เซีย ซึ่งในสมัยโบราณทั้ง 2 ชาติพันธุ์ก็มีวิถีชีวิตและความเชื่อที่ต่างกันมาตั้งแต่ต้น และมีเรื่องกระทบกระทั่งกันมาตลอดอยู่แล้วด้วย ทำให้ลึกๆ แล้วทั้งสองชาติมีความไม่ถูกกันมาโดยตลอด
ทีนี้พอกาตาร์ดูจะไปเข้าข้างอิหร่าน ทางซาอุดิอาระเบียก็มองว่าจะเป็นการผนึกกำลังทำให้อิหร่านยิ่งใหญ่มากเข้าไปอีก และเมื่อได้รับแรงหนุนจากสหรัฐอเมริกาก็ยิ่งทำให้ซาอุดิอาระเบียเร่งดำเนินการเช่นนี้ รวมทั้งเรียกร้องให้ประเทศในกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับประเทศอื่นๆ ร่วมกันแบนกาตาร์ด้วย
เหตุผลที่แต่ละประเทศใช้ในการคว่ำบาตรกาตาร์
สำนักข่าวของซาอุดิอาระเบียระบุว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มภราดรภาพมุสลิม กลุ่มไอเอส และกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุน ซาอุดิอาระเบียจะถอนกองทัพกาตาร์ทั้งหมดออกจากกลุ่มกองกำลังพันธมิตรอาหรับที่ช่วยกันต่อสู่กับกลุ่มกบฏในเยเมนด้วย ซึ่งเยเมนเองก็เหมือนเป็นประเทศที่พึ่งพาความช่วยเหลือจากซาอุดิอาระเบียอยู่เรื่อยๆ แถมกลุ่มกบฏในเยเมนก็เป็นชาวชีอะฮ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่เยเมนจะร่วมโครงการนี้ด้วย
สำนักข่าวของบาห์เรนบอกว่า กาตาร์สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในบาห์เรนและเข้าแทรกแซงกิจการภายในหลายครั้งจนทำให้เกิดความไม่สงบในประเทศอยู่ตลอดเวลา (ทั้งนี้เพราะประชากรส่วนมากในบาห์เรนเป็นนิกายชีอะฮ์ แต่ชนชั้นผู้ปกครองประเทศเป็นนิกายซุนนีย์ ทำให้มีปัญหาภายในอยู่ตลอดเวลา และทุกครั้งซาอุดิอาระเบียจะส่งกองกำลังมาช่วยรัฐบาลบาห์เรน)
สำหรับอียิปต์นั้น หลักๆ น่าจะเกิดจากการที่กาตาร์สนับสนุนรัฐบาลเก่าของอียิปต์ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่หลังจากนั้นทหารก็ยึดอำนาจและจับกุมรัฐบาลชุดนั้นซึ่งส่วนมากเป็นสมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิมไป
ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นก็ให้เวลาเจ้าหน้าที่ทางการทูตของกาตาร์ออกจากประเทศตัวเองภายใน 48 ชั่วโมงเพราะกาตาร์ให้การสนับสนุนพวกผู้ก่อการร้าย พวกหัวรุนแรง และผู้ที่ต้องการแบ่งแยกศาสนา

เส้นประแสดงเส้นทางบินเดิมของกาตาร์แอร์เวย์ส เส้นทีบคือเส้นทางบินใหม่ในตอนนี้
Photo Credit: www.aljazeera.com
กลุ่มภราดรภาพมุสลิมคือใคร ทำไมถึงถูกจัดเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย
กลุ่มภราดรภาพมุสลิมคือ องค์กรนานาชาติของชาวอิสลามนิกายซุนนีย์ที่ก่อตั้งขึ้นในอียิปต์เมื่อปี 1928 จากนั้นกลุ่มนี้ก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากกลุ่มประเทศอาหรับ โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบียที่เป็นผู้สนับสนุนหลักเป็นเวลานานหลายปี
กิจกรรมหลักของกลุ่มนี้แต่เดิมคือการเผยแพร่ศาสนา การสอนหนังสือให้ผู้ด้อยโอกาส และการสร้างโรงพยาบาลในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งทุกอย่างดูดีมากจนกระทั่งกลุ่มภราดรภาพมุสลิมประจำอียิปต์ได้สถานะเป็นพรรคการเมือง และชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีประจำอียิปต์ได้ในปี 2012 โดยตัวแทนของพรรคที่ได้เป็นประธานาธิบดีคือนายโมฮาเหม็ด มอร์ซี (Mohamed Morsi) ถือเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศหลังการปฏิวัติอียิปต์ในปี 2011
หลังจากนายมอร์ซีดำรงตำแหน่งได้เพียงปีเดียว เขาก็ถูกโค่นอำนาจเนื่อจากเขาเปลี่ยนรัฐธรรมนูญให้ตัวเองมีอำนาจสูงสุดสามารถออกกฎหมายอะไรก็ได้โดยไม่ต้องผ่านสภา และเขาก็ออกกฎที่ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม ชนกลุ่มน้อยถูกกีดกัน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ ประชาชนจึงออกมาประท้วงเรียกร้องให้เขาออกจากตำแหน่ง และในที่สุดทหารก็เข้ายึดอำนาจ และจับตัวรัฐบาลทั้งหมดของนายมอร์ซีเข้าคุกหรือประหารชีวิต

การเดินขบวนขับไล่นายมอร์ซีออกจากตำแหน่ง
Photo Credit: www.flickr.com/photos/lilianwagdy/9176266797/in/photostream/lightbox/ by Lilian Wagdy
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนทั่วไปบอกว่ามอร์ซีและกลุ่มภราดรภาพมุสลิมต้องการยึดอำนาจสูงสุด และในเดือนธันวาคมปีเดียวกันนั้น รัฐบาลอียิปต์ก็ประกาศว่ากลุ่มภราดรภาพนี้คือกลุ่มผู้ก่อการร้าย และกล่าวว่าเหตุความรุนแรงมากมายที่เกิดตามหลังรัฐบาลทหารเข้ายึดอำนาจแล้ว ล้วนเป็นฝีมือของกลุ่มภราดรภาพ แต่กลุ่มภราดรภาพปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากนั้นรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย, อียิปต์, บาห์เรน, ซีเรีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัสเซีย ก็ถือว่ากลุ่มภราดรภาพมุสลิมนี้เป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ตอนนี้ยังคาดเดาได้ยากค่ะ แต่ยังเหลืออีก 2 ประเทศในกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับที่ยังไม่ตัดสัมพันธ์กับกาตาร์ นั่นคือคูเวตและโอมาน ซึ่งคูเวตเองก็อาสาเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยในเรื่องนี้ให้อยู่ ส่วนประเทศอื่นๆ ที่อยู่นอกกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับอย่างอิหร่านและตุรกีก็เรียกร้องให้ประเทศในกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับคุยกันด้วยสันติวิธีเพื่อยุติเหตุการณ์นี้ในทางที่ดี (แต่อิหร่านออกมาพูดแบบนี้ก็ไม่มั่นใจเลยว่าเรื่องจะดีขึ้นได้จริง)
ผลกระทบต่อพวกเราคนไทยธรรมดา
การที่กาตาร์ถูกตัดสัมพันธ์ในครั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบหลักก็คือประชาชนชาวกาตาร์ หลายประเทศสั่งให้ชาวกาตาร์ออกจากประเทศตัวเองภายใน 14 วัน บางประเทศก็ไล่คณะทูตกาตาร์ออกจากประเทศด้วย ตลาดหุ้นกาตาร์ร่วงอย่างรุนแรง ส่วนชาวกาตาร์ส่วนมากนั้น ภาพรวมคือยังไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไรมาก ที่มีข่าวออกมาว่ามีการกักตุนสินค้าและน้ำดื่มนั้นก็เป็นแค่วันแรกหลังมีการประกาศการโดนแบนออกมาเท่านั้น ส่วนมากยังใช้ชีวิตกันปกติค่ะ ส่วนผลกระทบที่มีต่อประเทศอื่นๆ ก็เป็นสเกลใหญ่ อย่างเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ รวมไปถึงการจัดประชุมนานาชาติ
แต่ส่วนที่กระทบคนไทยทั่วไปอย่างเราๆ ในแบบตรงๆ เลยก็น่าจะเป็นการเดินทางด้วยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ส เนื่องจากกาตาร์โดนตัดสัมพันธ์ทางอากาศด้วย ทำให้สายการบินกาตาร์แอร์เวย์สไม่สามารถบินผ่านน่านฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านที่ตัดสัมพันธ์ไปแล้วได้ ทำให้บางเที่ยวบินของกาตาร์ที่ปกติจะบินผ่านประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ต้องบินอ้อมไปทางอื่นแทน ส่งผลให้ต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในบางเที่ยวบิน แต่เที่ยวบินยอดฮิตที่คนไทยนิยมกันอย่างเส้นทางบินที่ไปยุโรปไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ เพราะเส้นทางบินปกติก็ไม่ได้ผ่านน่านฟ้าประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้อยู่แล้ว ฉะนั้นเอาจริงๆ ก็คือแทบไม่มีผลกระทบโดยตรงอะไรกับเราเลยค่ะ (ยกเว้นแต่ว่าเราจะเดินทางไประหว่างกาตาร์กับซาอุดิอาระเบีย แบบนี้ถึงจะเป็นปัญหา)

เครื่องบินสายการบินกาตาร์แอร์เวย์สต้องบินเข้าน่านฟ้าอิหร่านก่อนถึงจะออกไปยังประเทศอื่นได้
Photo Credit: viewfromthewing.boardingarea.com
สำหรับใครที่อยากติดตามข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ต่อ แนะนำให้ติดตามจากหลายๆ แหล่งข่าว เพราะสำนักข่าวแต่ละประเทศต้องเข้าข้างประเทศตัวเองอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าใครถูกใครผิดค่ะ
Last Updated: 14/06/17

3 ความคิดเห็น
ทำไมต้องแบนกันขนาดนี้ด้วยค่ะ
คือกาตาร์แค่บอกว่าไม่เห็นด้วยกับอเมริกาแล้วมันเข้าข้างพวกก่อการร้ายตรงไหน(ก็อาจจะดูเหมือน)และ Trump นะก็จะสร้างภาพให้อิหร่านร้ายทั้งที่ร้ายแค่ไม่กี่คนเองไม่ใช่ทั้งประเทศสักหน่อย,ทีนี้นิสัยอย่างTrumpก็คงจะพยายามระเบิดอิหร่านทิ้งอ่ะ,แล้วคนบริสุทธ์ทั่วไปในอิหร่านต้องทำไง
เซ็งกับโลกจริงๆเลยค่ะ
สงสัยเหมือนกันอ่าค่ะ ในเมื่อกาตาร์แค่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของทรัมป์(ไม่ว่าจะพูดจริงหรือไม่จริง)ทำไมถึงถูกกล่าวหาอย่างรุนแรงว่าเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้ายล่ะคะ คือยังไงทุกประเทศก็ต้องมีคนดีและไม่ดีปะปนกันอยู่แล้วแต่ให้ทั้งประเทศเป็นคนไม่ดีไปเสียหมดเรารู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่อ่ะ