สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ช่วงนี้ถ้าใครติดตามข่าวต่างประเทศน่าจะได้ยินข่าวการเคลื่อนไหวของชาวกาตาลุญญ่าที่ต้องการเป็นเอกราชจากสเปน หลายคนอาจจะงงๆ ว่ากาตาลุญญ่าอยู่ตรงไหน แล้วทำไมถึงต้องอยากแยกออกมา ลองมาย้อนดูเรื่องราวในประวัติศาสตร์กันค่ะ
เริ่มมีกาตาลุญญ่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
หลังจักรวรรดิโรมันล่มสลาย ดินแดนต่างๆ ในยุโรปก็แยกกันไป จนกลางศตวรรษที่ 8 ก็เกิดจักรวรรดิการอแล็งเฌียงหรือราชอาณาจักรแฟรงค์ขึ้น เป็นดินแดนที่ปกครองโดยราชวงศ์การอแล็งเฌียง จักรพรรดิที่เรารู้จักกันดีจากราชวงศ์นี้คือพระเจ้าชาร์เลอมาญนั่นเองค่ะ (อ่านเรื่องพระเจ้าชาร์เลอมาญได้ที่นี่) พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์นี้แต่ละพระองค์พยายามที่จะฟื้นฟูจักรวรรดิโรมันขึ้นมาใหม่ ต่างก็ทรงพยายามรวบรวมแผ่นดินยุโรปเข้าเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง จนครั้งหนึ่งจักรวรรดิการอแล็งเฌียงครอบคลุมทั่วยุโรปตะวันตกและยุโรปกลาง ไม่ว่าจะแผ่นดินฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี หรือสเปนในปัจจุบันต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิการอแล็งเฌียง
ช่วงเดียวกันนั้นทางจักรวรรดิก็ก่อตั้งเมืองหลายๆ เมืองขึ้นบริเวณใกล้เทือกเขาพีเรนีส เพื่อเป็นเมืองกันชนสำหรับต้านกองทัพของชาวมุสลิม โดยจัดให้เมืองกันชนเหล่านี้ ขึ้นกับเขตบาร์เซโลนาซึ่งเป็นเมืองบริวารที่ดูแลโดยท่านเคานต์แห่งบาร์เซโลนา ผู้เป็นตัวแทนของจักรวรรดิ ต่อมาก็เรียกเมืองต่างๆ บริเวณนี้รวมกันว่า Catalonia (กาตาลุญญ่า)

จักรวรรดิการอแล็งเฌียงในปี 814 คือบริเวณที่สีเทาชมพูทั้งหมด ตรงที่วงไว้คือเมืองต่างๆ บริเวณเทือกเขาพีเรนีส
เมื่อถึงปี 1137 Ramon Berenguer IV ท่านเคานต์แห่งบาร์เซโลนาในตอนนั้น ก็ตอบตกลงแต่งงานกับเจ้าหญิงเพโทรนิลาพระราชธิดาของกษัตริย์รามิโรที่ 2 แห่งอรากอน จากการแต่งงานทำให้เขตบาร์เซโลนากับราชอาณาจักรอรากอนรวมกันเป็น Crown of Aragon (ราชบัลลังก์แห่งอรากอน) เมืองต่างๆ ในกาตาลุญญ่าก็เปลี่ยนจากการขึ้นต่อเขตบาร์เซโลนาเป็นขึ้นต่อราชบัลลังก์แห่งอรากอน และกลายเป็นเมืองท่าสำหรับกองกำลังทางน้ำของอรากอน
เมืองอรากอนนั้น ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของเทือกเขาพีเรนีส (ก็ใกล้ๆ กับกาตาลุญญ่า) แต่เดิมเคยเป็นเขตเมืองกันชนที่ราชวงศ์การอแล็งเฌียงสร้างมาพร้อมๆ กับเขตบาร์เซโลนา แต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 9 ได้ตกเป็นของราชอาณาจักรนาวาร์เร จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นราชอาณาจักรอรากอนในที่สุด

แผนที่แสดงตำแหน่งกาตาลุญญ่าและอรากอนในปี 1210
Photo Credit: en.wikipedia.org/wiki/File:506-Castile_1210.png
ยุครุ่งเรืองของกาตาลุญญ่า
เมื่อรวมเข้ากับกาตาลุญญ่า อรากอนก็ขยายอาณาจักรไปทั่วทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทำให้เมืองบาร์เซโลนาเองกลายเป็นเมืองสำคัญที่มีทั้งอำนาจและความร่ำรวย ในขณะเดียวกันระบบการปกครองของกาตาลุญญ่าก็ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ กฎหมายที่จะออกจำเป็นต้องผ่านศาลแห่งกาตาลุญญ่าก่อน ถือเป็นรัฐบาลแรกๆ ในยุโรปที่ไม่ให้ราชวงศ์มีอำนาจในการออกกฎหมายโดยตรง
เรียกได้ว่าตั้งแต่รวมกันเป็นเมืองกาตาลุญญ่าขึ้นมาจนถึงตอนนั้น กาตาลุญญ่ามีอัตลักษณ์ของตัวเองชัดเจนมาโดยตลอด มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก มีภาษาและวรรณกรรมเป็นของตัวเอง ระบบการปกครองรวมถึงการจัดเก็บภาษีก็มีวิธีการของตัวเองมาช้านาน

แผนที่แสดงตำแหน่งกัสตียาและอรากอนโดยประมาณเมื่อตอนที่พระราชาและพระราชินีของทั้งสองบัลลังก์แต่งงานกัน
จุดเริ่มต้นของการเป็นส่วนหนึ่งของสเปนในปัจจุบัน
ในปี 1469 กษัตริย์เฟอร์ดินานที่ 2 แห่งอรากอนอภิเษกสมรสกับพระราชินีอิซาเบลล่าที่ 2 แห่งกัสติยา และถือเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศสเปนในปัจจุบัน เพราะดินแดนของฝั่งกัสติยาอยู่บริเวณตอนกลางและทางตะวันตกของประเทศสเปนในปัจจุบัน แต่การแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้รวมทั้งสองราชบัลลังก์เข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์ ฝั่งอรากอนและฝั่งกัสติยายังแบ่งเขตแดนกันอย่างชัดเจน ต่างก็มีระบบการปกครอง รัฐสภา กฎหมาย รวมถึงสภาพสังคมในแบบของตัวเองที่เป็นมานาน พระราชาและพระราชินีต่างก็แยกกันดูแลฝั่งของตัวเองเป็นหลัก
แต่ในช่วง 200 ปีหลังจากนั้น มีสงครามเกิดขึ้นมากมายที่ทำให้สเปนค่อยๆ รวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง กาตาลุญญ่าแพ้หลายต่อหลายครั้ง ครั้งหนึ่งในช่วงสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน กาตาลุญญ่าก่อปฏิวัติเพื่อต่อต้านกองทัพกัสติยาโดยมีฝรั่งเศสหนุนหลัง แต่สุดท้ายสเปนก็ได้กาตาลุญญ่าคืน ไม่นานหลังจากนั้นกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 แห่งสเปนก็สิ้นพระชนม์โดยไม่มีรัชทายาทโดยตรง ฝั่งอรากอนทั้งหมดไม่สนับสนุนว่าที่กษัตริย์ใหม่ทำให้เกิดสงครามชิงบัลลังก์ขึ้น (แต่เมื่อสิบปีก่อนสนับสนุนคนนี้นะ) สุดท้ายฝั่งอรากอนแพ้ พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 ที่เป็นผู้ชนะรู้สึกว่าโดนชาวกาตาลุญญ่าหักหลัง จึงออกกฎหมายล้มเลิกสถาบันทางการเมืองและเอกสิทธิ์รวมถึงอัตลักษณ์ต่างๆ ของเมืองที่ต่อต้านพระองค์ ภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะภาษากาตาลาของชาวกาตาลุญญ่า หรือภาษาอื่นๆ ของฝ่ายที่แท้โดนบังคับให้เลิกใช้ และให้ทุกคนในสเปนใช้เพียงภาษากัสติยาเป็นภาษาหลัก ราชบัลลังก์อรากอนก็ถูกลดให้เป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของราชบัลลังก์กัสติยา
ในช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 กาตาลุญญ่าพัฒนาอุตสาหกรรมจนทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น จนเกิดกระแสชาตินิยมและฟื้นฟูอัตลักษณ์ของกาตาลุญญ่าขึ้นอีกครั้ง เมื่อสเปนเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นแบบสาธารณรัฐในปี 1931 กาตาลุญญ่าก็สามารถปกครองตัวเองได้ในระดับหนึ่ง โดยยังอยู่ภายใต้กรอบกว้างๆ ของสเปน

แผนที่แสดงแคว้นต่างๆ ในปัจจุบันของสเปน
Photo Credit: https://th.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:Ccaa-spain.png
เมื่อกาตาลุญญ่าตกอยู่ใต้การกดขี่อีกครั้ง
แต่ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ก็เกิดสงครามกลางเมืองในสเปนอีกครั้งโดยกองทัพขวาจัดที่ไม่ต้องการให้สเปนเป็นสาธารณรัฐ รัฐบาลเผด็จการของฟรันซิสโก ฟรังโก เป็นฝ่ายชนะและออกมาตรการกดขี่หลายประการ เขาจำกัดภาษา การเมืองและวัฒนธรรมให้เป็นแบบเดียวกันทั่วสเปน อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับความชาตินิยมของกาตาลุญญ่า หรือจะเป็นอะไรที่แสดงความฝักใฝ่ในการปกครองอื่นใดที่ไม่ใช่แบบฟาสซิสต์จะถูกแบนทั้งหมด ฉะนั้นสถาบันการปกครองต่างๆ ของกาตาลุญญ่าก็โดนล้มล้างอีกครั้ง ภาษากาตาลาก็ถูกห้ามใช้อีกรอบ
หลังสงครามคราวนี้ สเปนบอบช้ำทั่วประเทศ แต่ก็เริ่มกลับมาสู่ความปกติเดิมสมัยก่อนสงครามได้ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 สภาพเศรษฐกิจกลับมาดียิ่งกว่าแต่ก่อน โดยส่วนที่ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นได้มากที่สุดคืออุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวที่กาตาลุญญ่า เนื่องจากเดิมเคยเป็นเมืองทางอุตสาหกรรมมาก่อนอยู่แล้ว ก็สามารถดึงแรงงานมาทำงานได้จากทั่วสเปน เมืองบาร์เซโลนาเองก็กลายเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมชั้นนำของยุโรป

บาร์เซโลนา
ความต้องการเป็นเอกราชที่มากขึ้น
หลังฟรันซิสโก ฟรังโก เสียชีวิตในปี 1975 กาตาลุญญ่าจึงโหวตรับรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแห่งสเปนมาใช้ และเป็นหนึ่งใน 17 แคว้นปกครองตนเองของสเปน เมื่อถึงปี 2010 แนวคิดชาตินิยมของกาตาลุญญ่าก็กลับมาแรงอีกครั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสเปนวินิจฉัยให้กำหนดข้อจำกัดเรื่องการอ้างความเป็นชาติของกาตาลุญญ่า ซึ่งเหมือนเป็นการลดทอนอัตลักษณ์อันภาคภูมิของกาตาลุญญ่า ประกอบกับการที่ช่วงนี้เศรษฐกิจของสเปนถดถอยไปมากกกกก กลายเป็นว่ารายได้หลักของประเทศส่วนมากมาจากอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวภายในกาตาลุญญ่า ยิ่งทำให้ชาวกาตาลุญญ่ามีสิทธิในการปกครองตนเองมากขึ้น เพราะเหมือนกับกาตาลุญญ่าต้องมารับผิดชอบดูแลของรัฐบาลกลางไปด้วย จนเหมือนเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว
ในปี 2014 รัฐบาลท้องถิ่นในกาตาลุญญ่าที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนได้จัดทำประชามติและพบว่า 92% ของผู้มาโหวตจำนวน 2.3 ล้านคนสนับสนุนให้กาตาลุญญ่าได้กลายเป็นรัฐ และ 80% ของผู้มาโหวตยังระบุด้วยว่าต้องการให้กลายเป็นรัฐที่เป็นเอกราช จากนั้นรัฐบาลของกาตาลุญญ่าก็พยายามร่างข้อเสนอให้กาตาลุญญ่าแยกตัวจากสเปนให้ได้ภายในปี 2017 แต่รัฐบาลสเปนแย้งว่ากาตาลุญญ่าไม่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะแยกตัวเป็นเอกราช
ส่วนที่กำลังมีข่าวดังในตอนนี้นั้น เป็นผลมาจากการทำประชามติเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมาค่ะ เมื่อชาวกาตาลุญญ่ากว่า 2 ล้านคนโหวตให้กาตาลุญญ่าได้เป็นรัฐเอกราช แต่รัฐบาลสเปนไม่รับรองการออกเสียงครั้งนี้โดยบอกว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

กาตาลุญญ่าที่พร้อมจะแยกตัวออกมาหลายต่อหลายครั้ง
ผลโหวตที่ออกมาหมายถึงอะไร
สำหรับคะแนนโหวตที่ว่าอยากเป็นเอกราช 2 ล้านกว่าคนนั้น ถามว่าเยอะมั้ย อันนี้พูดยากนิดนึงเพราะมีตัวแปรเยอะมากค่ะ สมมติตัวเลขง่ายๆ ว่ามีชาวกาตาลุญญ่าที่สามารถออกเสียงได้อยู่ 5.3 ล้านคน มีผู้ไปออกเสียงประมาณ 2.3 ล้านคนค่ะ ในจำนวนนั้นมีผู้โหวตว่าต้องการเป็นเอกราช 2 ล้านคน โหวตว่าไม่ต้องการเป็นเอกราชประมาณ 0.17 ล้านคน ที่เหลือคือบัตรเสีย ส่วนอีกประมาณ 3 ล้านคนนั้นไม่ได้ลงคะแนนเสียงค่ะ สรุปว่าเกิน 90% ของคนที่ไปโหวต โหวตว่าต้องการเอกราช แต่จำนวนคนที่ไปโหวตทั้งหมด ยังไม่ถึงครึ่งของคนที่มีสิทธิโหวตในกาตาลุญญ่า
ทีนี้มาดูกันต่อว่า ทำไมเกินครึ่งถึงไม่ลงคะแนนเสียง มีเหตุผลหลักๆ อยู่ 2 ข้อค่ะ
1. ตำรวจปิดหรือขัดขวางหลายจุดลงคะแนนเสียง ทำให้ลงคะแนนเสียงไม่ได้ (แต่ข้อนี้ฝั่งรัฐบาลสเปนก็แย้งว่าทางผู้จัดให้มีการลงคะแนนเสียงนั้น มีกฎว่าไปลงคะแนนที่จุดลงคะแนนไหนก็ได้นี่ ถ้าจุดแถวบ้านปิดก็ไปลงจุดอื่นสิ)
2. ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแยกตัวเป็นเอกราชหลายคนมองว่า รัฐบาลสเปนบอกว่านี่เป็นการลงคะแนนที่ผิดกฎหมายและไม่ส่งผลอะไร ก็เลยไม่รู้สึกว่าต้องจำเป็นไปลงคะแนนกัน เลยไม่ไปซะเลย
ต่างฝ่ายต่างก็ประมาณตัวเลขแตกต่างกันไปว่าถ้าไม่มีปัญหาตำรวจขัดขวาง หรือคนไปโหวตทุกคน คะแนนจะออกมายังไง (ต่างฝ่ายต่างก็ประมาณตัวเลขออกมาแบบเข้าข้างตัวเอง)

สถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลในแคว้นกาตาลุญญ่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้หลักของสเปน
ข้ออ้างทางเศรษฐกิจที่ทำให้อยากได้รับเอกราชเป็นจริงแค่ไหน
เหตุผลหลักที่อยากแยกออกมาคือกาตาลุญญ่ามีเชื้อชาติ วัฒนธรรม ภาษา และประวัติศาสตร์ของตัวเองที่แตกต่างมาช้านานแล้ว แต่อีกเหตุผลที่สำคัญในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ที่กาตาลุญญ่ารู้สึกเหมือนตัวเองต้องเลี้ยงดูคนทั้งประเทศ ทั้งที่รายได้หลักๆ มาจากกาตาลุญญ่ามากกว่าที่อื่น มาดูกันว่าจริงมั้ย
กาตาลุญญ่าเป็นแคว้นที่ทำรายได้จากสินค้าส่งออกได้มากที่สุดในสเปนค่ะ ในปี 2016 ทำรายได้ส่งออกไปกว่า 65,000 ล้านยูโร ในขณะที่แคว้นที่ส่งออกมากเป็นอันดับ 2 และ 3 อย่างวาเลนเซียและมาดริด ทำรายได้ไปแคว้นละไม่ถึง 30,000 ล้านยูโร เรียกว่าสองอันดับนั้นรวมกันยังทำได้ไม่เท่ากาตาลุญญ่าเลย
แต่ในทางกลับกันรัฐบาลสเปนก็บอกว่าถึงกาตาลุญญ่าจะทำรายได้สินค้าส่งออกให้กับประเทศได้มากที่สุด แต่กาตาลุญญ่าเป็นแคว้นที่มีหนี้กับรัฐบาลส่วนกลางไม่ใช่น้อยๆ ตัวเลขจากแบงค์ชาติของสเปนในเดือนมิถุนายน 2017 ที่ผ่านมาระบุว่า กาตาลุญญ่าเป็นหนี้รัฐบาลกลาง คิดเป็น 35.4% ของ GDP และถือเป็นแคว้นที่มีหนี้มากเป็นอันดับ 3 ของประเทศด้วยค่ะ หากกาตาลุญญ่าเป็นเอกราชตอนนี้ รัฐบาลกลางก็กลัวว่าจะไม่ช่วยรับผิดชอบในการใช้หนี้ให้กับประเทศ
ตอนนี้ยังไม่น่ามีบทสรุปที่ชัดเจนออกมาว่าจะอะไรยังไงต่อไป แต่ตอนนี้ชาวกาตาลุญญ่าก็รณรงค์ส่งเสริมแนวคิดชาตินิยมภายในแคว้นอยู่ค่ะ โดยสนับสนุนให้ใช้ภาษากาตาลันกันมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันที่เมืองหลวงของแคว้นอย่างบาร์เซโลนาจะนิยมใช้ภาษาสเปนเป็นหลักมากกว่า แต่สื่อและระบบการศึกษาก็จะเน้นให้ใช้ภาษากาตาลันกันมากขึ้น สถานการณ์จะเป็นยังไงต้องติดตามกันต่อไปค่ะ
0 ความคิดเห็น