‘หยก’ กับชีวิตการเรียน “แพทย์แผนจีน” ใน ม.เซี่ยงไฮ้ ที่ทำให้รู้ว่าจีนศิวิไลซ์กว่าที่คิด!

        สวัสดีค่ะชาว Dek-D ถ้าใครเคยติดตามซีรี่ส์ “แดจังกึม” หรือ “หมอโฮจุน” น่าจะพอจำเรื่อง “การฝังเข็ม” ได้ใช่มั้ยคะ ^^ ศาสตร์การรักษาของชาวจีนนี้ดูมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อสำหรับหลายคนมากๆ อย่างสาวที่เราจะพาไปพุดคุยกันในวันนี้ เธอเล่าว่าตนฝันอยากไปประเทศจีนตั้งแต่เด็กๆ ประกอบกับอยากฝังเข็มได้เหมือนในซีรี่ส์ พอมาเจอทุน “คณะแพทย์แผนจีน” ของ ม.เซี่ยงไฮ้จึงรีบลุยทันที ถ้าใครสนใจสาขานี้หรือสนใจเรียนต่อประเทศจีน นี้อาจช่วยให้น้องๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก็ได้นะคะ ^^
 

เพราะ “แดจังกึม” กับ “หมอโฮจุน” เป็นเหตุ
 
        “สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘หยก’ จุฑามาศ คำเหลา อายุ 24 ปี ได้ทุน Shanghai municipal government scholarship B (Partial scholarship) ไปเรียนคณะแพทย์แผนจีนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ค่ะ ทุนนี้เป็นทุนรัฐบาลตามเมือง ครอบคลุมค่าเทอมและค่าประกัน”


 
        “เราฝันอยากไปจีนมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว และตอนนั้น ‘แดจังกึม’ กับ ‘หมอโฮจุน’ กำลังดัง เราดูแล้วอยากฝังเข็มได้เหมือนเค้าบ้างค่ะ 5555 ตอนแรกเราเลือกเรียนแพทย์แผนจีนที่ ม.หัวเฉียว พอเข้าไปแล้วต้องเรียนภาษาจีนก่อน 1 ปี จุดเปลี่ยนคือเพื่อนไปเจอทุนในเว็บไซต์แพทย์แผนจีนที่ ม.เซี่ยงไฮ้ เลยมาชวนเราสมัครด้วย ปรากฏว่าติดคู่ค่ะ การเรียนภาษาที่หัวเฉียว 1 ปีช่วยได้มาก เพราะการขอทุนเราต้องยื่น HSK ระดับ 4 ขึ้นไป
 
        “ตอนขอทุนเค้าจะดูเกรด ม.ปลายของเราด้วย และเราต้องเขียน Study Plan เป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษว่า อนาคตเราจะทำอะไร ทำไมถึงอยากเรียนที่นี่”
 
        เราเคยปรับพื้นฐานและสอบวัดระดับมาแล้ว พอไปถึงเราต้องเหนื่อยเรื่องภาษารึเปล่า? “เรื่องภาษาไม่ยากค่ะ สามารถพูดคุยได้ระดับสื่อสาร แต่ยังพูดเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ ต้องค่อยๆ ปรับกันไปค่ะ ที่มหา’ลัยจะมีวิชาเสริมภาษาให้เรียนตอนปี 1-2 ด้วย และถ้าใครยังไม่ได้ภาษา เค้าจะมีหลักสูตรให้เรียนภาษาที่มหา’ลัยครึ่งปี ถ้าสอบวัดระดับได้ก็ขึ้นเรียนปี 1 และมีหลักสูตรภาษาเซี่ยงไฮ้ให้เราเรียนด้วย วิชานี้ไม่ได้บังคับ แต่จะมีประโยชน์ถ้าเกิดไปฝึกงานตามโรงพยาบาล แล้วมีชาวบ้านมาพูดภาษาถิ่นกับเรา”



 
เรียนแบบไม่ทิ้งแพทย์แผนปัจจุบัน + ฝึกงานทุกปี
 
        หยกอธิบายภาพรวมของแพทย์แผนจีนให้ฟังกว้างๆ ว่า “แพทย์แผนจีนจะเน้นแนวสุขภาพบำบัด ไม่ได้รักษาเป็นโรคๆ แต่แบ่งตามภาวะของโรค โดยยึดทฤษฎีความสมดุลของหยินหยางเป็นหลัก เช่น ร้อน-เย็น แล้วซอยย่อยเข้าไปอีก ดูจากองค์รวมของร่างกาย บางครั้งนำมาใช้ปรับสมดุลโรคได้ และซับซ้อนตรงที่อารมณ์ก็เกี่ยวข้องกับโรคด้วย”
 
        “ยกตัวอย่างการฝังเข็ม ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ช่วยคลายกล้ามเนื้อโดยไม่ต้องกินยาให้มันสะสมในร่างกาย บางทีเค้าเห็นเป็นทางเลือกสุดท้ายแหละ ลองมาวัดดวงกับแพทย์แผนจีนดู มีหายบ้างไม่หายบ้าง หรือบางครั้งเอามารักษาควบคู่กับแผนปัจจุบัน เช่น ทำให้ร่างกายสู้กับการทำคีโมต่อไปได้”


 
        “การเรียนแพทย์แผนจีนที่นี่ 1 ปีแบ่งออกเป็น 3 เทอม และฝึกงานเทอม 3 ของทุกปี แต่ละเทอมจะระยะเวลาสั้นหน่อย แต่มีวันหยุดให้เรากลับบ้านได้ค่ะ ตอนปี 1 เรียนพื้นฐานแพทย์แผนจีน การวินิจฉัยโรคจากอาการของผู้ป่วย เรียน Anatomy มีผ่าตัดอาจารย์ใหญ่ด้วยนะ ในปีแรกนี้เราได้ฝึกงานตามโรงพยาบาลเพื่อสร้างความคุ้นเคยและเปิดหูเปิดตาค่ะ”
 
        ปี 2 เน้นเรื่องยาจีนทั้งหมด ต้องท่องตัวยาและตำรับยา (เอายาทุกอย่างมารวมกัน) มันจะแอดวานซ์มากขึ้น เจอศัพท์เฉพาะที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน และไม่มีในดิกชันนารี การฝึกงานของปี 2 คือเรียนรู้การเป็นหมอ 1 เดือน”
 
        ปี 3 เรียนอายุกรรมแพทย์จีน และเรื่องแพทย์แผนปัจจุบันว่าการวินิจฉัยแบบปัจจุบันเค้าทำกันยังไง ม.เซี่ยงไฮ้จะไม่ทิ้งแพทย์ปัจจุบันไป แต่เน้นเรียนผสมผสาน เพราะถ้าเราสันนิษฐานโรคใดโรคหนึ่ง อาจต้องพึ่งพาแพทย์ปัจจุบันด้วยค่ะ
 
        ปี 4 เรียนวิชาภายนอก เช่น สูตินารี โรคเด็ก โรคกระดูก โรคผิวหนัง การฝังเข็ม การอ่านเอ็กซเรย์ อายุกรรมภายในและภายนอก เทียบกับโรคแพทย์จีนว่าเค้าเรียกกันแบบนี้ๆ นะ
 
        ปี 5 ฝึกงานที่โรงพยาบาล 1 ปีเต็มๆ วนตามแผนก พอไปถึงเราได้ช่วยเหลืออาจารย์ที่อาจจะให้ช่วยถอนหรือฝังเข็ม งานที่ให้ฝังจะหนักมากค่ะ จากนั้นจะวนตามแผนกสูติ เด็ก กระดูก ผิวหนัง ฯลฯ อย่างละ 1 เดือน เผื่อบางคนที่อยากต่อ ป.โท จะได้รู้ว่าตัวเองโอเคกับแผนกไหน”


 
        หยกเล่าปัญหาที่เจอตอนฝึกงานว่า “ถ้าเจอภาษาเซี่ยงไฮ้เราจะเอ๋อหนักมาก คนไข้บางคนก็มีพฤติกรรมแปลกๆ จนอาจารย์หมอถึงกับไม่ไหวเลยค่ะ และอีกข้อจำกัดนึงคือเรื่องกฎหมาย ถ้ายังไม่มีใบประกอบ เค้าจะไม่กล้าให้เราทำอะไรมาก เพราะจะอันตรายกับผู้ป่วยของเค้า อันนี้ขึ้นอยู่กับความเคร่งของอาจารย์และโรงพยาบาลด้วยนะคะ”

 
วิชาโปรด VS วิชาชวนปวดใจ
 
        “วิชาที่ชอบสุดคือ 'วิชาฝังเข็ม' ค่ะ เราได้เรียนเรื่องจุด จุดนึงรักษาได้หลายโรคมากนะ เช่น จุดระหว่างหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ เราเอามา mix กับจุดอื่นตามเส้นลมปราณได้ และถ้าปวดหัวก็ฝังเท้าฝังมือได้เหมือนกัน บางทีเรื่องฝังเข็มต้องอาศัยประสบการณ์จริงๆ ค่ะ ในวิชานี้เราได้ฝึกเยอะมาก อาจารย์จะให้เราทดลองกับเพื่อนว่าความรู้สึกตอนลงเข็มเป็นยังไง เรียนจบจะได้แผลเป็นช้ำๆ ตามจุด แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวนะ อาจารย์คอยคุมตลอด 555”
 
        “ส่วนวิชาที่ไม่ชอบเลยคือ ‘วิชาคัมภีร์โบราณ’ ภาษาจีนว่ายากแล้ว มาเรียนภาษาโบราณของเค้าอีก ตายเถอะเรา T_T และหลังจากฝึกงานมา แผนกที่เราคิดว่ายากที่สุดคือ แผนกรูมาตอยด์ค่ะ เพราะโรคในแผนกนี้จะมีค่าผลแล็บที่ต้องจำให้ได้ว่ามีอะไรบ้าง และต้องรักษาควบคู่ไปกับการให้ยาแผนปัจจุบัน”





 
เส้นทางอนาคตของแพทย์แผนจีน

        "สามารถทำงานตามโรงพยาบาลที่มีแผนกนี้ได้ เปิดคลินิกเองได้ ถ้าเป็นโรงพยาบาลหัวเฉียวก็ทำได้หลายแผนกเลยค่ะ (ส่วนใหญ่รับปริญญาโทนะ) แต่ใช่ว่าโอกาสตกงานจะไม่มีเลยนะ เพราะเด็กจบใหม่เยอะ แล้วแหล่งทำงานยังไม่บูมเท่าไหร่ บางคนจบมาผันตัวไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย"

 
บ้านเมืองศิวิไลซ์ต่างจากที่คิด
 
        “ภาพเมืองจีนผิดไปจากที่เราคิดมากๆ เราได้มาอยู่เมืองที่เจริญและค่อนข้างสะอาด ในเซี่ยงไฮ้ทุกอย่างดูเร่งรีบ รถเมล์เป็นระบบ แผนที่การเดินเท้าเป๊ะ และคนส่วนใหญ่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าค่ะ ถึงจะหลงทางยังไงถ้าเจอป้าย BTS = รอดแล้ว”




 
        ส่วนเรื่องผู้คน คนเซี่ยงไฮ้ยิ้มแย้มและมีน้ำใจกับชาวต่างชาติมากๆ บางทีแค่คุยกับแม่ค้าในตลาด คุยไปคุยมาแถมของให้เราเลย ที่สำคัญคือคนมีระเบียบขึ้นมาก คนไม่ยืนรอลิฟต์กันสะเปะสะปะ ในรถไฟใต้ดิน ถึงไม่ได้นั่งตรงที่สำรองของคนชรา แต่พอมีคนแก่ขึ้นมาเค้าก็ลุกให้ เมื่อก่อนคนจีนไม่ใช่แบบนี้”
 
        แต่เธอไม่ได้ปฏิเสธว่าคนจีนบางส่วนเป็นแบบที่คนไทยเข้าใจนั่นแหละ “มีมนุษย์ป้าที่อยู่ๆ มาแทรกแถวหน้าตาเฉย คนส่วนใหญ่คุยเสียงดังแบบเอ็ดตะโรมากๆ บนรถเมล์ถึงกับเขียนป้ายบอกให้ ‘คุยเบาๆ’ ด้วย”


 
        สุดท้ายนี้สาวนักเรียนทุนได้ทิ้งท้ายด้วยการชวนน้องๆ มาเปิดประสบการณ์ที่เมืองจีนค่ะ เพราะบ้านเรามีคนจีนมาเที่ยวหรือทำธุรกิจค้าขายกันเยอะ การรู้ภาษาจีนจะเพิ่มโอกาสในการทำงานให้น้องๆ ได้อีกเยอะเลย ^^ 
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

pornnee Member 5 ต.ค. 61 14:49 น. 1

(คหสต.) - บรรยากาศเมืองเซี่ยงไฮ้ สวยงาม ผู้คนน่ารัก ไคว่ตี้(รถส่งของจากtaobao)มาตลอด อาหารก็อร่อย โดยเฉพาะเสี่ยวหลงเปา ยิ่งตอนเย็นยิ่งคึกคักเต็มไปด้วยของกิน - ในส่วนเรื่องเรียน แพทย์แผนจีน นั้น ที่จีนเนื้อหาดีสอนดีเพราะจะคู่กับเนื้อหาหมอปัจจุบัน แต่จงอย่าลืมว่า เรียนจบแล้วก็อยากจะมีงานทำ ครอบครัวก็ต้องคาดหวัง - ถ้ามีเงินทุนดี เรียนเก่ง รู้จักเส้นสายก็รอด เพราะมีงานทำ - ถ้าเรียนแล้วอยากจะมีงานทำออกมาเลยคงยาก ยิ่งจบใหม่ๆตอนนี้ยิ่งหางานยาก เพราะคนจบมาเยอะพอสมควร แถมไม่มีรองรับตามงานโรงพยาบาลทั่วประเทศ ไม่มีตำแหน่งในรพ.รัฐ ซึ่งขึ้นอยู่กับผอ.โรงพยาบาล แล้วไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ปีถึงมีตำแหน่งบรรจุอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ - จบป.โทบางที่ก็รับทำงานแต่ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัย ไม่ได้ขัดขวางความฝัน แต่อยากให้มองความเป็นจริงหลังจากเรียนจบ เพราะที่เสียไปทั้งเวลาและเงินที่ครอบครัวหามาทั้งชีวิต

0
กำลังโหลด

5 ความคิดเห็น

pornnee Member 5 ต.ค. 61 14:49 น. 1

(คหสต.) - บรรยากาศเมืองเซี่ยงไฮ้ สวยงาม ผู้คนน่ารัก ไคว่ตี้(รถส่งของจากtaobao)มาตลอด อาหารก็อร่อย โดยเฉพาะเสี่ยวหลงเปา ยิ่งตอนเย็นยิ่งคึกคักเต็มไปด้วยของกิน - ในส่วนเรื่องเรียน แพทย์แผนจีน นั้น ที่จีนเนื้อหาดีสอนดีเพราะจะคู่กับเนื้อหาหมอปัจจุบัน แต่จงอย่าลืมว่า เรียนจบแล้วก็อยากจะมีงานทำ ครอบครัวก็ต้องคาดหวัง - ถ้ามีเงินทุนดี เรียนเก่ง รู้จักเส้นสายก็รอด เพราะมีงานทำ - ถ้าเรียนแล้วอยากจะมีงานทำออกมาเลยคงยาก ยิ่งจบใหม่ๆตอนนี้ยิ่งหางานยาก เพราะคนจบมาเยอะพอสมควร แถมไม่มีรองรับตามงานโรงพยาบาลทั่วประเทศ ไม่มีตำแหน่งในรพ.รัฐ ซึ่งขึ้นอยู่กับผอ.โรงพยาบาล แล้วไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ปีถึงมีตำแหน่งบรรจุอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ - จบป.โทบางที่ก็รับทำงานแต่ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์ตามมหาวิทยาลัย ไม่ได้ขัดขวางความฝัน แต่อยากให้มองความเป็นจริงหลังจากเรียนจบ เพราะที่เสียไปทั้งเวลาและเงินที่ครอบครัวหามาทั้งชีวิต

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด