สวัสดีค่ะชาว Dek-D พบกับคอลัมน์ “เด็กพลังบวก” ที่จะพาน้องๆ ไปค้นหาแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นเจ๋งๆ ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และทำกิจกรรมเพื่อตัวเองและสังคมกันค่ะ
ไม่กี่วันมานี้หลายคนน่าจะเห็นข่าวตำรวจหนุ่มจบใหม่ที่กลายเป็นประเด็นฮอตบนหน้าสื่อ เพราะเขาคือหนึ่งในทีมเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหากระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ และร่วมกับปล้นทรัพย์ โดยผู้ต้องหาถูกออกหมายจับตั้งแต่ปี 2541 และคดีความจะหมดในต้นเดือนหน้า ความพีคก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจนายที่ว่านี้ ก็คือลูกชายแท้ๆ ของผู้ที่เคยถูกผู้ต้องหาคนดังกล่าวฆ่านั่นเองค่ะ โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นขณะที่ตำรวจคนนี้ยังอยู่ในครรภ์มารดา ฟังดูเหมือนพล็อตนิยาย แต่ยืนยันได้ว่านี่เรื่องจริงนะ! เดี๋ยวเราไปพูดคุยถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเป็นตำรวจ พร้อมทั้งพูดคุยเกี่ยวกับการสืบสาวราวเรื่องแปลกแต่จริงจากปากของเจ้าตัวกันค่ะ!
แนะนำตัว
“สวัสดีครับ ชื่อ ‘อาร์ม’ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ อายุ 21 ปี ปัจจุบันเป็นผู้บังคับหมู่ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ครับ”
อยากเป็นตำรวจเพราะ “ชอบเครื่องแบบ” และ “สานฝันของพ่อ”
สำหรับตำรวจหนุ่มคนนี้เพิ่งเรียนจบสดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเองค่ะ อาร์มเล่าให้ฟังว่าเหตุผลที่เขาอยากเป็นตำรวจไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีเมื่อ 20 ปีก่อนแต่อย่างใด “ผมเริ่มอยากเป็นตำรวจกับทหารตั้งแต่ช่วง ม.2 - ม.3 เลยครับ เหตุผลเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปคือเครื่องแบบเท่มาก แต่พอจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารก็ดันอายุเกิน เรียนทหารนายร้อยไม่ได้ เลยมาเรียนตำรวจแทน อีกอย่างคือคุณแม่เล่าให้ฟังตอนผมอายุ 15-16 ว่า คุณพ่ออยากให้ผมโตมาเป็นตำรวจ เพราะท่านชอบอยู่แล้วครับ แต่คุณสมบัติไม่ครบเลยเรียนไม่ได้”
“พอได้ยินคุณแม่เล่าแบบนั้น ผมเลยไปสอบโรงเรียนจ่าอากาศ แต่ไม่ติด พออีก 2 ปีผมไปสอบโรงเรียนนายสิบทหารบก แล้วก็ไม่ติดอีก เพราะผมเองเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือเลยยย อยากเป็นแต่ไม่ตั้งใจเลยครับ สุดท้ายรอจนได้วุฒิ ม.6 แล้วลองตั้งใจอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลา 1 เดือน จำได้เลยว่าก่อนสอบตำรวจเป็นวันที่ในหลวง ร.9 สวรรคตพอดี ยิ่งทำให้ผมรู้สึกยิ่งอยากอ่านหนังสือสอบเข้าให้ได้ เพื่อสานความตั้งใจของเราให้สำเร็จซักที จะได้เป็นหนึ่งกำลังเล็กๆ พัฒนาชาติเราตามรอยเท้าพระองค์ท่านครับ พยายามหาแรงบันดาลใจตลอด ทั้งฟังเพลงมาร์ชโรงเรียนตำรวจ ทหาร เพลงเกี่ยวกับในหลวง ช่วยได้เยอะครับ คุณพ่อผมก็มีส่วนด้วย ^^”
บังเอิญเจอคนร้ายเพราะอยู่ใกล้บ้าน!
"พอจบออกมา ผมรับผิดชอบคดีเกี่ยวกับยาเสพติด จริงๆ คดีที่ต้องดำเนินการมีเป็นพัน และคดีคุณพ่อผมเป็น 1 ในนั้น ซึ่งตัวผู้ต้องหาเองมีหมายจับออกมาตั้งแต่ปี 41 และมีคนทำอยู่ตลอดครับ คดีไม่ได้ถูกทิ้งไปอย่างที่เป็นข่าว แค่ไม่มีข้อมูลที่จะไปเจอตัว” พี่ขอเล่าเพิ่มเติมโดยอ้างอิงจากเนื้อข่าวว่าหลังจาก “นายบุญฤทธิ์” ผู้ต้องหาถูกออกหมายจับ เขาก็หลบหนีและไม่ทำบัตรประชาชนอีกเลยค่ะ ดังนั้นการตามตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
แล้วอาร์มสืบสาวราวเรื่องยังไงในเมื่อผ่านมานานมากแล้ว? “ผมเปิดเผยได้แค่ว่า มันป็นเทคโนโลยีของกองบังคับการตำรวจครับ บอกได้แค่นี้จริงๆ”
"ผมเก็บข้อมูลทำคดีนี้มา 2 เดือน หลักๆ รับผิดชอบการวางคนตามจุดในหมู่บ้านว่าคนร้ายไปไหนมาไหนบ้าง แต่ครั้งสุดท้ายที่เจอตัวคือตัวผมไปเจอเอง เพราะคนร้ายอยู่ใกล้บ้านพอดี ส่วนปัญหาที่เจอก่อนหน้านี้คือ คนร้ายไปเรื่อยๆ ไม่อยู่กับที่เลยครับ” แล้วจริงรึเปล่าที่ข่าวบอกว่า คนร้ายพัวพันกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่? “อันนี้ไม่จริงครับ”
ช่วงที่คดีใกล้หมดอายุความ เรารู้สึกกดดันรึเปล่า? “กดดันนะ กลัวไปแล้วไม่เจอผู้ต้องหา เดี๋ยวเค้าจะหนีหายไปเลยรึเปล่า พอถึงเวลาจับได้เค้าก็ยังปฏิเสธเรื่อยๆ อยู่จนถึงตอนนี้ยังไม่รับสารภาพเลย รอสู้ในชั้นศาลครับ ผมเองก็แค่จับตามหมายจับ ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ ผมเองก็หมดหน้าที่แล้ว”
การเรียนตำรวจที่เหนื่อย แต่สนุกและประทับใจ
พอเห็นตำรวจจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีสำเร็จแล้วทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น คงมีน้องๆ หลายคนอยากสวมเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แบบนี้บ้าง อาร์มเล่าภาพรวมการเรียนตำรวจให้ฟังว่า “ตำรวจเรียนไม่ยากนะ แต่ผมไม่มีแรงจะเรียนมากกว่า เพราะตื่นมาวิ่งตั้งแต่ตี 5 ฝึกวินัย ได้ออกกำลังกายอยู่บ่อยๆ พอเข้าเรียนก็นั่งหลับเพราะเหนื่อย 5555 ก่อนสอบต้องรีบอ่านหนังสือครับ ส่วนการฝึกที่หนักสุดคือ การฝึกพิทักษ์สันติช่วงเดือนสุดท้าย ฝึกทั้งเดือนแต่เข้าป่าแค่ 3-4 วัน ไม่ได้อาบน้ำเลย ฝึกเหมือนทหาร”
ทิ้งท้ายด้วยคำถามว่า การเรียนตำรวจสอนให้อะไรที่มากกว่าความรู้ในวิชาชีพ? “สอนให้อดทนต่อความเจ็บใจครับ ตัวอย่างเช่นเวลาตั้งด่านจับยาเสพติด คนเค้าก็จะด่ากัน ตำรวจบางคนอาจทนไม่ได้กับตรงนี้ครับ และอยากบอกน้องๆ ว่าถ้าเข้ามาเรียนตำรวจจะได้เจอกับความประทับใจ เราจะได้เจอทั้งเพื่อนแลกครูฝึกหลายรูปแบบเลย มันสนุกมาก ออกมาแล้วมีเรื่องเล่าไปตลอดชีวิตแน่นอน”
ถึงแม้รายละเอียดข่าวจะคลาดเคลื่อนจากความจริงที่ตำรวจหนุ่มคนนี้ไปบ้าง แต่สิ่งที่แน่นอนคือหนุ่มคนนี้ต้องภาคภูมิใจแน่นอน เพราะเขาได้ทำทั้งหน้าที่ตำรวจและหน้าที่ของคนเป็นลูกได้ยอดเยี่ยมเลยค่ะ สำหรับน้องๆ คนไหนที่อนาคตอยากสวมเครื่องแบบเท่ๆ และทำหน้าที่รับใช้สังคมแบบนี้บ้าง อยากให้ลองศึกษาเรื่องคุณสมบัติและตั้งใจสอบเข้าให้ดีๆ เพราะแม้แต่อาร์มเองก็เคยพลาดสอบไม่ติดหลายรอบ แต่ฮึดอ่านหนังสือจนทำตามความฝันได้อย่างทุกวันนี้ค่ะ ^^
อย่าลืมย้อนอ่านเด็กพลังบวกคนก่อนนะคะ ><






3 ความคิดเห็น
จากข่าวนี้บ่งบอกได้ถึงคุณภาพและความบกพร่องในการทำงานของตำรวจไทยได้เป็นอย่างดี
ต้องให้ลูกหลานของผู้เสียหาย/ผู้เสียชีวิต/เหยื่อในคดีที่ยังค้างคาตามจับคนร้ายไม่ได้
หรือกำลังหมดอายุความต้องมาทำคดีแทน
ประชาชนไม่เคยคิดว่าตำรวจไม่ดีนะ แต่ตำรวจบางคนชอบทำตัวไม่ดีให้ประชาชนด่า มันเข้าทาง "ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง" หน่วยงานที่ควรมีแต่คนดีแต่ดันมีคนชั่วทำงานอยู่ด้วย ไม่แปลกหรอกที่จะต้องอดทนต่อคำต่อว่า