สวัสดีค่ะชาว Dek-D ช่วงนี้ปัญหา #ฝุ่นละออง กำลังมาแรงมากกก ประชาชนต่างพากันตื่นตัวและหาวิธีดูแลตัวอย่างให้ปลอดภัยที่สุด ในระหว่างที่เรากำลังรอดูมาตรการที่เด็ดขาดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหมือนที่ประเทศอื่นเขาทำกัน เราจะขอพาน้องๆ มารู้จักฝุ่นที่รวมตัวกันหนาเตอะเป็นหมอกตอนนี้ พร้อมหาคำตอบว่าเราควรดูแลตัวเองอย่างไรให้ได้ผลกระทบจากฝุ่นนี้น้อยที่สุด ถ้าพร้อมแล้ว สวมหน้ากากตามมาค่ะ!
ร้องไห้มะ ชีวิตเหนื่อยจะตายต้องมาสู้กับฝุ่นอีกกกกกกกก เปรียบเทียบกันไปเลยย #ฝุ่นกรุงเทพ #ฝุ่นละออง #ฝุ่นละอองขนาดเล็ก pic.twitter.com/9hVndrVHwC
— Nttch (@NattachaCH) January 14, 2019
ฝุ่น PM2.5 ที่ขนจมูกก็ไม่อาจต้านทานไหว
ฝุ่น PM2.5 = ฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอนลงไป ถ้าเทียบให้เห็นภาพคือเล็กกว่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมคน เล็กจนขนจมูกของเราก็ไม่สามารถกรองได้ (ขนจมูกกันได้แค่ PM10 เท่านั้น) ทำให้น้องฝุ่นจิ๋วเหล่านี้สามารถฝ่าด่านเข้าสู่ปอด ทางเดินหายใจ เส้นเลือดฝอย และกระจายตัวไปตามอวัยวะต่างๆ เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง
ส่วนเหตุผลที่เราเห็นภาพหมอกฝุ่นหนาเตอะบดบังทัศนวิสัยเหมือนโดนใส่ฟิลเตอร์แต่งภาพแบบนี้ เป็นเพราะเราเผชิญกับ “สภาพอากาศปิด” ที่มีหมอก แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึงพื้น ฝุ่นละอองขาดแรงผลักตัวให้ลอยสูงขึ้น และต้องมาสะสมอยู่ในอากาศเป็นปริมาณมาก + ไม่มีฝนช่วยชะล้างฝุ่น (แต่ตอนนี้เริ่มมีฝนตกแล้ววว T____T)
ที่มาของฝุ่นชนิดนี้มีหลายแหล่งมาก หลักๆ คือเกิดจากการเผาไหม้สารที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ เช่น การที่รถยนต์ใช้น้ำมันและเผาไหม้ระบายจากท่อไอเสีย (ร้อยละ 90 ของควันดำมีขนาดเล็กกว่า 1 ไมครอน) โรงงานอุตสาหกรรมเผาไหม้เชื้อเพลง การเผาไหม้ขยะ ฯลฯ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยค่ะที่คนในโซเชียลจะแซะรถที่ปล่อยควันดำอย่างหนักหน่วง
Photo Credit: กรมอนามัย
บางคนอาจสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าทุกวันนี้อากาศดีหรือแย่? เราสามารถวัดได้จาก "ดัชนีอากาศ" (Air Quality Index :AQI) ซึ่งจะสูงต่ำกันในแต่ละพื้นที่ อย่างบ้านเราหลายๆ จุดก็ถือว่าทั้งเกินมาตรฐานและเลยไปถึงขั้นวิกฤตแล้วค่ะ ช่องทางตรวจสอบง่ายๆ แบบเรียลไทม์คือเว็บไซต์ https://aqicn.org/city/bangkok/ หรือแอปพลิเคชั่นที่วัด AQI โดยเฉพาะ เช่น AirVisual
แล้วสีหรือข้อความที่ปรากฏ สามารถตีความสภาพอากาศได้ยังไงบ้าง? ตรงนี้เราสามารถเช็กได้ตามตารางข้อมูล "ดัชนีอากาศ" จากกรมควบคุมมลพิษต่อไปนี้ค่ะ ^^
สูดหายใจเข้าไป...ใครว่าเรื่องเล็ก?
ความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคนและปริมาณที่ร่างกายรับมลพิษเข้าไป อาการที่เห็นกันบ่อยๆ คือการไอหรือจาม แสบจมูก หายใจติดขัด แน่นหน้าอก หากเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่กำลังเป็นโรคทางเดินหายใจ คนอายุมาก เด็กเล็กที่ร่างกายยังพัฒนาไม่เต็มที่ อาจเกิดโรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนล่างได้ และแพทย์ศิริราชยังเตือนว่า หญิงตั้งครรภ์และเด็กไม่ควรออกจากบ้านไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสีแดง
ส่วนโรคอื่นๆ ที่มีโอกาสเกิดได้ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคมะเร็งปอด, โรคหัวใจขาดเลือด, โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหลอดเลือดในสมอง, โรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนล่างฯลฯ โดยเว็บไซต์ GreenPeace ยังระบุอีกว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดอย่างเป็นทางการให้ PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็งในปี 2556 อีกด้วย!
สวมหน้ากากที่ป้องกันได้ผลจริงๆ (อย่าแคร์สายตาคนรอบข้างเลย)
ช่วงที่ฝุ่นโหมกระหน่ำแบบนี้ หลายคนเดินเข้าร้านค้าแล้วซื้อ “หน้ากากอนามัยธรรมดา” ซอฟต์ๆ มาใส่ บอกเลยว่ามันอาจจะช่วยกรองฝุ่นขนาด PM2.5 ได้ไม่มากเท่าที่ควร หากเป็นหน้ากากที่ป้องกันได้ผลจะต้องเป็น “ผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ” ที่ไว้ป้องกันมลพิษทางอากาศที่เป็นภัยต่อระบบทางเดินหายใจและร่างกาย สำหรับชนิดที่หาได้ง่ายและฮิตจนขาดตลาดในขณะนี้คือ หน้ากาก N95
หน้ากาก N95 จะหนาและป้องกันฝุ่นขนาด 0.1-0.3 ไมครอนได้ 95% (ฝุ่น PM2.5 เล็กกว่า 2.5 ไมครอน) และอีกคุณสมบัติที่ทำให้กันฝุ่นได้ดีกว่าหน้ากากธรรมดา ก็คือการที่เราสามารถสวมมันได้แนบสนิทชิดใบหน้านั่นเองค่ะ ด้วยเหตุนี้ N95 แบบเดิมๆ อาจทำให้อึดอัดหรือหายใจลำบากไปบ้าง เขาจึงแนะนำให้ซื้อหน้ากาก N95 แบบมีวาล์วเปิด-ปิดที่ช่วยให้หายใจสะดวกกว่า แต่ราคาก็จะแพงกว่าตามไปด้วย (***แต่หากเรามีปัญหาโรคหัวใจหรือโรคปอด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้หน้ากากชนิดนี้นะคะ)
แหล่งซื้อ ร้านขายยา ร้านวัสดุก่อสร้าง ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงร้านค้าออนไลน์ (กรุณาตรวจสอบเรื่องความน่าเชื่อถือก่อนนะคะ)
ราคา ราคามีตั้งแต่ 30-80 บาท แล้วแต่ยี่ห้อและออปชั่นเสริมต่างๆ (เช่น วาล์วที่ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น) ทั้งนี้ หน้ากาก 1 ชิ้นสามารถซักแล้วใช้ใหม่แล้วแต่กรณี อย่างมากไม่ควรเกิน 5 ครั้ง
วิธีสวมใส่ (ข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี)
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ (ข้อมูลจากกรมอนามัย)
1. เปลี่ยนผ้าปิดปาก ปิดจมูกใหม่ทันที เมื่อมีรอยเปื้อนต่างๆ หรือชื้นแฉะ
2. ให้ใช้เฉพาะบุคคล ไม่ใช้ร่วมกับคนอื่น
3. ผ้าปิดจมูกที่เคยใช้ หากต้องการเก็บไว้ใช้ใหม่ ให้พิจารณาว่ามีการเปื้อนมากน้อยเพียงใด ทำความสะอาดได้หรือไม่ โดยเฉพาะด้านที่สัมผัสกับอากาศภายนอก รวมทั้งไม่หัก/พับ/งอ เนื่องจากทำให้เสียรูปทรง และเกิดรอยยับ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการกรองเชื้อโรคลดลง
4. ล้างมือก่อนการสวมใส่ และหลังการถอดออกทุกครั้ง
5. การไอ จาม หรือพูดคุยขณะสวมใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ อาจทำให้อากาศภายนอกรั่วเข้าไปได้
6. การสวมใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูกชนิดกรองพิเศษที่ไม่กระชับแนบสนิท มีผลต่อประสิทธิภาพของการกรองเชื้อโรค
และการที่คนหันมาตื่นตัวเรื่องมลพิษมากขึ้น ก็ส่งผลให้ หน้ากากอนามัย N95 ขาดตลาดแทบทุกร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ประชาชนจึงเริ่มออกมาแชร์หน้ากากชนิดอื่นที่พอจะใช้ทดแทนกันได้ อย่างน้อยก็พอแก้ขัดดีกว่าไปสูดอากาศเต็มๆ ในช่วงนี้ เช่น เพจ “เชื่อแมวเหอะ(รู้ไหมว่าตัวเองโดนหลอก)" ที่มาแชร์งานวิจัยชิ้นหนึ่งว่า พบว่าหน้ากากแบบ Dura พอจะช่วยกรองฝุ่นได้ แต่ถ้าจะให้ดีขึ้นต้องซ้อนด้วยกระดาษทิชชู่ 2 แผ่น
[ไม่มีค่าโฆษณาใดใด] ซื้อง่าย เพราะมีขายใน 7/11 หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก #ฝุ่นละลอง #หมอกควันฝุ่น pic.twitter.com/NqLfhYyWTl
— Bass Soto (@iTualek) January 13, 2019
สำหรับคนที่หาซื้อ n95 ไม่ได้ อันนี้ไปเจอใน max valu มุมขายของนำเข้าจากญี่ปุ่น สามารถกรอง PM2.5 ได้ ราคาห้าสิบนิดๆ ในซองมี 7 ชิ้นค่ะ ส่วนตัวว่าใส่สบายกว่า n95 นะ มีขนาดสำหรับเด็กด้วย #PM25 #ฝุ่นละอองขนาดเล็ก #ฝุ่นละออง #ฝุ่นกรุงเทพ pic.twitter.com/lYGZDiyeqD
—(@ppiinnzz) January 14, 2019
หรือใครจะลงทุนทำหน้ากากแบบ Handmade เลยก็ได้นะคะ
อ่านถึงตรงนี้พี่ก็หวังว่าน้องๆ จะรู้ความร้ายกาจของฝุ่น PM2.5 กันมากขึ้น สุดท้ายเราก็ต้องขอบคุณแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงประชาชนด้วยกันเองที่มาแชร์คำแนะนำดีๆ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ //กราบบบ T___T จริงๆ พี่แอบเห็นว่าหลายคนไม่ยอมใส่หน้ากาก N95 เพราะดูใหญ่เทอะทะตกเป็นเป้าสายตา อยากบอกว่านาทีนี้ร่างกายใครร่างกายมันแล้วนะคะ ถ้ามัวแต่แคร์สายตาคนรอบข้าง โรคอาจจะมาโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ยังไงช่วงนี้ฝากดูแลตัวเองกันดีๆ นะคะ
Sources:
1 ความคิดเห็น
ขอบคุณ