รู้จักโลกแฟชั่นดีไซน์เนอร์ผ่านแพสชันของ PANTASIA นักเขียนที่เก็บความฝันไว้ในโลกนิยาย

Practice makes perfect ถ้าอยากเขียนเก่ง ก็ต้องเขียนเยอะๆ

PANTASIA

สวัสดีน้องๆ นักอ่านนักเขียนชาวเด็กดีทุกคนค่ะ วันนี้พี่แนนนี่เพนมีนักเขียนคนพิเศษที่อยากพามาให้น้อง ๆ ได้รู้จักตัวตนของเธอเอามากๆ เธอเป็นนักเขียนที่เคยอยากเรียนแฟชั่นดีไซน์ แต่ท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะเก็บความฝันนี้เอาไว้ในนิยายเรื่องแรกของเธอ! และนักเขียนที่พี่พูดถึงก็คือพลอย "PANTASIA" เจ้าของนิยายเรื่อง "ECCENTRIC DESIGNER รักนี้ ดีไซน์ไม่ได้" นิยายที่เล่าเรื่องราวของโลกแฟชั่นดีไซน์เนอร์ได้สมจริงสุดๆ ราวกับคนเล่าเป็นดีไซน์เนอร์จริงๆ ซึ่งใครที่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้จะต้องอยากรู้จักตัวจริงของนักเขียนคนนี้แน่นอน เพราะนอกจากความสมจริงของเรื่องราวแล้ว ภาษาและการเล่าเรื่องของเธอ ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดนักอ่านเอาไว้ได้เหมือนกัน และแม้นิยายเรื่องนี้จะเป็นผลงานเรื่องแรกของเธอในเด็กดี แต่ประสบการณ์การเขียนของเธอที่สั่งสมมาก็มีมากถึงสิบปีเลยทีเดียว! เรามารู้จักเรื่องราวของ "พลอย" นักเขียนที่เต็มไปด้วยแพสชันคนนี้กันเลยค่ะ 

สวัสดีค่ะ พลอยนะคะ นามปากกา PANTASIA อายุ 19 ปีค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่เมืองเอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์ สาขาเศรษฐศาสตร์ทางประวัติศาสตร์ค่ะ ช่วงนี้กำลังเขียนนิยายเรื่อง BEYOND THE HARMONY ใต้มนต์ คีตา นางเงือก กับเรื่อง ECCENTRIC MODEL ที่เป็นภาคต่อของ ECCENTRIC DESIGNER อยู่ค่ะ

01 - เขียนนิยายแบบไร้ขีดจำกัดกับ PANTASIA 

นามปากกาพลอยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่าแพนด้านี่แหล่ะค่ะ เป็นสัตว์ที่พลอยชอบมากๆ ตั้งแต่เด็กๆ จำได้ว่าเวลาคิดนามปากกาสำหรับงานไหนๆ ก็ต้องมีคำว่า Pan ขึ้นต้นด้วยตลอด ส่วน -TASIA นี่เอามาจากคำภาษาอังกฤษ Fantasia ที่แปลว่าดนตรีผสมไม่มีรูปแบบแน่นอนค่ะ คิดว่าสะท้อนแนวเขียนของพลอยได้ดีเพราะว่ารู้สึกอยากลองเขียนไปหมดทุกสไตล์เลย แล้วก็อยากให้งานเขียนของเราไม่มีข้อจำกัดตายตัวค่ะ

02 - โรงเรียนหัวกลมบ๊อก คือ จุดเริ่มต้นของการเล่าเรื่อง

เริ่มจากการวาดการ์ตูนตอน ป.2 ค่ะ ตอนเด็กคิดว่าตัวเองเป็นคนตลก เลยเอาเพื่อนๆ ในห้องมาแต่งเป็นการ์ตูนชื่อว่าโรงเรียนหัวกลมบ๊อก ลายเส้นก็จะเป็นแนวหัวกลมๆ ตาเป็นจุดอะไรอย่างนี้ เนื้อหาก็ไม่มีอะไรมาก เอาชีวิตประจำวันมาดัดแปลงนิดหน่อยให้ตลกๆ แล้ววาดลงไป พอป.3 - ป.4 ก็เริ่มอ่านนิยาย ทั้งวรรณกรรม แฟนตาซี รักหวานแหวว อ่านหมดเลยค่ะ จากนั้นก็เริ่มเขียนลงสมุดให้เพื่อนๆ อ่านบ้าง แต่ว่าไม่เคยเขียนจบเลย เน้นวาดการ์ตูนมากกว่า พอมาถึง ECCENTRIC DESIGNER ก็เลยวางพล็อตให้แน่น และบอกกับตัวเองว่า "ไม่ว่ายังไงต้องเขียนเรื่องนี้ให้จบให้ได้" สุดท้ายก็จบจริงๆ สักทีค่ะ!

03 - กว่าจะเป็น "ECCENTRIC DESIGNER รักนี้ ดีไซน์ไม่ได้" 

นิยายเรื่องนี้เกิดมาจากซัมเมอร์ที่นิวยอร์กก่อนขึ้น ม.5 ค่ะ ตอนช่วงม.ปลาย พลอยก็เป็นเหมือนกับวัยรุ่นหลายๆ คน สับสนกับชีวิต ไม่รู้จะเลือกเรียนด้านไหนดี ระหว่างสายศิลป์ไปเลยหรือวิชาการ จนถึงจุดๆ หนึ่ง ตัดสินใจได้เองว่าอยากเรียนทางด้านเศรษฐศาสตร์ แต่แฟชั่นดีไซน์ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ชอบ ก็เลยอยากทำอะไรเกี่ยวกับด้านนั้นเป็นการบอกลาชั่วคราว ก็เลยไปบอกคุณแม่ว่าพลอยจะเรียนเศรษฐศาสตร์นะ แต่ขอปิดเทอมนี้เดือนเดียวไปเรียนทำเสื้อผ้าที่นิวยอร์กเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะทุ่มเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย คุณแม่ก็อนุญาตค่ะ เพราะท่านก็เคยทำห้องเสื้อมาก่อน เลยรู้ว่าการได้ลองลงมือทำจริงๆ เท่านั้นถึงจะรู้ว่าชอบไม่ชอบ 

ซัมเมอร์โปรแกรมที่พลอยไปเรียนเป็นของ Parsons School of Design ที่นิวยอร์กค่ะ คอร์สชื่อว่า Fashion: Explorations in Sewing and Construction ในโปรแกรมนี้ เราก็ได้เรียนการทำเสื้อผ้าจริงๆ ตั้งแต่แพทเทิร์น ไปเลือกซื้อผ้าเอง ขึ้นแบบกับผ้ามัสลิน แล้วก็เย็บเองจริงๆ เลยค่ะ ห้องของพลอยได้อาจารย์ชาวอิตาเลียนที่เคยทำแพทเทิร์นให้กับ Prada และ Calvin Klein มาก่อน ท่านมีประสบการณ์มากๆ ชอบเล่าเรื่องสมัยทำงานให้กับแบรนด์ดังๆ ให้ฟัง รวมถึงให้คำแนะนำสำหรับคนที่อยากทำงานในวงการนี้ด้วย

ที่คลาสเรียนของพลอย มีเพื่อนๆ จากหลายประเทศมาเรียนกันเยอะมากเลยค่ะ ทุกคนต่างมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะสมัครเรียนด้านศิลปะกับแฟชั่น มีแค่พลอยนี่แหล่ะค่ะ ที่มาที่นี่เพื่อบ๊ายบายเฉยๆ ตอนนั้นได้สนิทกับเพื่อนสาวชาวบราซิลที่แซ่บมากๆ ชื่อว่ามาริน่า แล้วก็เพื่อนผู้ชายคนจีนอีกคนที่ชื่อเฮนรี่ ตอนที่ได้อยู่ทำงานหลังเลิกเรียนจนถึงดึกเกือบทุกวันกับสองคนนี้ ได้มีโอกาสคุยและแลกเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับแฟชั่นและการใช้ชีวิตกัน และก็เห็นความทุ่มเทที่พวกเขาให้กับงานของตัวเองอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย พอเห็นแพสชันแบบนี้ ก็เลยมีไอเดียสำหรับ ECCENTRIC DESIGNER ขึ้นมา อยากเขียนเกี่ยวกับดีไซน์เนอร์คนหนึ่งที่หลงใหลในแฟชั่นมากๆ และทำทุกอย่างได้เพื่อให้งานของเขาเพอร์เฟ็กต์ที่สุด

หลังจากจบโปรแกรมนี้ พลอยก็เลยเริ่มร่างพล็อตจริงจัง ส่วนเพื่อนๆ ของพลอยก็สอบติดด้านแฟชั่นทั้งคู่เลยค่ะ เวลามีคำถามอะไรก็จะถามสองคนนี้บ้าง รีเสิร์ชเองบ้าง ดูหนังและสารคดีอย่าง The September Issue กับ McQueen ก็ช่วยด้วยเหมือนกันค่ะ 


The September Issue และ McQueen

04 - นิยายเรื่องนี้เหมาะกับคนรักแฟชั่น!

เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากพระเอกที่เป็นดีไซน์เนอร์เสื้อผ้าผู้ชายค่ะ โดนหุ้นส่วนบังคับให้เปิดไลน์เสื้อผ้าผู้หญิงเพื่อขยายตลาดเพิ่มกำไร ตอนแรกพระเอกก็ไม่ยอมเพราะตัวเองถนัดทางด้านเสื้อผ้าผู้ชาย และไม่อยากให้บริษัทจ้างดีไซน์เนอร์คนอื่นมาคุมงานของไลน์อื่นใต้ชื่อแบรนด์ของตัวเอง สุดท้ายก็สู้กับหุ้นส่วนไม่ได้ เขาจึงประกาศว่าจะรับผิดชอบดูแลการดีไซน์ของเสื้อผ้าผู้หญิงไลน์ใหม่นี้เอง ทั้งๆ ที่ไม่มีไอเดียในหัวเลย แล้ววันหนึ่ง ขณะที่พระเอกกำลังออกไปกินราเมนหลังจากที่อดหลับอดนอนแก้ชุดสำหรับแฟชั่นโชว์ เขาก็ได้บังเอิญเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่แค่มองก็ทำให้ไอเดียเขาพุ่งกระฉูด เลยไปชวนให้เธอมาเป็นมิวส์ให้เขาค่ะ 

(มิวส์ในที่นี้หมายถึงอะไรคะ?)

พลอยคิดว่ามิวส์เป็นคำที่พิเศษมากเลยนะคะ ความหมายดั้งเดิมของมิวส์คือเทพธิดาที่เป็นแรงบันดาลใจของกวี สำหรับแฟชั่นก็คือแรงบันดาลใจของดีไซน์เนอร์ เป็นนางแบบ หรืออาจจะเป็นคู่หูช่วยให้ดีไซน์เนอร์สร้างผลงานออกมา ในตอนแรกของเรื่องนี้ พระเอกก็ออกมาประกาศเลยว่าจะดีไซน์เสื้อผ้าผู้หญิงด้วยตัวเอง ไม่ให้จ้างคนอื่นมาช่วย ตลอดเรื่อง เขาก็จะมีความดื้อรั้นและทระนงในงานของเขาอยู่ แต่มันก็จะมีความขัดแย้งกันตอนที่พระเอกเห็นนางเอกแล้วรู้สึกมีแรงบันดาลใจ แล้วต้องยอมอ่อนลง ยอมรับว่าเขาตัวคนเดียวคงคิดคอลเลคชั่นนี้ไม่ได้ 

05 - เชส ยางาว่า พระเอกที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

จุดเริ่มต้นของพระเอกเรื่องนี้มาจากเฮนรี่ค่ะ ตอนทำงานด้วยกัน รู้สึกชื่นชมความทุ่มเทและความคิดสร้างสรรค์ของเขามาก ในอาทิตย์แรก เขาใช้กระดาษมาห่อพริกหยวก ขีดเส้นและเอาสิ่งที่ได้ออกมา ทำเป็นแพทเทิร์นที่ดูประหลาดแต่เจ๋งมากๆเลยค่ะ จำได้ว่าโปรเจ็คต์สุดท้ายของเขาเกี่ยวกับการผสมผสานของเพศที่หลากหลาย เขาถ่ายรูปสำลีมาให้ แล้วถามว่าใช่ผ้าอนามัยรึเปล่า... ตอนนั้นขำกลิ้งเลยค่ะ 

นอกจากความรักที่มีให้กับแฟชั่นที่ได้เขาเป็นต้นแบบแล้ว องค์ประกอบที่เหลืออย่างพวกนิสัย สไตล์ ทัศนคติอื่นๆ เป็นสิ่งที่พลอยคิดขึ้นมาเองล้วนๆ ผสมกับดีไซน์เนอร์ Alexander Wang ค่ะ ชื่นชมในการที่เขาเริ่มแบรนด์ของตัวเองตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ และประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ ด้วย เป็นผู้ชายที่น่าสนใจมากๆ 

ถามว่าทำไมถึงเลือกให้พระเอกเป็นคนเล่าเรื่อง? ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ ECCENTRIC DESIGNER หมายถึงตัวเชสค่ะ เนื้อเรื่องทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากเชส ก็เลยอยากเริ่มด้วยมุมมองของผู้ชายคนนี้ ส่วนระหว่างกลางเรื่องก็จะสลับไป สลับมาระหว่างเชส เจส และมุมมองที่สามบ้าง เรื่องนี้อยากให้มีกลิ่นอายของความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดค่ะ เลยอยากทดลองเขียนหลายมุมมองไว้ในเรื่องเดียวเลย 

06 - เจสสิก้า ยูน นางเอกที่จะทำให้เรากล้าออกจาก Comfort Zone

เจสสิก้า  นางเอกของเรื่องนี้เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความสามารถค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองค่ะ ในเรื่องก็จะเห็นการพัฒนาของตัวละคร ที่ค่อยๆ ก้าวข้ามผ่านความกลัวของตัวเองไปมากเรื่อยๆ อยากจะให้เจสเป็นตัวแทนบอกผู้หญิงและมนุษย์ทุกคนที่มีความฝันว่า อยากให้ทุกคนเลิกกลัวและกล้าที่จะออกมาจากคอมฟอร์ทโซน ออกมาผจญภัย พบเจอสิ่งใหม่ๆ โลกใบนี้กว้างใหญ่และมีอะไรให้เรียนรู้อยู่เยอะ อยากให้ทุกคนทำทุกวันให้เต็มที่ที่สุดค่ะ 

07 - แฟชั่นไม่ใช่แค่ศิลปะ แฟชั่นคือมนุษย์ และความสุข

พลอยเปรียบนิยายเรื่องนี้กับแบรนด์ Alexander McQueen ค่ะ สไตล์ของแบรนด์ CHASE YAGAWA อิงมาจากแบรนด์นี้ซะส่วนใหญ่เลย ตอนสมัยที่เจ้าของแบรนด์นี้ยังมีชีวิตอยู่ โชว์ของเขาแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความขบถที่แปลกใหม่และความคิดสร้างสรรค์แบบไร้ขีดจำกัดจริงๆ นอกจากนี้ คอลเลคชั่นแต่ละซีซั่นของเขาก็สะท้อนข้อความเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน มีครั้งหนึ่งที่ McQueen เคยพูดเอาไว้ว่า.. 

“I think there is beauty in everything. What ‘normal’ people perceive as ugly, I can usually see some beauty in it. (ผมคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีความงามของตนเองอยู่แล้ว สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปมองว่าน่าเกลียดผมมักจะเห็นความงามในนั้น)”

พลอยชอบประโยคนี้มากเลยค่ะ นิยายเรื่องนี้จึงมีเมจเสจถึงหัวข้อใหญ่ๆ ในสังคมหลายประเด็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรฐานความงามและวัตถุนิยม ถึงแม้ว่าชื่อของนิยายเรื่องนี้จะดูแฟชั่นจ๋า แต่อยากให้นักอ่านตระหนักว่าเปลือกนอกไม่ใช่ทุกอย่าง คุณค่าของมนุษย์เราอยู่ที่ความดีและสติปัญญาค่ะ อย่างในเรื่องเชสก็เคยพูดเอาไว้ว่า..

"ผมคิดว่าแฟชั่นคืออะไรก็ตามที่คนคนหนึ่งต้องการจะให้มันเป็น ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์หรือการแสดงออกของจุดยืน ยุคสมัย หรืออาจจะเป็นแค่การใส่เสื้อผ้าเพื่อให้ความอบอุ่นร่างกายก็ได้ ไม่มีผิด ไม่มีถูก เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็แค่ถูกสร้างมาเพื่อให้พวกเรา.. รู้สึกมีความสุขไม่ใช่เหรอ”

08 - ทุกงานที่เราทำมีมูลค่าทางความคิดเสมอ

พลอยอยากให้ทุกคนได้เห็นการทำงานของคนในวงการแฟชั่นค่ะ อาชีพดีไซน์เนอร์ ดูเหมือนว่าเป็นอาชีพสวยๆ แค่วาดรูปเสื้อผ้าสบายๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ที่จริง กว่าจะได้โชว์สวยๆ แต่ละคอลเลคชั่นนี่ไม่ง่ายเลยนะคะ ต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจไปมากมหาศาล นอกจากนี้อยากจะให้เรื่องนี้เชื่อมไปถึงศิลปินในวงการศิลปะด้านอื่นๆ เหมือนกันค่ะ พลอยเคยได้ยินประเด็นที่มีคนจ้างนักวาดหรือนักดนตรี แต่พอทำงานเสร็จแล้วกลับไม่จ่ายเงินให้ อ้างว่างานศิลปะก็ไม่ได้ใช้ต้นทุนมากมาย อย่างถ้าเป็นนักวาด ก็แค่ซื้อกระดาษ ซื้อสี วาดๆ นิดหน่อยก็ได้แล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง งานศิลปะเอง ก็ต้องใช้การฝึกฝนเป็นปีๆ และค่าใช้จ่ายก็มากมายไม่แพ้กับสายอาชีพอื่นๆ อยากให้เรื่องนี้ช่วยสะท้อนประเด็นให้ผู้คนตระหนักกันมากขึ้นค่ะ

09 - ไอเดียคือชีวิตประจำวัน ประสบการณ์ และคนที่เจอ 

สำหรับพลอย ส่วนใหญ่ไอเดียมักจะมาโดยไม่รู้ตัวค่ะ ชีวิตประจำวัน ประสบการณ์ คนที่เจอ หรือแม้แต่มิวสิควิดีโอที่ได้ดู มันจะคลิกขึ้นมาเองค่ะ (คิดพล็อตหรือตัวละครก่อน?) แล้วแต่เรื่องเลยค่ะ ฟันธงไม่ได้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครมาก่อนนะคะ อย่างเรื่อง Beyond the Harmony ไอเดียเริ่มต้นเลยก็คืออยากแต่งเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์โรคจิตที่บังเอิญเจอนางเงือก แล้วอยากจับไปผ่าตัดทดลอง ส่วนพล็อตอื่นๆ ก็งอกเงยมาจากตรงนั้นเลยค่ะ

10 - ใครๆ ก็ต้องเคย "ตัน" กันทั้งนั้น แค่หยุดเขียนและไปพัก

ตันค่ะ หรือไม่ก็หมดอารมณ์ สิ่งที่เจอในชีวิตแต่ละช่วงก็มีผลกระทบกับการเขียนนิยายได้มากเหมือนกัน อย่างเช่นเวลาที่เรากำลังเศร้ากับความรักอยู่ แต่ต้องมาเขียนให้พระนางหวานใส่กัน คงยากมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ ถ้าเวลาเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น พลอยจะพักค่ะ ไปหาอย่างอื่นทำ ดูซีรีส์ เดินเล่นข้างนอก หรือไปเจอเพื่อนๆ แล้วค่อยกลับไปเขียนต่อ อาจจะทำให้ได้ไอเดียเพิ่มขึ้นค่ะ

11 - "Practice makes perfect ถ้าอยากเขียนเก่ง ก็ต้องเขียนเยอะๆ"

(เราฝึกใช้ภาษายังไงบ้าง?) ตามสำนวน Practice makes perfect เลยค่ะ ถ้าอยากเขียนเก่ง ก็ต้องเขียนเยอะๆ เท่านั้น พลอยเริ่มเขียนมาสิบกว่าปีแล้ว ลองหลายๆ แบบจนกว่าจะได้แบบนี้ ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าต้องฝึกอีกเยอะเหมือนกันค่ะ แล้วก็การอ่านก็สำคัญนะคะ เพราะว่าขณะที่เราอ่านเราจะได้สำนวน ภาษา เทคนิคการเขียนของนักเขียนท่านอื่นๆ ยิ่งอ่านเยอะๆ ก็ยิ่งได้เยอะ นอกจากจะเป็นการเปิดโลกทัศน์ของเรา สำหรับความรู้และทัศนคติใหม่ๆ ก็สามารถทำให้เริ่มจับจุดได้ว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จนประยุกต์มาเป็นแนวการเขียนของตัวเองค่ะ 

12 - เขียนนิยายจบแน่ถ้าวางพล็อตแน่น! 

ต้องวางพล็อตให้แน่นค่ะ มีหลายครั้งที่มีแค่ไอเดีย แต่พอเขียนๆ ไปก็จะเริ่มออกทะเลและไปต่อไม่ถูก อยากให้วางพล็อตเอาไว้ก่อนตั้งแต่ต้นจนจบ ทำเป็นแผนผังไว้คร่าวๆ ก็ได้ แล้วค่อยๆ เพิ่มหรือแก้ไปทีละนิด


13 - การเขียนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต!

การเขียนเป็นสิ่งที่พลอยชอบมากที่สุด และเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้วค่ะ เหตุผลหลักๆที่เขียนเลยคือรู้สึกสนุกที่ได้สร้างเรื่องราวในจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษร ถ่ายทอดให้คนอื่นได้อ่านความคิดของเรา นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ได้เขียนก็รู้สึกว่าเป็นการเปิดมุมมองของตัวเองไปด้วย ได้สวมบทบาท เข้าไปในใจของตัวละคร ทำให้เข้าใจความแตกต่างของคนมากขึ้น แถมเวลารีเสิร์ชสำหรับนิยาย ก็ได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ

14 - ลงนิยายกับเด็กดีสนุกตรงที่ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง

ชอบที่เรามีอิสระในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของเราค่ะ แล้วก็ชอบที่สามารถตกแต่งหน้านิยายของเราได้ตามใจชอบ ใช้ง่าย เวลาอัพเดทนิยายลงแล้วสามารถเห็นคอมเมนต์สดๆ จากนักอ่าน ทำให้พูดคุยโต้ตอบกันได้ค่ะ ส่วนจุดเริ่มต้นที่ทำให้มาเปิดเรื่องที่นี่ เริ่มจากมีรุ่นพี่มาแนะนำเมื่อสิบปีที่แล้วค่ะ สมัยนั้นก็รู้จักเพียงเว็บเด็กดีเว็บเดียวที่เปิดนิยายได้ ตอนนั้นรู้สึกจะเขียนนิยายรักเกี่ยวกับมาเฟียอะไรก็ไม่รู้ทิ้งไว้ตอนเดียว เดี๋ยวนี้พอไปอ่านก็ขำเลยค่ะ ไม่รู้เขียนไปได้ยังไง 

จากนั้นก็เล่นเว็บนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ รู้สึกชอบที่เด็กดีพัฒนาเว็บไซต์ไปเรื่อยๆ ให้ครอบคลุมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบอร์ด บทความ ข่าว การเรียน visual novel เว็บไซต์ก็ดูดีขึ้นตลอดเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าพี่ๆทีมงานใส่ใจ คอยดูแลลูกบ้านอยู่ตลอดเวลา ก็เลยยังอยากอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่ไปไหนค่ะ

15 - ขายนิยายกับเด็กดีเพราะ..

มีความยืดหยุ่นและอิสระค่ะ นักเขียนยังถือลิขสิทธิ์ในงานของตัวเอง 100% และสามารถเลือกตอนที่จะขายได้ตามใจ เป็นระบบที่มีมาตรฐานและดูน่าเชื่อถือค่ะ ส่วนตัวเองก็ชอบซื้อนิยายออนไลน์เหมือนกัน เพราะว่าสะดวกและได้อ่านเลยทันที ราคาก็ถูกกว่ารูปเล่มด้วย  มีฟังค์ชั่นช่วยคำนวนราคาที่เหมาะสม แล้วก็ตรวจดูยอดขายได้ทันทีด้วย


16 - ถึงนักอ่านและนักเขียนชาวเด็กดี..

ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้มีโอกาสได้มาแชร์เรื่องราวของตัวเองในคอลัมน์นี้ รู้สึกขอบคุณพี่ๆ เด็กดีและนักอ่านทุกคนมากๆ ที่ช่วยกันสร้างคอมมูนิตี้ที่น่ารักและเป็นแรงบวกให้กันและกันจนมาถึงทุกวันนี้ พลอยยังมีอีกหลายสิ่งกลายอย่างอีกเยอะที่อยากจะทำให้สำเร็จ อยากให้ทุกคนที่มีความฝันสู้ๆ ไปด้วยกันนะคะ 

สำหรับนักอยากเขียนทุกคนที่มีไอเดีย แต่ยังมีความกลัวหรือเหตุผลร้อยพันที่ขวางไว้ อยากให้สับมันทิ้งเหมือนเทควอนโด แล้วลงมือเขียนไปก่อนเลยค่ะ! จุดที่ยากที่สุดก็คือการเริ่มต้นนี่แหล่ะค่ะ ก่อนอัปก็กลัวเหมือนกันว่าจะมันจะเวิร์คมั้ย แต่สุดท้ายพอเขียนจบขึ้นมา ก็รู้สึกภูมิใจมากๆ ค่ะ 

สำหรับนักอ่านที่ติดตามนิยายของพลอย ต้องขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจทั้งหมดนะคะ แต่ละคอมเมนต์ทั้งติและชมมีคุณค่ากับพลอยมากๆ ค่ะ ต่อจากนี้ จะพยายามพัฒนางานของตัวเองต่อไปนะคะ 

17 - ฝากนิยายของ PANTASIA ด้วยค่ะ

พลอยขอฝากนิยายเรื่อง ECCENTRIC DESIGNER รักนี้ ต้องดีไซน์ ไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ เรื่องนี้ใช้เวลารีเสิร์ชเยอะที่สุดที่เคยทำมาเลย เป็นการเปิดมุมหนึ่งในโลกของแฟชั่นดีไซน์เนอร์ให้ดู หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่มีความฝัน แต่กำลังลังเลที่จะทำอยู่ทุกคน เชื่อว่าอ่านแล้วจะรู้สึกอบอุ่นและมีข้อคิดให้คิดต่อเล่นๆ พอกรุบกริบค่ะ 

แล้วตอนนี้ ที่กำลังเขียนอยู่เลยก็เรื่อง BEYOND THE HARMONY ใต้มนต์ คีตา นางเงือก เป็นแนวโรแมนติก แฟนตาซี บวกวิทยาศาสตร์ค่ะ พระเอกเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่บ้าคลั่งในการทดลอง วันหนึ่งได้บังเอิญรู้ความลับของนางเอกที่เป็นนางเงือกเข้า เลยพยายามหลอกล่อให้นางเอกขึ้นเตียงผ่าตัดให้ได้ค่ะ และเขาจะทำได้สำเร็จหรือไม่ อยากให้ลองติดตามกันดูนะคะ

และอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการเขียนอยู่ก็คือ ECCENTRIC MODEL ค่ะ พระเอกชื่อพัคซังฮุน เป็นนายแบบปากเสีย ขี้เก๊กที่เคยโผล่ในเรื่อง DESIGNER แล้ว เรื่องมีอยู่ว่าความปากเสียของพระเอกทำพิษ เผลอไปท้าต่อยกับนักสู้ MMA หรือศิลปะการต่อสู้แบบผสมในอีกสองเดือน ก็เลยถูกผจก.ส่งไปเทรนที่ภูเก็ตแบบดิบๆโดยนางเอกที่เป็นลูกสาวเจ้าของค่ายที่ทั้งถึก ทั้งบึก ทั้งโหด รับประกันความฮาตลอดทั้งเรื่องค่ะ อาจจะอัปช้าอยู่บ้างเพราะกำลังจะไปหาข้อมูลที่ค่าย MMA จริงๆค่ะ TT หวังว่าจะกลับออกมาอย่างครบ 32 แล้วอัปนิยายต่อได้นะคะ

หากถามว่าแพสชันคืออะไร? แพสชั่นของพี่ในตอนนี้ขอยกให้ PANTASIA เลยค่ะ เรื่องราวของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความมุ่งมั่น และความตั้งใจจริง เธอเป็นนักเขียนไม่กี่คนที่ทำให้พี่รู้สึกว่า ความชอบเป็นได้มากกว่าการตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เธอสามารถทำอะไรหลายๆ อย่าง และเขียนนิยายไปพร้อมๆ กันได้ นี่คือแพสชันของคนที่ทำทุกอย่างด้วยความสุขนั่นเอง หากน้องๆ คนไหนอยากอ่านผลงานของ PANTASIA สามารถคลิกเข้าไปยังชื่อเรื่องที่อยากอ่านได้เลยนะคะ ส่วนใครที่อยากเป็นนักขียน พี่อยากให้ทุกคนเริ่มต้นจากตัวเองก่อน เขียนเพราะชอบ และเขียนให้จบ แล้วจะรู้ว่าเส้นทางนักเขียนอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือเองค่ะ พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ 

พี่แนนนี่เพน 

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น