สวัสดีค่ะ ถ้าน้องๆ ได้เปิด Top Hit 100 คณะ/สาขามาแรงที่สุดในโปรแกรมคำนวณคะแนน 62 ของเว็บ Dek-D รู้ไหมคะว่า “คณะนิติศาสตร์” จัดว่าถูกเลือกมาคำนวณมากที่สุดติด 1 ใน 20 คณะมาแรงเลยล่ะ วันนี้พี่เมก้าเลยนำเส้นทางสอบเข้าคณะสุดฮ็อตนี้มาฝาก ใครอยากตามฝันก็ไปดูกันเลย!
คณะนิติศาสตร์ เรียนอะไร
คำว่า “นิติ” เดิมในภาษาสันสกฤต หมายถึง ขนบธรรมเนียม แบบแผน กฎปฏิบัติ ระยะหลังวงการกฎหมายไทยได้นำมาเรียกใช้ในคำที่รู้จักกันดีว่า “กฎหมาย” ค่ะ “นิติศาสตร์” จึงหมายถึง "ศาสตร์แห่งกฎหมาย" ผู้เรียนจะยึดกฎหมายเป็นเครื่องมือหลักในการศึกษา ทำความเข้าใจ วิเคราะห์ และตีความ เพื่อให้นำวิชาไปใช้ได้อย่างยุติธรรมและถูกต้อง เนื่องจากกฎหมายเป็นข้อกำหนดที่บังคับใช้กันทั่วไปในประเทศ ผู้เรียนจึงต้องศึกษาอย่างถ่องแท้
สำหรับสีสันการเรียนในคณะนี้นั้น บอกเลยว่ามาก! เพราะถึงจะขึ้นชื่อว่านิติศาสตร์ แต่เราไม่ได้มานั่งเปิดประมวลกฎหมายกันทั้งวันทั้งคืนแน่นอน ศาสตร์แห่งกฎหมายจะเกี่ยวข้องกับศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ปรัชญา ฯลฯ หากน้องๆ ชื่นชอบศาสตร์เหล่านี้อยู่แล้ว มีถูกใจมากกว่าเดิมชัวร์!
ส่วนเรื่องกฎหมายนั้นมั่นใจได้ว่าไม่มีทิ้ง เรียนตั้งแต่กฎหมายไทยลากยาวไปจนถึงตะวันตก เรียนให้กฎหมายอยู่ในสายเลือด! ปล.อย่าลืมว่าคณะนี้ ไม่ใช่แค่ความจำดีแล้วจะจบ ต้องคิดเป็น และฉลาดในการเลือกใช้กฎหมายด้วย!
สาขาที่เปิดสอนในประเทศไทย
“นิติศาสตร์” ส่วนใหญ่จะไม่มีการแยกสาขาค่ะ จะเป็น “สาขานิติศาสตร์” เพียวๆ ไปเลย แต่จะมีวิชาเลือกกฎหมายเฉพาะทางสาขาใดสาขาหนึ่งให้น้องๆ เลือกเรียนตามความชอบ เช่น ม.ธรรมศาสตร์ จัดให้มีการศึกษาความรู้เฉพาะทางนิติศาสตร์ ใน 6 สาขาคือ สาขากฎหมายแพ่ง สาขากฎหมายอาญา สาขากฎหมายพาณิชย์ สาขากฎหมายมหาชน สาขากฎหมายระหว่างประเทศ และสาขากฎหมายและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ส่วนมหาวิทยาลัยหนึ่งเดียวที่มีการเรียนการสอนแบบแยกสาขาก็คือ “จุฬาฯ” ค่ะ จะมีสาขาวิชาเอกให้น้องๆ นิสิตเลือกตอนขึ้นปี 3 แบ่งเป็น 4 สาขาคือ สาขากฎหมายแพ่งและอาญา สาขากฎหมายมหาชน สาขากฎหมายระหว่างประเทศ และสาขากฎหมายธุรกิจ
แต่ละมหาวิทยาลัยเปิดรับรอบไหนบ้าง
คำว่า “นิติ” เดิมในภาษาสันสกฤต หมายถึง ขนบธรรมเนียม แบบแผน กฎปฏิบัติ ระยะหลังวงการกฎหมายไทยได้นำมาเรียกใช้ในคำที่รู้จักกันดีว่า “กฎหมาย” ค่ะ “นิติศาสตร์” จึงหมายถึง "ศาสตร์แห่งกฎหมาย" ผู้เรียนจะยึดกฎหมายเป็นเครื่องมือหลักในการศึกษา ทำความเข้าใจ วิเคราะห์ และตีความ เพื่อให้นำวิชาไปใช้ได้อย่างยุติธรรมและถูกต้อง เนื่องจากกฎหมายเป็นข้อกำหนดที่บังคับใช้กันทั่วไปในประเทศ ผู้เรียนจึงต้องศึกษาอย่างถ่องแท้
สำหรับสีสันการเรียนในคณะนี้นั้น บอกเลยว่ามาก! เพราะถึงจะขึ้นชื่อว่านิติศาสตร์ แต่เราไม่ได้มานั่งเปิดประมวลกฎหมายกันทั้งวันทั้งคืนแน่นอน ศาสตร์แห่งกฎหมายจะเกี่ยวข้องกับศาสตร์อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ปรัชญา ฯลฯ หากน้องๆ ชื่นชอบศาสตร์เหล่านี้อยู่แล้ว มีถูกใจมากกว่าเดิมชัวร์!
ส่วนเรื่องกฎหมายนั้นมั่นใจได้ว่าไม่มีทิ้ง เรียนตั้งแต่กฎหมายไทยลากยาวไปจนถึงตะวันตก เรียนให้กฎหมายอยู่ในสายเลือด! ปล.อย่าลืมว่าคณะนี้ ไม่ใช่แค่ความจำดีแล้วจะจบ ต้องคิดเป็น และฉลาดในการเลือกใช้กฎหมายด้วย!
สาขาที่เปิดสอนในประเทศไทย
“นิติศาสตร์” ส่วนใหญ่จะไม่มีการแยกสาขาค่ะ จะเป็น “สาขานิติศาสตร์” เพียวๆ ไปเลย แต่จะมีวิชาเลือกกฎหมายเฉพาะทางสาขาใดสาขาหนึ่งให้น้องๆ เลือกเรียนตามความชอบ เช่น ม.ธรรมศาสตร์ จัดให้มีการศึกษาความรู้เฉพาะทางนิติศาสตร์ ใน 6 สาขาคือ สาขากฎหมายแพ่ง สาขากฎหมายอาญา สาขากฎหมายพาณิชย์ สาขากฎหมายมหาชน สาขากฎหมายระหว่างประเทศ และสาขากฎหมายและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ส่วนมหาวิทยาลัยหนึ่งเดียวที่มีการเรียนการสอนแบบแยกสาขาก็คือ “จุฬาฯ” ค่ะ จะมีสาขาวิชาเอกให้น้องๆ นิสิตเลือกตอนขึ้นปี 3 แบ่งเป็น 4 สาขาคือ สาขากฎหมายแพ่งและอาญา สาขากฎหมายมหาชน สาขากฎหมายระหว่างประเทศ และสาขากฎหมายธุรกิจ
แต่ละมหาวิทยาลัยเปิดรับรอบไหนบ้าง
ยกตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจแต่ละรอบ
รอบที่ 1 Portfolio
1.1 โครงการต้นกล้านิติศาสตร์ ม.นเรศวร
เกณฑ์คัดเลือก : GPAX + สัมภาษณ์ + Portfolio (มีผลงานวิชาการและกิจกรรมของหน่วยงานราชการ)
1.2 โครงการรับผู้ได้รับรางวัลการตอบปัญหากฎหมายระดับประเทศ ม.เชียงใหม่
เกณฑ์คัดเลือก : GPAX + Portfolio (มีรางวัลการแข่งขันตอบปัญหากฎหมายระดับประเทศ)
1.3 โครงการผู้มีศักยภาพสูง ม.ขอนแก่น
เกณฑ์คัดเลือก : GPAX + Portfolio (มีกิจกรรม/โครงการเพื่อสาธารณะประโยชน์ ตรงตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักศึกษากฎหมาย)
รอบที่ 2 โควตา
2.1 โครงการธรรมศาสตร์ช้างเผือก ม.ธรรมศาสตร์
เกณฑ์คัดเลือก : GPAX + Portfolio (มีกิจกรรรมที่บ่งบอกทักษะของผู้สมัคร)
2.2 โครงการรับนักเรียนผู้มีความสามารถดีเด่นระดับชาติทางกีฬา จุฬาฯ
เกณฑ์คัดเลือก : GPAX + GAT + ผลงานการแข่งขันกีฬา + ผลทดสอบความสามารถทางกีฬาของจุฬาฯ
2.3 โควตา 17 จังหวัดภาคเหนือ ม.นเรศวร
เกณฑ์คัดเลือก : GPAX + GAT + สัมภาษณ์
รอบที่ 3 รับตรงร่วมกัน
3.1 TCAS รอบ 3 ม.ธรรมศาสตร์
เกณฑ์คัดเลือก : วิชาเฉพาะความรู้ทางนิติศาสตร์ + GAT
3.2 TCAS รอบ 3 จุฬาฯ
เกณฑ์คัดเลือก : GAT + PAT 1 หรือ PAT 7 (บางสาขา) + วิชาสามัญ (ไทย, สังคม, อังกฤษ)
3.3 TCAS รอบ 3 ม.เกษตรศาสตร์
เกณฑ์คัดเลือก : GAT + PAT 1 หรือ PAT 7 (บางสาขา) + วิชาสามัญ (ไทย, สังคม, อังกฤษ, คณิต1)
รอบที่ 4 แอดมิชชั่น
ใช้เกณฑ์เดียวกันทุกมหาวิทยาลัย คือ GPAX + O-NET + GAT + PAT 1 หรือ PAT 7 (แล้วแต่มหาวิทยาลัยเลือกใช้)
รอบที่ 5 รับตรงอิสระ
5.1 โครงการรับตรงทั่วประเทศ ม.บูรพา
เกณฑ์คัดเลือก : GPAX + GAT
5.2 TCAS รอบ 5 รับตรงอิสระ ม.แม่ฟ้าหลวง
เกณฑ์คัดเลือก : สัมภาษณ์ + O-NET (ไทย, สังคม, อังกฤษ)
5.3 TCAS รอบ 5 รับตรงอิสระ ม.วลัยลักษณ์
เกณฑ์คัดเลือก : GPAX + Portfolio (ผลงานแสดงภาวะผู้นำ เรียงความเป้าหมายในเส้นทางนักกฎหมาย ฯลฯ)
Q&A คำถามยอดฮิต
Q: วิชาเฉพาะความรู้ทางนิติศาสตร์ มธ. สอบอะไรบ้าง?
A: วิชาความรู้ทางนิติศาสตร์ 1 คือการสอบความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมาย และความสามารถในการใช้กฎหมาย ก็จะวัดความสามารถในการใช้เหตุผลวิเคราะห์ - ตีความกฎหมายของเรา ส่วนวิชาความรู้ทางนิติศาสตร์ 2 จะเป็นการสอบเรียงความ - ย่อความ โดยน้องๆ จะได้รับการตรวจข้อสอบวิชาความรู้ทางนิติศาสตร์ 2 ก็ต่อเมื่อมีคะแนนความรู้ทางนิติศาสตร์ 1 สูงสุด 700 คนแรก เฉพาะศูนย์รังสิตเท่านั้นค่ะ
Q: ไม่ชอบอ่านหนังสือ เรียนนิติศาสตร์ได้ไหม?
A: เรียนได้ค่ะ ถ้าชอบจริงๆ แต่ละคนจะมีวิธีจัดการกับความไม่ชอบของตัวเองได้ นิติศาสตร์เป็นคณะที่ขึ้นชื่อว่าต้องอ่านหนังสือเยอะมากกกกกกก มากจนรุ่นพี่เคยบอกว่า “ไม่คิดท้อเวลาอ่านหนังสือ เพราะถ้าท้อเมื่อไหร่ อ่านไม่ทันแน่นอน T T” แต่ถึงหนังสือจะมากแค่ไหน ก็สามารถแบ่งเวลาได้ อาจจะไม่ต้องอ่านทุกวัน แบ่งอ่านอาทิตย์ละครั้ง ขนไปอ่านรวดเดียวตอนใกล้จะสอบ (แต่แบบนี้สภาพก็จะใกล้ตายหน่อยๆ) หรือคิดทริคในการจำขึ้นมาก็ว้าว เพราะอย่างที่บอกว่าเรียนคณะนี้ ไม่ใช่แค่ท่องจำเก่งแล้วจะรุ่ง ต้องนำหลักการต่างๆ ไปวิเคราะห์ ตีความ เพื่อให้ใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้องด้วย
Q: นิติศาสตร์ เลือกยื่นคณะ - มหา’ลัยเดียวกัน 2 รูปแบบเลยได้ไหม?
A: กรณีที่จำนวนรับแยกกัน สามารถยื่นได้ทั้ง 2 รูปแบบเลย เช่น TCAS 62 รอบ 3 นิติศาสตร์ จุฬาฯ เลือกยื่นคะแนนสอบได้ทั้ง PAT 1 คณิตศาสตร์ หรือ PAT 7 ภาษาก็ได้ เพราะรับแยกกัน แบบเลือกสอบวิชาคณิตศาสตร์ รับ 100 คน แบบเลือกสอบวิชาภาษาก็แยกไปตามกลุ่ม เช่น PAT 7.1 ฝรั่งเศส รับ 30 คน PAT 7.2 เยอรมัน รับ 20 คน ฯลฯ
แต่ถ้าจำนวนรับรวมกันทุกรูปแบบ หรือที่มีชื่อเรียกว่า “คณะปีกกา” เช่น TCAS 62 รอบ 4 นิติศาสตร์ ม.ขอนแก่น มีการรับ 2 รูปแบบรวมกัน 150 คนคือ
1. นิติศาสตร์ พื้นฐานวิทย์ โครงการพิเศษ ใช้ GAT+PAT1+O-NET+GPAX
2. นิติศาสตร์ พื้นฐานศิลป์ โครงการพิเศษ (รูปแบบที่ 1) ใช้ GATล้วน+O-NET+GPAX
กรณีนี้ให้เลือกยื่นเพียงรูปแบบเดียวที่เราได้คะแนนสูงสุดก็พอค่ะ เพราะเดิมทีการรับรวมกันทุกรูปแบบ อัตราการแข่งขันจะสูงมากอยู่แล้ว คะแนนก็สูง ยื่นไปทั้ง 2 รูปแบบ จะกลายเป็นว่าเราแข่งกับตัวเอง และเสียอันดับไปฟรีๆ เพราะถ้าเกิดรูปแบบหนึ่งที่ยื่นคะแนนสูงสุดไปเรายังไม่ติด อีกรูปแบบที่คะแนนน้อยกว่าจะไปติดได้ยังไง
ทั้งหมดนี้ก็คือเส้นทางสอบเข้า “นิติศาสตร์” นะคะ มองรวมๆ แล้วคณะนี้ในแต่ละรอบ แต่ละมหาวิทยาลัยค่อนข้างใช้คะแนนหลากหลายเลย ถ้าตั้งใจจะเรียนจริงๆ ต้องรีบวางแผนแล้วล่ะค่ะว่า จะลุยสนามไหนบ้าง รอบไหน ด้วยคะแนนอะไร ยิ่งตัดสินใจได้เร็ว ยิ่งเข้าใกล้คณะที่ใช่เร็วขึ้นนะคะ ขอให้น้องๆ ทุกคนโชคดีค่ะ
9 ความคิดเห็น
เราสามารถเลือกสอบระหว่าง pat1 กับ pat7 ได้ใช่ไหมคะ
นิติ มธ รับเด็กซิ่วไหมคะ
ไม่รีบค่ะ
พี่คับโครงการผู้มีศักยภาพสูง ม.ขอนแก่นมีคณะนิติศาสตร์ไหมคับ
นิติของมธไม่ใช้9วิชาสามัญหรอคะ
นิติมมส ใช้gatอย่างละเท่าร่คะ
วิชาที่ใช้สอบมีอะไรบ้างค่ะ
นิติมธ ใช้ pat มั้ยคะสรุป
เรียนสายภาษาจะต่อคณะนิติศาสตร์ได้ไหมคะ?และถ้าจะเป็นตำรวจเกรดเฉลี่ยต้องเท่าไหร่เหรอคะ?(人 •͈ᴗ•͈)
เรียน กศน สอบเข้านิติได้มั้ยคะ