เล่าชีวิตฝึกงานดิสนีย์: เมื่อ 'มินนี่' ได้สวมชุดเจ้าหญิงฟรุ้งฟริ้ง แต่งานจริงไม่ลั้ลลาเหมือนในนิทาน!



 
          สวัสดีค่ะชาว Dek-D วันนี้เรามีประสบการณ์ของคนไทยที่ไปฝึกงานดิสนีย์มาเสิร์ฟอีกแล้วค่ะ เชื่อเลยว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ (role) ที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน เพราะทั้งได้สวมชุดเจ้าหญิงแสนสวยเหมือนในเทพนิยาย ถือคทาโรย Pixie Dust ให้พรเกสต์ แจกสติกเกอร์ แลกเข็มกลัด แล้วยังมีสลับโหมดไปทำงานฉากหลัง หรือเป็นช่างแต่งตัวให้เจ้าหญิงด้วย!   ถือเป็น Magical Moment ที่ให้ความสุขและประสบการณ์แบบคุ้มค่ามาก (บทสัมภาษณ์นี้มีทั้งเล่าประสบการณ์ + แทรกทริคตลอดเรื่องเลยนะคะ)
 
*สำคัญมากๆ* อ่านก่อนน้า เดี๋ยวงง
 
  • ดิสนีย์เรียกลูกค้าว่า “Guest” และเรียกคนที่ทำงานในดิสนีย์ว่า “Cast Member” ประมาณว่าพวกเค้าคือพนักงานที่ต้องทำโชว์(หน้าที่)ของตัวเองให้ออกมาดีที่สุด
  • โรล (role) = ตำแหน่ง/หน้าที่



 

แนะนำตัว
 

         “สวัสดีค่า ชื่อ ‘มินนี่’ เมริสา สิงหเดโช อายุ 22 ปี เพิ่งจบปี 4 สาขาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ช่วงปิดเทอมปี 2 (ปี 2017) เคยไปร่วมโครงการ Disney International College Program ตำแหน่ง Merchandise ที่ Walt Disney World Resort ในรัฐ Orlando, Florida USA ค่ะ ปัจจุบันมีเปิดร้านอาหารทานเล่นย่านรังสิต ชื่อ ‘more shake’ ด้วย ซึ่งเราได้นำสิ่งที่ได้จากการฝึกงานมาใช้เต็มๆ เลยค่ะ”
 
         นอกจากนี้เรายังรู้มาอีกว่าเธอมีทำสตาร์ตอัปชื่อ ‘more sheet’ แพลตฟอร์มซื้อขายชีทสรุปนักศึกษา และเปิดเพจ 'minniemore' ที่แชร์เรื่องราวตอนไปทำงานดิสนีย์ + ข้อคิด + การทำธุรกิจด้วยนะคะ พลังเยอะมากกก




รักงานขายก็ได้เป็น Merchandise

สวมชุดเจ้าหญิงทำงานใน Fantasyland!
 

         เธอเล่าเหตุผลที่อยากสมัครโครงการนี้ว่า “เราไปเจอพี่คนนึงใน IG ที่เขาไปฝึกที่นี่ จากนั้นก็เฝ้ารอเวลาที่ตัวเองสมัครได้ จนมาปี 2 ก็สมัคร roadshow เลยค่ะ ใช้เวลาเตรียมตัวเป็นปีเพื่อดินแดนในฝันของมินนี่เลยย 5555”


 
         “ขั้นตอนคร่าวๆ คือ สมัคร roadshow > สัมภาษณ์ 2 รอบ > ประกาศผล > ทำวีซ่า รอบแรกจะสัมภาษณ์กับคนไทยเพื่อวัดระดับภาษา เกรดวิชาภาษาอังกฤษขั้นต่ำต้อง 2.75 และยื่น Resume หลักๆ ต้องฟังออก ตอบได้ ทัศนคติดี ยิ้มแย้ม ส่วนรอบ 2 เราจะได้เจอกับ HR จากดิสนีย์ที่บินตรงมาสัมภาษณ์เลยค่ะ ตื่นเต้นมากกก รอบนี้วัดทัศนคติและประสบการณ์ว่าเคยทำอะไรมาบ้าง ดูบุคลิก ไหวพริบ และหน้าที่ที่เราสนใจ”
 

         “สิ่งที่ตื่นเต้นสุดยิ่งกว่าสัมภาษณ์คือลุ้นตำแหน่งและสถานที่ที่จะได้ ด้วยความที่เราชอบขายของ เลยสนใจ Merchandise แล้วก็ได้ทำตามที่หวังจริงๆ ดีใจโคตรๆ ส่วนสถานที่คือ       Magic Kingdom ที่มีปราสาท มีความดิสนีย์ที่เราชอบ และพีคกว่าคือได้ทำใน   Fantasyland ตอนแรกเราไม่รู้ว่ามันแฟนซีแค่ไหน พอมาเจอจริงๆ โอ้โหห โชคดีมากแบบไม่รู้จะโชคดียังไงแล้ว!!”

         “เริ่มจากเราได้สวมชุดแบบเจ้าหญิงแนวๆ ‘ราพันเซล’ (Rapunzel) และอีกชุดเป็นแนวฝรั่งเศสของร้านขาย 'Beauty and the beast' จุดที่ทำงานก็อยู่ใกล้โรงอาหารที่ว้าวมากกก มีทุกอย่าง สบายสุดๆ แถมคนในทีมและ Coordinator Director น่ารักมากๆ อยู่กันแบบเป็นครอบครัวเลยค่ะ”



 

เล่าเนื้องานแบบครบรส

เหนื่อยแต่สนุกจนไม่ต้องดูนาฬิกา
 

Register (แคชเชียร์)
คิดเงินและเสกความสุขให้เกสต์
 
         “หน้าที่ของแคชเชียร์คือคิดเงินและเอนเตอร์เทนเกสต์ ทั้งทักทาย สแกนของ รับ-ทอนเงิน คอยอำนวยความสะดวกให้เกสต์ค่ะ อาจจะมีตอบคำถาม บอกทาง ชี้จุดวางสินค้าว่าอยู่ตรงไหน ถ้ามีช่วงว่างๆ ก็ไปสะบัดกระโปรงเจ้าหญิง เต้นระบำทักทายเกสต์ ><”
 
         “ช่วงแรกเรางงเงินดอลลาร์มากกก เกลียดคณิตด้วย กลัวเหมือนกันว่าจะรอดมั้ย แต่ทำไมไปทำมาก็โปรเฉยเลยยย ส่วนคำถามที่ตอบเกสต์ไม่ได้ช่วงแรกๆ ผ่านไป 2-3 วีคก็ค่อยๆ ดีขึ้น จากการไปกิน เที่ยว ช็อปปิง เล่นเครื่องเล่นเอง ทำให้เราแนะนำเขาได้”


 
         “นอกจากนี้ยังมี ‘Pin Trading’ คือแลกเปลี่ยนเข็มกลัดกับเกสต์ บางคนก็เก็บเฉพาะอันที่ชอบ บางคนสะสมเป็นคอลเลกชัน กฎคือถ้าเขาอยากได้อันไหนห้ามปฏิเสธ (ตอนมีสวยๆ แล้วคนมาขอแลกคือแบบ หึ่ยยยย มันไปแล้วว TT) กิจกรรมนี้ทำให้การเป็น merchandise มีสีสันมากกก”

         “ถ้าชอบสุดเลยคือตอนแจกสติกเกอร์ ที่ดิสนีย์จะมีสติกเกอร์เป็นโรลม้วนใหญ่มากๆ ไว้ตรงแคชเชียร์ให้เราแจกเกสต์เพื่อสร้าง Magical Moment ค่ะ ส่วนใหญ่ที่แจกไปจะเป็นรูปมิกกี้หรือบอส และเจ้าหญิงดิสนีย์ เพราะเราทำในแฟนตาซีแลนด์ เราจะชอบแจกเด็กที่กำลังงอแง เขาหยุดร้องไห้แล้วยิ้มทันทีเลยค่ะ 555”


 
Stock
เจองานนี้ครั้งแรกเป็นต้องหลั่งน้ำตา
 
         “เขาว่ากันว่าคนที่ทำสต็อกครั้งแรกก็ผ่านหลั่งน้ำตากันมาทั้งนั้น...แน่นอนว่าเราด้วย TT มันไม่ได้ยากนะ แต่เหนื่อยจริงๆ ค่ะ สำหรับงาน stock คือเราต้องสวมเชิ้ตแขนสั้น กางเกงขาสั้น รองเท้าดำ จัดของเติมของ ทำสต็อกในร้านไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าได้ Area stock นี่พีคมากกก เติมน้ำแข็งในถัง น้ำขวดโซดา sqeez breeze (เกลียดมานนนน) เข็นๆๆ ไปเติมในรถเข็น เดินๆๆ สู้สุดจริงค่ะอันนี้” 
 
         “แต่ถ้าเป็นสต็อกในร้าน (Floor Stock) เราชอบเพราะเคยใฝ่ฝันว่าอยากจัดตุ๊กตามิกกี้มินนี่ แล้วก็ได้ทำจริงๆ ฟินมากก น้องนุ่มนิ่มน้องน่ารัก จัดขาให้เข้าที่ จัดขวาให้ไขว้กัน ^^”


เล่าช็อตประทับใจ

1 วันก่อนลงสนามจริงโดยไม่มีคนเทรน!


สัมผัสงานแคชเชียร์ครั้งแรก
 
         “ช็อตประทับใจสุดขอยกเป็นตอนเช้าที่เทรนงานครั้งสุดท้ายก่อนทำงานจริงค่ะ เราได้รับมอบหมายงานแรกให้มาเป็นแคชเชียร์ที่ castle couture มีเสื้อผ้าและเครื่องประดับของเจ้าหญิงทุกงาน ข้างๆ มีเพื่อนอินเดียที่เทรนมาด้วยกัน นางอยู่ขั้นเหวอๆ แต่เราจะเด๋อพร้อมกันไม่ได้ ต้องช่วยกันพยุงๆ 555 พอเกสต์ถามก็ช่วยกันหาคำตอบเต็มที่ มีท้อๆ บ้างช่วงยังบอกทางไม่ถูก แต่สนุกกับการสแกนของแล้วเอาลงถุง”

โรย Pixie Dust ให้พรเกสต์
 
         “ส่วนที่ชอบสุดในร้าน ยกให้ Pixie Dust ที่ทิงเกอร์เบลทำให้ปีเตอร์แพนบินได้ เป็นโมเมนต์ที่น่ารักโคตร เรามีไม้คทา glitter เอาไว้โรยบนผมของเกสต์ พร้อมท่องว่า with a little bit faith, trust, and pixie dust, may all your dreams and wishes come true! พูดไปโรยไป ทุกคนก็.. เยยย์ โอมายย แต๊งกยิ้วววววว *ซาบซึ้ง* เราก็ ‘you're welcome, have a magical day’ พร้อมยิ้มกว้างแบบเป็นมิตรสุดๆ ค่ะ เราแฮปปี้มาก โปรยทั้งวัน เด็กและผู้ใหญ่ก็มารับพรกันใหญ่ บางทีวัยรุ่นมาเป็นแก๊งก็มี บางคนสูงกว่าเราก็ถึงกับต้องย่อตัว กลิตเตอร์เต็มตัวไปหมดด”




ช่างแต่งตัวของ Princess

         “ส่วนงานที่ 2 ที่ได้ทำคือ Dressmaker ช่างแต่งตัวของ princess นั่นเองค่า ชอบงานนี้มากกก เหมือนเราได้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเจ้าหญิง รับชุดไหนดี? พาไปดูรอบๆ สำรวจว่ามีชุดอะไรบ้าง เลือกไซซ์แล้วเช็กว่าโอเคมั้ย ดูแลทุกอย่างยันพาไปห้องลอง สนุกมากๆ พ่อแม่ทำหน้าประทับใจแล้วตื่นเต้นไปกับลูกๆ ช่วงว่างเราก็เดินแจกสติกเกอร์วนไป วันเกิดใครก็ Happy Birthday พร้อมโปรย pixie dust”
 
         “สรุปวันนี้ทำงานไป 6 ชั่วโมง รู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมาก ยังอยากทำต่อไปอีก (ถ้าไม่นับเจ็บเท้า 555) เข้าใจแล้วที่เขาบอกว่า ถ้าได้ทำงานที่รัก เราจะมีความสุขและอยากทำตลอดเวลาเลย”



 

เราสายเน้นประสบการณ์ไม่เน้นเก็บตังค์~
 

         “เราได้เรียนรู้การทำงานแบบมืออาชีพ เรียนรู้ผู้คนจากการทำงานกับเพื่อนหลากหลายชาติและพบเกสต์จากทั่วโลก ซึ่งมีความต่างทั้งภาษา สำเนียง และวัฒนธรรม แล้วฝรั่งทำงานมืออาชีพมากค่ะ มีอะไรพูดกันตรงๆ ได้เลย”

         เรื่องรายได้ ทางดิสนีย์ให้ชั่วโมงละ 10 ดอลลาร์ โดยให้ทำงานสัปดาห์ละไม่เกิน 35-40 ชั่วโมง เราก็ทำประมาณ 6-10 ชม.ต่อวัน สัปดาห์นึงก็ได้ 400 ดอลลาร์ หักค่าบ้านค่าใช้จ่ายต่างๆ ของตัวเองเกือบ 200 ที่เหลือก็ชิปช็อปใช้หมดไปเลยค่ะ เน้นประสบการณ์ไม่เน้นเก็บตังค์ กลับมาเหลือเท่าไหร่ไม่พูดดีกว่า 55555”
 
         “ตอนฝึกงานเราจะพักในหมู่บ้านดิสนีย์ที่เป็นอพาร์ตเมนต์ชื่อ vista way เป็นห้องรวม 4 คน ทำกับข้าวทานเอง ผลัดเวรทำความสะอาดห้อง ตื่นให้ตรงเวลา เพราะต้อง clockin ตรงเวลา ถาสายจะโดนหัก point หรือถ้าแย่มากอาจโดนไล่ออกได้นะ”





 

จากความประทับใจตอนฝึกงาน

สู่การเปิดร้านอาหารของตัวเอง!
 

         "คำขวัญของดิสนีย์ที่เป็นเหมือนคติประจำใจเราไปแล้ว ก็คือ 'I personally create happiness' เราชอบสร้างโมเมนต์ความสุขให้คนอื่น เหมือนกับ Magical Moment ในดิสนีย์เลย พอกลับไทยมาเราติดนิสัยมาหลายอย่าง เช่น ยิ้มและทักทายคนแปลกหน้า อาสาถ่ายรูปให้คนอื่น ที่สำคัญคือเราหยิบประสบการณ์และความรู้สึกตอนทำดิสนีย์กลับมาสร้างสถานที่ที่ spread happiness นั้นไปอีก เป็นร้านอาหารทานเล่นชื่อ 'more shake' คุมโทนสีเหลืองที่มอบความสดชื่นสดใส หน้าร้านมีกระจกให้ถ่ายรูปพร้อมข้อความ 'I want you to be happier' (มาจากเพลง Happier - Marshmello)"




 
        "หลักๆ ในร้านจะมี 3 เมนูคือ 1. เฟรนช์ฟรายส์ signature ของร้านจะเป็นดิปซาวครีม หรือแบบเขย่าผงเครื่องเทศหลายรสชาติ 2. อกไก่ทอดคลุกซอส อกไก่เน้นๆ ไขมันต่ำ โปรตีนสูง คงสูตรแป้ง ความกรอบ และคลุกซอสแบบเกาหลี มีทั้งรสสไตล์ไทยๆ แบบกระเทียมและหอม รสหมาล่า และรสพริกสไตล์เกาหลี 3. คาลามาริ ปลาหมึกวงใหญ่ๆ ชุบแป้งทอดจิ้มกับซาวครีมของร้าน ราคาเริ่มต้น 59 บาท (ทั้งอกไก่กับปลาหมึกร้านทำแบบโฮมเมด) มีแบบเซ็ต 120-300 บาท มีแบบ Happier Set และ Premium Set ด้วยนะคะ"
 
         ร้านนี้เราใช้นิสัยการบริการจากที่ฝึกงานดิสนีย์ไปเต็มๆ ทุกกล่องที่เดลิเวอรีจะมีโน้ตลายมือเราติดทุกกล่อง มีทั้งแซว ทักทาย ให้กำลังใจ แถมมีเซอร์ไพรซ์เพื่อนหรือแฟนช่วงสอบด้วย เราเคยนั่งวินไปส่งให้ผู้ชายคนนึงที่ร้านคาเฟ่แถวมหา’ลัย บอกว่าแฟนฝากมา ฮือฮาทั้งโต๊ะเลย 5555 ถ้าใครอยากได้โน้ตแบบไหนก็บอกเลย เราเขียนให้ บางทีเราอ่านแล้วเขินจนอยากส่งให้ตัวเอง”


         “นอกจาก ‘more shake’ ก็มีสตาร์ตอัปชื่อ ‘more sheet’ แพลตฟอร์มซื้อขายชีทสรุปออนไลน์ เริ่มจากที่เราชอบทำชีทสรุปไว้อ่านเอง พอปี 3 ก็ได้ลองทำขายที่ร้านถ่ายเอกสาร แต่ไม่เวิร์กเพราะเข้าถึงคนน้อยและเหนื่อยส่งมากๆ เลยลองทำเป็นรูปแบบเว็บไซต์ moresheet.co สโลแกน #เพื่อนยามยากในทุกการสอบ คนจดเก่งมีรายได้ คนซื้ออ่านไปก็ได้ความรู้ ตอนนี้เริ่มขยายจาก มธ. ไปเชียงใหม่กับแม่ฟ้าหลวงแล้ว ^^”

 

แชร์วิธีเตรียมตัว
สำหรับคนอยากฝึกงานดิสนีย์

 

          จากที่ได้ฟังชีวิตครบรสที่ทำให้เธอได้แพ็กความสุขกับประโยชน์ใส่กระเป๋ากลับไทยมาเต็มๆ เราเลยเชื่อว่าต้องมีคนที่ฮึดอยากคว้าโอกาสนี้บ้าง เลยขอคำแนะนำสำหรับน้องๆ ที่สนใจโครงการนี้ “เราจะขอเล่าในมุม Merchandise หรือคนขายของ ตำแหน่งนี้ได้สื่อสารกับคนอื่นมากที่สุด เราคิดว่าคนที่ได้มาทำดิสนีย์(โดยเฉพาะตำแหน่งเรา) ควรมีคุณสมบัติดังนี้คือ
 
         1. สื่อสารภาษาอังกฤษได้ เน้นเข้าใจและฟังรู้เรื่อง เราจะได้เจอเกสต์ที่สำเนียงต่างกัน ถ้าฟังไม่ออกจริงๆ ก็ ‘pardon?’ หรือให้เพื่อนข้างๆ ช่วยคุยให้ พออยู่สักพักจะชินและฟังออกมากขึ้นค่ะ แล้วถ้าใครได้ภาษาสเปนจะดีมาก เพราะคนใช้เยอะ เราจะได้ฝึกเต็มที่แน่ๆ

         ส่วนวิธีฝึกภาษาของเรามีหลักง่ายๆ คือ input เยอะๆ แล้ว output จะดีเอง เช่น ถ้าอยากพูดได้ ก็ต้องฝึกฟังเยอะๆ โดยการดูหนัง (เสียง/ซับเป็นภาษาอังกฤษ) ไม่จำเป็นต้องแปลได้หมด ค่อยๆ ซึมซับประโยคกับสำเนียง ส่วนคนอยากเขียนเก่งก็ให้อ่านเยอะๆ เลือกเรื่องที่ตัวเองสนใจค่ะ”


 
         2. ยิ้มเก่ง สำคัญมากสำหรับคนทำ front stage ที่ต้องพบปะผู้คน ‘Don’t forget to greet and smile’ จะอยู่ในใบมอบงานของทุกวัน เราต้องยิ้มทักทายกับทั้งเกสต์และ Cast Member ด้วยกันเอง การทำงานที่นี่จะฝึกให้เรายิ้มบ่อยและมนุษย์สัมพันธ์ดีขึ้นจริงๆ
 
         3. มีสติและไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรนะะ) แต่วัฒนธรรมของที่นี่คือถ้าทำผิดหรือ feel sorry คนรอบข้างจะให้กำลังใจ ‘It’s OK. You are good!' พอทำงานไปเรื่อยๆ จากที่ลนๆ เหวอๆ ก็ควบคุมตัวเองได้มากขึ้น ใจเย็นและรอบคอบขึ้น เรียนรู้จากข้อผิดพลาด ถ้ามีปัญหาก็ปรึกษา coordinator leader ได้เลย
 
         4. พึ่งตัวเองได้ เวลาทำงานจะไม่มีเกาะกลุ่มกับเพื่อน บางทีเราอยู่แคชเชียร์คนเดียวด้วยซ้ำ วันหยุดก็เที่ยวคนเดียวเพราะเพื่อนๆ ไม่ได้ day off พร้อมกัน มันทำให้เราโตขึ้นมากๆ"



 

บอกเล่าสั้นๆ

สเน่ห์ของแต่ละโรล
 

         ขอบอกไว้ก่อนว่าชีวิตการทำงานอาจไม่ได้สวยหรูเสมอไป แล้วแต่ดวงด้วยว่าจะทำร้านไหน ชั่วโมงมาก-น้อย ร้านเล็ก-ใหญ่ เกสต์เยอะ-น้อย ยุ่งว่างบ้างว่าง ส่วนมากเหนื่อย ไม่ได้ชิลล์ตลอดแน่นอนค่ะ 5555 แล้วนอกจากทำในพาร์ค ยังมีที่สวนน้ำ โรงแรม รีสอร์ท และ Disney Springs ที่เป็นมอลล์ย่อมๆ (รีสอร์ทและร้านขายของทีนี่สวยมากๆ ค่ะ)”
 
  • Quick Service food & beverage (QSR) ครบเครื่องเรื่องอาหารเลย ทำในร้านอาหารและของกินต่างๆ ทั่วดิสนีย์ ทั้งขนม ป็อปคอร์น ทำไอศกรีม กดน้ำ ทำอาหาร เช็ดโต๊ะ รับออเดอร์ แคชเชียร์ เสิร์ฟ ฯลฯ
  • Lifeguard ประจำจุดที่เล่นน้ำ ทั้งสวนน้ำและโรงแรม *มีสอบว่ายน้ำนะคะ*
  • Operation หรือ Attractions อธิบายรวมๆ คือบางคนได้คุมเครื่องเล่น พูดต้อนรับ บางคนดูความเรียบร้อยตอนจุดพลุ บางคนดูพาเหรดสลับกันไป
  • Entertainment: Character Performer เหล่ามาสคอตทั้งหลาย ส่วน Character Attendant เป็นคนที่อยู่กับมาสคอต
  • Seater พูดง่ายๆ คือพาเกสต์ไปนั่งที่โต๊ะ ดูตั้งแต่ระบบการจองโต๊ะ
  • Custodial ฝ่ายทำความสะอาด ดูแลทุกจุดตั้งแต่พื้นพาร์คไปจนถึงห้องน้ำ เราชอบตอนที่เขาวาดตัวการ์ตูนบนพื้นด้วยน้ำมากๆ อะ เก่งมากกก
  • Costuming ฝ่ายคอสตูมประจำที่ต่างๆ จัดเสื้อผ้าของ cast member ให้คำแนะนำและหาชุด


อย่าลืมพาตัวเองไปเรียนรู้โลกภายนอก
 

         “สุดท้ายนี้อยากฝากถึงน้องๆ ว่าจงใช้ชีวิตช่วงเรียนให้คุ้ม อย่าพึ่งแค่การศึกษาในระบบสถาบัน แต่ควรออกมาค้นหาความชอบ-ความไม่ชอบ ความถนัด คอนเนกชั่นที่อาจได้พึ่งพากันในอนาคต บาลานซ์เวลาทั้งเรียนและกิจกรรมให้ดี ที่สำคัญคือ mindset ของตัวเองว่า I can do it ทุกอย่างเป็นไปได้นะถ้าตั้งใจ ทุกเส้นทางของมินนี่ ทั้งสมัครดิสนีย์ ทำร้านอาหาร มันไม่ง่ายเลย แต่เรามุ่งมั่นทุ่มเท ใช้ใจบันดาลแรง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สู้ๆ นะ แล้วถ้ามีโอกาส อยากชวนมาแวะมาพูดคุยที่เพจและไอจี minniemore หรือมาเจอกันที่ more shake มธ. ได้เลยค่า \(^O^)/”


 
         ฟังน้องมินนี่เล่าไป พี่ก็นั่งจินตนาการในหัวแล้วมันฟินจริงๆ ค่ะน้องงง ถ้าใครมีความฝันอยากทำงานแบบนี้ในดินแดนที่เหมือนอยู่ในความฝัน อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ อยากให้ค่อยๆ ฝึกฝนภาษาให้แกร่ง เก็บประสบการณ์ฝึกตัวเอง เพื่อจะได้คว้าโอกาสเปิดโลกแบบนี้ เพราะสิ่งที่ได้มามันคุ้มค่ามากจริงๆ ค่ะ (ปกติ roadshow จะมีช่วง ส.ค. ใครรอรอบหน้าเตรียมตัวให้พร้อม อย่าลืมติดตามข่าวสารการเปิดรับสมัครจาก London House และเพจ Londonhouse Chiangmai นะคะ)

ช่องทางติดตาม
https://www.instagram.com/moreshake.co/
https://www.instagram.com/moresheet.tu/
https://www.instagram.com/minniemore/
https://www.instagram.com/moreinspire.co/
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Mikuuu. Member 7 มี.ค. 63 12:02 น. 2

ชอบที่นางเล่า ประสบการณ์ FWB/ ONS ของตัวเองงเพจมากกว่า เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะวัฒนธรรม และประเพณีของฝรั่งเขาเปิดกว้างเรื่องพวกนี้มากกว่ามาก

แล้วนางเป็นผู้หญิงคงจะหาได้ไม่ยาก ตามธรรมชาติ ผู้ชายใจดี/ใจกว้างกว่าอยู่แล้ว https://image.dek-d.com/27/0079/5483/130089420 https://image.dek-d.com/27/0079/5483/130089421

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด