และคนอีกกลุ่มนึงที่เรารู้สึกเป็นห่วงมากๆ คือ   “นักเรียนไทยในเกาหลีใต้” ที่ต้องเผชิญผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ทีมเรียนต่อนอกจึงต่อสายชวนมาอัปเดตสถานการณ์ในเมืองที่น้องๆ อยู่ นั่นก็คือกรุงโซล (Seoul) และปูซาน (Busan)   ว่ารุนแรงขนาดไหน?   น้องๆ    ได้ผลกระทบอะไรบ้าง? และทางการเกาหลีออกมาตรการอะไรเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ครั้งนี้?
 

                  “ถ้าเป็นในโซลจะยังไม่ได้หนักเท่าแทกู (Daegu) ครับ ของกินของใช้ยังไม่ถึงกับหายาก ไม่ได้มีมาตรการเข้มงวดถึงกับห้ามออกจากบ้าน แต่หลายสถานที่ปิดทำการเพราะเสี่ยงติดเชื้อ นอกจากนี้เขาก็ต่อวีซ่าให้ทุกคนถึง 30 เม.ย. นี้ และมีคำแนะนำออกมาว่าถ้าไม่จำเป็นไม่ควรไปสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง"

                  
                  "  ส่วนผลกระทบเรื่องเรียน มหา’ลัยเบ๊บเลื่อนจากเปิดเทอมต้นเดือน มี.ค. ไปเป็น 16 มี.ค. และกำหนดการเข้าหอก็ถูกเลื่อนออกไปด้วย ทำให้เราต้องหาที่อยู่เองข้างนอกนานขึ้น และในหลายมหา'ลัยเขาจะมีตรวจสุขภาพและตรวจหนังสือเดินทางว่าเราไปไหนมาบ้างเพื่อเมกชัวร์ว่าเราไม่ได้มาจากจีน ถึงจะให้เข้ามหา'ลัยได้ตามปกติ (ถ้ามีอาการที่เข้าข่ายเสี่ยง จะแยกไปดูอาการ 14 วัน)”
 

                  “ผมเห็นที่เกาหลีเขาจริงจังมากๆ เดินพ่นยาฆ่าเชื้อตามถนนกับรถไฟฟ้า มีน้ำยาให้ล้างมือแทบทุกที่ มีคนส่วนน้อยมากที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย   ซึ่งต้องบอกว่าหน้ากากทั้งแพงและหายากมาก   แต่รัฐบาลจัดการปัญหานี้โดยจะเอามาขายตามไปรษณีย์ ราคา 1,000 วอน/ชิ้น หรือราวๆ 30 บาท จำกัดให้ซื้อได้คนละ 5 ชิ้น (อ่านเพิ่มเติมที่นี่) "
             
                " แล้วสมมติเรามีเชื้อ แต่ปฏิเสธไม่ให้ตรวจ จะเสียค่าปรับสูงสุด 3 ล้านวอน หรือราวๆ เกือบแสนบาทไทย (อ่านข่าวต้นฉบับภาษาเกาหลีได้ที่นี่) แล้วถ้าพบเชื้อแต่ปฏิเสธการกักตัว ก็มีโทษแบบให้จำคุก ดูรัฐบาลเขาพยายามรับมือเต็มที่มาก คุ้มกับเงินภาษีประชาชนที่แท้ทรู”
 

 

                  “เบ๊บเองไม่ได้กลับไทยเพราะมีข้าวของที่รอย้ายเข้าหอวันที่ 7 มี.ค. แล้วยังติดเรื่องวีซ่ากับเอกสารทุนต่างๆ เพราะเด็กทุนจะเข้าออกประเทศแต่ละครั้งต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่ให้ทุน และตามเงื่อนไขจะมีจำกัดครั้งที่ให้ออกประเทศด้วย เลยอยากเก็บไว้ช่วงซัมเมอร์มากกว่าครับ”
 

(ภาพจากน้องเบ๊บ)


(ภาพจากน้องเบ๊บ)
เปรียบเทียบ COEX Mall  หน้าร้อนกับช่วงหลัง Covid-19 ระบาด
ปกติคนจะเยอะมากๆ ตอนนี้แทบไม่มีคนเลย
 

                  “ที่ตั้งเมืองปูซานจะอยู่ไม่ห่างจากแทกู และมีผู้ติดเชื้อประมาณ 50-60 คนแล้ว ทางมหาวิทยาลัยเลื่อนเปิดจากวันที่ 2 เป็นวันที่ 17 มี.ค. สถานการณ์ข้างนอกหนูยังไม่ค่อยได้เห็น แต่ทราบว่าเขาจะพยายามไม่ให้คนอยู่ใกล้ชิดกัน”
 

                  “หนูโดนกักตัวตั้งแต่วันแรกที่เดินทางถึงเกาหลีเลยค่ะ   (27 ก.พ.) มีรถจากมหาวิทยาลัยมารับ และภายใน 14 วันนี้เขาสั่งห้ามออกจากห้อง      พอถึงเวลากินข้าว เจ้าหน้าที่จะนำอาหารมาวางไว้หน้าห้อง พอเราทานเสร็จก็ส่งคืน แล้วทุกเช้า-เย็นในแต่ละวันต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหูมิร่างกายส่งเข้าไลน์กลุ่มด้วย จริงๆ หลังพ้นช่วง 14 วันนี้ไปแล้ว เขาก็ยังไม่อยากให้เราออกนอกตัวมหา’ลัยอยู่ดี เพราะข้างนอกอันตรายมากๆ ค่ะ”

                  “ความรู้สึกตอนนี้คือเบื่อมากกก แต่เริ่มชินแล้ว และเราก็ทำตามกฎอย่างดีค่ะ หนูรู้สึกว่าเขาดูแลพวกเราดีเลย อาหารอะไรก็ดี ปริ้นเองไม่สามารถกลับไทยได้  เพราะตามเงื่อนไขทุน    ช่วงปรับภาษาปีแรกเราจะยังไม่สามารถกลับประเทศได้ค่ะ”

(อาหารจากทางการเกาหลี)
 

                  เราต้องขอขอบคุณน้องๆ ที่ช่วยมาอัปเดตสถานการณ์ความรุนแรงและมาตรการที่รัดกุมของทางการเกาหลีใต้นะคะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยและก้าวผ่านเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ไปด้วยกัน   สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่เกาหลีหรือที่ใดก็ตาม   หากพบว่าเราหรือคนรอบข้างมีอาการเข้าข่ายปอดอักเสบ เช่น ไอ จาม เจ็บคอ ฯลฯ รีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการโดยเร็วที่สุด     ( หากมีข้อสงสัย ติดต่อสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422)