ชีวิตวุ่นๆ ของเด็กทุนรัฐบาลเกาหลีที่ ม.การแพทย์ 'Konyung' ทันสมัย แล็บดี (โดนบัดดี้เทตั้งแต่วันแรก!)


          สวัสดีค่ะชาว Dek-D ช่วงโควิดที่ผ่านมาหลายคนน่าจะเห็นเทคโนโลยีที่เข้ามาซัพพอร์ตด้านการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจแบบ minimal ลดต้นทุน  ตู้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย การทำไบโอเซนเซอร์ตรวจเชื้อ ฯลฯ นี่คือผลงานส่วนหนึ่งของผู้ที่ทำงานด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ หรือ Biomedical Engineering นั่นเองค่ะ  แล้ววันนี้เราจะพาไปรู้จักคนไทยขอทุนไปต่อ ป.โท คณะนี้ที่ Konyang University ซึ่งเป็น ม.แพทย์ในเมืองแดจอน บรรยากาศในและนอก ม.คือทันสมัยมาก แต่ชีวิตวุ่นวายตั้งแต่เริ่ม! ทั้งป่วยก่อนบิน ไปถึงเจอบัดดี้เท ในขณะที่พูดเกาหลีได้แค่ 2-3 คำ แล้วยังต้องไปเจอคลาส discuss มันส์ๆ ภาษาเกาหลีล้วนไปอีกกก ตามไปอ่านกันเลยค่ะ!


ตึกเรียน

 

กว่าจะได้ทุน GKS
ทุนในฝันของคนอยากเรียนเกาหลี!

 

           “สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘กี้’ ธันยพร ระวังนาม จบ ป.ตรี ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ มศว (Department of Biomedical Engineering) แล้วขอทุนรัฐบาลเกาหลี GKS ไปเรียนต่อที่คณะ Biomedical Engineering (의용공학과) ที่ Konyang University (Medical Campus)  ทุนนี้ให้ฟรีตั้งแต่ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าประกัน ค่าตั้งรกราก ค่าทำวิจัย (สำหรับ นร.ที่เรียนระดับปริญญาเท่านั้น) โดยรวมคือคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีกค่ะ”
 
Note: ถ้าป.โทจะรับช่วงกุมภาพันธ์ของทุกปี อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.studyinkorea.go.kr 


 
           “ทุนนี้จะให้เราเรียนภาษา 1 ปี + ป.โท 2 ปี หรือ  ป.เอก 3 ปี โดยก่อนเริ่ม ป.โทต้องผ่าน TOPIK ระดับ 3 ก่อน อันนี้แล้วแต่มหา’ลัยด้วยค่ะ บางคนอยู่มาสักระยะแล้วขอระดับ 4,5 ก็มี ส่วนคนที่จะได้รับการงดเว้นไม่ต้องเรียนภาษา ก็ต้องมี TOPIK 5 หรือถ้าเรียนภาษา 6 เดือนแล้วได้ระดับ 5 ก็ต้องย้ายไปเรียนมหา’ลัยเลย ไม่มีสิทธิ์เรียนภาษาต่อ // แต่ไม่ต้องกังวลสำหรับผู้เริ่มต้นค่ะ แค่ระดับ 3 ก็หืดขึ้นคอแล้วว”
 
           “ส่วนขั้นตอนขอทุนที่คิดว่ายากสุดคือ Study Plan เรามีเล่าว่าเคยฝึกงานที่สถาบันวิจัยและแข่งเกี่ยวกับ Social Assistance แล้วพยายามเขียนให้เห็นว่าเราสนใจคณะนี้และมหาวิทยาลัยนี้จริงๆ (รีเสิร์ชเยอะๆ) ต้องบอกว่าส่วนนึงที่ได้ทุน เพราะอาจารย์ มศว ที่ภาคช่วยซัพพอร์ตการศึกษาตลอด สมมติบอกว่าอยากไปเรียนต่อประเทศไหน ก็จะแนะนำทุนกับรุ่นพี่ให้ ทำให้มีข้อมูลเยอะ แล้วเขาจะช่วยเตรียมความพร้อมให้โพรไฟล์เราพร้อมเรียนต่อด้วยค่ะ"

 

ช่วงปรับตัวสุดรันทด

บัดดี้เท / ป่วยก่อนบิน / พูดเกาหลีไม่ได้
 

           “เอาจริงๆ เรามาช้ากว่าชาวบ้านเขาเพราะป่วยกะทันหัน แต่ก็พอรู้คร่าวๆ ว่าถ้าเกิดมาถึงจะมีบัดดี้ปรากฏตัว บางคนโชคดีมาก ได้บัดดี้เทคแคร์สุดๆ แต่กรณีเราคือ...โดนเทค่ะ ตอนแรกบอกว่าจะมารับแล้วพาไปที่มอนะ แต่พอก่อนเดินทางก็ทักมาขอโทษว่าไปไม่ได้แล้ว และไม่เคยติดต่อมาอีกเลย ช่างเศร้าอะไรขนาดนี้คะท่านผู้ชม TT แต่ก็ต้องขอบคุณบัดดี้คนอื่นที่ช่วยเราอย่างดีมากๆ เลยค่ะ”
 
           “เราอยู่ในเคสเก็บตกคนมาช้า สิ่งที่ทำตอนมาถึงคือลงทะเบียนเข้าหอพัก แล้วไปหารายชื่อตัวเองหน้าป้อมรักษาความปลอดภัยว่าอยู่ตึกไหน จากนั้นก็ได้กุญแจห้องมาค่ะ  ความมันส์คือเราพูดเกาหลีไม่ได้ และเจ้าหน้าที่ก็พูดอังกฤษไม่ได้เลย กว่าจะเคลียร์คืออาศัยคนที่เดินผ่านมาช่วย 555”

หอพักดีงามมากกกก





 
           “พอวันต่อมาเขาก็เรียกรวมตัวตรวจสุขภาพและทำข้อสอบวัดระดับว่าควรอยู่ห้องไหน สำหรับเราอยู่ Beginner ไม่ต้องสอบ เพราะอ่านไม่ออกนั่นเองค่ะ (ฮาาาา)  นอกจากนี้ก็มีพาชมมหา’ลัย รอประกาศผลห้องเรียน แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่เคสเก็บตกแบบเราเขาจะพาไปเปิดบัญชีธนาคาร ปั๊มลายนิ้วมือที่ immigration office และปฐมนิเทศ **ส่วนบัตร Alien Resident Card (ARC) ที่สำคัญมากๆ ใช้เปิดเบอร์มือถือและลงทะเบียน ทางมอที่เรียนภาษาจัดเตรียมให้พร้อมทุกอย่าง เราก็แค่เตรียมรูปที่สวยและหล่อสุดในชีวิตให้เจ้าหน้าที่ แล้วเขาจะพาไปปั๊มลายมือค่ะ มอเราคือรอ 2 สัปดาห์ได้บัตรเลย"

 

ช่วงปรับภาษาสุดแฮปปี้

กอดเก็บความชิลล์ช่วงนี้ไว้
 

           “เรารู้สึกชอบตั้งแต่เดินทางถึงเกาหลี มันทั้งสนุก เดินทางสะดวก ได้ทดลองใช้ชีวิต เปิดมุมมอง เรียนรู้วัฒนธรรมจากคนหลากหลายชาติ (เพราะเป็นทุนนานาชาติ)  อยู่ที่นี่เราพูดภาษาอังกฤษได้แบบไม่อาย  เพราะเขาไม่ได้มาโฟกัสเรื่องแกรมมาร์ อย่างแรกๆ มีเพื่อนเนปาลที่ไม่เก่งอังกฤษ  แต่ไปๆ มาๆ พัฒนาขึ้นมาก เพื่อนๆ ก็มีน้ำใจไปไหนไปกัน เหงาๆ ก็พาไปเดินเล่นด้วย”
 
           “และถึงแม้ตอนมาเราจะรู้ภาษาเกาหลี 2-3 คำ แต่ช่วงที่สนุกสุดก็คือช่วงปรับภาษานี่แหละ เราได้เรียนปรับภาษาที่ Korean Language Institute at Keimyung University อิสระมากกกก เรียนภาษาทุกวัน ตกบ่ายไปใช้ชีวิตของตัวเองได้ กอดเก็บความชิลล์ช่วงนี้ไว้ เพราะพอปรับภาษาเสร็จไปเรียน ป.โท จะได้เรียนตั้งแต่ 9.00-18.30 น. นี่คือขั้นต่ำที่กลับไวสุด”







 

ส่องจุดเด่นของ Konyang

ห้องแล็บเยอะ ตึกมินิมัลดุจโรงพยาบาล
 

           Konyang  University เป็นมหาวิทยาลัยการแพทย์เล็กๆ ในเมือง ย้ำว่าเล็กมากจริง ถ้าเห็นผังก็คือตึกเรียน / หอพัก / ตึกเรียน / หอพัก คั่นกันแบบนี้เลยค่ะ ช่วงปรับภาษาต้องขึ้นลงเขาทุกวัน แต่นี่คือเดินจากหอ 30 วิถึงมอ ตึกก็ดีไซน์เรียบหรูมินิมัลเหมือนโรงพยาบาล เหมือนชนิดที่ว่าคนแยกไม่ออกแล้วมาถามหาแผนกลงทะเบียนผู้ป่วยทุกวันเลยค่ะ” 

           “จุดเด่นอย่างนึงของมอนี้คือแล็บพร้อมมาก อย่างใน Biomedical Engineering จะมีแล็บ Biology, Biomechanics, Medical & Devices, Bio Material, etc.  ทำให้นักศึกษามีตัวเลือกเยอะ รองรับความสนใจที่หลากหลาย แถมยังมีโรงพยาบาลในมอ สมมติอยากเก็บเคสก็แค่บอกอาจารย์ เขาจะไปดีลกับคณะแพทย์เพื่อให้เราเข้าไปได้ เชื่อมต่อกันหมด (เกาหลีทุนวิจัยเยอะมากด้วยนะ)”
 


ตรงกลาง = หอพัก / ข้างๆ =  ตึกเรียน
(ใกล้มากกก5555)


ตึกเรียน
 

Photo Credit: https://www.konyang.ac.kr/
 

“วิศวกรรมชีวการแพทย์”

สายนี้บูมมากในเกาหลี (ช่วยคนและโลก)
 

           เนื้อหา Biomedical Engineering = วิศวะ + ชีวะ ในนั้นมีหลายหัวข้อเลย เช่น วัสดุทางการแพทย์, เครื่องมือ  ระบบจัดการมาตรฐานโรงพยาบาล, เทคโนโลยีการประมวลผลทางภาพ, ชีวกลศาสตร์ ส่วนที่เรามาศึกษาลงลึกที่เกาหลีคือเทคโนโลยี 3D cell culture ที่เพาะเลี้ยงในระบบ Pillar, Chip เพืิ่อพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงเซลล์สำหรับการวิจัยทดลองทางการแพทย์  ซึ่งข้อดีอย่างนึงตอนเรียน  มศว คือเริ่มทำวิจัยเร็วทุกคน ต่างจากที่เกาหลีที่ต้องสนใจแล็บนั้นจริงๆ ถึงจะเริ่มเร็ว บางคนไฟแรงแบบเริ่มตั้งแต่ปี 1



รูปแสดงการจำแนกการเพาะเลี้ยงเซลล์แบบสามมิติ
Credit: [BRIC View, 3차원 세포배양 기술의 연구 및 상용화 동향, 최재원, 이동우]

 
           ความสำคัญของสายนี้คือปกติแล้วโลกเราจะมีการทดลองยา, ผลิตภัณฑ์, เวชสำอางค์โดยใช้สัตว์ ซึ่ง เป้าหมายของเราคือลดการทดลองในสัตว์ลง ไม่ต้องเลี้ยงในนั้น  ไม่ต้องฆ่า แล้วหันมาทดลองเซลล์จริงทั้งรูปแบบ 2 และ 3 มิติ ถ้า 3 มิติจะมีตั้งแต่เซลล์ธรรมดาทั่วไป > Spheroid (เซลล์ก้อนๆ) > Organoid (พัฒนาเป็นอวัยวะ) > และจะพยายามพัฒนาใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด ซึ่งทุกวันนี้ยังอยู่ในขั้น organoids อยู่เลยค่ะ การทดลองก็ทำผ่านระบบ Chip หรือ  Pillar พอมาที่นี่เราได้เรียนตั้งแต่เพาะเลี้ยงเซลล์  //ช่วงโควิดก็จะต้องมาแล็บ ไม่งั้นเซลล์ตาย”
 
           “ปัจจุบันนี้ไทยตั้งตัวว่าจะเป็น Medical Hub ต้องพัฒนาระบบโรงพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ เทคโนโลยีการแพทย์ ฯลฯ ดังนั้นสายนี้จะสำคัญและช่วยยกระดับการแพทย์ในประเทศให้ก้าวไปอีกขั้นได้ค่ะ อย่างช่วงโควิดจะเห็นว่าลาดกระบังมีเครื่องช่วยหายใจแบบมินิมัลลดต้นทุน นี่ก็เป็นผลงานของวงการวิศวกรรมทางการแพทย์ หรือตัวอย่างอื่นๆ เช่น ตู้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย มีการทำไบโอเซนเซอร์ตรวจเชื้อโควิด  ฯลฯ จริงๆ บ้านเราก็ไปไกลระดับนึงแล้ว แต่ตลาดงานยังน้อยถ้าเทียบกับเกาหลีที่บูมมากๆ เพราะเขาขายเทคโนโลยีทางการแพทย์ ค่าตอบแทนสูงมากด้วย บ้านเราก็ไปไกลระดับนึงแล้ว และกำลังพยายามผลักดันให้อนาคตสดใสกว่าเดิม เพียงแต่ตลาดงานยังน้อยถ้าเทียบกับเขา"



 

เรียนแบบเน้น discuss

ทริคเอาตัวรอดเมื่อเจอภาษาเกาหลีล้วน
 

           “การเรียนที่นี่จะมี discuss กันบ่อย และสอนเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมด (เคยฟังอาจารย์สั่งงานไม่รู้เรื่องด้วย เข้าใจผิดจนเสียเซลฟ์เลยก็มี TT) เวลาเรียนอาจารย์จะจริงจังมาก ถ้าเตรียมตัวไม่ดีมาจะโดนชี้ถามยับเลย ช่วงเทอมแรกเราภาษายังไม่แข็ง  อาจารย์อนุโลมให้เราพรีเซนต์เป็นภาษาอังกฤษ แต่หลังจากนั้นเราพยายามเตรียมตัวมาให้ดีทั้ง 2 ภาษา เช่น เวลาอาจารย์ให้ topic ก็ไปกระซิบถามเพื่อนก่อนว่าเขาเลือกอะไร แล้วเราก็ไปอ่านเตรียมอ่านตรงนั้นมาล่วงหน้า ซึ่งความโหดคือตอนสอบเจอทั้งข้อเขียนทั้งช้อยส์เป็นภาษาเกาหลีหมดเลย ท้อมาก ตื้อมาก เอ๊คำศัพท์อะไรนะนึกไม่ออก 555 สอบเสร็จลืมทันที  ล่าสุดเรียนสถิติเป็นภาษาเกาหลีอีก”
 
           ข้อแตกต่างของการเรียนที่นี่กับไทย? “วิชาพื้นฐานอาจไม่ต่าง แต่จะต่างตรงที่เกาหลีมีภาคปฏิบัติเยอะมาก แล้วต้องทำบันทึกใน lab notebook ด้วย เรียกว่าเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ปิดเทอมมามีคอร์สเสริมให้ตลอด เช่น คอร์สเสริมในปิดเทอมคือ Solid works เรียนตั้งแต่ 9 โมงเช้า - 6 โมงเย็น ตอนแรกงงมาก ทำไมเรียนเยอะจัง แต่เข้าใจแล้วว่าถ้าเรียนจบจะมีสอบใบ Certificate ด้วย เพิ่งรู้ว่ามีใบนี้ด้วย! นอกนั้นก็มีสอนเรื่องระบบมาตรฐานในโรงพยาบาลที่เรารู้สึกยากมาก มีใบประกอบวิชาชีพอีกเหมือนกัน "

ตึกเรียนสะอาดทันสมัยมากๆ




 

ว่าด้วยวัฒนธรรมความเร่งรีบ

ได้หัวข้อปุ๊บ ทำปั๊บ แถมเป๊ะ
 

           “ถ้ามาที่นี่อาจต้องรับมือกับความเครียดความกดดัน เพระเขาเน้นให้เราเรียนรู้เองมากกว่า ตัวช่วยก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น  คนที่มาสายวิทย์จะเป็นประมาณนี้แหละ  อาจด้วยสภาพสังคมและวัฒนธรรมความเร่งรีบของเขา เวลาทำงานถ้าได้หัวข้อมาจะเริ่มวางแผนทันที ไม่มีเดี๋ยวก่อน พยายามทำให้เสร็จเร็วๆ (แต่เป๊ะ) ซึ่งเราก็ต้องปรับตัวเยอะเพราะทำงานสไตล์ชิลล์ๆ มาตลอด แต่ตอนนี้เริ่มซึบซับจากเขามาแล้ว” 
 
           “นอกจากเรียนก็ยังเดินไว ทำอะไรไวหมด ยิ่งเวลากินข้าวคือเห็นชัดเลยค่ะว่าเรากินช้ามากกก ทั้งที่ตอนอยู่ไทยมันคือความเร็วปกตินะ 5555”


ทัวร์รอบมอ


ทัวร์รอบมอ


ทัวร์รอบมอ
 

ขอ 3 เรื่องในเกาหลี

ที่ดีจนอยากบอกต่อ!
 

           1. คนเกาหลีดีกว่าที่เราคิดอีก แรกๆ เขาอาจดูเคร่งเครียดๆ รีบๆ อย่างที่เล่าเมื่อกี้   แต่พอลองคุยจริงๆ เราเจอแต่คนที่ใจดีและเฟรนด์ลี่มาก ไปกินข้าว ร้องคาราโอเกะ เล่นเกมด้วยกัน ใช้ชีวิตมหา’ลัยแบบสนุกสนาน
 
           2. ระบบจัดการที่เกาหลีคือยอดเยี่ยมมากกกในทุกเรื่องที่เจอมา เช่น 
 
  • ตอนโควิดก็มีช่วงที่เมืองแดจอนเจอหนักเพราะอยู่ตรงกลางของทุกเมือง แต่เราเชื่อใจนโยบายเขามาก ระบบแจ้งเตือนมีประสิทธิภาพ บอกว่าติดเชื้อกี่ราย เดินทางไปไหนบ้าง ทำให้เราเลี่ยงการเดินทางไปละแวกนั้นได้
  •  ตอนน้ำท่วมจัดการเรียบร้อยใน 24 ชั่วโมง ตอนฝนตกมีข้อความแจ้งเตือนเด้งเป็นสิบตอนตี 4
  • สภาพถนนดีและบ้านเมืองเจริญเหมือนอยู่ในโซล
  • ตอนเจ็บป่วยถ้ามีประกันสุขภาพก็ไม่ยุ่งยาก แนะนำเลยว่าให้ทำไว้จะเซฟมากค่ะ
     
           3. อากาศดี มีหลายฤดู ทำให้เราสนุกกับการแต่งตัว เราซึมซับจากคนเกาหลีด้วย  แฟชั่นเขาดีมาก แค่กระโปรงก็มีหลายทรงแล้ว จากตอนอยู่ไทยเราจะชินแต่กับเสื้อยืดกางเกงยีนส์ 5555"
 
           อะ...ขอแถมอีกข้อ เราเป็นแฟนคลับ SJ และได้ไปทุกคอนทั้งในไทยและเกาหลี เทียบกับชัดๆ คือการเดินทางไปกลับที่เกาหลีสะดวกกว่า มีรถไฟฟ้า รถเมล์มาเยอะ ระบบขนส่งสาธารณะคือดีงาม



 

เรื่องเงินๆ

ของแพงกว่าไทย 2-3 เท่า
 

           “ทุนจะให้ค่าเทอมเต็มจำนวน ค่าตั้งรกรากหรือเงินก้อนแรกที่จะได้คือ 200,000 วอน (ไว้ใช้สัปดาห์แรก) และจะได้อีก 1,000,000 วอนที่จะถูกหักค่าหอไปแล้ว กรณีของเราคือค่าหอ 1 เทอมจะถูกหาร 4 แล้วหักจ่ายรายเดือนไป เลยเหลือเงินพอสมควร”
 
           “ถ้าพูดถึงค่าครองชีพที่เกาหลีก็สูงจริงงง ราคาน้ำเริ่มต้นแบบถูกสุดที่เคยหาซื้อได้ ตกประมาณ 500-600 วอนไปแล้ว (ประมาณ 15 บาท) แต่ไม่ต้องกลัว ตู้กดน้ำฟรีมีทุกที่ ข้าวในโรงอาหารถูกสุดเริ่มต้น 3,000 วอน แต่มหาลัยเราเป็นบุฟเฟต์ ถาดหลุม 4,800 วอน *สรุปคือข้าวของเครื่องใช้ราคาแรงกว่าตอนอยู่ไทย 2-3 เท่า เงินเดือนทุนพอสบายๆ แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารของแต่ละคนด้วยค่ะ"


 
           “ถ้าเกิดใครอยากได้ทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ เขามีตั้งแต่ ป.ตรีเลย อยากให้เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างน้อยน้องๆ ม.ปลายควรมีผลสอบภาษาอังกฤษติดตัวไว้ สิ่งสำคัญคือจดหมายแนะนำตัว ที่สำคัญคืออย่าย่อท้อกับการสมัครทุน ถ้าตั้งใจจะมีที่ที่เป็นของเราเอง”



[ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคณะและมหาวิทยาลัย ]




https://www.konyang.ac.kr/eng.do
Youtube Channel: 건양튜브
http://studykorea.go.kr/
 

[ ชวนอ่านต่อ ]



ปิ๊งรักตารางฮันกึล: เล่าชีวิตเด็กเอกเกาหลี แลกเปลี่ยนที่ปูซาน
ลุยงานล่าม แถมได้ทุนรัฐบาล ป.โท!

 

รีวิวช่วงปรับภาษาสุดหินของ 'เบ๊บ'
หนึ่งในนักเรียนไทยที่ได้ทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ 2019

 

'ทราย' เด็กทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ กับชีวิต 7 ปี ตรี-โท
ในมหา'ลัยสวยที่สุดของประเทศ

 
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด