‘มิ้นท์ #MUT2020’ กับชีวิตแลกเปลี่ยนใน USA: บทเรียนเล่มใหญ่ที่สอนทั้งภาษาและการมองโลก!


             สวัสดีค่ะชาว Dek-D ช่วงนี้ก็เข้าสู่ฤดูกาลเชียร์นางงามเวที #MissUniverseThailand2020 ที่บอกเลยว่าแต่ละคนทั้งสวยและโพรไฟล์ปังมากกก หนึ่งในนั้นคือ ‘มิ้นท์’ พรปรียา จำนงค์บุตร บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 ของภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตแอร์โฮสเตสสายการบิน Emirates และล่าสุดก็เพิ่งสอบได้ทุนรัฐบาลไทยไปเรียนต่อสาขาอาชญาวิทยาที่เคมบริดจ์ (Institute of Criminology, University of Cambridge) 
 
             เธอเล่าว่าจุดเปลี่ยนทั้งเรื่องภาษา ความมั่นใจ การมองโลก รวมถึงแพสชันในการเรียนต่อในสายสังคมศาสตร์ มาจากประสบการณ์แลกเปลี่ยนตอน ม.ปลายในดินแดนเสรีภาพอย่าง "อเมริกา"  ไม่ว่าจะวิธีเรียน สภาพแวดล้อม และโฮสต์ ก็ล้วนแต่หล่อหลอมให้มองโลกอย่างเปิดกว้างและลุ่มลึก // ฟังดูเหมือนจะเป็นบทสัมภาษณ์ซีเรียส แต่ไม่เลย เพราะเราหยิบเรื่องราวมาถ่ายทอดโดยไม่ทิ้งความขี้เล่นเป็นกันเองของมิ้นท์  นอกจากได้แรงบันดาลใจ ยังเป็นทริคเก๋ๆ ให้เอาไปปรับใช้ได้ด้วยนะคะ
 

Photo Credit: fb/mintppreeya 

 

อยากพัฒนาตัวเองอีกขั้น
ทั้งภาษาและมุมมองการใช้ชีวิต

  

           "จุดที่ทำให้เราตัดสินใจไปแลกเปลี่ยน คงเป็นวันที่เห็นพี่สาวเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังกลับจากทริป AFS ที่อเมริกาค่ะ  ในระยะเวลาแค่ 10 เดือนเปลี่ยนเด็กที่ไม่มั่นใจ ให้กลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าทำ กล้ารับผิดชอบ และมีไอเดียที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มิ้นท์เองรู้จักพี่สาวดีที่สุดแล้ว พอมาเห็นแบบนี้ก็ตกใจ ‘เฮ้ย ทำไม you โตเป็นผู้ใหญ่มากๆ เลย’ แล้วยังพูดภาษาอังกฤษยังกับ  Native Speaker แน่ะ (ตอนนั้นเราฟังแล้วไม่เข้าใจด้วย 555) พอเห็นแบบนี้ก็อยากไปบ้าง อยากพัฒนาไปในทางที่ดีทั้งภาษา มุมมอง และอยากลองใช้ชีวิตคนเดียวสักครั้งว่าเราไหวมั้ย”
 
             “จากนั้นเราซึ่งเป็นเด็กวิทย์ที่ไม่ชินกับภาษาก็ลองไปสอบโครงการนี้ดู รอบแรกเราไม่ผ่านแม้แต่ข้อเขียน กลับมาตั้งหลักเช็กตัวเองว่าต้องพัฒนาตรงไหนบ้าง ฝึกทั้ง Grammar และ Passage แล้วไปลุยรอบ 2 ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ปรากฏว่าเราผ่านข้อเขียน พอสัมภาษณ์ก็ขอเขาพูดภาษาไทยด้วยนะ พยายามใส่ความเป็นตัวเองและความมั่นใจลงไป /// มีช็อตนึงที่ประทับใจตัวเองมาก เขาให้โชว์ความสามารถพิเศษ เราตั้งใจจะเป่าขลุ่ยกับระนาดเอกนี่แหละ แต่ดันไม่มีอุปกรณ์ เลยได้แต่ท่องโน้ต ฮึมๆ~ สุดท้ายสัมภาษณ์ผ่านเฉยเลย!”

 

I’m hungry~~

ประโยคแรกที่พูดกับโฮสต์
 

             “เราตื่นเต้นมาก เป็นครั้งแรกเลยที่ห่างพ่อแม่นานขนาดนี้ พอเดินทางมาถึงก็เจอโฮสต์รัวภาษาอังกฤษใส่เรา เราก็งง มองหน้าเขา แล้วก็บอกว่า ‘I’m hungry’ หิวข้าวจัง~ เขาก็ถามว่าชอบกินอะไร? เราคิดไม่ทันเพราะชีวิตนี้รู้จักอาหารต่างประเทศแค่เบอร์เกอร์กับอาหารญี่ปุ่น เลยเผลอตอบไปว่า Thai Food เขาก็ขำ แล้วพาไปจริงๆ เพราะที่ Shorewood High School, Shoreline ที่เราเรียน จะอยู่ติดกับโซน West Coast ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูง ร้านอาหารนานาชาติเยอะ บรรยากาศในเมืองก็จะเป็นแนวธรรมชาติๆ ป่าๆ ซะเยอะ แต่ไม่ได้ห่างไกลความเป็นเมือง เพราะ Shoreline อยู่ใกล้กับ Seattle ”


Photo Credit: fb/mintppreeya 
 
             Host Family คือเรื่องที่ประทับใจที่สุดในชีวิตแลกเปลี่ยนเลย โฮสต์แม่เป็นครูสังคม ส่วนโฮสต์พ่อทำงานด้านรัฐศาสตร์ เขาทั้งอบอุ่น เปิดกว้าง พยายามเข้าใจเรา และจับจุดว่าควรจะเทรนไปทางไหนดี ถ้าเรื่องภาษาเขาฝึกให้เราอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ เพราะมองว่าวิธีนี้ช่วยเรื่องทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) และช่วยสอนการออกเสียงด้วย ช่วงแรกเราเริ่มจากการอ่านคอลัมน์ง่ายๆ และฝึกคู่กับการอ่านหนังสือเรียนเพื่อทบทวนเนื้อหาไปในตัว ซึ่งโฮสต์แม่คือที่ปรึกษาวิชา U.S. History ช่วยอธิบายศัพท์ที่ไม่เข้าใจ พร้อมกับสอนให้เรามอง 2 ด้าน เพราะประวัติศาสตร์ถูกเขียนขึ้นจากคนฝ่ายเดียว
 
             “ตลอดเวลาที่แลกเปลี่ยน โฮสต์ก็จะชอบพาไปทานอาหารหลายชาติเลยค่ะ    เช่น อาหารเอธิโอเปีย อาหารเลบานอน หรือบางทีก็ทำอาหารบราซิลให้ลองทาน เราได้เปิดโลกเลยว่าอาหารเอธิโอเปียทั้งแปลกและอร่อยมาก เขาจะใช้แป้งโรตีเป็นฐาน บนแป้งเป็นกับข้าว มีทั้งแบบฝรั่งและไทย เวลาทานต้องใช้มือ และเป็นจานที่แชร์กันบนโต๊ะอาหารด้วย เหมือนผสมผสานหลายวัฒนธรรมที่เรารู้จักไว้ในจานเดียวยังไงยังงั้น”
 
             “ส่วนเรื่องเที่ยวเขาไม่ได้เน้นมากก็จริง  มีพาไปวัดไทย ไปโบสถ์ แต่ส่วนใหญ่เขาจะฝึกเราผ่านหนังแทน กิจกรรมประจำคือเราจะมารวมตัวดูหนังด้วยกันทุกสัปดาห์ผ่าน CD, VCD  มีทั้งหนัง British และ American โฮสต์เขาจะอธิบายทั้งเรื่องสำเนียงและวัฒนธรรมให้เราลึกซึ้งมาก ทุกวิธีของโฮสต์ช่วยปลูกฝังด้านสังคมศาสตร์ให้เราโดยไม่ต้องใช้ต้นทุนสูงเลยค่ะ”

 

โรงเรียนที่ทันสมัย

และเน้นความเท่าเทียม
 

             “เราไปแลกเปลี่ยนที่ Shorewood High School เมื่อ 10 ปีที่แล้วในยุคที่ไม่มีโซเชียล แต่พอย้อนนึกก็ยังรู้สึกแนวคิดและระบบจัดการเขาทันสมัยมาก พยายามทำให้นักเรียนทุกคนเท่าเทียมกันที่สุด เช่น มี Macbook ให้ยืมเรียนทุกคนแล้วค่อยคืนตอนจบปี ส่งงานทางออนไลน์ มีห้องสมุดให้ปริ้นท์งานได้ วิธีฝึกฝนนักเรียนก็น่าสนใจ อย่างเด็กที่ลงเรียน Business Management ก็จะได้ทดลองทำงานจริงในร้านสหกรณ์ของโรงเรียน (เท่าที่สังเกตคือนักเรียนจะไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องเรียนอย่างเดียว คนที่ไม่ได้ทำกิจกรรมหรือหางานพิเศษทำ  ถือเป็นส่วนน้อยของนักเรียนที่นี่เลยค่ะ)"


Photo Credit: fb/shorewoodshs
 
             “วิชาบังคับที่ต้องลงมีแค่ 4 ตัวคือ English, U.S. History, Math, Biology และเลือกลงวิชาเลือกที่สนใจได้อีก 2 ตัว การจัดตารางเรียนก็ต่างจากไทยมาก วันจันทร์กับพุธเรียนวิชา A B C วันอังคารกับพฤหัสเรียน D E F คาบละ 2 ชั่วโมง พอวันศุกร์จะได้เรียน 6 วิชาเลย แต่เป็นคาบละ 50 นาที ด้วยวิชาที่น้อยและการจัดคาบแบบนี้เลยทำให้เราโฟกัสดีขึ้น”
 
             และสำหรับเด็กอายุ 16 อย่างเราตอนนั้น คำถามปลายเปิดล่าสุดที่เจอคือใบงานศิลปะ แต่พอไปที่นั่นเราไม่ได้เจอคำถามปลายปิดเลย ส่วนใหญ่เป็น essay ที่ให้เราแสดงความคิดเห็นได้อิสระ ขอแค่มี fact มาซัพพอร์ต ไม่ใช่ข้อมูลเท็จหรือ hate speech เป็นวิธีที่ชวยให้ฝึก Critical Thinking ฝึกการค้นคว้าข้อมูล จับใจความแล้วเรียบเรียงใหม่ จากที่เมื่อก่อนเราไม่รู้จักเรื่องการถอดความ (Pharaphrase) คิดว่าลอกๆ ส่ง แต่อาจารย์สอนว่าแบบนี้ไม่ถูกต้อง”
 
             “วิชาที่เหมือนเซฟโซนที่สุดคือ Math แน่นอนสำหรับเด็กเอเชียอย่างเรา แต่ถ้าวิชาที่อินมากๆ คือประวัติศาสตร์อเมริกา (U.S. History) เรียนตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 จนถึงปัจจุบัน และสอนเรื่องนายกรัฐมนตรีอเมริกาแต่ละสมัยด้วย ซึ่งเขาจะสอนประวัติศาสตร์แบบครบทุกด้าน ทั้งด้านที่เขาเป็นฝ่ายกระทำและถูกกระทำ (ประมาณว่าไม่ได้เล่าเน้นสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศตัวเองดูดี) วิชานี้ทำให้ได้เรียนรู้ศัพท์รัฐศาสตร์ และเห็นว่าความคิดของคนอเมริกันเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนบ้าง เช่นเข้าใจว่าทำไมคนถึงออกมาพูดประเด็นผิวสี (Black Lives Matter) เพราะมันมีประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวดมายาวนานมากๆ จนถึงตอนนี้”
 
             “ส่วนวิชาเลือกมินท์ชอบมากกกและช่วยเรื่องการออกเสียงทั้งคู่ วิชาแรกคือประสานเสียง เน้นเร้องตามเพื่อนไป แค่ระวังไม่ให้เสียงตัวเองแหลมออกมาจากเพื่อน 5555"


             “ถ้าวิชาละคร เขาจะให้จับกลุ่ม คิดโพรดักชัน คิดบทและแสดงเองทุกขั้นตอน มีสอนหลักการให้เบื้องต้น เช่น ยืนตรงไหนของเวทีให้คนดูเห็นเราในมุมนี้ หันหน้ายังไง เปล่งเสียงยังไง ตอนนั้นรู้สึกแบบ  หืมม อะไรกันเนี่ย เป็นอะไรที่ท้าทายมากๆ เลย ส่วนโปรเจกต์วิชานี้คือแสดงละครเวที ผู้ปกครองสามารถมาดูเราได้ ตอนนั้นก็ได้เล่นเรื่อง  Macbeth ซึ่งก็ยากตามแบบของวรรณกรรม TT เราก็อาศัยอ่าน Summary ให้เข้าใจเรื่อง ท่องจำให้แม่นและใช้ความมั่นใจ เรื่องภาษาเราไม่มีปัญหาเลย แต่การออกเสียงที่เหมือนคนฝรั่งนี่แหละที่ยาก”

 

เมกเฟรนด์แบบไหน

ในวันที่ภาษายังไม่แข็ง?
 

             “ตอนแลกเปลี่ยนเราได้เจอกับเพื่อนจากหลายประเทศ (บางประเทศก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน) เช่น ยูเครน ปากีสถาน เบลารุส ฯลฯ และทุกคนมาพร้อมสำเนียงตัวเอง ตอนนั้นเราแยกได้แค่คนไหนสำเนียงอเมริกันและคนไหนไม่ใช่ ทำให้ช่วงแรกงงมากกกและเสียความมั่นใจไปเลย”
 
             “แล้วความพีคคือปกติมันจะมีแบบหลักสูตรทั่วไปกับ ESL (English as a Second Language สำหรับนักเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง แต่เราถูกจัดมาเรียนกับเด็กอเมริกัน มันยากมากกับการอธิบายให้เค้าเข้าใจว่าเราเป็นเด็กแลกเปลี่ยน เพราะแรกๆ เราฟังกับพูดไม่รู้เรื่องเลย (แค่จะสั่ง Hot Chocolate คนขายยังไม่เข้าใจเพราะเราออกเสียงผิด) ช่วงแรกเลยไปแบบเนิบๆ อาศัยถามเพื่อนถามครู + ฝึกทาง YouTube + ฝึกเรื่องการออกเสียงกับโฮสต์”


Photo Credit: fb/mintppreeya 
 
             “ด้วยความที่แรกๆ ไม่มีใครเข้าใจที่เราพูดเท่าไหร่อะนะ  555 นอกจากแนะนำตัว มิ้นท์ก็มีเทคนิคเข้าหาเพื่อนคือ พยายามแต่งตัวน่ารักๆ ให้เป็นจุดเด่น เพราะฝรั่งจะมีวัฒนธรรมที่ชอบทักทาย ชมคนอื่นตลอดดด วันนี้ you เสื้อน่ารักจัง~ มีชวนไปช็อปปิงกัน ทำให้เรามีเพื่อนผู้หญิงมากขึ้น //โหตอนนั้นพร็อปส์เราเยอะมากอะ ติดขนตาปลอมไปเรียนด้วยนะ 555 แล้วพอใจเรามั่นใจ อะไรก็มั่นใจไปหมด เรื่องภาษาก็ดีขึ้นด้วย”
 
             “เพื่อนก็เลยเป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ เราอาจต่างกันบ้าง เรากินข้าวใช้ช้อน แต่เขาใช้ส้อม หรือเรื่องอะไรก็ตาม เขาไม่เคย bully เวลาเราออกเสียงไม่ถูกก็ช่วยบอก”
 

Photo Credit: fb/mintppreeya 


Photo Credit: fb/mintppreeya 

 

อยู่ชมรมบาสเกตบอลโรงเรียน!
 

             “เหตุผลเรื่องเพื่อนเหมือนเดิมทำให้ถึงกับไปขอครูเข้าชมรมบาสเกตบอล ตอนแรกเขาเกือบไม่รับเราแล้ว เพราะมันคือชมรมที่เล่นและฝึกซ้อมแบบจริงจังเพื่อลงแข่งกับโรงเรียนอื่น และเป็นโอกาสให้นักเรียนที่เรียนไม่เด่น แต่มีความสามารถด้านกีฬาและฝันอยากเข้ามหาวิทยาลัยเจ๋งๆ ให้เขาฝึกตัวเองและทำผลงานเพื่อขอโควตานักกีฬาได้  //ส่วนเรานั้นนน แค่เดาะยังไม่เป็นเลยยย สุดท้ายเขาก็รับเข้าชมรมเพราะ School Counsellor ไปช่วยคุยให้ว่าเราขออยู่แค่ 10 เดือนเอง จะให้เป็นเด็กยกน้ำก็ได้ เพราะเราอยากได้เพื่อนใหม่จริงๆ”
 
             “หลังจากชมรมแล้วก็มาซ้อมหลังเลิกเรียนบ้างจนพอเล่นเป็น มีชื่อไปลงแข่งเป็นตัวสำรองด้วยนะ สุดท้ายไม่ได้มีแมตช์ไหนได้ลงแข่งจริงหรอก แต่ข้อดีคือเราได้ไปเห็นบรรยากาศหลายๆ โรงเรียน เห็นสถาปัตยกรรมของแต่ละที่ว่าเป็นแบบไหนบ้าง” 


Photo Credit: fb/mintppreeya 


Photo Credit: fb/mintppreeya 
 

ทิ้งท้ายถึงคนอยากแลกเปลี่ยน
 

             “ประสบการณ์ตอนนั้นเปลี่ยนเราจากคนที่ติดบ้าน ตัดสินใจอะไรไม่ค่อยได้ มาเป็นเราที่กล้าและมั่นใจขึ้น เวลาทำผิดกล้ารับผิดชอบ เพราะที่นั่นเขาพูดกันตรงๆ เลย เหมือนกับที่เห็นเราพูดผิดแล้วช่วยแก้ให้ ที่สำคัญคือพอกลับมา เราตั้งใจเรียนขึ้นมากๆ เพราะรู้แล้วว่าไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเอง”
 
             “เราเลยอยากฝากบอกน้องๆ ว่าถ้ามีโอกาสแลกเปลี่ยนและเราพร้อมในตอนนั้น คว้าไว้เถอะ อย่าเพิ่งกลัวเรื่องภาษา โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ แต่ถ้าเกิดใครที่ไม่สามารถไปได้จริงๆ ลองวิ่งหาโอกาสฝึกภาษาที่เหมาะกับเรา อาจ TikTok ฝึกภาษา ฟังพอดแคสต์เรื่องที่สนใจ หรือฝึกอ่านหนังสือก็ได้ เริ่มจากนิทานเด็กเลย ไม่ต้องเขิน เรามาเริ่มปูกันใหม่ ออกเสียง A B C ให้ถูก  เหมือนเราสร้างบ้านแล้วต้องเริ่มจากทำฐานให้แข็งแรงก่อน หลังจากนั้นทุกอย่างจะดี เราเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่เก่งอยู่แล้ว ใส่ความพยายามลงไป ไม่มีอะไรกั้นเราได้”


 
ช่องทางติดตามมิ้นท์-พรปรียา
#MissUniverse2020

ฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนร่วมเป็นกำลังใจให้มิ้นท์ พรปรียา จำนงบุตร MUT30 เพื่อคว้ารางวัล Golden Tiara เข้ารอบ 30 คนสุดท้าย Miss Universe Thailand 2020 โดยอัตโนมัติด้วยนะค้า 1.โหวตผ่าน USSD เฉพาะเครือข่าย TrueMove H กด *301*30# โทรออก หรือจะเป็น Big Vote จำนวนโหวตเท่าไหร่ก็ได้ กด *301*30*จำนวนโหวต# โทรออกค่ะ 2.ลูกค้า TrueMove H เครือข่ายอื่น ลูกค้าต่างชาติ และลูกค้าที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ โหวตผ่าน TrueMoney Wallet 3.สามารถใช้ True Points เพื่อแลกเป็นคะแนนโหวต และยังสามารถติดตามช่องทางการโหวต, Exclusive Content และเกาะติดการประกวด Miss Universe Thailand 2020 ผ่านทาง https://exclusive.trueid.net/mut2020 ด้วยนะค้า #mintppreeya #befearless#bereal#beyou #bemissuniverthailand2020 #roadtomissuniverse #roadtomissuniversethailand #roadtomissuniversethailand2020 #MUT2020BeautyExhibition #MissUniverseThailand2020 #EmpoweringBeauty #เดินหน้าคว้ามงสาม #RealUniverse #RealU

A post shared by Mint J (@mintppreeya) on

พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
กำลังโหลด