ชีวิตยุคโควิดของเด็กทุนรัฐบาลญี่ปุ่นใน 'Fukuoka' กับประสบการณ์ไฟไหม้ห้องพัก!


 
             สวัสดีค่ะชาว Dek-D ใครมีแพลนอยากไปเที่ยวหรือเรียนต่อที่ญี่ปุ่น วันนี้เรามีรีวิวส่งตรงจาก ‘ฟุกุโอกะ’  (Fukuoka)  มาฝากค่ะ  โดยเมืองนี้เป็นเหมือนสวรรค์แห่งเกาะคิวชู เป็นทั้งแหล่งเที่ยวและเป้าหมายการแลกเปลี่ยนยอดฮิตของนักเรียนไทยด้วย   โดยคนที่จะมาแชร์กับเราวันนี้คือ  ‘ไปป์’ ศุภณัฐ สกุลวิทูรไทย เรียนจบป.ตรี ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ มศว และขอทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (MEXT) ไปเรียนต่อที่  Kyushu Institute of Technology Graduate School of Life Science and Systems Engineering Department of Human Intelligence Systems มาดูกันเลยค่ะว่าบรรยากาศในคลาสกับชีวิตในเมืองเป็นยังไงบ้าง แล้วโปรเจกต์ที่เค้าสนใจคือเรื่องอะไร เลื่อนมาอ่านกับดูรูปเพลินๆ กันเลยค่ะ!


Photo by  JCS Chen  on  Unsplash


Photo by  J Shim   on  Unsplash

 

อยากพัฒนาตัวช่วยเจ๋งๆ

สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ
 

             เล่าก่อนว่าผมเลือกเรียนสายวิทย์สุขภาพตั้งแต่  ป.ตรี เพราะสนใจเรื่องเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการครับ (Assistive Device) ตอนนั้นทำโปรเจกต์เรื่อง  Manual Wheelchair  ตั้งต้นจากปัญหาที่ผู้ใช้งานมักปวดแขนปวดข้อ ก็เลยพยายามศึกษาการเคลื่อนที่ของแขน การออกแรงปั่นวีลแชร์ ซึ่งค่าที่ออกมาจะบอกว่าวิธีปั่นแบบนี้ได้ประสิทธิภาพมั้ย เสี่ยงต่อการบาดเจ็บรึเปล่า ถ้าค่าต่ำแปลว่าแขนเริ่มล้า ต้องพักแขนหรือทำอย่างอื่นแทนก่อน
 
            พอมา ป.โท ตอนแรกผมมีเป้าหมายว่าอยากทำ robot ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการ แต่สุดท้ายได้มาทำเรื่องไม้เท้าแทน  เพราะอาจารย์สนใจเรื่องนี้พอดีครับ คือปกติแล้วเค้าจะมีเกณฑ์มาตรการเกี่ยวกับความยาวที่เหมาะสมกับความสูงของผู้ใช้งานไม้เท้า แต่ปัญหาคือ แล้วคนที่ไม่ได้ลำตัวตั้งตรงตลอดเวลาจะมีผลมั้ย?  เลยอยากได้ระบบมาช่วยซัพพอร์ตข้อจำกัดนี้ครับ

 

แล้วทำไมต้อง ‘ญี่ปุ่น?’
 

             ผมเริ่มมองหาทุนในโซนเอเชียเพราะเรื่องค่าครองชีพฝั่งยุโรปสูง และค่าสอบภาษาอังกฤษก็ถือว่าแพงสำหรับผมด้วย แต่ทุน MEXT ใช้ยื่นคะแนน TOEIC ได้ กำหนดขั้นต่ำ 785 หรือ B2 ส่วนเรื่องประเทศเราก็มองจากเรื่องความเจริญทางเทคโนโลยี บวกกับระเบียบวินัยกับความเคารพกฎหมายของบ้านเค้าด้วยครับ  จากนั้นเราก็มาดูต่อว่าเมืองไหนที่ค่าครองชีพดูไม่สูงมาก  แบบว่าใช้เงินของทุนแล้วอยู่ได้แบบสบายๆ สุดท้ายมาลงตัวที่ 'ฟุกุโอกะ' ทางตอนเหนือของคิวชูครับ
 
             ทุนที่ผมสมัครคือ   MEXT Scholarship: University Recommendation  เป็นทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ถ้าเราสมัครกับมหาวิทยาลัยแล้วผ่าน เค้าจะส่งชื่อไปให้รัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณาทุนให้ ขั้นตอนของ Track มหาลัยจะไม่ได้ยุ่งยากมากครับ แค่ต้องเขียน Research Plan, Study Plan, ส่งอีเมลแนะนำตัวกับอาจารย์ญี่ปุ่น



 

เมืองเล็กเงียบสงบ

แถมหลบภัยพิบัติได้ตลอด


             ผมมาถึงตอนฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศหนาวสบายอยู่ครับ แต่มาตกใจอีกทีก็ฤดูร้อนช่วงเมษาที่พุ่งไป 35 องศา 5555 จากที่เตรียมเสื้อผ้าฮีทเทคมา แต่สุดท้ายก็ซื้อเสื้อแขนสั้นขาสั้นมาใส่ แต่งตัวสบายๆ

             อีกอย่างตอนแรกส่อง google map เข้าใจว่าฟุกุโอกะจะออกแนวชนบทๆ กว่านี้ ปรากฎว่าเป็นชานเมือง ถือเป็นเมืองเล็กที่สะอาดมากและมีครบทุกอย่างที่ควรจะมีเลยครับ เราสามารถปั่นจักรยานหรือนั่งรถเมล์ไปเรียนก็ได้ รถก็ไม่ติด ขยะไม่ค่อยเห็น คนตรงต่อเวลาและเคารพกฎมาก สิ่งที่ไม่ชินคือการที่รถหยุดเพื่อให้เราข้ามถนนนี่แหละ


(บรรยากาศเมืองแถวนี้)


(บรรยากาศเมืองแถวนี้)

 
             เรื่องการใช้ชีวิตช่วงแรกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก เพราะเจ้าหน้าที่ดูแลให้เรียบร้อยเลยทั้งเรื่องเอกสาร ที่พัก ซิมมือถือ ฯลฯ ผมได้มาอยู่คนเดียวที่หอพักคล้ายๆ อพาร์ตเมนต์  มีทุกอย่างให้พร้อม เป็นอานิสงส์จากพี่คนไทยที่เค้าเรียนจบพอดี แล้วเค้ายกข้าวของในห้องให้ผมหมดเลยยย ><
 
             แต่แนะนำว่าถ้าใครจะมาควรเตรียมภาษาญี่ปุ่นไว้เยอะๆ นะครับ เพราะผมมาแบบนับหนึ่งหลังได้ทุนเลย ก็พอจะทักทายกับไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบได้บ้าง  (แล้วเวลาเค้าตอบกลับมาก็ค่อย ‘ฮะ?’ 5555) แล้วก็จะอึ้งๆ ตอนคนโทรมารัวภาษาญี่ปุ่นใส่เรา เพราะเมืองที่ผมอยู่เค้าแทบไม่พูดภาษาอังกฤษกันเลย โชคดีที่มหาลัยเค้าจะสนับสนุนค่าเรียนให้เราไปลงคอร์สเรียนภาษาได้ครับ

 

เรียน & ทำแล็บ ป.โท

บรรยากาศเป็นยังไงบ้าง?



 
             ตอนเปิดเทอม ป.โท ก็เจอคลาสที่มีตั้งแต่ 4-5 คน ไปจนถึง 40-50 คน ถ้าคลาสใหญ่จะเป็นพวกวิชาพื้นฐานที่อาจารย์มาแนะนำงานวิจัยของตัวเอง เตรียมสไลด์มาเล่าว่าเค้าเป็นใคร พื้นฐานงานวิจัยหมวดไหน หมวดนี้มีอะไรบ้าง แล้วเราก็นั่งเลกเชอร์กันปกติครับ เพราะเป็นคณะทางวิทย์เลยไม่ได้เป็นแนว discuss แบบนั้น ยกเว้นคาบสุดท้ายที่ให้นำเสนอข้อมูล อาจารย์ก็เป็นแนวชิลล์ๆ ไม่ได้กดดันหรือมาจ้ำจี้จ้ำไชอะไร แต่คือเราต้องจดจ่อมากเพราะต้องสรุปลงฟอร์มทุกครั้งว่าเค้าพูดเรื่องอะไร หลักๆ ผมจะมีปัญหาเรื่องสำเนียง อย่างอินเดียเนี่ย ผมฟังไม่ออกเลย

ตัวอย่างวิชาเรียน
 
- Society and Technology
- Micro-Technology
- Introduction to AI and Robotics
- Basic Engineering
- Fundamental Machine Learning
- Machine Learning
- Mechatronics
- Biochemical Zero-Emission
- Measurement of Human Brain Function
 
             วิชาที่ชอบสุดคือ Bio Robotics ครับ เพราะอาจารย์พูดภาษาอังกฤษรู้เรื่องแล้วเราอยากฟัง 555 วิชานี้จะเรียนในห้องอย่างเดียวเลย นำหุ่นยนต์แขนงต่างๆ มาแนะนำการทำงานให้ฟังแบบเบสิกๆ แล้วให้เราเอาไปประยุกต์สร้าง Soft Robotics แบบง่ายๆ ใช้แรงลมในการทำให้ Robotic ที่ทำจากซิลิโคนสามารถขยับเขยื้อนได้ ประมาณนี้ แต่ถ้าวิชาหนักสุดสำหรับผมคือคณิตกับฟิสิกส์ ควรใช้ Excel ระดับพื้นฐานเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้วยครับ
 
            (วัฒนธรรมนึงที่เห็นคือเวลาคนญี่ปุ่นเจอกันในห้องแล็บ เค้าจะชอบทักทายเราด้วยประโยคว่า   ‘ขอบคุณที่ทำงานหนัก’ お疲れ様です แต่มีครั้งนึงเข้าห้องน้ำแล้วเจอคนพูดคำนี้ใส่ ผมก็ เอ๊ะ? หรือผมฟังผิด? 55555)

 

โควิดเป็นเหตุ

ให้ทำรีพอร์ต 8 ฉบับ/สัปดาห์
 

             ถ้าพูดถึงตอนเรียนจะแบบเรื่อยๆ ไม่กดดัน ไม่ได้มีอะไรหนักเป็นพิเศษ แต่ดันมาหนักตอนเจอโควิดนี่แหละ เพราะอาจารย์จะต้องหาวิธีให้คะแนนเรา ดังนั้นเค้าเลยสั่งทำรีพอร์ตทุกสัปดาห์ครับ! อย่างช่วง 3 เดือนแรกผมลงไป 4 ตัว วิชานึงมี 2 รีพอร์ต/สัปดาห์ แปลว่าใน 1 สัปดาห์ผมต้องทำ 8 ชุด พร้อมกับทำวิจัยไปด้วย ความยาวรีพอร์ตนึงก็ 1-2 หน้า หรือไม่ก็มอบหมายงานมาให้เราตอบคำถาม เราต้องไปหาข้อมูลเพิ่ม เพราะเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เข้าใจจากในคลาสเรียน ถือว่าหนักหน่วงมาก

 

ไฟไหม้ห้อง!!
 

             ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะอาหารอร่อยเยอะมาก แต่พอเจอโควิดที่ออกไปไหนไม่ได้ ก็ต้องมาหัดทำอาหารเอาตัวรอด (โทรถามคุณแม่เอา เพราะเค้าเป็นเชฟ 5555) แต่ดันมีวันนึงผมทำไก่ทอดคาราเกะ พอจะสุก เราก็ยกไก่ออก แล้วน่าจะปิดเก๊สไม่สนิทมั้ง อยู่ๆ มาเห็นว่าทำไมข้างนอกมันมืดๆ น้าา พอมองดีๆ อ้าวเฮ้ย ไฟไหม้ว่ะ ทำอะไรไม่ถูกเลยครับตอนนั้น แต่พอตั้งสติได้ก็โทรหาตำรวจ ซึ่งเค้าจะมีล่ามให้ด้วย
 
             แล้วผ่านไปแค่ไม่ถึง 5 นาที มีรถตำรวจ รถดับเพลิง รถพยาบาลมาครบแก๊ง  เค้าจัดการอะไรเร็วมากกก แล้วหลังจากนั้น 1 ชั่วโมงเค้าจัดการเรื่องย้ายห้องให้เรียบร้อย แล้วทางมหาลัยก็จัดการเรื่องประกันให้อีก ( ล่าสุดค่าเสียหายจากไฟไหม้คือ 500,000 กว่าเยน แต่โชคดีที่มีทำประกันซึ่งต้องจ่ายเองปีละ 4,000 เยน)   ถึงเป็นเหตุการณ์ที่ระทึกพอตัว แต่ทำให้เห็นระบบจัดการที่ดีมากของเค้า 


(ฮือออออ)

 

ได้เที่ยวเทศกาลบอลลูนที่ซากะ
 

            เอาเรื่องสดใสๆ บ้างเนอะ ก่อนช่วงโควิดผมมีโอกาสได้ไป เทศกาลบอลลูนด้วยครับ มันจะมีช่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนที่เมืองซากะ  ตอนนั้นผมนั่งรถไฟไปกับรุ่นพี่คนไทย ช่วงที่สวยกำลังดีคือตอนเค้าปล่อยขึ้นไปอีกที่นึง แล้วอีกทีคือตอนเย็นที่เค้าปล่อยบอลลูนกลับลงมา อากาศก็เย็นสบายมาก ผมเห็นทั้งนักท่องเที่ยวเอาเสื่อไปปูนั่งดูบอลลูนกับครูอนุบาลที่พาเด็กๆ มาด้วย ผมว่าบรรยากาศคล้ายๆ งานวัดบ้านเราเลย มีอาหาร ขนม ของฝากครบ


(เทศกาลบอลลูนที่เมืองซากะ)


(เทศกาลบอลลูนที่เมืองซากะ)


 

รีวิวคิวชูเหนือ
เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหน?

 

             แนะนำว่าถ้าใครที่ชอบใช้ชีวิตแบบชิลล์ๆ อยากหนีความพลุกพล่านจากคนจากรถติด จะเหมาะกับฟุกุโอกะมาก  หรือจะนั่ง 10-20 ก็เข้าเมืองได้เหมือนกัน มีครั้งนึงผมมีโอกาสได้ไปเที่ยว Osaka ให้ความรู้สึกแตกต่างคนละขั้วเลยครับ ที่นั่นคนจะพลุกพล่าน เวลาเดินนี่เผลอทำตัวรีบๆ ตามเค้าเลย
 
             ปิดท้ายด้วยข้อดีอีกอย่างนึงคือเมืองผมอยู่ในภูมิภาคคิวชูเหนือ จุดนี้ไม่ค่อยเจอภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ตอนต้นปีมีไต้ฝุ่นลูกใหญ่ที่ผ่านคิวชูไป แต่ละแวกนี้ไม่โดน หรือก่อนหน้านี้ที่มีฝนตกหนัก จังหวัดรอบๆ ท่วมหมดแต่ที่นี่รอด ตอนสึนามิก็ไม่โดนอีก อาจเป็นปัจจัยเรื่องภูมิประเทศที่อยู่สูงด้วยครับ ^^


"มีไปตลาดปลาด้วยครับ เพราะเป็นเมืองท่าติดทะเล"












 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาขา/มหาวิทยาลัย



 
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด