รีวิวกว่าจะได้ทุนคิง & ชีวิตในรั้ว Princeton ม.สวยอลังการ-คุณภาพเลิศ หนึ่งใน Ivy League!

ถ้าพูดถึงเป้าหมายของคนอยากเรียนต่ออเมริกา คงหนีไม่พ้น 8 มหาวิทยาลัยเอกชนระดับท็อปใน Ivy League แน่ๆ เพราะนอกจากชื่อเสียงด้านการศึกษา สภาพแวดล้อมยังดึงดูดทั้งอาจารย์และเพื่อนร่วมคลาสที่ไม่ธรรมดาเอาไว้ที่นี่ด้วย และอีกเรื่องที่ไม่ธรรมดาเหมือนกันคือ ‘ค่าเรียน’  เลยเป็นเหตุผลที่หลายคนทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าทุนไปเรียนต่อมหา'ลัยขั้นเทพกลุ่มนี้ให้ได้

Note: Ivy League เป็นชื่อเรียกลีกการแข่งกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา ได้แก่ Brown University, Columbia University, Cornell University, Dartmouth College, Harvard University, the University of Pennsylvania, Princeton University, และ Yale University ซึ่งบังเอิญว่าทุกที่ล้วนเป็น ม.เก่าแก่ โด่งดังเรื่องการศึกษา สอบเข้ายาก และสังคมที่ค่อนข้างเป็นผู้ดี ทำให้ Ivy League สื่อถึงความเป็น ม.ขั้นเทพชั้นนำของอเมริกาไปโดยปริยาย

และวันนี้เราจะพาไปคุยกับ ‘ขวัญ’ นันฐ์กมลภรณ์ ศิริสกุลงาม เด็กกิฟต์วิทย์ รร.เตรียมอุดม ที่คว้าทุนเล่าเรียนหลวง (ทุนรัฐบาลไทย/ทุนคิง) ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 สาขา Computer Science ที่ี Princeton University  ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งมหา'ลัยนี้โด่งดังด้านวิจัย และมีหลายสาขาที่โดดเด่น ทั้งเศรษฐศาสตร์ คณิตศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ที่นี่ค่าเรียนระดับปริญญาตรีตกปีละ 1.6 ล้านบาทไทย และอัตรารับเข้าเรียนอยู่ที่ร้อยละ 6.5%

Princeton University
Princeton University
 ‘ขวัญ’ นันฐ์กมลภรณ์ ศิริสกุลงาม
 ‘ขวัญ’ นันฐ์กมลภรณ์ ศิริสกุลงาม 

กว่าจะได้ทุนเล่าเรียนหลวง

 

“ทุนนี้จะให้อิสระในการเลือกสาขา/มหา'ลัย โดยจะสนับสนุนทั้งค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าใช้จ่ายเตรียมตัวก่อนเดินทาง ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือและอุปกรณ์ ค่าคอมพิวเตอร์  ฯลฯ พอเรียนจบแล้วต้องกลับมาทำงานในไทยเป็นระยะเวลาเท่ากับการรับทุนด้วยค่ะ"

คุณสมบัติผู้สมัคร

  • เป็นผู้กำลังศึกษาอยู่ชั้นม.6 ประจำปีการศึกษา 2563
  • มีคะแนนเฉลี่ยสะสมทุกภาคการศึกษาเท่าที่ผ่านมา ในระดับชั้นม.ปลาย ไม่ต่ำกว่า 3.50
  • มีอายุไม่เกิน 20 ปี นับถึงวันปิดรับสมัคร
  • คุณสมบัติอื่นๆ ตามที่ระบุไว้ในประกาศรับสมัครสอบ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนรัฐบาลไทย

“ปกติทุนนี้จะมีแยก 3 สาย คือสายวิทย์ / สายศิลป์ / สายศิลป์คำนวณ เลือกได้อิสระว่าอยากสอบสายไหน ส่วนขวัญเลือกสอบสายวิทย์ แบ่งเป็นรอบข้อเขียน + รอบสัมภาษณ์"

รอบข้อเขียน

มีสอบ 5 วิชาคือสังคม ไทย อังกฤษ เลข และวิทย์ วิชาละ 3 ชั่วโมง และสอบ 3 วันติด

  • ภาษาอังกฤษ เป็นแบบตัวเลือก เน้นแกรมมาร์ ความยากเทียบเท่า TU-GET
  • เลข (8-9 ข้อ) ยากตรงที่รู้ทฤษฎีทุกอย่างที่เรียนมาตอน ม.ปลาย และเจอโจทย์ที่ซับซ้อนเหมือนกับข้อสอบโอลิมปิก ตอนสอบนี่ไมไ่ด้หยุดเขียนเลยยย โชคดีปีขวัญเหมือนเค้าออกความยากแบบกลางๆ
  • วิทย์ มี 3 ข้อย่อยคือฟิสิกส์ เคมี และชีวะ รอดมาได้เพราะเป็นเด็กโอลิมปิกเคมี เตรียมตัวมาเยอะเป็นพิเศษ
  • ไทย (5-6 ข้อ) ตอบเป็นเรียงความ ทดสอบหลักภาษาและการสรุปความ
  • สังคม (5-6 ข้อ) ตอบเป็นเรียงความเหมือนกัน มีทุกหมวดทั้งศาสนา การเมือง กฎหมาย ท่องเที่ยว ภูมิศาสตร์ ฯลฯ เช่น ถ้าคุณแนะนำเพื่อนให้ไปเที่ยวภาค...จะพรีเซนต์ว่ามีทรัพยากรอะไรบ้าง? *ควรอ่านข่าวมาเยอะๆ เน้นข่าวไทยก็ได้ และแนะนำให้เตรียมไปสักกลอนไป 2-3 บทไว้เชื่อมโยงเผื่อเจอคำถามที่ต้องเขียนสะท้อนสังคมสมัยนั้นๆ

"ยากสุดสำหรับขวัญคือไทยกับสังคมนี่แหละ  เพราะต้องเตรียมตัวอ่านเนื้อหามาแบบครอบจักรวาลมาก แล้วขวัญก็เขียนเรียงความช้าอยู่แล้ว ตอนสอบต้องนั่งแบ่งเลยว่า 5 นาทีแรกลิสต์สิ่งที่จะเขียน วาดแผนผัง ส่วน 30 นาทีที่เหลือต้องเขียนลงเลยแบบ flow ตั้งแต่ต้นยันจบ เขียนแบบคิดมาดีแล้ว ซึ่งทั้ง 2 วิชานี้สอบวันเดียวกัน เขียนยิงยาว 6 ชั่วโมงไม่ได้หยุดเลยค่ะ"

รอบสัมภาษณ์

“พอผ่านข้อเขียน เค้าก็จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ 10 คน และคัดไฟนอลเหลือแค่ 5 คน เจอทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเลยค่ะ ช่วงเช้าเป็นดิสคัสกลุ่ม 10 คน แสดงความเห็นตัวเอง พอช่วงบ่ายสัมภาษณ์เดี่ยวต่อหน้ากรรมการ 3 คน เค้าก็จะชวนคุย แล้วเราต้องเล่าประสบการณ์กับแสดงความคิดเห็น วัดทั้งจิตวิทยาและการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ขวัญก็ยิ้มสู้นะ ยิ้มไว้ก่อน ทำตัวรีแลกซ์ไว้ เพราะถ้าเกร็งเค้าจะยิ่งถามจี้เลย”

คำแนะนำเรื่องการเตรียมตัว

“ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จะขอทุนคิง เค้าเตรียมตัวกันตั้งแต่ ม.5 แต่ขวัญดันมาขยันตอนเกือบจะสายไปแล้ว เพิ่งมาอ่านตอน ม.6 ช่วงกันยายน แล้วมาสอบช่วงปลาย ต.ค. รู้สึกผิดกับตัวเองมากค่ะ TT ช่วงนั้นปิดเทอมพอดีเลยมีเวลานั่งอ่านทั้งวัน แล้วโชคดีว่าออกมาตรงกับที่อ่านมาพอดี” 

“สำหรับขวัญ คำแนะนำคืออย่ามองข้ามการนอน มันสำคัญมาก ควรนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงต่อวัน และอีกวิธีที่ขวัญใช้ตั้งแต่ประถมคือนั่งสมาธิก่อนอ่านหนังสือและสอบทุกครั้ง หายใจเข้าลึกๆ 3 ครั้ง พุทโธ 3 ครั้ง อาจจะฟังดูเวอร์หน่อย 5555 ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะช่วยได้ แต่ทำปุ๊บมันได้ผลมากๆ เลย การนั่งสมาธิทำให้เราสามารถโฟกัสตอนอ่านหนังสือและทำข้อสอบได้มากขึ้นค่ะ หลังจากนั้นเลยทำมาทุกครั้ง"

โมเมนต์ช่วงปรับพื้นฐาน
ทั้งเข้มข้นและใหม่กับทุกอย่าง

 

“พอได้ทุนแล้วไม่ใช่จะได้เรียนมหาวิทยาลัยทันที ขวัญต้องไปเจอด่านปรับภาษา 1 ปีก่อน โดยช่วง 3 เดือนแรกเด็กทุนรัฐบาลทุกคนจะได้มาเรียนภาษาอังกฤษด้วยกันที่ Brewster Academy ตอนนั้นพูดได้แต่ภาษาอังกฤษเลย เป็นช่วงที่ยากแต่ก็สนุกมากๆ ค่ะ"

Brewster Academy
Brewster Academy

แล้วหลังจากนั้นก็กระจายกันไปตามโรงเรียน Prep School เพื่อเตรียมความพร้อม ตอนนั้นขวัญไปอยู่โรงเรียนประจำชื่อ Choate Rosemary Hall ได้ปรับพื้นฐาน เรียนรู้วัฒนธรรมอเมริกัน และเตรียมสอบเข้ามหา'ลัย มันเป็นช่วงที่เครียดเลยแหละ แต่ชีวิตเปลี่ยนมาก ได้เรียนอะไรใหม่ๆ ในระบบการศึกษาที่เราไม่คุ้นเคย"

Choate Rosemary Hall
Choate Rosemary Hall

"ตอนนั้นขวัญเรียนไปทั้งหมด 15 ตัว เช่น  Microeconomics, Macroeconomics, Woman Studies, Linear Algebra, Multivariable Calculus, Contemporary Fiction, Film Photography  แต่ละคลาสที่นี่จะมีนักเรียนไม่เกิน 12 คน และวิธีสอนจะต่างกันในแต่ละคลาส เช่น ถ้าเศรษฐศาสตร์กับคณิตก็จะมาแนวเลกเชอร์ ถาม-ตอบ แต่วิชาภาษาอังกฤษจะมาแนวดิสคัส ให้หัวข้อไปอ่านแล้วมาแชร์ความคิดกัน ถ้าถามว่าวิชาไหนโหดสุด สำหรับขวัญคือ Contemporary Fiction เลยค่ะ เพราะภาษาอังกฤษเรายังไม่แข็ง ฟังเพื่อนไม่ทัน เพื่อนก็ฟังเราพูดไม่รู้เรื่องด้วย T__T”

“จริงๆ ช่วงปรับพื้นฐานก็เหมือนทบทวนเนื้อหา ม.6 แหละ ยากกว่าเดิมไม่มากแต่ต้องต่อยอดให้ได้ และทำเกรดให้ดี ต้องไปเข้าหาอาจารย์เพื่อให้เค้าเขียน Recommendation Letter ไว้สมัครมหา'ลัยด้วย เรื่องภาษาก็ต้องสปีดตัวเอง ซึ่งต้องบอกว่าช่วงเนี้ยได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะกว่าตอนขึ้น ป.ตรีอีกค่ะ"

“แล้วนอกจากเรียน เราต้องแบ่งเวลามาทำกิจกรรมด้วย พอเรียนเสร็จบ่าย 2-3 ก็ไปเล่นกีฬาถึง 4-5 โมงเย็น ขวัญก็ไปเล่นฟุตบอล ยิงธนู เข้าคลาสเต้น เข้าชมรมเยาวชนต้นแบบ UN และอีกเยอะมาก ฮัลโลวีนก็มีกิจกรรม หรือวันดีคืนดีก็มี Talent Show กับแฮงก์เอาต์อีก ชีวิตโรงเรียนประจำมีอะไรให้ทำเยอะมากจนไม่มีปัญหาเรื่องเพื่อน แล้วเหมือนไปเจอโลกอีกมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยค่ะ"

Princeton University
อะไรจะปังขนาดนี้!

 

“พอผ่านช่วงปรับภาษากับเตรียมความพร้อม ก็จะได้สมัครเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว วิธีคือกรอกฟอร์มใน Common Application และยื่นผลสอบทั้ง SAT/ACT, TOEFL, Essay หัวข้อที่กำหนด ตอนนั้นขวัญยื่นเกรด 4.13, TOEFL109 และ SAT1,510 ส่วน  SAT Subject Tests ฟิสิกส์/เคมี/เลข ได้เต็มค่ะ พอดีเรียน ม.ปลายที่ไทยมาเข้มมากเลยช่วยทางนี้ได้เยอะพอสมควรค่ะ"

สวยยังกับอยู่ในเทพนิยาย
แถมทรัพยากรเพียบพร้อม

“ทุนคิงจะให้สมัคร 10 ที่ แล้วขวัญก็มาติดที่ Princeton University จุดเด่นของมอนี้คือสวยมากกกก บรรยากาศก็ดี นึกภาพเหมือนมีปราสาทรอบกาย แบบดิสนีย์ๆ ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิยิ่งสวย~ ส่วนหอถ้ามองจากด้านนอกก็คือปราสาทเลยค่ะ ทรัพยากรก็ครบครันมาก ตึกเคมีใหญ่โต ตึกอาร์ต ห้องซ้อมเต้น อัดเสียง  มีตึกของ Computer Science โดยเฉพาะ มีห้องสมุดที่ชื่อ ‘Princeton Firestone Library’ กว้างใหญ่มาก สูง 5-6 ชั้น มีห้องใต้หลังคา ถ้าขึ้นไปยืนจะเห็นวิวรอบๆ หมดเลย ขนาดคนนอกยังชอบเข้ามาอ่านที่นี่จนบางทีขวัญก็หาที่นั่งไม่ได้ 55555"

Princeton University
Princeton University
งานปฐมนิเทศที่ Princeton University!
งานปฐมนิเทศที่ Princeton University!
Princeton University
Princeton University

ได้เจอเพื่อนจากทั่วโลก

“แล้วด้วยความที่ Princeton เป็น University ขนาดกลาง มีนักเรียนประมาณ 6-7 พันคน เวลาเรียนจะมีทั้งคลาส Seminar เล็กๆ 10 คน หรือไม่ก็คลาสเลกเชอร์ 100-300 คน ดังนั้นข้อดีคือเราจะไม่ได้รู้สึกเหมือนชีวิตอยู่กับคนแค่ 500-600 คน กิจกรรมและคลับจะหลากหลายและเจาะความสนใจได้มากกว่า โอกาสเจอคนเยอะกว่า ในขณะเดียวกันก็เข้าถึงอาจารย์ง่ายเหมือนกัน เวลาเรียนก็อาจจะต่างจากมหา'ลัยอื่น ที่นี่จะเน้นทฤษฎีเยอะพอสมควร  นอกจากนั้นแล้ว เราจะเรียน Double Majors (ควบ 2 เอก) ไม่ได้ เพราะเค้าอยากให้โฟกัสสาขาใดสาขาหนึ่งเต็มที่"

เจ๋งทั้งอาจารย์และเพื่อนร่วมคลาส

“คนรอบตัวมักจะเป็นตัวท็อปๆ จากโรงเรียนเก่าหรือประเทศของเค้า เพราะการเข้ามอท็อปในอเมริกาเค้าจะวัดกันที่ essay  และกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำมา ต้องมีเหตุผลพิเศษที่ทำให้มหาวิทยาลัยสนใจและรับเราเข้าเรียน เพื่อนๆ แต่ละคนเลยเก่งจนน่าตกใจเลยค่ะ อย่างเช่นเพื่อนขวัญคนนึงมีแพสชันเรื่องคอมพิวเตอร์ รู้ลึกรู้จริงแบบโหดมาก หลายคนทำงานที่ Google หรือ Facebook พอเราเห็นเพื่อนๆ ทำงานที่นั่น ก็เหมือนได้รับแรงบันดาลใจดีๆ มาด้วยค่ะ"

ส่องคลาสเด็ก Com-Sci 
ได้เรียนอะไรบ้าง?

 

“ขวัญเรียนหลักสูตร Computer Science มีวิชาบังคับ 3 ตัวคือ Introduction to Computer Science, Data Structures and Algorithms และ Programming Systems เวลาเรียนคอมพ์ที่นี่คือเลกเชอร์ 50 นาที/สัปดาห์ แล้วมี Precept เซคชันเล็กๆ ไม่เกิน 30 คน โดยเชิญวิทยากรมาสอนเขียนโค้ดและเทคนิคต่างๆ การบ้านที่นี่ถือว่าท้าทายมากๆ ค่ะ ส่วนใหญ่พวกเราใช้เวลากันมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อ 1 งาน!"

ตัวอย่างวิชาที่เรียน (บังคับเลือก/เสรี)
 

  • Computer Vision
  • Machine Learning
  • Economics and Computing
  • Web Programming
  • Computer Network
  • Computer Systems
  • Data Structures and Algorithm
  • Innovation Writing Seminars
  • Chinese
  • Literature and Medicine
  • Archaeology Freshmen Seminar
  • Probability and Stochastic System
  • Quantitative Data Analysis in Finance (*คลาส ป.โท เราสามารถลงได้)

ยกตัวอย่าง 3 วิชาเลือกเด็ดๆ
 

1. Archaeology Freshmen Seminar ชอบมากกก วิชานี้เรียนโบราณคดีและประวัติศาสตร์อังกฤษ ประมาณว่าถ้าเจอของในดินแบบนี้สามารถบ่งบอกสังคมในยุคนั้นได้ยังไงบ้าง อาจให้เอาเมล็ดพืชนี้ไปส่องดู ถ้ามีรอยไหม้แสดงว่าเคยมีการเผาศพ มีไปออกฟิลด์ทริป ถ้าขุดเจออะไรก็เอามาวิเคราะห์ ทำเปเปอร์ 10 กว่าหน้า สนุกดี เหมือนกำลังหาความจริงบางอย่าง”

2. Chinese ที่นี่ขึ้นชื่อว่าสอนดีมากๆ ค่ะ ขวัญเรียนตั้งแต่ปีแรกจนตอนนี้ขึ้นปี 4 แล้ว คลาสนึงมีแค่ 5-6 คน ได้ฝึกพูดจริงเขียนจริง แล้วด้วยความที่ Princeton รวยมาก ถ้าอยากทำอะไรลองทำหนังสือให้มอ แล้วเค้าจะพิจารณาอนุมัติให้ อย่างขวัญก็มีขอทุนไปดรียนโปรแกรม Princeton in Beijing ที่จีนด้วย

3. Innovation Writing Seminar เป็นวิชาบังคับที่เรียนยากมาก เพื่อนในคลาสก็ดูยิ่งใหญ่อีก เช่น เคยทำงานด้าน tech. มานาน เคยทำ start-up อีกคนเคยทำบล็อกท่องเที่ยว ฯลฯ พอฟังความคิดที่เค้าแชร์แล้วรู้สึกเลยว่า ‘เอ๊ะ ทำไมเราไม่เคยนึกถึงด้านนี้หว่า?’ ขวัญว่ามุมมองคนอเมริกันเป็นผู้ใหญ่เกินวัยและน่าสนใจมาก

กำแพงภาษา
= ปมในใจคลาสดิสคัส

 

“ในคลาสเรียน คนที่นู่นจะให้คุณค่ากับทุกคนและทุกความคิดเห็น แต่ปัญหาที่ต้องก้าวข้ามให้ได้คือความกลัวและความไม่มั่นใจของเราเอง  สิ่งที่ขวัญรู้สึกมาตลอดตั้งแต่เรียนโรงเรียนประจำคือความเหนื่อยของการอยู่ในสังคมที่ไม่ใช้ภาษาตัวเองนี่แหละ หลายครั้งมากที่เรากลัวพูดผิด กลัวสำเนียงไม่ดี แล้วกลายเป็นนั่งเงียบ สิ่งที่จะขึ้นเกิดขึ้นตามมาคือเราไม่ได้พัฒนาสักที ซึ่งความจริงแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเค้าเข้าใจเรา เราเข้าใจเค้า แค่นั้นเอง"

“พอมานั่งคิดดู ถ้าเมื่อ 1-2 ปีที่แล้วเรากล้ามากกว่านี้ คงไปได้ไกลกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นขวัญอยากให้ทุกคนกล้าๆ กล้าพูด กล้าทำ จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง :)"

กิจกรรมยามว่าง

 

“ขวัญว่ากิจกรรมเป็นพาร์ตสำคัญในชีวิตมหา'ลัยเลยค่ะ นอกจากแข่งเขียนโค้ดกับจัด conference หลักๆ ที่เราชอบที่สุดคือการเข้าชมรมเต้นเกาหลีนี่แหละ ช่วงแรกเต้นไม่เป็นเลย แค่ชอบเกาหลีเฉยๆ แต่โชคดีปีนั้นเค้าให้สมัครเข้าได้โดยไม่ต้องออดิชัน พอลองแล้วสนุกมากเลยนะ  มีกิจกรรมตลอดปี เป็นกิจกรรมนึงที่ช่วยผ่อนคลายจากการเรียนสุดตึงเครียด 5555”

“แล้วมีครั้งนึง มีเพื่อนที่มหา'ลัยสนใจเรื่องหมาป่า เค้าก็จัดทริปไปศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา ขวัญก็สมัครไปเข้าโครงการ Break out trip ตอนนั้นทางมหา'ลัยก็ออกค่าใช้จ่ายทั้งค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักที่ Firestone Park ให้ทั้งหมดเลยย พวกเราได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยกัน เป็นอีกทริปที่ดีมากๆ มาอยู่ที่นี่ถือว่าได้เปิดโลกจริงๆ”

ฝึกงาน Agoda ด้วยนะ~

“ซัมเมอร์นี้เรามีโอกาสได้ฝึกงานที่ Agoda ค่ะ ทำให้รู้ว่าการฝึกงานช่วยให้เราเก่งขึ้นได้จริงๆ ถือเป็น 3 เดือนที่เราได้เอาทักษะจากการเรียนมาใช้ในการทำงานจริง สนุกมากๆ”

รีวิวอเมริกาแบบสั้นๆ

 

“เวลาเห็น New York City ในหนังแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย ดูเจริญ ดูรุ่งเรืองรุ่งโรจน์มาก แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่เมืองที่สะอาดทุกจุดอย่างที่คิด รถไฟใต้ดินมีความงงๆ แต่คนที่นู่นมี mindset ที่เปิดกว้างมากเลย"

“ส่วนความปลอดภัย แล้วแต่โซนที่ไปอยู่ค่ะ อย่างบอสตัน ตี 1-2 เดินนอกหอก็ชิลล์ๆ ในขณะที่บางโซนโจรชุกชุมมาก ห้ามเดินคนเดียวเด็ดขาด บางมอถึงกับมีบริการคนเดินเป็นเพื่อนเหมือน Uber เลย อย่าง Brown University มีอาสาพาเดินกลับหอด้วย"

 

บทเรียนในวันที่โตขึ้น
“ไม่ต้องทำคะแนนให้เต็มทุกครั้งก็ได้นะ”

 

นิสัยที่ติดตัวขวัญตั้งแต่เด็กคือคาดหวังว่าทุกอย่างจะต้องเพอร์เฟ็กต์ ไม่ว่าจะเป็นตอนสอบเข้า รร.เตรียมอุดม > สอบเข้ามหาวิทยาลัย > ตอนหางาน แค่ต่างบริบทกันเฉยๆ เคยอยู่ในจุดที่นั่งร้องห่มร้องไห้ ทำข้อสอบพลาดนิดเดียวก็เครียดแล้ว แต่พอโตขึ้น เห็นโลกมากขึ้น ขวัญรู้สึกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องทำได้เต็มทุกครั้งก็ได้นะ ไม่เต็มใช่ว่าจะไม่ดี คะแนนไม่ใช่ทุกอย่าง มันมีผล 2 ด้านแหละ ถึงคะแนนอาจไม่ได้ 100% แต่ชีวิตช่วงสอบเครียดน้อยลง สัปดาห์สอบก็แค่ช่วงธรรมดา แค่หนักขึ้นนิดหน่อย”

“เรื่องความเครียดจากการเรียนของเรา มันได้ตกผลึกมาเป็น Podcast นี้ ยังไงอยากให้ทุกคนลองฟังดูนะ ความจริงแล้วทุกอย่างมันอาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คิดก็ได้ :D”

"สุดท้ายนี้ขวัญมีทำช่องยูทูบช่อง KhongPangKhongKwan กับเพื่อนอีกคนชื่อ ‘แพง’ (เติมคำว่า ‘ของ’ เข้าไปเพื่อความ cute) เริ่มทำตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว จริงๆ ตั้งใจเปิดเพื่อแชร์ชีวิตในอเมริกา แต่ดันเจอช่วงโควิดแล้วต้องกลับไทยซะงั้น คนเริ่มรู้จักช่องขวัญตอนลงคลิป 9 วิชาสามัญ เป็นคอนเทนต์แนวการเรียนสุดๆ แต่เราก็ยังมีคอนเทนต์อื่นๆ ด้วย เช่น Com-Sci the series, Vlog ฝึกงาน, แนะนำการเรียน, ทุน, ไลฟ์สไตล์ ฯลฯ ถ้าใครสนใจเข้าไป subscribe กันได้นะคะ :)”

พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น