ชี้เป้า! ส่องหลักสูตร 7 มหาวิทยาลัยใน 'อเมริกา' ที่มีค่าเรียนราคาประหยัด

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคน ถ้าถามว่า “อเมริกา” มีดียังไง? ทำไมถึงเป็นประเทศเนื้อหอมที่ใครต่อใครก็อยากไปเรียนต่อ? เราก็ต้องยอมรับเลยว่านอกจากจะเป็นประเทศมหาิำนาจแล้ว ที่นี่ยังมีสภาพแวดล้อมที่ดี และระบบการศึกษามีคุณภาพ แถมยังให้อิสระทางความคิดกับนักเรียนนักศึกษาทุกคนที่เดินทางเข้ามาใช้ชีวิตในประเทศแห่งนี้ด้วย 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าราคาค่าเรียนและค่าครองชีพของอเมริกานั้นไม่ธรรมดาเลย เรียกว่ามีตั้งแต่ถูก ปานกลาง ไปจนถึงแพงมากขึ้นอยู่กับเมืองและมหาวิทยาลัยที่น้องๆ เลือกไปเรียนต่อ วันนี้ พี่ปุณ เลยจะขอมาแนะนำ 7 มหาวิทยาลัยในอเมริกาค่าเรียนประหยัด ว่าแต่จะเป็นมหาวิทยาลัยไหน ตั้งอยู่ในเมืองอะไร ไปดูกันเลย!

Photo credit: The City University website
Photo credit: The City University website

The City University of New York

  • ค่าเทอม: 18,600 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 580,000 บาทต่อปี

‘The City University of New York’ หรือ ‘CUNY’ เป็นมหาวิทยาลัยรัฐในนิวยอร์กที่มีเป้าหมายให้นักศึกษาเข้าถึงการเรียนการสอนที่มีคุณภาพในราคาที่สามารถจ่ายได้ ซึ่งนอกจากค่าเทอมที่ถูกกว่าหลายมหาวิทยาลัยในอเมริกาแล้ว สถาบันแห่งนี้ยังมีเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายและทุนค่าเล่าเรียนเพิ่มเติมให้กับนักศึกษาใหม่หรือผู้ที่สามารถทำผลการเรียนได้ดีอีกกว่า 1,000 ทุน

ในส่วนของโปรแกรมการศึกษา ผู้เรียนก็สามารถเลือกคณะและสาขาที่สนใจได้จากมหาวิทยาลัยในเครืออย่างเช่น Baruch College, Hunter College, Brooklyn College, City College of New York และสถาบันอื่นๆ อีกกว่า 26 สถาบัน โดยแต่ละที่ก็จะเปิดสอนในหลักสูตรที่แตกต่างกันไป แต่ทุกมหาวิทยาลัยล้วนมีที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์กทั้งสิ้น ใครไม่อยากพลาดโอกาสในการล่าใบปริญญาที่ CUNY ก็สามารถตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมต่อได้ทางเว็บไซต์เลย

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
Photo credit: University of the People website
Photo credit: University of the People website

University of the People 

  • ค่าเทอม: ฟรี

ถ้าจะให้พูดถึงสถาบันการศึกษาที่ไม่แสวงหาผลกำไรและเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลกได้เข้ามาเรียนกันแบบฟรีๆ ก็ต้องเป็น ‘University of the People’ เลยค่ะ สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนของที่นี่จะเป็นการเก็บหน่วยกิตผ่านระบบการเรียนออนไลน์ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการมาเรียนต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาตรี สถาบันแห่งนี้ก็มีหลักสูตรและสาขาให้เลือกหลากหลาย ทั้งหลักสูตรบริหารธุรกิจ (Business administration), วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer science), วิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health science) และหลักสูตรศึกษาศาสตร์ (Education) โดยอาจารย์และวิทยากรที่เวียนกันเข้ามาสอนก็ล้วนมาจากสถาบันชั้นนำของโลกอย่าง New York University และ University of California, Berkeley

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบอกก่อนว่าถ้าใครอยากเรียนเพื่อนำใบปริญญาไปสมัครงานหรือเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป การเรียนในมหาวิทยาลัยที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานทางการศึกษาเช่นนี้ก็อาจจะไม่เหมาะนัก แต่สำหรับใครที่อยากเรียนเอาความรู้หรืออยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในมหาวิทยาลัยอเมริกา พี่ก็คิดว่า University of the People เป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะสามารถเรียนออนไลน์ผ่านระบบการเรียนการสอนที่ทันสมัยได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ผู้เรียนยังจะได้ฝึกฝนทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น และเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายอีกด้วยค่ะ

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
Photo credit: California State University website
Photo credit: California State University website

California State University, Long Beach

  • ค่าเทอม: 8,151 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 255,000 บาทต่อปี

‘California State University, Long Beach’ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 จากมหาวิทยาลัยทั้งหมดในแคลิฟอร์เนีย (ตั้งอยู่ใกล้มหาสมุทรแปซิฟิกและอุตสาหกรรมบันเทิงอย่าง Hollywood) และมีสถาบันย่อยอยู่ในรัฐต่างๆ ทั่วประเทศ และนอกจากสถาบันแห่งนี้จะให้ความสำคัญกับการศึกษาและการวิจัยแล้ว ที่นี่ยังส่งเสริมด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และยังมีแคมเปญจัดการปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติในอเมริกาอีกด้วย 

สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนของ California State University ก็มีทั้ง โปรแกรมสำหรับเด็กสายวิทย์ ซึ่งจะครอบคลุมเนื้อหาวิชาเคมี ชีวะ ดาราศาสตร์ และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และโปรแกรมสำหรับเด็กสายศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นสาขาภาพยนตร์ การออกแบบ การเต้น หรือการดนตรี มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีให้เลือกสรรกันตามความถนัด

และอีกหนึ่งโครงการที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ‘Shark Lab’ สถานีวิจัยทางด้านนิเวศวิทยาเชิงสรีรวิทยาและพฤติกรรมของสัตว์น้ำ ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อใช้ตอบคำถามและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลนั่นเอง ถือว่าเป็นการออกแบบหลักสูตรที่น่าสนใจและสามารถใช้ทำเลที่ตั้งใกล้มหาสมุทรได้เป็นประโยชน์มากจริงๆ ค่ะ

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
Photo credit: Alcorn State University website
Photo credit: Alcorn State University website

Alcorn State University in Mississippi

  • ค่าเทอม: 6,888 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 216,000 บาทต่อปี

หากใครเป็นสายท่องเที่ยวธรรมชาติและชื่นชอบการชมพิพิธภัณฑ์ พี่ก็ขอแนะนำ ‘Alcorn State University’ มหาวิทยาลัยในรัฐ Mississippi ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1871 โดยมีจุดเริ่มต้นจากเป้าหมายที่อยากให้ชาวแอฟริกัน-อเมริกันในสมัยนั้นได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกับประชาชนคนอื่น ปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาหาความรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งใน พาร์ตของการเรียน การทำวิจัย และการรณรงค์ส่งเสริมให้คนในประเทศกำลังพัฒนาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

หลักสูตรของที่นี่ก็จะแบ่งได้เป็น 7 คณะหลัก ได้แก่ School of Agriculture and Applied Sciences, School of Arts and Sciences, School of Business, School of Education and Psychology และ School of Nursing ใครอยากมาเป็น Alcornites ในสถาบันดีมีคุณภาพแบบนี้ก็ลองเข้าไปชมเว็บไซต์ เลือกคณะที่ใช่ และส่งใบสมัครกันได้เลย

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
Photo credit: Minot State University website
Photo credit: Minot State University website

Minot State University in North Dakota 

  • ค่าเทอม: 7,896 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 247,000 บาทต่อปี

‘Minot State University’ เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่ามีค่าเทอมถูกที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประเทศอเมริกา แต่ถึงค่าเทอมจะถูกกว่าที่อื่น สถาบันแห่งนี้ก็ยังคงคุณภาพด้านการศึกษาและมีชมรมน่าสนใจให้เข้าร่วมกว่า 65 ชมรม และด้วยความที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ อย่าง Minot, North Dakota ทำให้นักเรียนนักศึกษาที่นี่มีไม่มากนัก หากเทียบจำนวนนักศึกษาและอาจารย์ อัตราส่วนก็จะอยู่ที่ประมาณ 14:1 เท่านั้นค่ะ เรียกว่าแทบจะจำชื่อจำหน้ากันได้ทุกคนเลยทีเดียว 

นอกจากบรรยากาศการเรียนแสนอบอุ่นที่มหาวิทยาลัยมอบให้ ผู้เรียนยังจะได้รับประสบการณ์ผ่านกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กในแต่ละสาขาได้มาทำงานร่วมกัน ใครอยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่มาเรียนใน Minot State University ก็ตามไปสมัครเรียนที่เว็บไซต์ให้ไวเลย

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
Photo credit: South Texas College website
Photo credit: South Texas College website

South Texas College

  • ค่าเทอม: 4,200 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 132,000 บาทต่อปี

‘South Texas College’ ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 เป็น อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ และมีจำนวนนักศึกษาอยู่ไม่มากนัก หลักสูตรการเรียนการสอนของที่นี่มีทั้ง ‘Certificate programs’ ซึ่งก็คือกลุ่มหลักสูตรสำหรับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและ ‘Undergraduate degree’ หรือการศึกษาในระดับปริญญาตรี นั่นเองค่ะ

และไม่ว่าน้องๆ จะสนใจเรียนต่อในด้านไหน ที่นี่ก็จัดเตรียมหลักสูตรมารองรับไว้ให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรบริหารธุรกิจ, คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี, วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว (Kinesiology), ศิลปกรรม, มนุษย์ศาสตร์, ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน (Public safety), และยังมีหลักสูตรน่าสนใจอื่นๆ อีกเพียบ นอกจากนี้ South Texas College ยังผลักดันการศึกษาภาคปฏิบัติและส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้มาใช้ในการทำงานจริงอีกด้วย เรียกว่าเรียนมาได้ใช้ ไม่สูญเปล่าแน่นอน!

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
Photo credit: Collegecultured.com
Photo credit: Collegecultured.com

Cooper Union for the Advancement of Science 
and Artin New York

  • ค่าเทอม: 22,635 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 709,000 บาทต่อปี

‘Cooper Union’ เป็นวิทยาลัยเอกชนในนิวยอร์กที่เลื่องลือเรื่อง “ความยากในการสอบเข้า”  เพราะแต่ละสาขาวิชาของเขาล้วนมีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องว่าเป็นหลักสูตรคุณภาพแน่น! สำหรับการคัดเลือกนักศึกษาในแต่ละปี คณะกรรมการของวิทยาลัยจะใช้วิธี ‘Need-blind admission’ ซึ่งก็คือการคัดเลือกโดยไม่รู้ว่าสถานะทางการเงินของผู้สมัครแต่ละคนเป็นอย่างไร ถัดมาในปี 2014 Cooper Union ได้ประกาศให้นักเรียนทุกคนที่สอบติดเข้ามาได้เรียนฟรีตลอดหลักสูตร ซึ่งก็เท่ากับว่าในแต่ละปีผู้เรียนจะได้รับทุนที่มีมูลค่ามากถึง 43,250 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1,356,000 บาท 

และถึงแม้ว่าในปัจจุบันทางสถาบันจะปรับเปลี่ยนวิธีการมอบทุนแล้ว นักศึกษาทุกคนก็ยังจะได้รับทุน 50% โดยหากเป็นนักศึกษาต่างชาติที่ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในอเมริกาก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก 1,005 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 31,500 บาทนั่นเองค่ะ

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย
Photo credit: Unsplash.com
Photo credit: Unsplash.com

การจะเลือกไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะนอกจากจะต้องตัดสินใจเรื่องเมืองที่ตั้งและคณะที่สนใจแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าเทอม ค่าหอพัก ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ดังนั้นใครที่มีแพลนจะไปเรียนต่อ พี่ก็ขอแนะนำ 7 มหาวิทยาลัยข้างต้นนี้ ส่วนใครที่ยังรู้สึกไม่ถูกใจแต่อยากไปเรียนต่อโดยไม่รบกวนเงินจากที่บ้าน ก็ลองเข้าไปดูทุนเรียนฟรีที่อเมริกากันได้เลย คัดมาแล้ว! 7 ทุนเรียนฟรีที่ ‘อเมริกา’ ดินแดนกว้างใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยโอกาสด้านการศึกษา  รับรองว่าลงทุนกับการศึกษา คุ้มค่าอย่างแน่นอน!

Source: 
https://www.uopeople.edu/blog/7-affordable-usa-universities-for-international-students/
พี่ปุณ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น