เปิดงานวิจัย! มีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้การทะเลาะกันของคู่รัก

การทะเลาะของคู่รักเป็นเรื่องธรรมดา สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน หลายคู่ทะเลาะกันแล้วทำให้รักกันมากขึ้น แต่บางคู่การทะเลาะก็นำไปสู่ความแตกหัก วันนี้เรามีงานวิจัยเกี่ยวกับการทะเลาะกันของคู่รักมาฝาก มาดูกันว่าการทะเลาะเบาะแว้งนี้สามารถบอกอะไรได้บ้าง?

'ทะเลาะจุกจิก' มักเกิดจาก 'ความเครียด'

คนเป็นแฟนกันก็เหมือนลิ้นกับฟันที่ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา บางอย่างที่ดูเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น เคี้ยวข้าวเสียงดัง ชอบกัดหลอดน้ำ ก็สามารถกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตของคู่รักได้ ดร. Samantha Boardman บอกว่าการทะเลาะเรื่องจุกจิกๆ แบบนี้ส่วนใหญ่เกิดจาก "ความรำคาญ" ถ้าเป็นวันปกติธรรมดาอาจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อไหร่ที่เครียดๆ เหนื่อยล้า หรือหิวมากๆ ก็สามารถกระตุ้นต่อมรำคาญให้รู้สึกมากกว่าเดิม เดือดง่าย โมโหเร็วและรุนแรงขึ้น

ในจังหวะแบบนี้การกวนประสาท เถียงกัน ตำหนิกัน ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะจะยิ่งกวนให้น้ำขุ่นยิ่งกว่าเดิม ถ้าสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์บ่จอย ก็ให้พูดคุยกันดีๆ เลี่ยงการเกิดปัญหาจะดีที่สุด

'ทะเลาะเรื่องเดิมๆ' เกิดในคู่รักที่ 'ไม่ใส่ใจกัน'

การทะเลาะกันเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ เคยพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังเกิดปัญหาซ้ำอีก นั่นก็เป็นเพราะว่าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข พูดครั้ง 2 ครั้ง อาจจะทำให้เบื่อและรำคาญ แต่ถ้ามากกว่านั้นการกลายเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าเดิม  ดร. Amsellem บอกว่าการมองข้ามหรือเมินเฉยต่อคำเรียกร้องของคนรักไม่ใช่เรื่องดี เพราะเป็นการแสดงออกถึงความไม่ใส่ใจ ไม่เคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งไม่ดีต่อความสัมพันธ์แน่นอน

'คู่รักที่ทะเลาะรุนแรง' เสี่ยงมีปัญหาโรคหัวใจ

คู่รักคู่ไหนที่ทะเลาะกันรุนแรงมากๆ ถึงขั้นเจ็บไปทั้งร่างกาย เจ็บไปทั้งหัวใจ แน่นอนว่าสภาพจิตใจทนไม่ไหว สุขภาพร่างกายก็ไม่ทนเหมือนกัน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of California, Berkeley และ Northwestern University พบว่าคู่รักที่เกรี้ยวกราดและทะเลาะขั้นรุนแรงมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นความดันโลหิต มีปัญหาหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต ถ้ารักกันจริงอย่าทำร้ายร่างกายและจิตใจกันจะดีที่สุด

'ตะโกน' หรือ 'ตะคอก' ทำร้ายความสัมพันธ์มากที่สุด

ความรุนแรงในการทะเลาะกันเลเวลที่ตะโกนหรือตะคอกใส่กันแรงๆ เป็นการทะเลาะที่มีแนวโน้มทำลายความสัมพันธ์มากที่สุด และทำให้เกิดการเลิกราสูงมากๆ ซึ่งสถิติพบว่าผู้หญิงมีเป็นฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงทางด้านการพูดมากกว่าผู้ชาย ดร.Boardman แนะนำให้ใช้อารมณ์ขันเข้าสู้ และการโต้เถียงอย่างใช้เหตุและผล จะเป็นการทะเลาะที่มีผลดีต่อความรักมากกว่า  

'เงียบ มองข้าม เดินหนี' ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา

หลายคนอยากหลีกเลี่ยงการทะเลาะด้วยการเดินหนี ไม่สนใจ หรือปล่อยให้ทะเลาะไปคนเดียว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะปัญหาจะได้จบไวๆ แต่แน่ใจว่าปัญหาจบจริงๆ เหรอ? วิจัยจากมหาวิทยาลัย University of Michigan บอกว่า การหนีปัญหาแบบนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เหตุผลก็เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไข และนำพาไปสู่การทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ แบบไม่จบไม่สิ้น สะสมเอาไว้เยอะๆ รอวันระเบิด ตู้ม! ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง

คนเป็นแฟนกันจะไม่ให้ทะเลาะกันคงเป็นไปไม่ได้ แต่การใช้สติ เหตุผล อยู่เหนืออารมณ์ ไม่มุ่งทำร้ายร่างกายและจิตใจ แต่ช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาจะดีต่อความสัมพันธ์มากที่สุด ชาว Dek-D คนไหนอยากแชร์ประสบการณ์ความรักแบบนี้ ก็คอมเมนต์มาได้เลย