นี่แหละที่ไต้หวัน! ส่องชีวิตนักเรียนทุน ป.โท&เอก สาย Biotech ใน ม.ดังด้านแพทย์ (+เรื่องโจ๊กๆ ที่เจอในห้องแล็บ!?)

สวัสดีค่ะชาว Dek-D เรามีโอกาสได้พูดคุยกับนักเรียนทุนไต้หวันมาหลายรูปแบบมากๆ และวันนี้เราก็มีอีกรีวิวสนุกๆ จาก "พี่ธีร์ — ธีรพงษ์ พรมปัญญา” เจ้าของเพจและช่องยูทูบ ที่ไต้หวัน TeeTaiwan 在台灣 ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงนักเรียนทุนรัฐบาลไต้หวัน (MOE) ทั้งระดับ ป.โท และ ป.เอก โดยได้เรียนต่อหลักสูตรอินเตอร์ “สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ” หรือ Biotechnology ที่ Taipei Medical University (TMU) 

บอกเลยว่าคนทำงานด้านนี้คืออีกเบื้องหลังสำคัญของความสำเร็จในวงการแพทย์ อีกทั้ง TMU ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่คณะทางด้านแพทย์โดดเด่นด้วยค่ะ ในนี้จะเล่าให้ฟังตั้งแต่การสมัครทุน, การเรียน, คุณภาพชีวิต และเกร็ดวัฒนธรรมน่ารักๆ ของผู้คน จะน่าสนใจขนาดไหน ตามมาอ่านกันเลย!

*บทความนี้อิงเรตค่าเงิน 1 New Taiwan dollar (TWD) = 1.18 บาท

 

“งานสาย Biotechnology มักจะเป็นเบื้องหลัง เช่น เก็บเลือด ปัสสาวะ น้ำลาย ฯลฯ เพื่อมาวิเคราะห์ เป้าหมายหลักมี 2 อย่างคือ ‘ป้องกันหรือทำนายอนาคต’ โดยการพยายามค้นหายีนบางอย่างที่จะป้องกันไม่ให้เกิดโรคนั้นๆ และอีกเป้าหมายคือ ‘การรักษา’ พยายามค้นหาตัวยาอะไรก็ตามเพื่อใช้รักษาโรคที่เกิดขึ้นมาแล้ว”


 

— ธีรพงษ์ พรมปัญญา

เจ้าของเพจและช่องยูทูบ ที่ไต้หวัน TeeTaiwan 在台灣

บัณฑิตคณะสัตวแพทย์
มุ่งหน้าสู่ ม.สายแพทย์ในไต้หวัน

ผมเรียนจบปริญญาตรีจากคณะสัตวแพทย์ที่จุฬาฯ เป็นหลักสูตรเดียวกับสายการแพทย์เลยครับ ก็เลยอยากหามหาวิทยาลัยด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งทุน MOE กำหนดให้สมัคร 2 แห่ง ผมเลยเลือกที่ Taipei Medical University (TMU) กับ Kaohsiung Medical University (เกาสง) ทั้งคู่เป็น ม.ด้านการแพทย์หมด และมีโรงพยาบาลของตัวเอง ทำให้สะดวกเวลาต้องเก็บตัวอย่างจากคนไข้มาวิเคราะห์ // ปกติแล้วเราจะต้องได้รับความยินยอมจากตัวบุคคลก่อน พอเป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย คนไข้ก็จะไว้ใจและเซ็นยินยอมให้ใช้ข้อมูล เป็นเหตุผลที่มหา’ลัยเหล่านี้มีข้อมูลเยอะ

Q: ทำไมต้องไต้หวัน?

  • ค่าครองชีพสูงกว่าในกรุงเทพฯ เพียงเล็กน้อย
  • เดินทางกลับไทยก็ง่าย ใช้เวลาแค่ 3.5 ชั่วโมงเท่านั้น
  • คะแนนภาษาเปิดกว้างกว่าแถบยุโรปหรืออเมริกา ใช้ได้ทั้ง TOEIC, TOEFL, IELTS เลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ต้องใช้คะแนนภาษาจีนหรือไม่มีพื้นฐานเลยก็สมัครเรียนหลักสูตรอินเตอร์ได้ *หลักสูตรอินเตอร์เยอะ
  • ไต้หวันมีงบสนับสนุนวิจัยเยอะมาก แล้วยังเป็นเบอร์ 1 ในเอเชียที่นักวิจัยมีเสรีภาพในการทำวิจัย ไม่มีกรอบบางอย่างมาคอยจำกัดไว้

ได้ทุนไต้หวันทั้งป.โทและเอก
สมัคร 2 ระดับต่างกันตรงไหน?

การจะสมัครเรียนต่อคณะอินเตอร์ เราสามารถยื่นคะแนนภาษาอังกฤษได้ครับ (ผมยื่นคะแนน TOEIC 900) แต่เราต้องเช็กดีๆ ว่าคะแนนภาษาของเราผ่านเกณฑ์ที่ทางทุนและมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ทั้งคู่ ยกตัวอย่างเช่นทุน MOE ปีที่ผมสมัครกำหนด TOEIC 750 หรือ IELTS 6.0 ส่วนมหาวิทยาลัยก็อาจกำหนดสูงหรอต่ำกว่านี้ก็ได้

ทุนรัฐบาลไต้หวัน MOE เขาจะพิจารณาจากใบสมัครทั้งหมด และคัดเลือกคนมาเพื่อสัมภาษณ์เป็นจำนวน 2 เท่าจากโควตาที่รับ เช่น ปีผมมีให้ 17 ทุน (ทุกระดับรวมกัน) สถานทูตก็จะคัดมาสัมภาษณ์ 34 คน (เขาไม่มีกำหนดว่าระดับไหนได้กี่คน เค้ารวม ป.ตรี-เอกในตะกร้าเดียว แต่เขาจะพยายามกระจายสาขากัน)

และในการเรียน ป.โทและเอก มีข้อแตกต่างกันคือ

  • ปริญญาโท (หลักสูตร 2 ปี) ปีแรกจะได้เรียน Coursework กับวิชาที่อยากเรียน พอปี 2 เน้นทำวิจัยและธีสิส ในภาพรวมคือหลักสูตรกว้างๆ
  • ปริญญาเอก (หลักสูตร 4 ปี) ยังมี Coursework เหมือนกัน แต่จะเรียนและทำวิจัยที่เจาะหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งให้ลึกที่สุด

ดังนั้นการเขียน Statement of Purpose (SoP) และ Study Plan ต่างแน่นอน ถ้า ป.โท เราต้องเขียนแนะนำตัว แล้วโยงเข้าแพสชันว่าเราสนใจด้านนี้ เช่น ผมสนใจเรื่องโรคมะเร็งทุกชนิดที่มีโอกาสเกิดขึ้นในชีวิตคนได้ แต่พอขยับมาเป็นระดับ ป.เอก ผมอาจเจาะลึกไปเลยว่าสนใจเรื่องมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เล่าหัวข้อวิจัยที่อยากทำ อารมณ์เหมือนเขียน Proposal วิจัย มีหา Reference และวางแผนว่าจะทำอะไรบ้าง แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายเราชัด ซึ่งพอเข้า ป.เอกจริงๆ ก็อาจปรับเปลี่ยนจากนี้ได้

ถ้าเล่าในกรณี Study Plan ของ ป.โท จะแบ่งเป็น 3 พาร์ต กำหนดความยาว 1 หน้า A4 ซึ่งมันยากมาก 5555 ต้องเอาทุกอย่างในชีวิตใปใส่ในกระดาษหน้าเดียว

  • ประสบการณ์เรียน กิจกรรม ทำงานในด้านไหน มีจุดเด่นอะไรบ้าง ควรเกี่ยวกับด้านที่จะไปเรียน
  • เป้าหมายที่จะมาศึกษาต่อหลักสูตรนี้ ต้องชัดและเห็นภาพเลยว่าเราอยากเจาะลึกหัวข้อนี้จริงๆ
  • เป้าหมายในอนาคต เราคาดหวังว่าจะได้ความรู้อะไรจากหลักสูตรนี้ และนำไปทำอะไรต่อในอนาคต สำคัญมาก ต้องให้คนอ่านเห็นภาพเราว่าเรียนแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

ส่องจุดเด่น ม.ดังสายการแพทย์
ตั้งอยู่ย่านแพงสุดในไต้หวัน!

ผมตัดสินใจเลือกเรียนที่ Taipei Medical University ครับ เป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆ ในไทเป (เล็กพอๆ กับโรงเรียนมัธยม) และมีความเป็นอินเตอร์สูงมากกก คณะเด่นเป็นสายแพทย์ทั้งหมด เช่น แพทย์, ทันตแพทย์, กฎหมายการแพทย์ ฯลฯ และด้วยความที่เป็น ม.เอกชนที่มีเงินทุนเยอะ ทำให้พวกเครื่องมืออุปกรณ์พร้อม และตั้งอยู่ติดโรงพยาบาลของมหาลัยเอง ถ้าใครจะมาเรียนแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ ฯลฯ ก็อาจได้ขึ้นคลินิกด้วย (*แต่ในส่วนนี้ต้องได้ภาษาจีนนะครับ)

ไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยที่รวยนะครับ แต่ยังตั้งอยู่ใน "ย่านซินอี้" (Xinyi Shopping District ,信義區) ใกล้ TAIPEI 101 ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิงที่รวยจัดๆ และค่าครองชีพแพงกว่าโซนอื่นในไต้หวัน ขนาดหอในนักศึกษาก็ยังราคาสูง (หอในมหา’ลัยของเด็กไต้หวันกับเด็กอินเตอร์จะแยกกันด้วย)

ส่วนตัวผมเคยอยู่หอใน อยู่ได้ 2 คน หารกันเหลือคนละ 7,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้ามาอยู่หอนอกคนเดียวก็จะสะดวกสบายกว่า อาจมีห้องสวีท ห้องนอนกับห้องน้ำส่วนตัว ราคาประมาณ 8,500 บาท หรืออีกแบบที่คนไทยฮิตกันคือรวมกลุ่มแชร์อพาร์ตเมนต์ มีห้องนอน 3-4 ห้อง มีพื้นที่ส่วนกลาง ถูกลงมาหน่อยสักคนละ 6,000-7,000 บาทได้

บรรยากาศ Shopping Street
บรรยากาศ Shopping Street
ทางม้าลายหน้าซีเหมินติง (Ximending)
ทางม้าลายหน้าซีเหมินติง (Ximending)
ทางข้ามหน้าตลาดต้นไม้
ทางข้ามหน้าตลาดต้นไม้
จุดถ่ายรูปกับ TAIPEI 101 ที่จะเห็นตึกได้เต็มๆ
จุดถ่ายรูปกับ TAIPEI 101 ที่จะเห็นตึกได้เต็มๆ

เล่าการเรียนคณะ Biotech ที่ TMU
อีกเบื้องหลังความสำเร็จในวงการแพทย์

เล่าก่อนว่างานสายเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) มักจะอยู่เบื้องหลัง เช่น เก็บเลือด ปัสสาวะ น้ำลาย ฯลฯ เช่น หลังจากเราได้ตัวอย่างที่ทางโรงพยาบาลเก็บมาให้แล้ว เราก็จะหาขั้นตอนทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเชื้อที่สามารถก่อโรคในคนและสัตว์ได้ อย่างสมมติเราไม่รู้ว่า นาย A มีโอกาสเป็นมะเร็งมั้ย เราก็ต้องหาว่าจะตรวจเจออะไรก่อน เช่น ตรวจยีนตัวนี้ มี DNA นี้ มีโอกาสเกิดมะเร็ง 50% หรือยกตัวอย่างง่ายๆ ยุคนี้ก็คืองานตรวจ PRT-PCR (Real Time PCR) ในคนไข้เพื่อตรวจหาเชื้อโควิดนั่นเองครับ

สรุปว่าเป้าหมายหลักของเราจะมี 2 อย่างคือ

  • ป้องกันหรือทำนายอนาคต พยายามค้นหายีนบางอย่างที่จะป้องกันการเกิดโรคนั้นๆ
  • รักษา ค้นหาตัวยาอะไรก็ตามเพื่อใช้รักษาโรคที่เกิดขึ้นมาแล้ว

ถ้าจะเรียนสายนี้ควรมีพื้นความรู้เรื่องการทำแล็บมาก่อน เพราะคณะนี้แทบจะเรียนทำแล็บกันตลอดเวลา และไม่ได้ขึ้นไปที่โรงพยาบาลเหมือนกับบางคณะ เพราะเราจะได้ตัวอย่างที่โรงพยาบาลเก็บมาให้เรียบร้อยแล้ว *ทุกคนที่เรียนจะผ่านการอบรมและฝึกปฏิบัติเพื่อให้ตัวเองปลอดภัยจากการทำงานกับตัวอย่างเหล่านี้ด้วย

ช่วง ป.โท ปีแรกจะเรียน Coursework พื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้เพื่อเตรียมทำวิจัย เช่น วิธีและเทคนิคทำวิจัย เครื่องมือที่มีเป็น 100-200 อย่าง รวมถึงเรื่องโรค อย่างเช่น สาเหตุและความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ฯลฯ (เนื้อหาจะลึกกว่า ป.ตรี ที่เรียนครอบคลุมทุกอย่าง)

ส่วนเรื่องการสอบ ไม่ต้องกังวลเพราะไม่มีครับ ป.โทที่ผมเรียนจะวัดผลในรูปแบบ Assignment และ Discussion แทน ส่วนตัวคิดว่าง่ายและสนุกกว่าการสอบเยอะเลย เพราะเราได้ดิสคัสกับเพื่อร่วมคลาสที่มาแชร์ประสบการณ์กันอย่างเปิดกว้าง และไม่มีถูกผิด สำคัญคือต้องหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดเห็น ถึงแม้ว่าเราจะเตรียมข้อมูลมาไม่ดีพอ เราก็มีโอกาสแก้ตัวโดยการกลับไปเตรียมตัวมาเพิ่ม

ทั้งนี้ การจะจบ ป.โท ได้ต้องเก็บรายวิชา Coursework ให้ครบ และทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จสมบูรณ์ (ไม่ต้องมีการตีพิมพ์) แต่การจะจบ ป.เอก ผลงานวิจัยของเราจะต้องผ่านการตีพิมพ์ลงวารสารต่างประเทศด้วยครับ

แชร์เรื่องโจ๊กๆ ในห้องแล็บ
ขนมซองเขียวที่ไม่ได้มีไว้ให้คนกิน!?

เวลาไปไต้หวัน บางคนอาจแปลกใจเวลาเห็นขนมถุงสีเขียวๆ ถูกวางแปะไว้ตามคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ เครื่องกดเงิน ตู้เย็น แผงวงจร เครื่องมือต่างๆ ในโรงพยาบาล หรืออุปกรณ์ในห้องแล็บของมหาวิทยาลัย ขนมที่ว่านี้เรียกว่า 乖乖 ‘Kuai Kuai’ ('Guai Guai' ‘ไกว ไกว’) แปลว่า “เชื่อฟัง” ครับ เป็นขนมข้าวโพดอบกรอบรสมะพร้าวที่ไม่ได้ให้คนกิน คนไต้หวันเห็นว่าขนมนี้เหมือนเครื่องรางที่นำพาความโชคดี เพื่อให้เครื่องมือต่างๆ ทำงานได้อย่างปกติ เชื่อฟัง ไม่ดื้อไม่ซน หรือบางทีก็อยากให้ผลแล็บออกมาน่าพอใจด้วย 

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่เวลาเราเดินเข้าไปในออฟฟิศของคนไต้หวันจะเจอขนมนี้วางไปทั่ว ถ้าใครเห็นก็อย่าเผลอหยิบกินนะครับ

ชวนมารีวิวไต้หวันใน 10 ข้อ
ทั้งด้านที่ปลื้มและไม่ปลื้ม

1 —  คนไทยอาจไม่ต้องปรับตัวอะไรมากเพราะอากาศและวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องอาหารที่ไทเปคือทำใจเลยว่าจะจืดและมันมาก ต่างจากไต้หวันทางตอนใต้ที่อาหารรสชาติเข้มข้นกว่า แต่ไม่ต้องกลัวโฮมซิกนะครับ เพราะร้านอาหารไทยหรือร้านที่วางขายวัตถุดิบอาหารไทยมีเยอะ ไม่จำเป็นต้องแบกจากบ้านมาก็ได้

2 — ประทับใจสุดคือเรื่องความปลอดภัย เพราะมีกล้องวงจรปิดเยอะแทบทุกหัวมุมถนน กฎหมายเข้มงวด และเจ้าหน้าที่ตำรวจแอคทีฟมากกกถึงมากที่สุด (ตำรวจที่ดูแลเรื่องอุบัติเหตุบนถนนคือไฟแรง 20+ ทั้งนั้น) ถ้าใครขี่มอเตอร์ไซค์ จะซอยเล็กหรือซอยที่แทบไม่มีคนก็ต้องสวมหมวกกันน็อก เวลาของหายก็แค่ไปสถานีตำรวจแล้วบอกว่าของหายจุดไหนเวลาไหน เค้าก็สามารถตามให้จากกล้องวงจรปิดตำแหน่งนั้นได้

3 — เดินทางสะดวกสบาย รถไฟ MRT ไปได้ทั่วในราคาเริ่มต้น 20 บาท รถเมล์ก็สะดวก ในแอปฯ และป้ายรถเมล์มีเวลาบอกว่าอีกกี่นาทีรถจะมาถึง ซึ่งก็มาตรงเวลามากครับ หรือถ้าจะปั่นจักรยาน เค้าก็มีจุดให้ยืมแล้วไปคืนอีกสถานีนึง (มีแบบนี้รอบเมืองเลย) หรือถ้าจะเดินทางระหว่างเมือง ก็มีทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถบัส แม้ในต่างจังหวัดก็มีเริ่มมีรถไฟฟ้าของตัวเองแล้ว เช่น เมืองไทจงมีรถเมล์ ขึ้นฟรี 10 กิโลเมตรแรก

*พื้นที่ทั้งไต้หวันน่าจะประมาณจังหวัดเชียงใหม่กับตากของไทยมารวมกัน เราสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงเดินทางจากเหนือจรดใต้โดยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น

4 — มีส่วนลดคุ้มๆ สำหรับคนที่ต้องใช้บริการรถสาธารณะหลายต่อ เช่น ขึ้นรถบัสแล้วต่อ MRT ก็จะได้ส่วนลดต่อที่ 2 ในราคา 50% และข้อดีของ MRT ไทเปคือยิ่งใช้เยอะยิ่งลดเยอะ เค้าจะคิดเป็นรายเดือน เช่น ใช้ 50 ครั้ง ลด 20%

5 — มอเตอร์ไซค์เยอะมากกกก (ใครจะมาไต้หวันแล้วขับมอเตอร์ไซค์ สามารถนำใบขับขี่จากไทยมาเปลี่ยนที่ไต้หวันได้นะครับ)

6 — ข้อควรระวัง!! ในบางจุดที่เป็นสี่แยก ถึงแม้จะขึ้นสัญญาณไฟจราจรเป็นสีเขียวให้คนข้ามได้ ก็ยังไม่ควรเดินข้ามทันที เพราะรถทางซ้ายมือก็สามารถขับได้เหมือนกัน // จริงๆ รถก็มักจะให้คนข้ามก่อนแหละ แต่แนะนำให้ระวังอยู่ดีครับ

7 — เมืองและผู้คนที่ไต้หวัน เฟรนด์ลี่กับคนต่างชาติมาก ตามสถานที่ท่องเที่ยวจะมีภาษาอังกฤษรองรับ และคนรุ่นใหม่พูดภาษาอังกฤษได้เยอะและดีมากครับ (คนไต้หวันไปอเมริกาได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า คนเลยส่งลูกไปเรียนกันเยอะ)

อย่างไรก็ตาม เวลาไปกินอาหารร้าน Local คิดว่าจำเป็นต้องได้ภาษาจีนบ้าง เพราะยังมีผู้สูงอายุที่สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ เลยยังมีกำแพงเรื่องภาษาอยู่ แต่ปัจจุบันนี้ก็ง่ายตรงมี Google Translate ทำให้แทบไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิตเลย

8 — ที่ไทเปฝนตกบ่อยมาก แต่ถ้าวันเสาร์อาทิตย์ที่อากาศดีๆ คนมักจะไปทะเล ปีนเขา ใช้ชีวิตนอกบ้าน ซึ่งการไปเที่ยวสะดวกและปลอดภัยนะครับ แต่ถ้าอยู่ไปนานๆ บางคนอาจเบื่อไต้หวันเพราะพื้นที่เล็ก วิวทิวทัศน์หน้าตาคล้ายกันไปหมด ส่วนตัวผมชอบที่เที่ยวในประเทศไทยมากกว่า

9 — ไต้หวันบ้านแพง คอนโดราคา 20-30 ล้าน ไม่มีบ้านเดี่ยว ไม่มีส่วนกลาง ไม่มีสวนของตัวเองเลย ทำให้รัฐบาลพยายามชดเชยข้อจำกัดนี้โดยการสร้างพื้นที่สาธารณะให้ตอบโจทย์ที่สุด (คนที่นี่รักสุขภาพมาก ชอบเล่นกีฬาและออกกำลังกาย outdoor)

10 — แนะนำว่าอย่าคาดหวังกับงานอีเวนต์ที่ไต้หวัน จากประสบการณ์ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้างกร่อยเลยครับ อย่างเช่นผมเคยส่งงาน VDO ประกวดที่งานนึง ปกติเราคิดว่าถ้าเป็นรอบ Final Round ต้องมีฉายวิดีโอของคนที่เข้ารอบให้ดู มีกิจกรรมให้คนเข้าร่วม และให้ผู้ชนะขึ้นมาพูดอะไรสักอย่างบนเวที แต่ที่นี่คือเชิญเจ้าของบริษัทมมาประกาศและมอบถ้วย จบ 55555 คือเค้าเชิญแบบยิ่งใหญ่มากแต่อีเวนต์อาจมีแค่ 10 นาทีครับ

...........

"ที่ไต้หวัน TeeTaiwan 在台灣"
อีกเพจดีที่อยากชวนไปฟอล!

ผมตั้งใจเปิดเพจกับช่องยูทูบเพื่อแชร์ประสบการณ์แบบฟรีๆ ทั้งเรื่องเรียน การใช้ชีวิต และวัฒนธรรม สำหรับคิดอยากลองมาอยู่ไต้หวันครับ ผมมองว่ามีโอกาสเยอะกว่ามากถ้าเทียบกับญี่ปุ่น อเมริกา หรือประเทศแถบยุโรป ถึงจะไม่ได้โพรไฟล์เลิศหรือถึงขั้นเป็นตัวท็อปห้อง การจะไปเรียนต่อต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย (บางแห่งใช้ TOEIC 500-600 เอง) จริงอยู่อาหารการกินอาจไม่ได้ถูกปากเท่าในไทยแต่เดี๋ยวก็ปรับตัวได้แหละ 5555 ผู้คนก็เป็นมิตร เค้าเฟรนด์ลี่กับต่างชาติมากก และคนใช้ภาษาอังกฤษได้ก็เยอะครับ

นอกจากนี้การศึกษาที่ไต้หวันยังมีคุณภาพ ค่าเทอมของ ม.รัฐและเอกชนไม่ต่างกันมาก อยู่ที่ราวๆ 50,000-60,000 TWD แต่การจะมาเรียนไต้หวันไม่ได้ใช้เงินเยอะขนาดนั้น เพราะแต่ละแห่งมีทุนให้แน่นอน และอาจมีค่าใช้จ่ายรายเดือนให้อีก เช่น 5,000, 6,000, 10,000 TWD ด้วยข้อดีทั้งหมดเลยอยากแนะนำให้ไต้หวันเป็นอีกทางเลือกนึง ถ้าใครสนใจไต้หวัน ขอชวนมาเดินเล่นที่เพจก่อนได้นะครับ ^^

ช่องทางหลักของ Taipei Medical University


Website:  https://oge.tmu.edu.tw 

FacebooK: https://www.facebook.com/TaipeiMedicalU 
 

พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด