![](https://image.dek-d.com/contentimg/2019/pat__/dekcult/DekCultlogo.png)
อันยองน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่าา~ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพี่บีมบันได้มีโอกาสไปร่วมงานสัมมนา K-Food Wellness in Thailand ที่จัดโดยสถานทูตเกาหลีฯ ภายในงานมีการบรรยายความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาหารสุขภาพของเกาหลีอย่าง ‘กิมจิ’ (김치) และ ‘โสม’ (인삼)
น้องๆ สงสัยเหมือนกันมั้ยว่าทำไมเมนูเหล่านี้ถึงขึ้นแท่นเป็นอาหารประจำชาติ วันนี้พี่จะมาสรุปเกร็ดความรู้เน้นๆ ส่งตรงจากชาวฮันกุก บอกเลยว่าบางเรื่องพอรู้แล้วก็แอบว้าวเหมือนกัน!
• • • • • • • • • •
กว่าจะเป็นอาหารประจำชาติที่ดังไปทั้งโลก!
เริ่มกันที่ ‘กิมจิ’ อาหารเกาหลีที่น้องๆ รู้จักกันดีซึ่งเกิดจากหมักดองผักต่างๆ และมีรสชาติเผ็ดเปรี้ยว ซึ่งเจ้ากิมจินี้ถือเป็นเครื่องเคียง (반찬: พันชัน) ที่คนเกาหลีจะขาดไปไม่ได้เลยนะคะ เวลาที่ทานข้าวทุกมื้อจะต้องวางอยู่ข้างๆ ตลอด (ไม่งั้นมันไม่อร่อยย) และน้องๆ รู้มั้ยว่าในอดีตคนเกาหลีเค้าทานกิมจิแทนกับข้าวไปเลยล่ะค่ะ
สรุปคำนิยามของ ‘กิมจิ’ คือ อาหารผักที่มีกลิ่นฉุน ประกอบไปด้วยผักหลายชนิด เช่น ผักกาดขาว หัวไชเท้า และปรุงรสด้วยพริก กระเทียม ขิง และอื่นๆ
หลายคนอาจคิดว่ากิมจิมีไม่กี่แบบ ซึ่งที่จริงแล้วมีเยอะมากกกกค่ะ (กว่า 200 ชนิด) อย่างที่คนทั่วโลกรู้จักกันนั้นเป็นกิมจิที่ใช้บริโภคในฤดูหนาวค่ะ ที่เรียกว่า อัมชังเช (Omchangchae) หมักด้วยเกลือและพริกแดง แต่จะมีอีกหลากหลายประเภทที่เป็นกิมจิจากผักตามฤดูกาล และหมักโดยใช้เวลาสั้นๆ รวมถึงมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันด้วยค่ะ
- ชาเช ผักที่หมักด้วยเกลือและข้าว
- เชเช นำผักมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วหมักด้วยปลาหมัก ขิง กระเทียม และน้ำส้มสายชู
- โชเช นำผักทั้งหัวหมักกับปลาหมัก ขิง กระเทียม และน้ำส้มสายชู
• • • • • • • • • •
ต้นกำเนิดผักดองมาจากไหน?
เชื่อว่าหลายคนคงชอบรสชาติของผักดองเหมือนกันใช่มั้ย? รู้เปล่าว่ามีประวัติยาวนานมากกก และต้องย้อนไปเมื่อ 4,000 ปีก่อนเลยค่ะ โดยมีความเชื่อว่าชาวอินเดียตอนเหนือเป็นชนกลุ่มแรกที่ริเริ่มการปลูกผักกาดและแพร่กระจายไปทั่วทวีปเอเชียรวมถึงแถบจีนตอนใต้ ซึ่งฝั่งชาวจีนเองได้นำหัวผักกาดไปหมักกับน้ำส้มสายชู เพื่อให้สามารถบริโภคได้ตลอดทั้งปีเช่นกัน
น้องๆ รู้มั้ยว่าผักดองเหล่านี้ถือเป็นอาหารสำคัญของกรรมกรก่อสร้างกำแพงเมืองจีนเลยนะคะ เพราะว่ากันว่ากินแล้วทำให้มีแรง สามารถลุยงานต่อได้! ในส่วนทางฝั่งเกาหลีที่มีพื้นที่ติดกันก็ได้นำกลวิธีการทำผักดองเข้ามาในยุคสหพันธรัฐซิลลา และในคริสต์ศตวรรษที่ 17 พ่อค้าชาวโปรตุเกสที่เดินมาค้าขายที่ประเทศญี่ปุ่นได้นำพันธุ์พริกสีแดงเข้าไปเผยแพร่ในเกาหลี ชาวฮันกุกจึงนำมาเป็นส่วนผสมหลักในการทำกิมจินั่นเองค่ะ
• • • • • • • • • •
ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลก!
น้องๆ ทราบไหมคะว่าวิธีการทำกิมจิที่เรียกว่า ‘กิมจัง’ (김장, Kimjang) องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมภายใต้ชื่อ “Kimjang: Making and Sharing Kimchi” เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของชาวเกาหลีและเป็นวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ซึ่งลักษณะสำคัญของกิมจังมีดังนี้ค่ะ
- มีหลายครอบครัวทำกิมจิร่วมกัน สื่อให้เห็นถึงความร่วมมือ
- ส่งต่อความรู้ผ่านรุ่นสู่รุ่น
Note: ฝั่งเกาหลีใต้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2013 ส่วนทางฝั่งเกาหลีเหนือได้รับการขึ้นทะเบียนในปี 2015
• • • • • • • • • •
กิมจิกับโควิด-19
ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ชาวเกาหลีนิยมทานกิมจิกันมากขึ้น เพราะมีรายงานบอกว่ากิมจิสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีและช่วยต้านไวรัสโควิดได้ค่ะ ซึ่งงานวิจัยจากฝรั่งเศสพบว่าในกิมจิมีแบคทีเรียที่ชื่อว่า ‘Lactobacillus Kimchi’ ที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสโควิดเข้าไปในร่างกายนั่นเอง
• • • • • • • • • •
โสม สุดยอดสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ต่อด้วยสมุนไพรที่ชาวเกาหลีนิยมทานกันก็คือ ‘โสม’ รากไม้ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ฉบับจิ๋วแต่สรรพคุณแจ๋วมาก! เพราะช่วยป้องกันการเสียสูญพลังงานและการไหลเวียนของเลือด คนเกาหลีจึงนิยมกินเพื่อปรับสมดุลให้กับร่างกายค่ะ (เราอาจจะเคยได้ยินมาว่าโสมช่วยทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดนะคะ)
น้องๆ อาจสงสัยว่าในเมื่อสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน แล้วคนไทยอย่างเราจะกินได้ไหมนะ? ชาวเกาหลีบอกเลยว่ากินได้เลยค่ะ เพราะโสมเกาหลีสามารถช่วยเพิ่มอุณหภูมิของผิว ทำให้สามารถปรับสมดุลร่างกายกับอากาศร้อนได้ นอกจากนี้รากโสมที่มีอายุ 4-5 ปี จะมีอายุเทียบเท่ากับคนอายุ 20-30 ปีเลยล่ะค่ะ! (ยิ่งมีอายุมากเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ㅠㅠ)
• • • • • • • • • •
เป็นยังไงกันบ้างคะ พี่ไปงานแค่วันเดียวแต่ได้ความรู้ใหม่ๆ มาเยอะมากก ต้องขอขอบคุณผู้จัดงาน K-Food Wellness in Thailand ที่มาแชร์ข้อมูลแบบจัดเต็ม ได้ส่งต่อความรู้ให้น้องๆ แถมยังได้เดินชมผลิตภัณฑ์สุขภาพที่อิมพอร์ตจากเกาหลีด้วย (แอบบอกว่าพี่ได้โสมเป็นของขวัญด้วยแหละ ><) ถ้าใครสนใจลองเข้าไปเลือกชมได้ที่ www.kwellness.in.th นะคะ
ช่วงนี้ก็อย่าลืมรักษาสุขภาพ พยายามทานอาหารเพื่อสุขภาพกันเยอะๆ ด้วยนะคะ^^ แล้วไว้เจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ บ๊ายบายย~
1 ความคิดเห็น