Hello! ชาว Dek-D ทุกคนค่าา~ เชื่อว่าน้องๆ หลายคนยกให้ ‘สหรัฐอเมริกา’ เป็นประเทศในฝันสำหรับการเรียนต่อและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในต่างแดน เพราะครบครันทั้งคุณภาพการเรียนการสอน แถมสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความอิสระเสรี ก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความน่าเรียนสุดๆ
วันนี้พี่บีมบันเลยอยากจะมาแนะนำ ‘Mississippi State University’ (MSU) มหาวิทยาลัยเก่าแก่ในเมืองสตาร์กวิลล์ (Starkville) ให้ได้รู้จักกัน มาดูกันว่าหลักสูตรเป็นยังไงและจะมีทุนอะไรให้ตามไปสมัครได้บ้าง พร้อมแล้วก็ตามมาเก็บรายละเอียดกันเลยค่ะ!
‘Mississippi State University’ เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1878 ซึ่งเริ่มต้นมาจากการเป็นวิทยาลัยด้านเกษตรกรรมและเครื่องกลที่ถูกยอมรับด้านการเสริมสร้างทักษะความสามารถและให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติจริง และยังมีสถานีทดลองการเกษตรและป่าไม้กว่า 16 แห่งทั่วรัฐมิสซิสซิปปีด้วยค่ะ
ในอดีตว่าปังแล้ว บอกเลยว่าคุณภาพการเรียนการสอนในปัจจุบันก็ไม่แพ้ใคร เพราะงานวิจัยของสถาบันนี้อยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศ แถมทางมหาวิทยาลัยก็มีศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งอยู่ที่ Stennis Space Center ที่ร่วมมือกับสถานีทดลองทางน้ำของกองทัพสหรัฐฯ ให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้และทำการวิจัยได้อย่างเต็มที่อีกด้วย // เริ่ดมากก
ส่องหลักสูตรน่าเรียนของ MSU
อีกหนึ่งจุดเด่นของมหาวิทยาลัยนี้คือหลักสูตรการเรียนการสอนที่หลากหลายและมีให้เลือกเรียนมากกว่า 175 หลักสูตร โดยแบ่งออกเป็น 8 คณะและวิทยาลัยหลัก ดังนี้
1. College of Agriculture and Life Science
สำหรับใครที่สนใจเรียนทางด้านเกษตรกรรมต้องวิทยาลัยนี้เลยค่ะ เพราะ ‘College of Agriculture and Life Science’ มีสาขาที่น่าสนใจกว่า 10 สาขาสำหรับชาวป.ตรี และอีก 17 สาขาสำหรับบัณฑิตศึกษา นอกจากนี้นักศึกษายังมีโอกาสได้ร่วมทำงานกับนักวิทยาศาสตร์ในสถานีทดลองการเกษตรและป่าไม้ของรัฐมิสซิสซิปปีอีกด้วย
ยังไม่พอค่ะ ทางสถาบันยังมีพื้นที่กลางแจ้งให้นักศึกษาได้เรียนรู้ภาคปฏิบัติแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่เพาะปลูก บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โรงเรือนและทุ่งเลี้ยงสัตว์ชนิดต่างๆ เรียกว่าเต็มอิ่มกับประสบการณ์แน่นอน!
2. College of Architecture, Art and Design
สายอาร์ตมาทางนี้เลยค่ะ เพราะ ‘College of Architecture, Art and Design’ มีสาขาที่น่าสนใจให้เลือกเรียนเพียบ! เช่น การออกแบบภายใน สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิทยาศาตร์การก่อสร้างอาคารและศิลปะ (เปิดสอนทั้งปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาเลย) และถ้าใครเข้ามาเรียนบอกเลยว่าได้สร้างสรรค์ผลงานจริง แถมมีสตูดิโอให้ทำงานและอาจารย์คอยให้คำแนะนำตลอด พลาดไม่ได้แล้วว
3. College of Arts & Sciences
‘College of Arts & Sciences’ ก็เป็นอีกวิทยาลัยที่พี่อยากแนะนำ เพราะว่ามีสาขาครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์ เช่น จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ ปรัชญาและศาสนา อาชญาวิทยา รัฐศาสตร์ คณิตศาสตร์และสถิติ ธรณีศาสตร์และอื่นๆ อีกมากมาย
แถมการันตีคุณภาพด้วยคณาจารย์ชั้นนำที่เป็นของสมาชิกของ ‘Phi Beta Kappa’ สมาคมเกียรติยศทางวิชาการที่มีชื่อเสียงในอเมริกา ซึ่งมีผู้ที่สำเร็จการศึกษาในสาย Arts & Sciences เพียง 10% เท่านั้นที่จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมสมาคม // สุดยอดไปเลยย
4. College of Business
ใครที่สนใจสายธุรกิจ ‘College of Business’ ก็ตอบโจทย์ค่ะ เพราะที่นี่เตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกทำงานให้กับนักศึกษาอย่างเต็มที่ และมุ่งหวังให้ทุกคนประสบความสำเร็จกับอาชีพในอนาคต โดยมีหลักสูตรที่ครอบคลุมทุกสายงานธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น บัญชี เศรษฐศาสตร์ การตลาดและการจัดการ รวมไปถึงหลักสูตรพิเศษอย่างระบบสารสนเทศทางธุรกิจ การประกันภัยและธุรกิจระหว่างประเทศ // น่าเรียนมากกก
5. College of Education
ใครอยากเรียนต่อสายการศึกษา ที่นี่มี ‘College of Education’ หรือวิทยาลัยครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ เปิดสอนทั้งหลักสูตรปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา มุ่งสร้างประสบการณ์ในโลกแห่งการศึกษา ทั้งจากการเรียนรู้ภายในห้องเรียนและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก และบอกเลยว่าที่นี่ไม่เพียงแค่สร้างครูที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาต่อยอดไปเป็นที่ปรึกษาหรือผู้บริหารของสถาบันการศึกษาในประเทศอีกด้วยค่ะ // ใครอยากเป็นส่วนหนึ่งเพื่อพัฒนาวงการการศึกษาไทยก็เริ่มเลอ!
6. College of Forest Resources
สายรักธรรมชาติต้องชอบ! เพราะ ‘College of Forest Resources’ เป็นหลักสูตรทรัพยากรธรรมชาติเพียงแห่งเดียวจากมหาวิทยาลัยทั้งหมดในรัฐมิสซิสซิปปีที่ได้รับการรับรองจากองค์กร The Society of American Foresters (SAF) อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการเรียนรู้จริงในป่า Bulldog ของมหา’ลัยเองอีกด้วย
นอกจากนี้สถาบันยืนยันว่า จบไปมีงานทำแน่นอน! เพราะรายงานจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ บอกว่า แนวโน้มการจ้างงานในสายอาชีพนักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์และเจ้าหน้าที่ป่าไม้นั้นจะเพิ่มขึ้นถึง 7% ในอีก 10 ปีข้างหน้า ใครที่อยากโกอินเตอร์ในสายงานนี้ก็ปักหมุดที่นี่เลย
7. College of Veterinary Medicine
‘College of Veterinary Medicine’ ใครที่รักสัตว์ต้องถูกใจแน่นอน เพราะที่นี่มีสาขาเฉพาะทางเพียบ เช่น คลินิกเวชกรรม ระบาดวิทยาทางสัตวแพทย์ พิษวิทยาและเภสัชวิทยา และมีศูนย์สุขภาพสัตว์ (The Animal Health Center) ให้นักศึกษาฝึกทำงานจริงและได้ดูแลเหล่าสัตว์เลี้ยงของลูกค้าที่มาใช้บริการด้วยค่ะ
8. James Worth Bagley College of Engineering
‘James Worth Bagley College of Engineering’ อีกหนึ่งวิทยาลัยที่เปิดสอนในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ประสบการณ์เชิงลึก พร้อมสาขาที่มีคุณภาพถึง 8 สาขา ได้แก่ วิศวกรรมการบินและอวกาศ วิศวกรรมเกษตรและชีวภาพ วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม วิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมอุตสาหการและระบบ และวิศวกรรมเครื่องกล
สายกิจกรรมไม่ควรพลาด!
เห็นคุณภาพด้านวิชาการแน่นขนาดนี้ ฝั่งกิจกรรมก็ไม่แพ้กันค่ะ เพราะทาง MSU ซัพพอร์ตนักศึกษาด้านกีฬาอย่างเต็มที่ มีสโมสรกีฬาอย่างรักบี้ ฟันดาบ คริกเก็ต ว่ายน้ำ ยิงธนู และอื่นๆ อีกมากมาย แถมยังมีลีกการแข่งขันภายในมหาวิทยาลัยที่จัดกันจริงจังสุดๆ
ส่วนด้านดนตรีก็เริ่ดเช่นกัน ในคืนวันศุกร์ก่อนเกมฟุตบอลคืนสู่เหย้าของศิษย์เก่าจะมีคอนเสิร์ตกลางแจ้งฟรี ‘Bulldog Bash’ ที่ใหญ่ที่สุดในรัฐมิสซิสซิปปีและมีศิลปินเข้าร่วมงานเพียบ รวมถึงกิจกรรมต้อนรับนักศึกษาใหม่อย่าง ‘Dawg Days’ ที่ภายในงานจะมีทั้งอาหารสารพัดเมนูและการแสดงต่างๆ เรียกว่าจัดหนักจัดเต็มถึง 2 สัปดาห์เลยค่ะ
และด้วยความที่มหา’ลัยตั้งอยู่ที่ ‘Starkville’ เมืองแห่งประวัติและศิลปะ ถ้าได้ไปอยู่เมืองนี้รับรองมีกิจกรรมให้ทำทุกวันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาล Cotton District Arts Festival ที่จัดเป็นประจำทุกปีหรืองานแสดงดนตรีและเต้นรำระดับนานาชาติ International Fiesta และถ้าใครยังไม่จุใจก็มีพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ให้เข้าไปเยี่ยมชมอีกมากมาย
ค่าเล่าเรียน
สำหรับนักศึกษาต่างชาติในหลักสูตรปริญญาตรีจะอยู่ที่ 24,900 USD หรือประมาณ 835,146 บาทต่อปี ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ยังไม่รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าหนังสือเรียนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวันค่ะ
ทุนการศึกษาสำหรับชาวต่างชาติ
เห็นค่าเรียนแล้วก็สูงไม่ใช่เล่น แต่อย่าเพิ่งท้อไปค่ะ เพราะทางมหาวิทยาลัยมีทุนเรียนต่อระดับปริญญาตรีมอบให้สำหรับเด็กเรียนดีด้วยนะคะ
- Freshman Non-Resident Academic Excellence Scholarship
ถ้าโพรไฟล์ใครเป๊ะปังเข้าตากรรมการ ก็เตรียมรับทุนเรียนดีที่มหาวิทยาลัยจะมอบให้อัตโนมัติหลังจากได้รับการตอบรับเข้าเรียนที่ MSU ได้เลย ซึ่งเค้ามอบให้สูงสุดถึง 8 ภาคการศึกษาเลยทีเดียว! โดยเกณฑ์คร่าวๆ คือต้องมีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไปและมีผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ACT และ SAT ตามที่กำหนด ซึ่งมูลค่าทุนก็จะแปรผันตามเกรดและคะแนนสอบเลยค่ะ ตั้งแต่ 1,500 - 5,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 50,310 - 167,700 บาทต่อปี
- Freshman Non-Resident Tuition Scholarship
เป็นทุนค่าเล่าเรียนจาก MSU โดยมูลค่าทุนก็เริ่มตั้งแต่ 7,000 - 14,500 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 234,780 - 486,330 บาทต่อปี ซึ่งเกณฑ์การพิจารณาเหมือนกับทุนเรียนดีเลยค่ะ
- Freshman Non-Resident Colvard Future Leader Scholarship
สำหรับใครที่ได้รับทุนเรียนดีหรือทุนค่าเล่าเรียนด้านบนไปแล้ว ก็มีสิทธิ์ถูกพิจารณาให้ได้รับทุนนี้เช่นกันค่ะ โดยจะมีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 - 3,500 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 33,540 - 117,390 บาทต่อปี
น้องๆ คนไหนที่อยากศึกษารายละเอียดของทุนเพิ่มเติมและอยากรู้มูลค่าทุนที่เราจะได้รับ ทางมหาวิทยาลัยมีฟอร์มให้กรอกเกรดเฉลี่ยและคะแนนสอบ เพื่อประเมินผลและแนวโน้มทุนที่น้องๆ เข้าเกณฑ์และมีสิทธิ์จะได้รับด้วยค่ะ
รายละเอียดทุนหลังจากที่ได้ส่องหลักสูตรของ ‘Mississippi State University’ แล้วมีใครรู้สึกอยากไปเรียนเหมือนพี่ไหมคะ? >< นอกจากมีโปรแกรมที่ตอบโจทย์นักศึกษาทุกสายและกิจกรรมที่น่าสนุกแล้ว ทุนที่มหา’ลัยมอบให้ก็มูลค่าไม่ใช่น้อยๆ แถมค่าครองชีพในรัฐมิสซิสซิปปีก็ไม่แพงอีกด้วย ใครที่อยากเรียนต่อที่อเมริกาก็สามารถจดลิสต์ MSU เก็บไว้ในใจได้นะคะ
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยสำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัครอยู่!
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D"
0 ความคิดเห็น