เปิดบันทึกของ 'แพม' จุดเริ่มต้นเล็กๆ ของเด็กแลกเปลี่ยน จนกลายมาเป็นไอดอลที่จีน!

สวัสดีค่ะชาว Dek-D วันก่อนเรามีโอกาสได้พูดคุยกับสาวไทยเสียงดีความสามารถล้น อย่าง “แพม-เปมิกา สุขสวี”​ หรือชื่อจีนคือ สวีเจียหลิน (徐嘉琳) อดีตศิลปินไทยค่าย MBO ในเครือ GMM Grammy ที่ไปแข่งและเข้ารอบ 9 คนสุดท้ายในรายการประกวดร้องเพลงของจีน The Coming One : Girls ในเวลาต่อมาแพมก็ได้โกอินเตอร์ เดบิวต์เป็นศิลปินวง SiS เกิร์ลกรุปของจีนสังกัด Wajijiwa Entertainment ตั้งแต่ก่อนจนหลังเดบิวต์ก็มีผลงานเพลงไทยและจีนให้แฟนๆ ติดตามกันตลอดเลยค่ะ // สดใสมากกก~

และวันนี้เราจะพาไปเปิดบันทึกสุด Exclusive ที่เล่าย้อนไปจุดเริ่มต้นสมัยเป็น "เด็กแลกเปลี่ยน" ที่ทำให้ตกหลุมรักประเทศจีนเต็มๆ  ก่อนจะก้าวสู่เส้นทางเด็กฝึก ไอดอล และปิดท้ายด้วยอัปเดตชีวิตศิลปินอิสระในปัจจุบัน มาอ่านพร้อมกับเปิดเพลงเพราะๆ คลอเบาๆ ไปด้วยกันนะคะ :)

“ย้อนไปเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว แพมในวัย 15 คือเด็กแลกเปลี่ยนที่ภาษาแทบเป็นศูนย์”

แพมได้ไปแลกเปลี่ยน 9 เดือนที่ ‘เจียมู่ซือ’ (Jia Mu Si, 佳木斯市) เมืองชนบทเล็กๆ ทางตอนเหนือของจีนและอยู่ติดประเทศรัสเซีย อากาศหนาวมากถึงขั้นติดลบ 20 องศาเลยค่ะ ตอนนั้นได้เจอช่วงเวลาที่สมบุกสมบัน ได้บริหารจัดการชีวิตตัวเอง บางช่วงในฤดูหนาวก็ได้แบกน้ำฝ่าหิมะเดินกลับหอพักกับเพื่อนด้วย

นักเรียนที่นี่จะได้สวมเครื่องแบบเป็นเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวเหมือนกันหมดทั้งชายหญิง และได้เรียนหนังสือติดกัน 10 วัน แล้วหยุด 4 วันเป็นแบบนี้ไปตลอด 9 เดือน (สลับอยู่ระหว่างหอพักกับบ้านโฮสต์) ทุกวันที่มีเรียนจะเริ่มต้นด้วยการตื่นมาวิ่งออกกำลังกาย เคารพธงชาติ และเข้าเรียนประมาณ 7 โมงครึ่ง อัดแน่นด้วยคาบภาษาและวัฒนธรรมจีนทั้งหมด ทั้งไวยากรณ์ ฝึกพูด เขียนพู่กันจีน รำพัดจีน ฯลฯ ตอนครูสอนจะพูดช้าๆ เน้นให้นักเรียนเข้าใจทุกคน ส่วนหนังสือที่ใช้เรียนจะหนามากพอๆ กับปึกกระดาษเอสี่ 1 รีมเลยค่ะ

ช่วงแรกคนในโรงเรียนและโฮสต์มัมพยายามใช้ภาษามือคุยกับเราตลอด เพราะแพมพูดได้แค่ “หนีห่าว” “เหล่าซือ” ฟังครูสอนไม่รู้เรื่องเลย แต่การมาอยู่สภาพแวดล้อมที่ surrounded ด้วยคนพูดภาษาจีน 24 ชั่วโมงแบบนี้แล้วยังไงก็ต้องคุยรู้เรื่อง ต้องฝึกให้ได้ ถ้าไม่เข้าใจก็จดเรื่อยๆ จนวันนึงแพมก็ฟังออกพูดได้ แล้วยังสอบ HSK 5 ผ่านก่อนกลับจากแลกเปลี่ยนด้วย

หนึ่งในความทรงจำที่อบอุ่นมากคือโฮสต์ค่ะ เดินทางถึงวันแรกโฮสต์แม่ถึงกับนวดขาให้ เข้ามากอดและบอกเราว่า ‘Everything will be alright.’ ตลอดเวลาที่อยู่จีน แพมได้กินอาหารอร่อยหลายอย่าง แต่ที่อร่อยสุดคืออาหารบ้านโฮสต์นี่แหละ เราเคยไปชอปปิงวัตถุดิบกลับมาทำหม้อไฟจีนด้วยกัน และโฮสต์มัมยังสอน “ทำเกี๊ยว” ตั้งแต่ปั้นแป้ง ใส่ไส้ จับจีบเกี๊ยว ตกเย็นมานั่งต้มกินกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของเขา จนเกี๊ยวกลายเป็นเมนูจีนหนึ่งเดียวที่แพมทำเป็น 

// เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก~ ตอนนี้ไม่รู้ว่าไอดี WeChat ของโฮสต์แม่หายไปไหน แต่ตั้งใจว่าจะต้องหาโอกาสไปเยี่ยมอีกให้ได้เลยค่ะ

“แพมวิ่งตามความฝันที่อยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก”

ในที่สุดก็ได้เป็นศิลปิน MBO ในเครือ GMM Grammy และมีโอกาสได้ออดิชันเพื่อแข่งในรายการประกวดร้องเพลงของจีนที่ชื่อ The Coming One : Girls ตอนนั้นมีเวลาเตรียมตัววันเดียว เลยฝึกเต้น GOODBYE BABY ของ Miss A และร้องเพลงที่แต่งเองเป็นสามภาษา คือไทย จีน อังกฤษ และเล่นกีตาร์ไปพร้อมกัน หลังจากนั้นก็ยังได้ไปออดิชันอีกหลายรอบ สนุกและตื่นเต้นมากๆ ค่ะ ได้เจอคนจีนเยอะ แต่ละคนเก่งๆ ทั้งนั้น

สุดท้ายไม่ได้ไปแข่งเพราะติดงานค่ะ คิดว่าคงตุ้บแล้ว แต่ผ่านไปปีนึงมีทีมงานติดต่อมาถามว่า “เราสนใจไปจีนมั้ย?” ตอนนั้นตอบตกลงทันทีแบบไม่ลังเลเลย มีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงเดือน แล้วไปแข่งด้วยเอนเนอร์จี้เต็มร้อย (ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสใส่ชุดปังๆ ไปแรปภาษาไทยบนเวทีที่ใหญ่ขนาดนั้นมาก่อน!) หลังจากแข่งเสร็จก็ติดเข้ารอบ 9 คนสุดท้าย แล้วทางค่ายจีน Wajijiwa Entertainment ก็ติดต่อมาชวนแพมไปทำวง Girl group ซึ่งก็คือวง SiS นั่นเอง

ตอนนั้นแพมตัดสินใจหนักมากเพราะเป็นการออกจากเซฟโซนครั้งใหญ่ เราต้องห่างจากครอบครัว และลาออกจากคณะวารสารศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แต่สุดท้ายก็คว้าโอกาสแล้วมาเริ่มต้นชีวิตเด็กฝึกที่จีนค่ะ

SiS เกิร์ลกรุปที่เป็นการรวมตัวของ 3 สาวเสียงดีจากเวที The Coming One : Girls รายการแข่งขันประกวดร้องเพลงอันโด่งดังของประเทศจีน ที่ "Pam MBO" ได้เข้าร่วมแข่งขันและเข้าสู่รอบ 9 คนสุดท้ายเมื่อกลางปี 2019  โดยวง SiS มีศิลปินทั้งหมด 3 คน คือ Nono, Veegee และ Pam จากค่าย MBO ในเครือ Gmm Grammy ซึ่งได้เดบิวต์ปล่อยซิงเกิลแรก "My Dear" เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2020 

“ช่วงเวลาของการเป็นเด็กฝึก 3 เดือน คือชีวิตที่สนุกและใช่ที่สุด!”

แต่ละวันต้องตื่น 8 โมงเช้ามาออกกำลังกาย เริ่มเรียนประมาณ 8-9 โมงจนถึงช่วงค่ำๆ กินอาหารคลีนทุกมื้อ ได้เรียนรู้ตั้งแต่การเต้นพื้นฐาน ฟิตเนส การยืดหยุ่นร่างกาย วิธีให้สัมภาษณ์ และคลาสที่ชอบสุดๆ คือ “Acting” ฝึกเดินบนส้นสูงให้สวย หรืออินเนอร์เวลามองกล้อง (แพมชอบมากค่ะ ได้ฝึกจิกกล้องแตก! 555) และยังได้ฝึกอะไรหลายอย่างที่ช่วยบูสต์ความมั่นใจ แถมได้ฝึกวินัยจริงจัง นอกจากนี้คนจีนจะเข้มงวดเรื่องเวลามาก ห้ามสายเด็ดขาด และจะมีผู้ใหญ่มาดูเรา Test พร้อมกับให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เราพัฒนาเต็มที่

และด้วยความที่ SiS คือวงประสานเสียง เราต้องฝึกฝนตลอดและเรียนรู้ทฤษฎีดนตรีเพื่อให้คุ้นชินกับตัวโน้ต ต้องรู้ว่าโน้ตตัวนี้จะประสานเสียงกับตัวอะไรได้บ้าง ลงรายละเอียดและเก็บเทคนิคที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน เช่น การร้องเพลงจะมีเสียง Head voice กับ Chest voice การร้องให้เสียงอยู่ที่หัว จมูก อก หรือทำให้เสียงออกจากท้องเพื่อให้มีลมและพลังมากขึ้น

เราต้องฝึกออกเสียง จำเนื้อร้องและทำนอง สุดท้ายคือใส่ความรู้สึกลงไป เหมือนเป็นอาหารที่มีความละเอียดอ่อน ต้องใช้สมาธิในการใส่เครื่องปรุง บางครั้งมีเวลาจำเพลงแค่ 2-3 วันเท่านั้น

ในการร้องเพลงภาษาจีน “การออกเสียงให้ชัด” คือสิ่งที่ท้าทายที่สุด ภาษาจีนจะมีวรรณยุกต์ 4 เสียง และที่ยากกว่านั้นคือการออกเสียง z c s zh ch sh ให้แตกต่างกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนแพมต้องเขียนตัว pinyin ลงบนกระดาษเนื้อเพลงเต็มไปหมด แต่พยายามฝึกเรื่อยๆ จนแทบไม่ต้องเขียนลงในกระดาษแล้วค่ะ

เรื่องธรรมเนียมไม่ต้องปรับตัวมากมายเพราะเพื่อนเป็นสายลุยเหมือนกัน นอกจากต้องเรียนรู้ภาษา และคอยอัปเดตข่าวสารตลอดเวลาเพื่อให้คุยกับเขาให้รู้เรื่อง ช่วงแรกแพมตาม “เวยป๋อ” (weibo) ไม่ทันว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เลยใช้วิธีติดตามและส่อง Hot Search บนแอปทุกวันเลยค่ะ

ตอนแรกแพมเป็นคนเข้มงวดกับงานมาก แต่ช่วงเวลา 3 เดือนในรายการ The Coming One แพมเริ่มยืดหยุ่นเป็นและปรับตัวจนกลมกลืนกับเพื่อนอีกสองคน เวลาเราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขมากค่ะ ‘Veegee’ จะใจกว้างและให้เพื่อนเต็มร้อย ส่วน ‘Nono’ จะเป็นแนวรักนะไม่แสดงออก ทุกวันนี้ยังคงเม้าท์มอยกัน ไม่ได้หายจากกันไปไหน

การได้เต้นและร้องเพลงซ้ำทุกวันเป็น routine และเฮฮาปาจิงโกะกับเพื่อนแบบนี้ คือชีวิตที่สนุกและลงตัวมากสำหรับแพม เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขียนไดอารี่จนสมุดหมดเล่มเลยค่ะ!

“ตอนอยู่บนเวที แพมมีหลายความรู้สึกผสมกัน”

บางครั้งก็เครียด กดดันตัวเองว่าจะทำได้ดีพอมั้ย แต่ก็แวบนึงก็รู้สึกทนไม่ไหว อยากรีบขึ้นเวทีไปโชว์ของแล้ววว ยิ่งโมเมนต์ที่ยืนบนเวทีแล้วดนตรีขึ้น จุดนั้นคือต้องทำให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราไม่มีโอกาสถอยแล้วนะ มันจะ วึ้ยยยย! อ่ะ งั้นร้องเลยสิ 

ตู้ม ว้าววว พอวันไหนทำได้ดีก็ใจฟูสุดๆ เลยค่ะ!

พอตอนหลังเรารู้แล้วว่าจะไม่พาตัวเองขึ้นไปด้วยความรู้สึกคาดหวัง และปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้ดีที่สุดตามที่ตั้งใจซ้อมมาค่ะ

“เหมือนเป็นเรื่องมหัศจรรย์เลยค่ะ
การที่เราทำในสิ่งที่รัก แล้วมีคนมารักในสิ่งที่เราทำ”

ตั้งแต่ตอนที่เห็นคะแนนโหวตในรายการ The Coming Girls พุ่งสูงขึ้น เราซึ้งใจจนบอกไม่ถูก แพมคิดตลอดว่า “แฟนคลับเป็นเหมือนแม่” เพราะแม่รักลูกตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้อง เหมือนเราที่รักกันตั้งแต่ยังไม่เจอหน้า คอยส่งกำลังใจให้ในวันที่เศร้า และทำให้เดินหน้าต่อได้ในวันที่เราคิดว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว อาจมาในรูปแบบข้อความที่บอกว่า “เราเฝ้ามองเธออยู่ตลอดนะ” บางคนเขียนยาวเป็นพารากราฟ บางคนก็แปล google translate เป็นภาษาไทยมาให้เลย 

ม่ว่าจะเป็นแฟนคลับคนไทย คนจีน หรือจากประเทศไหน พวกเขาคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้แพมอยากมีชีวิตต่อ และทำให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนโชคดีแค่ไหนที่ได้รับความรักเหล่านี้ คิดถึงขึ้นมาตอนไหนน้ำตาก็ไหลตลอดเลยค่ะ :) 

หนึ่งในกฎสำคัญของไอดอลจีนคือห้ามรับของขวัญราคาแพงจากแฟนคลับ รับได้แค่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ อย่างจดหมาย ดอกไม้ พัด ตุ๊กตา ฯลฯ เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันในกลุ่มแฟนคลับ // วันเกิดปีที่แล้วของแพม มีแฟนคลับรวมเงินกันซื้อโฆษณาเป็นวิดีโอใหญ่มากด้วย~

“มิตรภาพไท่กั๋วไลน์คือครอบครัวที่อบอุ่น”

เรานัดทำอาหารไทยกินกันตลอด เวลาเศร้าๆ เราก็มีโทรหาเนเน่ (BonBon Girls) หรือบางคนไม่เคยเจอก็ได้ทักทายกันในกลุ่มแชต // ก่อนกลับไทยเนเน่พุ่งเข้ามาหาเราเลย ส่วนพี่ SUNNEE (Rocket Girls) ก็เข้ามาเขกหัวเบาๆ แล้วบอกให้เรารักตัวเองมากๆ ด้วย

แพมยังคิดถึงทุกคนเสมอ และรอปาร์ตี้อาหารไทยอยู่นะคะ หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแล้วได้กลับไปหาทุกคนที่ประเทศจีน ภาวนาให้คิวตรงกันหน่อยเถอะ!

“โลกนี้ดีกับแพมมาก ดีใจที่ตัวเองยังไม่ยอมแพ้ไปซะก่อน”

ปีนี้บอกลาซึมเศร้าแล้ว ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้นมากกกกก แล้วเรายังได้ส่งพลังให้คนที่ติดตามแพมได้ฮึดเหมือนกันด้วยค่ะ! :)

สิ่งที่ฉุดขึ้นมาจากจุดที่เคยเกือบยอมแพ้ให้กับชีวิต คือคำพูดของ “พี่แพร” พี่สาวแท้ๆ ของแพมเอง เขาบอกว่า “ไม่เป็นไรเลยนะที่แพมจะรู้สึกไม่โอเค แพมจะเป็นอะไรก็ได้ จะระเบิดทุกอย่างใส่พี่แพรเลยก็ได้ พี่จะรับไว้เอง ไม่ต้องกดดันตัวเองให้ถึงที่สุด ไม่ว่ายังไงครอบครัวก็รักในสิ่งที่แพมเป็น” อยากถือโอกาสนี้ขอบคุณพี่แพรที่เป็นไอดอลทั้งเรื่องความสามารถและทัศนคติ แพมเองก็เริ่มร้องเพลงและวาดรูปเพราะเห็นพี่เขาทำมานี่แหละ~

และแพมยังใช้ชีวิตและทำงานด้วยคติที่ว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่แพสชันหรือความเชื่อหมดลง วินัยและความอดทนต้องมาแทนที่ จะทิ้งขว้างแค่เพราะเราหมดความรู้สึกไม่ได้ แต่ถ้าความอดทนหมดลง สิ่งสุดท้ายที่ต้องงัดขึ้นมาคือความรับผิดชอบ เราต้องสู้ต่อเพราะสิ่งที่เราทำยังส่งผลต่อหลายๆ คน”

อยากถือโอกาสนี้ ส่งต่อกำลังใจให้ทุกคนไม่รู้สึกโดดเดี่ยวนะคะ

 “การที่เรารู้สึกไม่โอเคไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ได้เป็น Negative Energy เพราะเราก็คือคนนึงที่มีช่วงเวลาแย่ๆ แล้วต้องผ่านไปให้ได้เหมือนกัน”
 

นอกจากนี้แพมยังอยากขอบคุณทั้งค่าย MBO ที่ฝึกฝนและเปิดโอกาสให้แพมได้ทำเพลงและเล่นซีรีส์ ส่วนค่าย Wajijiwa ก็ทำให้แพมยิ่งเติบโตไปอีก พี่ๆ ทั้งสองค่ายดูแลเราดีจนเหมือนเป็นพี่สาวพี่ชาย รักทั้งแพมและสิ่งที่แพมชอบ จนรู้สึกอยากจะขอบคุณตลอดไปเลยค่ะ

Ps. แพมวางแผนตั้งแต่อยู่จีนแล้วว่าอยากทำเครื่องประดับแฮนด์เมดขาย จนตอนนี้ได้เปิดร้านเล็กๆ ในอินสตาแกรมที่ชื่อ “have a little heart” สร้อยคอกับสร้อยข้อมือทุกเส้นจะมีหัวใจเล็กและใหญ่ เพราะแพมต้องการส่งหัวใจให้ทุกคนไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ของทุกชิ้นจะถูกส่งไปพร้อมกับการ์ดที่เขียนเองทุกใบ (ปกติจะลงสินค้าทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี เวลา 6 โมงเย็น จะมีบอกล่วงหน้าพร้อมคอนเซปต์รอบนั้น ลองเข้าไปเยี่ยมชมร้านของแพมได้นะคะ)

ช่องทางติดตามแพม
 

พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น