แนะนำ! เทคนิคจดโน้ตแบบ Cornell ทบทวนง่าย ใช้ได้ทุกสนามสอบ

สวัสดีค่ะ น้องๆ #dek65 ทุกคน ช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ เตรียมตัวสอบกันไปถึงไหนแล้ว พร้อมไปรบในสนามสอบจริงกันหรือยังเอ่ย? (ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้วนะคะจุดนี้) เพราะว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเองก็จะสอบ GAT/PAT แล้ว!  

ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือน้อยนิดแบบนี้การอ่านหนังสืออย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ พี่แป้งเลยจะมาแนะนำเทคนิค การจดโน้ตแบบ Cornell ที่จะช่วยให้เราจดจำสิ่งที่อ่านมาได้เป็นอย่างดี และสามารถกลับมาอ่านเพื่อทบทวนได้ง่ายๆ มากฝากกันค่ะ

แนะนำ! เทคนิคจดโน้ตแบบ Cornell ทบทวนง่าย ใช้ได้ทุกสนามสอบ

การจดโน้ตแบบ Cornell เป็นยังไง?

การจดโน้ตแบบ Cornell ถูกพัฒนาขึ้นโดย Dr.Walter Pauk จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล ซึ่งการจดบันทึกแบบนี้มีการนำมาใช้อย่างกว้างขวางมาก เช่น การจดบันทึกการบรรยายในห้องเรียน หรือจดบันทึกเนื้อหาจากการอ่านหนังสือ ซึ่งการจดโน้ตแบบนี้จะช่วยให้น้องๆ จัดระเบียบเนื้อหาที่เราอ่านและจดบันทึกไว้ให้เป็นระบบมากขึ้น ง่ายต่อการอ่านทบทวนและทำความเข้าใจ โดยขั้นตอนการจดโน้ตแบบ Cornell มีดังนี้

Step 1 : เตรียมกระดาษสำหรับจดโน้ต

หลังจากนั้นแบ่งกระดาษออกเป็น 4 ส่วน (ตามภาพ) ซึ่งการแบ่งสัดส่วนของหน้ากระดาษลักษณะนี้ ถือว่าเป็นจุดเด่นของการจดโน้ตแบบ Cornell เลยค่ะ โดยพื้นที่การเขียนในแต่ละส่วนน้องๆ สามารถแบ่งได้ตามความต้องการของตัวเองได้เลย ต่อมาเรามาดูกันว่าแต่ละส่วนเอาไว้ทำอะไรบ้าง  

ส่วนที่ 1 Heading : ส่วนแรกเราจะเขียนชื่อเรื่องและวันที่อ่าน โดยจะเขียนเอาไว้ที่ด้านบนกระดาษ เพื่อให้มองเห็นได้ง่าย พออ่านปุ๊บรู้ปั๊บว่าโน้ตแผ่นนี้อ่านไปวันไหน และสรุปเกี่ยวกับเรื่องอะไร  

ส่วนที่ 2 Note-taking Area : เป็นพื้นที่สำหรับการจดเนื้อหาต่างๆ ที่เราเรียนหรืออ่านหนังสือ ในส่วนนี้แนะนำว่าให้เราจดตามความเข้าใจของตัวเอง น้องๆ อาจจะใช้สัญลักษณ์หรือตัวย่อเข้ามาสรุปด้วยก็ได้ ซึ่งพอนำมาใช้แล้วเมื่อกลับมาอ่านเราก็ต้องเข้าใจด้วยว่าแต่ละคำแทนความหมายของอะไร เช่น ค. = ความ, กก. = เกี่ยวกับ, & = และ, / = หรือ

ส่วนที่ 3 Cue Column : ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่จดประเด็นสำคัญ โดยเชื่อมโยงจากเนื้อหาในส่วนที่ 2 ซึ่งจะจดเป็น keyword ต่างๆ คำศัพท์ หรือคำถามที่เราสงสัยจากการอ่านก็ได้ค่ะ การจดในส่วนนี้จะทำให้การทบทวนของเรานั้นง่ายขึ้นและเห็นภาพรวมของเนื้อหาที่สำคัญทั้งหมด

ส่วนที่ 4 Summary Area : ส่วนสุดท้ายพื้นที่สำหรับการสรุปใจความสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดที่เราอ่าน ซึ่งการสรุปในส่วนนี้จะช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดที่จดไว้ น้องๆ สามารถใช้ส่วนนี้ทบทวนเนื้อหาได้ในเวลาที่จำกัด โดยไม่จำเป็นต้องไปอ่านเนื้อหาทั้งหมดในส่วนที่ 2 ก็ได้ค่ะ

Step 2 : จดบันทึกจากการอ่าน

หลังจากที่แบ่งหน้ากระดาษออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มจดโน้ตกันได้เลย! ระหว่างที่เรากำลังตั้งใจอ่านหนังสือ ถ้าอ่านเจอในจุดที่เป็นประเด็นสำคัญ มีลักษณะข้อความที่มีตัวหนา มีข้อมูลสำคัญซ้ำๆ ที่อาจจะแสดงเป็นกราฟหรือตาราง แปลว่าเนื้อหานั้นเป็นจุดสำคัญที่เราต้องจดบันทึกเอาไว้ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องจดเป็นประโยคที่ยาวเหยียด จดให้สั้น กระชับ เข้าใจง่าย เป็นภาษาของเราเอง  

น้องๆ อาจจะใช้วิธีการจดแบบ List/Outline Format จดเป็นลำดับขั้น เริ่มจากหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย ตามด้วยเนื้อหาของแต่ละส่วน หรือใช้ bullet point (จุดสีดำ) แยกรายละเอียดเนื้อหาออกมา ทำให้ได้เห็นโครงสร้างของเนื้อหาชัดเจนจากประเด็นหลักสู่ประเด็นย่อย  

Step 3 : ทบทวนเนื้อหา

สำหรับการทบทวนเนื้อหาแนะนำให้น้องๆ เน้นอ่านเนื้อหาในส่วน Note-taking Area และ Summary Area เพราะทั้งสองส่วนนี้มีประเด็นสำคัญที่เราต้องทำความเข้าใจและนำไปใช้ในการสอบ แต่ถ้าหากว่าเรามีเวลาที่จำกัด เช่น อยากทวนอีกครั้งก่อนเข้าห้องสอบก็อ่านแค่ส่วน Summary ที่เราสรุปเอาไว้ได้เลย  

อีกวิธีก็คือหากเราอยากทดสอบความเข้าใจของตัวเอง ให้หากระดาษเปล่ามาปิดเนื้อหาส่วนด้านขวาที่จดโน้ตไว้ แล้วลองทดสอบตัวเองด้วยการตอบคำถามที่อยู่ด้านซ้าย ถ้าเราสามารถตอบได้นั่นก็หมายความว่าเราเข้าใจเรื่องนั้นแล้วค่ะ  

ข้อดีของการจดโน้ตแบบ Cornell  

การจดโน้ตแบบนี้ง่ายต่อการทบทวนก่อนสอบมากค่ะ เพราะว่ามีการแยกเนื้อหาแต่ละส่วนชัดเจน มีความเป็นระเบียบและเป็นระบบ ซึ่งง่ายต่อการทำความเข้าใจของเรา พี่แป้งแนะนำให้ทบทวนเนื้อหาบ่อยๆ ในช่วงที่ยังมีเวลาอยู่ค่ะ เพราะจะทำให้เราจดจำและเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น  

 

เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่มีประโยชน์ แถมยังใช้พื้นที่ของหน้ากระดาษได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย อยากให้น้องๆ นำไปใช้กันดูนะคะ ซึ่งเทคนิคนี้สามารถใช้ได้กับเนื้อหาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิชาไหนก็ตาม หรือแม้แต่ตอนที่ทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆ ก็ยังสามารถเอาเทคนิคนี้ไปใช้จดข้อมูลการประชุมได้อีกด้วยค่ะ

 

พี่แป้ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น