สวัสดีค่ะ น้องๆ ทุกคน เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ทาง ทปอ. ได้มีการไลฟ์ชี้แจงเรื่อง ปฏิทินการสอบ และการคัดเลือกนักศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 ไป สำหรับปฏิทินการสอบของ TCAS66 ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ การสอบ TGAT/TPAT ในเดือน ธันวาคม 65 และการสอบ A-Level (วิชาสามัญ) ในเดือน มีนาคม 66 นอกจากนี้ก็ยังมีการชี้แจงเรื่องของรูปแบบข้อสอบต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
เนื่องจากสนามสอบแรกของ TCASS66 อย่าง TGAT/TPAT ได้มีการปรับมาสอบให้เร็วขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ทำให้ #Dek66 อาจเกิดความกังวลเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ เพราะเมื่อนับเวลาดูแล้วจะมีเวลาประมาณ 8 เดือนสำหรับการเตรียมตัว ดังนั้นวันนี้เรามาวางแผนเตรียมความพร้อม สำหรับการสอบไปพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะ
How to #Dek66 เตรียมความพร้อม สำหรับการสอบรูปแบบใหม่!
1.หาตัวเองให้เจอ และตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
อันดับแรกที่สำคัญที่สุดสำหรับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็คือ การหาตัวเองให้เจอ น้องๆ ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า เราชอบวิชาอะไร หรือมีความถนัดด้านไหน ลองลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ จากนั้นวิเคราะห์ดูว่าเราเหมาะที่จะเรียนคณะอะไรได้บ้าง พร้อมทั้งศึกษารายละเอียดหลักสูตรการเรียนสอน เพื่อเช็กความมั่นใจอีกครั้งว่าสาขานั้นเหมาะสมกับเราจริงหรือไม่ และเรามีความต้องการที่จะเรียนต่อในด้านนี้จริงๆหรือเปล่า
หลังจากที่ค้นหาคณะ/สาขาวิชาที่สนใจ และมหาวิทยาลัยที่อยากเรียนต่อได้แล้ว สิ่งต่อมาคือ การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน โดยอาจจะเริ่มจากการเช็กสถิติคะแนนของคณะ/สาขาที่อยากเข้า และนำมาตั้งเป็นเป้าหมาย เพื่อให้เราสามารถวางแผนการอ่านหนังสือเอาไว้ล่วงหน้า และเพื่อให้เรารู้ว่าต้องทำคะแนนสอบแต่ละวิชาเท่าไหร่ถึงจะมีโอกาสติดคณะในฝัน
2.ทำความเข้าใจ TCAS และข้อสอบรูปแบบใหม่
ระบบการรับสมัคร TCAS ในแต่ละปีจะมีข้อมูลและรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นน้องๆ ควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการรับสมัคร เกณฑ์การคัดเลือก ปฏิทินการรับสมัครในแต่ละรอบ วันเวลาในการสอบ ตามที่ทาง ทปอ. ได้ประกาศชี้แจงเอาไว้ให้ละเอียด ซึ่ง TCASS66 ยังคงมีรูปแบบการคัดเลือกทั้งหมด 4 รอบ เหมือนกับ TCAS65
ในส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับ TCASS66 นั้น คือ การปรับเปลี่ยนรายวิชาข้อสอบ ที่ใช้สำหรับการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS ซึ่งมีการลดความซ้ำซ้อนของรายวิชา และปรับการวัดความรู้เชิงวิชาการเป็นเน้นการนำความรู้ที่เรียนไปประยุกต์ใช้งานได้ โดยการสอบของ TCAS66 ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 สนาม ดังนี้
1) TGAT/TPAT (สอบช่วงเดือนธันวาคม 65)
- วัดความถนัด ไม่เน้นความรู้เชิงวิชาการ แบ่งออกเป็น 6 วิชา ได้แก่
- TGAT มีทั้งหมด 3 พาร์ท ได้แก่ การสื่อสารภาษาอังกฤษ การคิดอย่างมีเหตุผล และสมรรถนะการทำงาน
- TPAT1 วิชาเฉพาะแพทย์ (กสพท)
- TPAT2 ศิลปกรรมศาสตร์ มีทั้งหมด 3 พาร์ท ได้แก่ ทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์
- TPAT3 วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์
- TPAT4 สถาปัตยกรรมศาสตร์
- TPAT5 ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
2) A-Level = วิชาสามัญ (สอบช่วงเดือนมีนาคม 66)
- วัดความรู้เชิงวิชาการ ไม่สอบเนื้อหาที่เกินหลักสูตร แบ่งออกเป็น 15 วิชา ได้แก่
- คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1
- คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2
- วิทยาศาสตร์ประยุกต์
- ฟิสิกส์
- เคมี
- ชีววิทยา
- สังคมศึกษา
- ภาษาไทย
- ภาษาอังกฤษ
- ภาษาต่างประเทศอื่นๆ (ฝรั่งเศส/เยอรมัน/ญี่ปุ่น/เกาหลี/จีน/บาลี)
โดยน้องๆ สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับระบบ TCASS66 เพิ่มเติมได้ ที่นี่ หรือเว็บไซต์ mytcas เพื่อทำความเข้าใจและเตรียมวางแผนสำหรับการสอบ
3. วางแผนการอ่านหนังสือ
หลังจากที่เรามีคณะเป้าหมาย และรู้จักกับรายวิชาข้อสอบที่มีการปรับเปลี่ยนของระบบ TCAS66 แล้ว ต่อมาก็คือ ต้องรู้ว่าเราต้องสอบวิชาอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้วางแผนการอ่านหนังสือ และโฟกัสกับวิชาที่ต้องสอบได้ถูก ซึ่งระหว่างที่รอประกาศ Exam Blueprint และเกณฑ์การคัดเลือกนักศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยออกมา พี่แป้งแนะนำว่าให้น้องๆ เริ่มอ่านเก็บเนื้อหาแต่ละวิชาไว้แต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องมาอ่านหนังสือแบบอัดเนื้อหาทีเดียวในช่วงใกล้สอบ จัดลำดับความสำคัญวิชาไหนควรอ่านก่อน-หลัง
ที่สำคัญควรจับเวลาและฝึกทำโจทย์ด้วย เพื่อเป็นการทบทวนเนื้อหาที่อ่านมาไปในตัว และวัดผลการอ่านของเราด้วยว่าเข้าใจจริงๆ มั้ย หรือมีจุดอ่อนตรงไหนที่ต้องกลับมาทบทวนและฝึกฝนเพิ่มเพื่อให้ได้คะแนนมากขึ้นอีกหรือเปล่า โดยน้องๆ สามารถนำเทคนิค และเคล็ดลับการอ่านหนังสือ การทำโจทย์ หรือการวางแผนในช่วงเตรียมตัวสอบ จากบทความที่พี่ๆ Dek-D ได้แชร์เอาไว้ในเว็บไซต์ไปประยุกต์ใช้กับการอ่านหนังสือฝึกทำโจทย์ของตัวเองได้นะคะ
4. คำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับการสมัครสอบ
เมื่อเรารู้แล้วว่าจะต้องสอบวิชาอะไรบ้าง พี่แป้งแนะนำให้น้องๆ ลิสต์รายวิชาทั้งหมดที่เราต้องทำการสมัครสอบออกมา เพื่อทำการวางแผนคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับการสมัครสอบ ซึ่งสนามสอบของ TCAS66 จะมีอยู่ 2 สนามใหญ่ๆ คือ สนามสอบ TGAT/TPAT วิชาละ 140 บาท และสนามสอบ A-Level วิชาละ 100 บาท ซึ่งน้องๆ แต่ละคนก็จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคณะ/สาขาวิชา ที่สนใจ รวมไปถึงการสมัครสอบในรอบ Portfolio และ Quota ของบางมหาวิทยาลัยอาจจะต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการสอบวิชาเฉพาะที่มหาวิทยาลัยจัดสอบเพิ่มเติมอีกด้วย
นอกจากนี้น้องๆ ยังต้องเตรียมค่าสมัครเข้ารับการคัดเลือกของแต่ละรอบ แต่ละมหาวิทยาลัยไว้ด้วย อย่างในรอบ Portfolio และ Quota ยื่นสมัครได้ไม่จำกัดจำนวนมหาวิทยาลัย โดยแต่ค่าสมัครจะอยู่ประมาณ 200 - 1,500 บาท ขึ้นอยู่กับคณะ/สาขาวิชาที่ยื่นสมัครด้วย ส่วนรอบ Admission ค่าสมัครจะอยู่ระหว่าง 150 - 900 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนอันดับที่ยื่นสมัคร
5. รวบรวมผลงานทำ Portfolio
ระหว่างที่รอระเบียบการรับสมัครในรอบ Portfolio ของ TCAS66 ประกาศออกมา น้องๆ สามารถรวบรวมผลงานที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่จะยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยเอาไว้ก่อนได้เลย โดยน้องๆ สามารถเก็บรวบรวมผลงานที่จะใส่เข้าไปในพอร์ตของเราได้จาก การแข่งขัน การประกวด การเข้าร่วมโครงการ/อบรม การเข้าค่าย รวมไปถึงการลงเรียนคอร์สออนไลน์ต่างๆ ที่มีการเปิดสอนฟรี ซึ่งน้องๆ สามารถเก็บรูปภาพ หรือเกียรติบัตรต่างๆ จากการเข้าร่วมกิจกรรมเอาไว้เป็นผลงานของเราได้ค่ะ
นอกจากนี้ งานอดิเรก ของน้องๆ ก็สามารถนำมาเป็นผลงานในพอร์ตได้เหมือนกัน เช่น การวาดภาพ การเขียนนิยาย การออกแบบกราฟิก หรือแม้กระทั่งการทำคลิป Vlog รีวิว ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็สามารถนำผลงานต่างๆ ที่เราสร้างสรรค์เอาไว้มารวบรวมใส่ไว้พอร์ตของเราได้เช่นกันค่ะ
6. ทดลองสอบ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศจริง
การทดลองสอบในสนามจำลองเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้น้องๆ มีประสบการณ์ในเรื่องของการเตรียมตัวก่อนสอบ การเข้าห้องสอบ และการสัมผัสกับบรรยากาศการสอบในสนามจริง ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้างในวันสอบ เหตุการณ์ที่จะต้องเจอในสนามสอบมีอะไรบ้าง รวมไปถึงได้ทดสอบความพร้อม และรู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง เพื่อนำผลคะแนนที่ได้จากการทดลองสอบไปทบทวนในส่วนที่พลาด และนำไปปรับใช้กับอ่านหนังสือ พัฒนาจุดอ่อนของตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อให้พร้อมสำหรับการสอบในสนามจริง หากน้องๆ คนไหนสนใจอยากทดลองสอบในสนามจำลอง อยากเห็นแนวข้อสอบรูปแบบใหม่ ก็สามารถสมัครสอบกับโครงการ Dek-D’s Pre-Admission ของเว็บไซต์เด็กดี เพื่อเช็กความพร้อมของตัวเองสำหรับการเตรียมสอบ TCAS ได้เลยค่ะ
7. ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ การติดตามข่าวสาร รายละเอียดการรับสมัคร และการสอบ อย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ เนื่องจากว่าการรับสมัครในแต่ละรอบมีข้อมูลและรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหลังจากที่ประกาศข้อมูลออกมาแล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเพิ่มเติมข้อมูลอยู่ตลอดเวลา โดยน้องๆ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารการรับสมัคร TCASS66 ได้จากหน่วยงานแต่ละที่โดยตรงได้เลย ไม่ว่าจะเป็น ทปอ. กสพท และมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมไปถึงจากทาง Dek-D ทั้งใน เว็บไซต์, Twitter, Facebook, Instagram, YouTube หรือแอปพลิเคชัน “เด็กดี TCAS” ก็ได้เช่นกันค่ะ
สำหรับ #Dek66 คนไหนที่เริ่มเตรียมตัวแล้ว และมีฮาวทูดีๆ หรือเทคนิคปังๆ สำหรับการอ่านหนังสือก็สามารถมาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ที่คอมเมนต์ด้านล่างได้เลยนะคะ
1 ความคิดเห็น
ควรจะประกาศล่วงหน้า 1-2 ปีค่ะ
ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็มาเปลี่ยน
เราจำได้ไม่มีวันลืมตอนปี 2552 อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นม.6 รุ่นสุดท้ายที่สอบ A-NET